ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ผู้ประกอบการฟาร์มเลี้ยงหมูบุรีรัมย์ โอดประสบปัญหาขาดทุนมานานกว่า 1 ปี เหตุวัตถุดิบ อาหารราคาสูงต่อเนื่องต้องปิดกิจการไปเกือบครึ่ง ค้านกระทรวงพาณิชย์มุ่งควบคุมราคาหมูมีชีวิตหน้าฟาร์ม ชี้ควรทบทวนให้ดีก่อนดำเนินมาตรการใด ๆ และ แก้ปัญหาให้ถูกจุด
วันนี้ (19 ก.พ.) นายชูศักดิ์ รัตนวนิชย์โรจน์ รองประธานสมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และประธานสมาคมผู้เลี้ยงสุกรจังหวัดบุรีรัมย์ เปิดเผยว่า จังหวัดบุรีรัมย์มีผู้ประกอบการฟาร์มเลี้ยงหมูที่เข้าร่วมเป็นสมาชิกสมาคมจำนวน 33 ราย หลังจากที่รัฐบาลได้มีการส่งเสริมการใช้พลังทดแทน ทำให้พืชที่เป็นวัตถุดิบใช้ในการผลิตอาหารหมู เช่น มันสำปะหลัง ข้าวโพด ถั่ว อ้อย ปาล์ม และอื่นๆ มีราคาสูงขาดตลาด ทำให้ราคาอาหารหมูในท้องตลาดมีราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
แต่ราคาหมูมีชีวิตหน้าฟาร์ม ไม่ได้มีการปรับขึ้น โดยอยู่ในระดับราคาเพียงกิโลกรัม(กก.) ละ 44 บาท ตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ซึ่งได้ส่งกระทบกับผู้เลี้ยงหมูมานานกว่า 1 ปี ทำให้ขาดทุนต้องปิดกิจการไปถึง 12 ราย
จากปัญหาดังกล่าวผู้ประกอบการจำเป็นต้องปรับขึ้นราคาหมูมีชีวิตหน้าฟาร์ม ให้อยู่ที่จุดคุ้มทุนเพื่อความอยู่รอด และราคาที่ปรับไม่สูงเกินความเป็นจริง เพราะที่ผ่านมาภาครัฐไม่ได้เข้ามาช่วยเหลือแก้ไขปัญหาให้เกษตรกรผู้เลี้ยงหมูเท่าที่ควร
ดังนั้น จึงไม่เห็นด้วยที่กระทรวงพาณิชย์ และ กรมการค้าภายใน จะมุ่งมาควบคุมราคาที่หมูมีชีวิตหน้าฟาร์ม เพราะการเลี้ยงหมูมีค่าความเสี่ยงในการเลี้ยงที่ต้องเสียหายถึง 20-40 % เช่น โรคระบาด การจัดการบริหาร เป็นต้น แต่ควรจะไปดูแลการจำหน่ายเนื้อหมูหน้าเขียงมากกว่าถึงจะแก้ปัญได้ถูกจุด
“ราคาหมูมีชีวิตหน้าฟาร์ม ไม่ได้มีการปรับขึ้นราคาตั้งแต่ปีที่ผ่านมา และขณะนี้ถึงแม้จะปรับราคาขึ้นก็อยู่ในพื้นฐานของความเป็นจริง จึงขอให้กระทรวงพาณิชย์ได้ทบทวนให้ดีก่อนตัดสินใจดำเนินมาตรการใดๆ ไม่ว่าจะเป็นการปรับสูตรใหม่ในการคำนวณราคาเนื้อหมู หรือการดึงลูกสุกร และ อาหารสัตว์มาเป็นสินค้าควบคุม” นายชูศักดิ์ กล่าว