อุดรธานี - เกษตรฯ อุดรธานีชี้กว่า 20 ปี อุณหภูมิของโลกเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ เกษตรกรควรตระหนักถึงผลเสียของการเผาตอซังข้าว หนึ่งในมูลเหตุที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน
นายปวิต ถมยาวิทย์ เกษตรและสหกรณ์จังหวัดอุดรธานี เปิดเผยว่า ในระยะเวลากว่า 20 ปี ที่ผ่านมา อุณหภูมิของโลกได้เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ภาวะโลกร้อนเกิดจากภาวะก๊าซเรือนกระจก เช่น ก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ ก๊าซมีเทน ก๊าซเหล่านี้จะเก็บกักความร้อนไว้บนโลกไม่ให้สะท้อนสู่ขั้นบรรยากาศทั้งหมด ทำให้โลกอุ่นขึ้นคล้ายกับหลักการของเรือนกระจำที่ใช้ปลูกพืช
สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากมนุษย์ที่เผาผลาญเชื้อเพลิง การปล่อยควันพิษของโรงงานอุตสาหกรรม และเกษตรกรเองที่เกิดความเคยชินในการเผาตอซังข้าว เพื่อความสะดวกในการปลูกพืชและเหตุผลอื่นๆ ซึ่งเป็นการทำลายอินทรียวัตถุที่สำคัญในไร่นาอย่างน่าเสียดาย
นอกจากนี้ยังเป็นสาเหตุที่ทำให้ดินเสื่อมโทรมทำลายแมลงและจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ในดิน ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นเนื่องจากต้องซื้อปุ๋ยมาปรับปรุงดิน อีกทั้งเพลิงอาจลุกไหม้ไปยังเรือกสวน ไร่นา หรือบ้านเรือนข้างเคียง
โดยตามกฎหมายอาญามาตรา 220 กำหนดไว้ว่า “ผู้ใดกระทำให้เพลิงไหม้แก่วัตถุใด แม้เป็นของตนเองจนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่น หรือทรัพย์สินของผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับ ไม่เกิน 14,000 บาท” ดังนั้นเกษตรกรจึงควรตระหนักถึงผลเสียของการเผาตอซังข้าวดังกล่าว
แต่ควรไถกลบหรือนำไปทำปุ๋ยหมัก เพื่อเพิ่มอินทรียวัตถุให้กับดิน ซึ่งจะช่วยให้ดิน ซึ่งจะช่วยให้ดินฟื้นคืนสภาพความอุดมสมบูรณ์ สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างยั่งยืนในที่สุด
นายปวิต ถมยาวิทย์ เกษตรและสหกรณ์จังหวัดอุดรธานี เปิดเผยว่า ในระยะเวลากว่า 20 ปี ที่ผ่านมา อุณหภูมิของโลกได้เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ภาวะโลกร้อนเกิดจากภาวะก๊าซเรือนกระจก เช่น ก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ ก๊าซมีเทน ก๊าซเหล่านี้จะเก็บกักความร้อนไว้บนโลกไม่ให้สะท้อนสู่ขั้นบรรยากาศทั้งหมด ทำให้โลกอุ่นขึ้นคล้ายกับหลักการของเรือนกระจำที่ใช้ปลูกพืช
สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากมนุษย์ที่เผาผลาญเชื้อเพลิง การปล่อยควันพิษของโรงงานอุตสาหกรรม และเกษตรกรเองที่เกิดความเคยชินในการเผาตอซังข้าว เพื่อความสะดวกในการปลูกพืชและเหตุผลอื่นๆ ซึ่งเป็นการทำลายอินทรียวัตถุที่สำคัญในไร่นาอย่างน่าเสียดาย
นอกจากนี้ยังเป็นสาเหตุที่ทำให้ดินเสื่อมโทรมทำลายแมลงและจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ในดิน ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นเนื่องจากต้องซื้อปุ๋ยมาปรับปรุงดิน อีกทั้งเพลิงอาจลุกไหม้ไปยังเรือกสวน ไร่นา หรือบ้านเรือนข้างเคียง
โดยตามกฎหมายอาญามาตรา 220 กำหนดไว้ว่า “ผู้ใดกระทำให้เพลิงไหม้แก่วัตถุใด แม้เป็นของตนเองจนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่น หรือทรัพย์สินของผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับ ไม่เกิน 14,000 บาท” ดังนั้นเกษตรกรจึงควรตระหนักถึงผลเสียของการเผาตอซังข้าวดังกล่าว
แต่ควรไถกลบหรือนำไปทำปุ๋ยหมัก เพื่อเพิ่มอินทรียวัตถุให้กับดิน ซึ่งจะช่วยให้ดิน ซึ่งจะช่วยให้ดินฟื้นคืนสภาพความอุดมสมบูรณ์ สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างยั่งยืนในที่สุด
