พะเยา -อบต.ร่มเย็น ยื่นฟ้องแพ่งผู้ประกอบการเรียกเงินค้างจ่าย 1.7 ล้านบาท เผยคุมกำเนิดพื้นที่หอมแดงกว่า 70% เหลือประมาณ 300 ไร่
วันนี้ (19 มี.ค.) นายสมหมาย คนึงคิด นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ร่มเย็น อ.เชียงคำ จ.พะเยา เปิดเผยถึงกรณีการยืมเงินจากราชการเพื่อนำมาช่วยเหลือซื้อหอมแดงจากเกษตรกรในพื้นที่เมื่อปีการผลิต 2549 ที่ผ่านมา จำนวน 3 ล้านบาท ว่า ครั้งนั้นได้เกิดวิกฤตหอมแดงราคาตกต่ำ ไม่มีพ่อค้าเข้าพื้นที่มารับซื้อหอมแดง ในราคาที่เกษตรกรต้องการได้ เกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อน จึงแจ้งผ่านสมาชิก อบต.มายังฝ่ายบริหาร เพื่อขอความช่วยเหลือ
ประกอบกับจังหวัดได้มีนโยบายให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ช่วยเหลือเกษตรกรในเบื้องต้น ทางสภา อบต.ร่มเย็น จึงขอเปิดสภาสมัยวิสามัญขอมติอนุมัติจ่ายขาดเงินสะสมจำนวน 2 ล้านบาท เพื่อนำไปค้ำประกันเงินกู้จากจังหวัดจำนวน 3 ล้านบาท ออกมาซื้อหอมแดงช่วยเหลือเกษตรกรได้สำเร็จ
นายก อบต.ร่มเย็น กล่าวต่อว่า ต่อมาปรากฏว่าผู้ประกอบการที่รับซื้อหอมแดงจ่ายค่าหอมแดงไม่ตรงเวลา และจนถึงขณะนี้คงเหลือเงินจำนวน 1.7 ล้านบาท ผู้ประกอบการยังไม่จ่าย ตนจึงได้ทำเรื่องยื่นอัยการจังหวัดเพื่อฟ้องแพ่ง เรียกเงินจากผู้ประกอบการจำนวนประมาณ 1.7 ล้านบาท เมื่อวันศุกร์ที่ 7 มีนาคม 2551 คาดว่า คดีจะถึงชั้นศาลในเร็ววันนี้
สาเหตุที่ต้องเร่งดำเนินการฟ้องแพ่ง เรียกเงินที่ค้างจากผู้ประกอบการต่อไป เพราะเงินที่ใช้ไปคืองบประมาณแผ่นดินต้องได้คืนทุกบาททุกสตางค์
นายสมหมาย กล่าวว่า นอกจากนี้ ในเรื่องของพื้นที่ปลูกหอมแดงได้คุมพื้นที่ซึ่งลดการปลูกได้ถึงร้อยละ 70 และจากการสำรวจเบื้องต้นของ อบต.พบว่า เหลือพื้นที่หอมแดงใน ต.ร่มเย็น ขณะนี้ประมาณ 300 ไร่ เท่านั้น ถึงแม้นว่าปีการผลิตนับจากนี้หอมแดงอาจจะมีราคาสูงขึ้นเกษตรกร ต.ร่มเย็น ก็จะไม่หลงกระแสอีกเข็ดกับสภาพที่ผ่านมาอย่างมาก พร้อมกันนี้เกษตรกรได้หันไปปลูกข้าวโพดกันมากในปีนี้ ไม่แน่ว่า อบต.อาจจะต้องเตรียมแผนรับมือสถานการณ์ข้าวโพดราคาถูกไว้อีกครั้ง
“นโยบายการใช้เงินของ อปท.เพื่อจัดการแก้ปัญหาราคาผลผลิตการเกษตรตกต่ำนั้น โดยนโยบายเป็นเรื่องดี แต่ที่ไม่ประสบผลสำเร็จ และยังสร้างปัญหาเป็นภาระผูกพัน ทั้งนี้ เนื่องจากว่าผู้แทนท้องถิ่น และ อปท.ต่างไม่มีผู้ใดที่มีความชำนาญเรื่องการค้าขาย การตลาด อาสามาเป็นผู้แทนเพื่อพัฒนาท้องถิ่นและแก้ปัญหาเรื่องปากท้องของประชาชน ไม่ใช่การทำหน้าที่พ่อค้า มิเช่นนั้น ภารกิจของ อปท.จะไม่บรรลุผล ตรงนี้ขอฝากไปยังส่วนราชการที่คาดหวังให้ อปท.แก้ปัญหาราคาผลผลิตเกษตรตกต่ำด้วยการใช้เงินงบประมาณของ อปท.ดังที่เกิดขึ้นและกำลังเกิดในขณะนี้ เพราะสุดท้ายภารหนัก อปท.ต้องแบกรับแต่เพียงผู้เดียว ส่วนราชการที่สนับสนุนแต่แรกก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย” นายสมหมาย กล่าว
