พะเยา – กลุ่มเหล้าฯ เหนือเตรียมนัดประชุมแกนนำหลังได้รัฐบาลเป็นทางการ ดึงเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนฯ ร่วมหนุน เผยแผนอนาคตร่วมผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงจากกระบวนกลั่นเหล้า
นายชวลิต หอประเสริฐวงศ์ ที่ปรึกษาด้านวิชาการกลุ่มเหล้าพื้นบ้านภาคเหนือ เปิดเผยว่า ขณะนี้การจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่เริ่มคืบหน้ามากขึ้น ล่าสุดมีประธานสภาและนายกรัฐมนตรีเรียบร้อยแล้ว เหลือแต่รัฐมนตรี ที่จะเข้ามาทำงานแก้ปัญหา
ในส่วนของกลุ่มเหล้าฯ ยังคงเจตนารมณ์เดิม คือ หากมีรัฐบาลอย่างเป็นทางการพร้อมทำงานแล้ว ได้เวลาของกลุ่มเหล้าพื้นบ้านฯ ที่จะต้องเดินหน้าต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ของกลุ่มต่อไป คือเรื่องการผลักดันกฎหมายเกี่ยวกับภาษีเหล้าฯ แยกฐานภาษีสุรากลั่นชุมชนกับสุราขาวโรงงานออกจากกัน
เหมือนกับการแยกฐานภาษีของเบียร์ และสุราสี ให้สุรากลั่นชุมชนและสุราขาวโรงงานมีฐานภาษีที่แตกต่างกัน เพราะเมื่อพิจารณาจากวัตถุดิบและขนาดการในการผลิตซึ่งแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง สุรากลั่นชุมชนผลิตมาจากข้าวเหนียวอันเป็นผลผลิตด้านการเกษตร ขณะที่สุราขาวโรงงานผลิตจากโมลาสซึ่งเป็นกากน้ำตาลเหลือทิ้ง ซึ่งการพิจารณาฐานภาษีจะต้องแตกต่างกันไปด้วย
นายชวลิต กล่าวต่อว่า ตอนนี้มีบุคคลที่ทำหน้าที่ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังที่ชัดเจน คาดว่าอีกไม่นานรัฐบาลจะมีนโยบายและพร้อมทำงานอย่างเต็มตัว ซึ่งกลุ่มเหล้าฯ พร้อมด้วยเครือข่ายวิสาหกิจชุมชน ชมรมผู้ผลิตสุราพื้นบ้าน จะร่วมหารือเพื่อจัดตั้งคณะทำงานของกลุ่มเหล้าฯ แบ่งแยกออกเป็นคณะต่างๆ มอบหมายหน้าที่ในการร่วมผลักดันกฎหมายดังกล่าวต่อไปอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะมีการเชิญบรรดาแกนนำของกลุ่มเหล้าฯ และเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนฯ ในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2551
เขาบอกว่า ในอนาคตทางกลุ่มเหล้าฯ และเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนฯ มีแนวคิดจะยกระดับการผลิตเหล้าขึ้นไปเป็นการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีวัตถุดิบจากธรรมชาติ โดยกระบวนการผลิตคือการกลั่นเหล้า นำมาใช้กับการกลั่นน้ำมันใบโอดีเซล หรือแก๊สโซฮอล์ เพื่อใช้ภายในชุมชนและประเทศต่อไป
ทั้งนี้ ในกระบวนการกลั่นกลุ่มเหล้าฯ และเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนฯ มีความชำนาญในระดับหนึ่ง หากได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลที่เหมาะสม อนาคตชุมชนจะมีน้ำมันเชื้อเพลิง ที่ผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติมาใช้ทดแทนน้ำมันเชื้อเพลิงปัจจุบันได้มากขึ้น ซึ่งประเด็นนี้ คือ เรื่องของความร่วมมือในอนาคตต่อไปที่จะไม่หยุดเพียงการผลิตเหล้าเท่านั้น
นายชวลิต หอประเสริฐวงศ์ ที่ปรึกษาด้านวิชาการกลุ่มเหล้าพื้นบ้านภาคเหนือ เปิดเผยว่า ขณะนี้การจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่เริ่มคืบหน้ามากขึ้น ล่าสุดมีประธานสภาและนายกรัฐมนตรีเรียบร้อยแล้ว เหลือแต่รัฐมนตรี ที่จะเข้ามาทำงานแก้ปัญหา
ในส่วนของกลุ่มเหล้าฯ ยังคงเจตนารมณ์เดิม คือ หากมีรัฐบาลอย่างเป็นทางการพร้อมทำงานแล้ว ได้เวลาของกลุ่มเหล้าพื้นบ้านฯ ที่จะต้องเดินหน้าต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ของกลุ่มต่อไป คือเรื่องการผลักดันกฎหมายเกี่ยวกับภาษีเหล้าฯ แยกฐานภาษีสุรากลั่นชุมชนกับสุราขาวโรงงานออกจากกัน
เหมือนกับการแยกฐานภาษีของเบียร์ และสุราสี ให้สุรากลั่นชุมชนและสุราขาวโรงงานมีฐานภาษีที่แตกต่างกัน เพราะเมื่อพิจารณาจากวัตถุดิบและขนาดการในการผลิตซึ่งแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง สุรากลั่นชุมชนผลิตมาจากข้าวเหนียวอันเป็นผลผลิตด้านการเกษตร ขณะที่สุราขาวโรงงานผลิตจากโมลาสซึ่งเป็นกากน้ำตาลเหลือทิ้ง ซึ่งการพิจารณาฐานภาษีจะต้องแตกต่างกันไปด้วย
นายชวลิต กล่าวต่อว่า ตอนนี้มีบุคคลที่ทำหน้าที่ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังที่ชัดเจน คาดว่าอีกไม่นานรัฐบาลจะมีนโยบายและพร้อมทำงานอย่างเต็มตัว ซึ่งกลุ่มเหล้าฯ พร้อมด้วยเครือข่ายวิสาหกิจชุมชน ชมรมผู้ผลิตสุราพื้นบ้าน จะร่วมหารือเพื่อจัดตั้งคณะทำงานของกลุ่มเหล้าฯ แบ่งแยกออกเป็นคณะต่างๆ มอบหมายหน้าที่ในการร่วมผลักดันกฎหมายดังกล่าวต่อไปอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะมีการเชิญบรรดาแกนนำของกลุ่มเหล้าฯ และเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนฯ ในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2551
เขาบอกว่า ในอนาคตทางกลุ่มเหล้าฯ และเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนฯ มีแนวคิดจะยกระดับการผลิตเหล้าขึ้นไปเป็นการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีวัตถุดิบจากธรรมชาติ โดยกระบวนการผลิตคือการกลั่นเหล้า นำมาใช้กับการกลั่นน้ำมันใบโอดีเซล หรือแก๊สโซฮอล์ เพื่อใช้ภายในชุมชนและประเทศต่อไป
ทั้งนี้ ในกระบวนการกลั่นกลุ่มเหล้าฯ และเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนฯ มีความชำนาญในระดับหนึ่ง หากได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลที่เหมาะสม อนาคตชุมชนจะมีน้ำมันเชื้อเพลิง ที่ผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติมาใช้ทดแทนน้ำมันเชื้อเพลิงปัจจุบันได้มากขึ้น ซึ่งประเด็นนี้ คือ เรื่องของความร่วมมือในอนาคตต่อไปที่จะไม่หยุดเพียงการผลิตเหล้าเท่านั้น