ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ – เชียงใหม่เผชิญปัญหาหมอกควันซ้ำซาก ปกคลุมหนาทึบทั่วเมือง ขณะที่ผลการตรวจวัดค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กบน “พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์” พบเกินค่ามาตรฐาน ส่งผลให้แสบตาและหายใจติดขัด เตือนเด็ก คนชราและผู้ป่วยห้ามออกนอกบ้าน ป้องกันสูดควันพิษกระทบสุขภาพ
รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า สภาพตัวเมืองเชียงใหม่ตลอดทั้งวันนี้ (23 มี.ค.) ถูกปกคลุมด้วยหมอกควันที่ค่อนข้างจะหนาทึบ ทำให้ไม่สามารถมองเห็นยอดดอยสุเทพเหมือนในช่วงเวลาปกติที่อากาศปลอดโปร่ง
นอกจากนี้ สภาพหมอกควันดังกล่าวยังได้ส่งผลกระทบทำให้ประชาชนที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ตามท้องถนนและผู้ที่ต้องออกมาอยู่นอกบ้านเป็นเวลานาน มีอาการแสบตาและหายใจติดขัดด้วย
ขณะที่ข้อมูลการตรวจวัดคุณภาพอากาศเมืองเชียงใหม่ ของกรมควบคุมมลพิษที่รายงานค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ณ เวลา 09.00 น.วันนี้ (23 มี.ค.51) พบว่า ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM10 ที่สถานีตรวจวัดโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย และพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ มีค่า 145.7 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร และ 120.6 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ตามลำดับ ซึ่งสูงกว่าค่ามาตรฐาน 120 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร และอยู่ในระดับที่เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ
ขณะที่ สถานีตรวจวัดศูนย์ราชการจังหวัดเชียงใหม่ มีค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM10 ที่ระดับ 119.7 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ซึ่งแม้จะยังอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน แต่ก็อยู่ในระดับที่มีฝุ่นละอองปนเปื้อนสูงมาก
นายอภิวัฒน์ คุณารักษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 1 (เชียงใหม่) กล่าวว่า สภาพหมอกควันที่ปกคลุมทั่วตัวเมืองเชียงใหม่ในเวลานี้นั้น เป็นผลมาจากลมที่พัดมาจากทางด้านตะวันออกและใต้ ประกอบกับความกดอากาศสูงจากประเทศจีน ทำให้ควันที่เกิดจากการเผาในที่โล่งและเผาป่าที่ยังคงมีอยู่มากในจังหวัดใกล้เคียงถูกพัดพามาปกคลุมในอยู่ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ที่มีสภาพภูมิประเทศเป็นแอ่งกระทะ ซึ่งการบรรเทาปัญหาในเบื้องต้นได้มีการประสานขอความร่วมมือไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่ง ให้เข้มงวดไม่ให้มีการเผาในพื้นที่และมีการนำรถบรรทุกน้ำออกฉีดพ่นเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นในอากาศ
ส่วนการระมัดระวังและป้องกันสุขภาพของประชาชนผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 1 (เชียงใหม่) กล่าวว่า ในช่วงนี้เด็ก คนชรา และผู้ป่วย ควรอาศัยอยู่ภายในบ้านและงดออกมาอยู่ในที่โล่งแจ้งเป็นเวลานาน ขณะที่ประชาชนทั่วไปควรงดออกกำลังกายชั่วคราวจนกว่าสถานการณ์จะปกติ เพื่อป้องกันการสูดเอาฝุ่นละอองและสารปนเปื้อนเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพ
สำหรับการประกาศให้เป็นเขตประสบภัยพิบัติจากหมอกควัน ยังมีความจำเป็นที่จะต้องติดตามแนวโน้มสถานการณ์อย่างต่อเนื่องต่อไปก่อนที่จะตัดสินใจใดๆ
รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า สภาพตัวเมืองเชียงใหม่ตลอดทั้งวันนี้ (23 มี.ค.) ถูกปกคลุมด้วยหมอกควันที่ค่อนข้างจะหนาทึบ ทำให้ไม่สามารถมองเห็นยอดดอยสุเทพเหมือนในช่วงเวลาปกติที่อากาศปลอดโปร่ง
นอกจากนี้ สภาพหมอกควันดังกล่าวยังได้ส่งผลกระทบทำให้ประชาชนที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ตามท้องถนนและผู้ที่ต้องออกมาอยู่นอกบ้านเป็นเวลานาน มีอาการแสบตาและหายใจติดขัดด้วย
ขณะที่ข้อมูลการตรวจวัดคุณภาพอากาศเมืองเชียงใหม่ ของกรมควบคุมมลพิษที่รายงานค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ณ เวลา 09.00 น.วันนี้ (23 มี.ค.51) พบว่า ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM10 ที่สถานีตรวจวัดโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย และพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ มีค่า 145.7 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร และ 120.6 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ตามลำดับ ซึ่งสูงกว่าค่ามาตรฐาน 120 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร และอยู่ในระดับที่เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ
ขณะที่ สถานีตรวจวัดศูนย์ราชการจังหวัดเชียงใหม่ มีค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM10 ที่ระดับ 119.7 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ซึ่งแม้จะยังอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน แต่ก็อยู่ในระดับที่มีฝุ่นละอองปนเปื้อนสูงมาก
นายอภิวัฒน์ คุณารักษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 1 (เชียงใหม่) กล่าวว่า สภาพหมอกควันที่ปกคลุมทั่วตัวเมืองเชียงใหม่ในเวลานี้นั้น เป็นผลมาจากลมที่พัดมาจากทางด้านตะวันออกและใต้ ประกอบกับความกดอากาศสูงจากประเทศจีน ทำให้ควันที่เกิดจากการเผาในที่โล่งและเผาป่าที่ยังคงมีอยู่มากในจังหวัดใกล้เคียงถูกพัดพามาปกคลุมในอยู่ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ที่มีสภาพภูมิประเทศเป็นแอ่งกระทะ ซึ่งการบรรเทาปัญหาในเบื้องต้นได้มีการประสานขอความร่วมมือไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่ง ให้เข้มงวดไม่ให้มีการเผาในพื้นที่และมีการนำรถบรรทุกน้ำออกฉีดพ่นเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นในอากาศ
ส่วนการระมัดระวังและป้องกันสุขภาพของประชาชนผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 1 (เชียงใหม่) กล่าวว่า ในช่วงนี้เด็ก คนชรา และผู้ป่วย ควรอาศัยอยู่ภายในบ้านและงดออกมาอยู่ในที่โล่งแจ้งเป็นเวลานาน ขณะที่ประชาชนทั่วไปควรงดออกกำลังกายชั่วคราวจนกว่าสถานการณ์จะปกติ เพื่อป้องกันการสูดเอาฝุ่นละอองและสารปนเปื้อนเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพ
สำหรับการประกาศให้เป็นเขตประสบภัยพิบัติจากหมอกควัน ยังมีความจำเป็นที่จะต้องติดตามแนวโน้มสถานการณ์อย่างต่อเนื่องต่อไปก่อนที่จะตัดสินใจใดๆ