เชียงใหม่ - กรมชลประทานระดมความคิดเห็น ภาคเกษตรและอุตสาหกรรม ในการเพิ่มปริมาณน้ำในเขื่อนแม่กวงอุดมธารา อำเภอดอยสะเก็ดจังหวัดเชียงใหม่ให้เพียงพอต่อความต้องการ ของการใช้น้ำที่เปลี่ยนพฤติกรรมไป
วันนี้ (28 ม.ค.) กรมชลประทานนำผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนในการใช้น้ำเขื่อนแม่กวงอุดมธารา เขตพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน ระดมความคิดเห็นร่วมกันในโครงการเพิ่มปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนแม่กวงอุดมธารา เพื่อแก้ไขการขาดแคลนน้ำที่โรงแรมเชียงใหม่ภูคำ จังหวัดเชียงใหม่
นายบุญสนอง สุชาติพงษ์ โฆษกกรมชลประทาน กล่าวว่า ปัจจุบัน พฤติกรรมการใช้น้ำได้เปลี่ยนไป ทั้งจากการเติบโตของภาคอุตสาหกรรม การขยายตัวของชุมชน การขยายตัวของแหล่งท่องเที่ยว การทำการเกษตรทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดิน ในพื้นที่โครงการชลประทานแม่กวงและพื้นที่โดยรอบ ส่งผลกระทบต่อการใช้ที่ดินเพื่อการเกษตร และการใช้น้ำในกิจกรรมต่างๆ ของจังหวัดลำพูน เชียงใหม่เป็นอย่างมาก
กรมชลประทานต้องวางแผนระยะยาว โดยได้ทำการศึกษาความเหมาะสมโครงการเพิ่มปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนแม่กวงอุดมธารา จังหวัดเชียงใหม่แล้วเสร็จเมื่อปี 2545 และทำการสำรวจออกแบบ โครงการอุโมงค์ส่งน้ำเขื่อนแม่งัด-เขื่อน แม่กวง แล้วเสร็จเมื่อปี 2549 ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการสำรวจ ออกแบบโครงการอุโมงค์ส่งน้ำแม่แตง-แม่งัด เพื่อหวังเพิ่มปริมาณน้ำ ให้อ่างเก็บน้ำเขื่อนแม่กวงอุดมธาราด้วยระบบอุโมงค์ที่ต่อเชื่อมกันจากอ่างเก็บน้ำแม่แตง อำเภอแม่แตง-เขื่อนแม่งัด อำเภอแม่แตง-เขื่อนแม่กวงฯ อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำ ในลุ่มน้ำแม่กวงตอนล่างอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ คาดว่าจะใช้เวลาในการก่อสร้าง 720 วัน หลังได้รับการอนุมัติ โดยการขุดเจาะอุโมงค์ใต้ดิน ความลึกตั้งแต่ 20 เมตร จนถึง 700 เมตร ซึ่งจะไม่ผลกระทบที่ดินของเกษตรกร อย่างไรก็ตาม หากก่อสร้างโครงการแล้วเสร็จทั้งระบบ จะเพิ่มปริมาณน้ำเฉลี่ยปีละ 147 ล้านลูกบาศก์เมตรสามารถช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร โครงการชลประทานแม่กวงในช่วงฤดูแล้งจาก 17,000 ไร่ เพิ่มเป็น 57,900 ไร่ สนับสนุนน้ำอุปโภคบริโภค และภาคอุตสาหกรรม ในจังหวัดเชียงใหม่ เฉลี่ยปีละประมาณ 49.99 ล้านลูกบาศก์เมตร จากปัจจุบันเฉลี่ยปีละ 13.31 ล้านลูกบาศก์เมตร
ขณะที่ นายสมาน ทัดเที่ยง ประธานเครือข่ายลุ่มน้ำกวง กล่าวว่า การเจาะอุโมงค์ผันน้ำเป็นสิ่งที่ดี แต่กรมชลประทาน ต้องเร่งประชาสัมพันธ์ให้ท้องถิ่นและเกษตรกรได้รับทราบอย่างทั่วถึง ให้ประชาชนมีส่วนร่วมและรวบรวมรายชื่อเกษตรกร เชื่อว่ามีไม่ต่ำกว่า 1 แสนคน ที่สนับสนุนการก่อสร้างการทำอุโมงค์ส่งน้ำเพื่อส่งให้รัฐบาลพิจารณา
ประธานเครือข่ายลุ่มน้ำแม่กวง ยังกล่าวอีกว่า ในปีนี้เกิดการบริหารน้ำในเขื่อนแม่กวง อุดมธารา อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ผิดพลาดมีการพล่องน้ำในปริมาณมากจนทำให้ปริมาณน้ำในเขื่อนเหลือน้อยประมาณ 60ล้านลูกบาศก์เมตร โดยทางเขื่อนจะปล่อยน้ำในการเพาะปลูกได้เพียง 25 ล้านลูกบาศก์เมตร ที่เหลือต้องรักษาสภาพโครงสร้างเขื่อนไว้ คาดว่าจะปลูกข้าวและพืชไร่ได้เพียง 1 หมื่นไร่ จากเดิมในปี 2550 สามารถปลูกได้กว่า 7 หมื่นไร่ ทำให้เกษตรกรส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบ สูญเสียรายได้จากการปลูกข้าว ซึ่งในปีนี้ข้าวเหนียวราคาดีถึงเกวียนละ 7,000-8,000 บาท ทำให้เกษตรกรยังคงเสี่ยงปลูกข้าวอีกเป็นจำนวนมากเนื่องจากไม่มีรายได้จากทางอื่น
