xs
xsm
sm
md
lg

กระทรวงอุตฯ ทุ่ม 30 ล้านหนุนโรงงานแป้งมันกาฬสินธุ์ผลิตก๊าชชีวภาพจากน้ำเสีย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กระทรวงอุตสาหกรรมจับมือกับกองทุนอนุรักษ์พลังงานทุ่มงบ 30 ล้านบาท จัดทำโครงการนำร่อง 3 โรงงานแป้งมันภาคอีสาน ที่กาฬสินธุ์ ผลิตก๊าชชีวภาพจากน้ำเสียโรงาน เพื่อใช้แทนน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยระบบ UASB พร้อมจำหน่ายให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ด้าน รมช.อุตสาหกรรมเผยสามารถประหยัดพลังงานได้โรงงานละ 30 ล้านบาทต่อปี และลดปัญหาก๊าชมีเทนได้ปีละ 50,000 ตัน พร้อมเดินหน้านำร่องอีก 7 โรงงานและ 80 แห่งทั่วประเทศ

เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 26 มกราคม นายปิยะบุตร ชลวิจารณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานพิธีเปิดโครงการผลิตก๊าชชีวภาพ จากน้ำเสียโรงงานแป้งมันสำปะหลัง เพื่อผลิตพลังงานความร้อนทดแทนน้ำมันเตา และผลิตกระแสไฟฟ้าจำหน่ายให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคของบริษัทแป้งมัน จำกัด โดยมีนายอดิศร นภาวรานนท์ รองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม นายพงษ์ศักดิ์ นาคประดา รองผวจ.กาฬสินธุ์ นายปรีชา เต็มพร้อม ประธานกรรมการบริษัทบางนาแป้งมันจำกัด และนายกสมาคมแป้งมันสำปะหลังไทยร่วมและประชาชนเข้าร่วมกล่าว 500 คน ที่บริษัทบางนาแป้งมัน จำกัด ต.อุ่มเม่า อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์

นายปิยะบุตร ชลวิจารณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า จากสภาวะปัญหาราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมประสบปัญหาเรื่องของต้นทุนในการผลิต ดังนั้นกระทรวงอุตสาหกรรมจึงมอบหมายให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมดำเนินการจัดทำโครงการผลิตก๊าชชีวภาพจากน้ำเสียอุตสาหกรรม เพื่อใช้แทนน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยระบบ UASB ซึ่งเป็นโครงการนำร่องให้กับโรงงานแป้งมันสำปะหลัง ทั้งนี้โครงการดังกล่าวได้รับการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการดำเนินการจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานจำนวน 33,237,480 บาท ซึ่งเป็นเงินอุดหนุนแบบให้เปล่า โดยมีโรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลังเข้าร่วมโครงการจำนวน 3 แห่ง ประกอบด้วยบริษัทแป้งมันร้อยเอ็ด จำกัด บริษัทวีพี สตาร์ซ (2000) จำกัด อยู่ที่ จ.นครราชสีมา และบริษัทบางนาแป้งมัน จำกัด อยู่ที่ จ.กาฬสินธุ์

นายปิยะบุตร กล่าวต่อว่า ผลการเดินเครื่องระบบผลิตก๊าชชีวภาพและบำบัดน้ำเสียของบริษัทแป้งมันร้อยเอ็ด จำกัด บริษัทวีพี สตาร์ซ (2000) จำกัด ที่ผ่านมาพบว่าระบบสามารถบำบัดน้ำเสียได้ 95.5 – 89 เปอร์เซ็นต์ ผลิตก๊าชชีวภาพได้สูงสุด 23,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน มีอัตราส่วนก๊าชมีเทน 66-67 เปอร์เซ็นต์ สามารถนำก๊าชไปใช้ได้สูงสุด 4.5 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี เทียบเท่าน้ำมันเตา 2.7 ล้านลิตร คิดเป็นเงินประหยัดได้ 37.8 ล้านบาทต่อปี ต่อโรงงาน

อย่างไรก็ตามขณะนี้โรงงานทั้ง 3 แห่งได้ดำเนินการก่อสร้างติดตั้งระบบเสร็จสมบูรณ์แล้ว และสามารถผลิตก๊าชชีวภาพทดแทนน้ำมันเตาได้ 100 เปอร์เซ็นต์ โดยผลการประเมินหลังจากเดินระบบ 1 ปีที่ผ่านมาพบว่า สามรถประหยัดพลังงานได้เฉลี่ยปีละ 30 ล้านบาทต่อ 1 โรงงาน ทั้งนี้โครงการดังกล่าวนอกจากจะเกิดประโยชน์ในเรื่องของพลังงานทดแทน การแก้ปัญหาน้ำเสียและกลิ่นเหม็นแล้ว ยังเป็นการลดปัญหาก๊าชมีเทน ซึ่งเป็นก๊าชเรือนกระจกที่เกิดจากการสลายตัวของน้ำเสีย และทำให้โลกร้อนได้โรงงานละ 50,000 ตันต่อปีอีกด้วย

“ เทคโนโลยีระบบ UASB เป็นระบบบำบัดน้ำเสียด้วยจุลินทรีย์ชนิดไม่ใช้ออกซิเจนอิสระ ซึ่งกำลังเป็นที่ยอมรับจากโรงงานแป้งมันสำปะหลัง โดยทางกระทรวงฯจะมีการดำเนินการติดตั้งอีก 7 โรงงาน ภายในปี 2551 และจะดำเนินการขยายผลไปสู่โรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลังอีก 80 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งหากติดตั้งระบบดังกล่าวครบแล้ว ประเทศชาติจะเกิดการประหยัดพลังงานอีกปีละไม่น้อยกว่า 4,000 ล้านบาท “นายปิยะบุตร กล่าว

ด้านนายปรีชา เต็มพร้อม ประธานกรรมการบริษัทบางนาแป้งมันจำกัด จ.กาฬสินธุ์และนายกสมาคมแป้งมันสำปะหลังไทย กล่าวว่า ในช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยวปีนี้ถือว่าเป็นช่วงปีทองของเกษตรกรที่ปลูกมันสำปะหลัง เพราะราคามันสำปะหลังปีนี้อยู่ที่ กก. 2.50 บาท จากเดิมปีที่ราคาแล้วอยู่ที่ กก.ละ 1.50 บาท อย่างไรก็ตามขณะนี้การส่งออกแป้งมันของไทยอยู่ในอันดับที่ต้นๆของโลก เนื่องจากแป้งมันของไทยถือว่ามีคุณภาพและเป็นที่ยอมรับในท้องตลาดโลก


กำลังโหลดความคิดเห็น