ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- “พระธรรมวรนายก” เจ้าคณะ จ.นครราชสีมา สั่งการเจ้าอาวาสวัดทุกแห่งทั้ง 32 อำเภอ คุมเข้มพระลูกวัดห้ามเล่นแชตเน็ต “ไฮไฟว์” ฉาว เผยทำวงการสงฆ์เสื่อมเสีย พร้อมหนุนไอเดียบาป “นายกฯ หมัก” เปิดบ่อนกาสิโนถูก กม.อ้างมอมเมาโดย รบ.ดีกว่ามอมเมาไม่มียี่ห้อ ด้านพระครูปลัดนายกวัฒน์ ระบุ อินเทอร์เน็ตเป็นแหล่งความรู้ใช้ดีเป็นคุณมหาศาล-ใช้ผิดทางเป็นโทษ ยอมรับการแยกกุฏิพระอยู่ลำพังเป็นช่องทางให้ทำผิดได้ง่ายโดยเฉพาะการใช้เทคโนโลยี ชี้การเปิดบ่อนเป็นอบายมุข-ทางสู่ความเสื่อม
วันนี้ (5 มี.ค.) ที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยวิทยาเขตนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา พระธรรมวรนายก เจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา กล่าวถึงกรณีที่พระสงฆ์ใน จ.ขอนแก่น ใช้ช่องทางจากการเล่นเว็บไซต์ไฮไฟว์ ล่อลวงเด็กสาวอายุ 15 ปี ว่า เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้วงการพระสงฆ์ได้รับความเสียหาย แต่อยากให้ญาติโยมเข้าใจว่า พระก็เหมือนฆราวาส มีตั้งแต่ระดับอนุบาล ประถม และมัธยม ฉะนั้น จึงอยากให้ดูเป็นรายกรณีไปอย่างเหมารวมทั้งหมด
เรื่องที่เกิดขึ้นได้สั่งการเป็นนโยบายไปยังเจ้าคณะอำเภอ เพื่อให้สั่งการต่อไปยังเจ้าคณะตำบลและเจ้าอาวาสวัดทุกแห่งทั้ง 32 อำเภอของ จ.นครราชสีมา โดยเน้นย้ำให้สั่งกำชับพระลูกวัด โดยเฉพาะพระที่ชอบใช้เทคโนโลยีให้ระมัดระวังอย่าเข้าไปกระทำสิ่งไม่ดีขึ้น เนื่องจากอินเตอร์เน็ตมีผู้เล่นหลากหลาย และถือเป็นสิ่งใหม่ เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับพระสงฆ์แล้วญาติโยมมักมองว่าเป็นเรื่องที่เปราะบางมาก เพราะพระสงฆ์ต้องสำรวม และเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับประชาชน
ด้าน พระครูปลัดนายกวัฒน์ หัวหน้าสำนักปฏิบัติธรรมประโดก พระเลขาเจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา กล่าวถึงเรื่องเดียวกันว่า การที่พระสงฆ์เข้าไปเล่นแชททางอินเตอร์เน็ตเหมือนการเข้าไปเกี่ยวข้องกับไฟฟ้า ถ้าใช้ดีก็เป็นประโยชน์เกิดคุณมหาศาล หากใช้ในทางที่ผิดเกิดไฟช็อตก็เป็นโทษ อินเทอร์เน็ตก็เช่นเดียวกันเป็นแหล่งความรู้ให้กับพระสงฆ์ทั่วไป ที่จะอยู่ร่วมในสังคม แต่การที่เข้าไปเกี่ยวข้องต้องยอมรับว่าอาจมีบางบุคคลที่จะนอกกรอบไป จึงทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมา ซึ่งเป็นปัญหาที่ต้องช่วยกันแก้ไขต่อไป
ส่วนกรณีที่วัดสร้างกุฏิแยกกันอยู่ตามลำพังในวัดต่างๆ จะทำให้พระมีโอกาสทำในสิ่งไม่ถูกต้องหรือไม่ นั้น พระครูปลัดนายกวัฒน์ กล่าวว่า ในวัดแต่ละวัดจะมีเจ้าอาวาสเป็นผู้ดูแลอยู่แล้ว จะแยกกันอยู่หรืออย่างไรก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง หากจะมองว่าเป็นสาเหตุทำให้พระทำในทางที่ไม่ดีเมื่อลับตาคนก็ใช่ แต่ในระบบการปกครองนั้นมีเจ้าอาวาสคอยดูแลพฤติกรรมของพระอยู่แล้ว ซึ่งแต่ละวัดมีการประชุมกันทุกเดือนในการกำชับเรื่องการประกอบศีลอยู่แล้ว
พระครูปลัดนายกวัฒน์ กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลโดย นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี มีแนวคิดจะเปิดให้มีบ่อนหรือกาสิโนถูกต้องตามกฎหมาย ว่า ในหลักของพระพุทธศาสนาแล้วเรื่องของการพนันนั้น ถือเป็นอบายมุข และอบายมุขคือปากทางแห่งความเสื่อม ทำให้คนลุ่มหลงไม่มีความเจริญ
ขณะที่ พระธรรมวรนายก เจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา กล่าวในเรื่องเดียวกันว่า ในความเป็นจริงไม่ควรมีการเปิดบ่อน หรือ กาสิโน ที่เปิดอยู่แล้วก็ควรเลิกให้หมดเพราะเป็นเรื่องไม่ดี แต่ถ้าห้ามไม่ได้ก็ควรเปิดให้มันถูกต้อง ทำความไม่ถูกต้องให้มันถูกต้อง
“อาตมาขอสนับสนุนแนวความคิดของนายกรัฐมนตรี เพราะทุกวันนี้มันไม่ถูกต้องและคนยังทำกันอยู่ เล่นการพนันก็ยังเล่น แบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ ฉะนั้นในเมื่อห้ามไม่ได้ก็ทำให้มันถูกต้องตามกฎหมายซะ” พระธรรมวรนายก กล่าว
ต่อข้อถามที่ว่าจะเป็นมอมเมาเยาวชนหรือไม่นั้น พระธรรมวรนายก บอกว่า ขอถามกลับไปว่าทุกวันนี้มันมอมเมาหรือไม่ สิ่งผิดกฎหมายอื่นก็มอมเมา แต่การมอมเมาแบบนี้มันมียี่ห้อขึ้นมาหน่อย เหมือนการกินเหล้าเถื่อนที่ยังคงมีการลักลอบทำกันอยู่ แต่ถ้ากินเหล้าที่รัฐบาลสามารถตรวจสอบได้ก็เป็นเรื่องดีกว่า