วันนี้ (28 ม.ค.) กรมชลประทานนำผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนในการใช้น้ำเขื่อนแม่กวงอุดมธารา เขตพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน ระดมความคิดเห็นร่วมกันในโครงการเพิ่มปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนแม่กวงอุดมธารา เพื่อแก้ไขการขาดแคลนน้ำที่โรงแรมเชียงใหม่ภูคำ จังหวัดเชียงใหม่
นายบุญสนอง สุชาติพงษ์ โฆษกกรมชลประทาน กล่าวว่า ปัจจุบัน พฤติกรรมการใช้น้ำได้เปลี่ยนไป ทั้งจากการเติบโตของภาคอุตสาหกรรม การขยายตัวของชุมชน การขยายตัวของแหล่งท่องเที่ยว การทำการเกษตรทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดิน ในพื้นที่โครงการชลประทานแม่กวงและพื้นที่โดยรอบ ส่งผลกระทบต่อการใช้ที่ดินเพื่อการเกษตร และการใช้น้ำในกิจกรรมต่างๆ ของจังหวัดลำพูน เชียงใหม่เป็นอย่างมาก
กรมชลประทานต้องวางแผนระยะยาว โดยได้ทำการศึกษาความเหมาะสมโครงการเพิ่มปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนแม่กวงอุดมธารา จังหวัดเชียงใหม่แล้วเสร็จเมื่อปี 2545 และทำการสำรวจออกแบบ โครงการอุโมงค์ส่งน้ำเขื่อนแม่งัด-เขื่อน แม่กวง แล้วเสร็จเมื่อปี 2549 ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการสำรวจ ออกแบบโครงการอุโมงค์ส่งน้ำแม่แตง-แม่งัด เพื่อหวังเพิ่มปริมาณน้ำ ให้อ่างเก็บน้ำเขื่อนแม่กวงอุดมธาราด้วยระบบอุโมงค์ที่ต่อเชื่อมกันจากอ่างเก็บน้ำแม่แตง อำเภอแม่แตง-เขื่อนแม่งัด อำเภอแม่แตง-เขื่อนแม่กวงฯ อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำ ในลุ่มน้ำแม่กวงตอนล่างอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ คาดว่าจะใช้เวลาในการก่อสร้าง 720 วัน หลังได้รับการอนุมัติ โดยการขุดเจาะอุโมงค์ใต้ดิน ความลึกตั้งแต่ 20 เมตร จนถึง 700 เมตร ซึ่งจะไม่ผลกระทบที่ดินของเกษตรกร อย่างไรก็ตาม หากก่อสร้างโครงการแล้วเสร็จทั้งระบบ จะเพิ่มปริมาณน้ำเฉลี่ยปีละ 147 ล้านลูกบาศก์เมตรสามารถช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร โครงการชลประทานแม่กวงในช่วงฤดูแล้งจาก 17,000 ไร่ เพิ่มเป็น 57,900 ไร่ สนับสนุนน้ำอุปโภคบริโภค และภาคอุตสาหกรรม ในจังหวัดเชียงใหม่ เฉลี่ยปีละประมาณ 49.99 ล้านลูกบาศก์เมตร จากปัจจุบันเฉลี่ยปีละ 13.31 ล้านลูกบาศก์เมตร
ขณะที่ นายสมาน ทัดเที่ยง ประธานเครือข่ายลุ่มน้ำกวง กล่าวว่า การเจาะอุโมงค์ผันน้ำเป็นสิ่งที่ดี แต่กรมชลประทาน ต้องเร่งประชาสัมพันธ์ให้ท้องถิ่นและเกษตรกรได้รับทราบอย่างทั่วถึง ให้ประชาชนมีส่วนร่วมและรวบรวมรายชื่อเกษตรกร เชื่อว่ามีไม่ต่ำกว่า 1 แสนคน ที่สนับสนุนการก่อสร้างการทำอุโมงค์ส่งน้ำเพื่อส่งให้รัฐบาลพิจารณา
ประธานเครือข่ายลุ่มน้ำแม่กวง ยังกล่าวอีกว่า ในปีนี้เกิดการบริหารน้ำในเขื่อนแม่กวง อุดมธารา อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ผิดพลาดมีการพล่องน้ำในปริมาณมากจนทำให้ปริมาณน้ำในเขื่อนเหลือน้อยประมาณ 60ล้านลูกบาศก์เมตร โดยทางเขื่อนจะปล่อยน้ำในการเพาะปลูกได้เพียง 25 ล้านลูกบาศก์เมตร ที่เหลือต้องรักษาสภาพโครงสร้างเขื่อนไว้ คาดว่าจะปลูกข้าวและพืชไร่ได้เพียง 1 หมื่นไร่ จากเดิมในปี 2550 สามารถปลูกได้กว่า 7 หมื่นไร่ ทำให้เกษตรกรส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบ สูญเสียรายได้จากการปลูกข้าว ซึ่งในปีนี้ข้าวเหนียวราคาดีถึงเกวียนละ 7,000-8,000 บาท ทำให้เกษตรกรยังคงเสี่ยงปลูกข้าวอีกเป็นจำนวนมากเนื่องจากไม่มีรายได้จากทางอื่น