วันนี้ (19 มี.ค.) นายสมหมาย คนึงคิด นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ร่มเย็น อ.เชียงคำ จ.พะเยา เปิดเผยถึงกรณีการยืมเงินจากราชการเพื่อนำมาช่วยเหลือซื้อหอมแดงจากเกษตรกรในพื้นที่เมื่อปีการผลิต 2549 ที่ผ่านมา จำนวน 3 ล้านบาท ว่า ครั้งนั้นได้เกิดวิกฤตหอมแดงราคาตกต่ำ ไม่มีพ่อค้าเข้าพื้นที่มารับซื้อหอมแดง ในราคาที่เกษตรกรต้องการได้ เกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อน จึงแจ้งผ่านสมาชิก อบต.มายังฝ่ายบริหาร เพื่อขอความช่วยเหลือ
ประกอบกับจังหวัดได้มีนโยบายให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ช่วยเหลือเกษตรกรในเบื้องต้น ทางสภา อบต.ร่มเย็น จึงขอเปิดสภาสมัยวิสามัญขอมติอนุมัติจ่ายขาดเงินสะสมจำนวน 2 ล้านบาท เพื่อนำไปค้ำประกันเงินกู้จากจังหวัดจำนวน 3 ล้านบาท ออกมาซื้อหอมแดงช่วยเหลือเกษตรกรได้สำเร็จ
นายก อบต.ร่มเย็น กล่าวต่อว่า ต่อมาปรากฏว่าผู้ประกอบการที่รับซื้อหอมแดงจ่ายค่าหอมแดงไม่ตรงเวลา และจนถึงขณะนี้คงเหลือเงินจำนวน 1.7 ล้านบาท ผู้ประกอบการยังไม่จ่าย ตนจึงได้ทำเรื่องยื่นอัยการจังหวัดเพื่อฟ้องแพ่ง เรียกเงินจากผู้ประกอบการจำนวนประมาณ 1.7 ล้านบาท เมื่อวันศุกร์ที่ 7 มีนาคม 2551 คาดว่า คดีจะถึงชั้นศาลในเร็ววันนี้
สาเหตุที่ต้องเร่งดำเนินการฟ้องแพ่ง เรียกเงินที่ค้างจากผู้ประกอบการต่อไป เพราะเงินที่ใช้ไปคืองบประมาณแผ่นดินต้องได้คืนทุกบาททุกสตางค์
นายสมหมาย กล่าวว่า นอกจากนี้ ในเรื่องของพื้นที่ปลูกหอมแดงได้คุมพื้นที่ซึ่งลดการปลูกได้ถึงร้อยละ 70 และจากการสำรวจเบื้องต้นของ อบต.พบว่า เหลือพื้นที่หอมแดงใน ต.ร่มเย็น ขณะนี้ประมาณ 300 ไร่ เท่านั้น ถึงแม้นว่าปีการผลิตนับจากนี้หอมแดงอาจจะมีราคาสูงขึ้นเกษตรกร ต.ร่มเย็น ก็จะไม่หลงกระแสอีกเข็ดกับสภาพที่ผ่านมาอย่างมาก พร้อมกันนี้เกษตรกรได้หันไปปลูกข้าวโพดกันมากในปีนี้ ไม่แน่ว่า อบต.อาจจะต้องเตรียมแผนรับมือสถานการณ์ข้าวโพดราคาถูกไว้อีกครั้ง
“นโยบายการใช้เงินของ อปท.เพื่อจัดการแก้ปัญหาราคาผลผลิตการเกษตรตกต่ำนั้น โดยนโยบายเป็นเรื่องดี แต่ที่ไม่ประสบผลสำเร็จ และยังสร้างปัญหาเป็นภาระผูกพัน ทั้งนี้ เนื่องจากว่าผู้แทนท้องถิ่น และ อปท.ต่างไม่มีผู้ใดที่มีความชำนาญเรื่องการค้าขาย การตลาด อาสามาเป็นผู้แทนเพื่อพัฒนาท้องถิ่นและแก้ปัญหาเรื่องปากท้องของประชาชน ไม่ใช่การทำหน้าที่พ่อค้า มิเช่นนั้น ภารกิจของ อปท.จะไม่บรรลุผล ตรงนี้ขอฝากไปยังส่วนราชการที่คาดหวังให้ อปท.แก้ปัญหาราคาผลผลิตเกษตรตกต่ำด้วยการใช้เงินงบประมาณของ อปท.ดังที่เกิดขึ้นและกำลังเกิดในขณะนี้ เพราะสุดท้ายภารหนัก อปท.ต้องแบกรับแต่เพียงผู้เดียว ส่วนราชการที่สนับสนุนแต่แรกก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย” นายสมหมาย กล่าว
