ชี้ใบเหลืองแพร่ไร้ผล - พรรคใหญ่“สัญญาว่าจะให้”แลกคะแนนกลับสภาฯได้แน่

แพร่ – ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเล็กเมืองแพร่ โวยระบบ “ใบเหลือง” ไม่เอื้อการเลือกตั้ง ทำได้แค่ “ฟอกตัว” ให้นักการเมืองใหญ่เดินเข้าสภาฯ เท่านั้น ขณะที่นักการเมืองหน้าใหม่ ยังหมดหนทางต่อสู้ หลังพรรคใหญ่ใช้คนในกลไกรัฐ “สัญญาว่าจะให้” แลกคะแนนเสียงกันล่วงหน้าแล้ว

การเลือกตั้งใหม่ในจังหวัดแพร่ ในวันพรุ่งนี้ (20 ม.ค.51) เป็นการเลือกตั้ง ส.ส. ครั้งที่ 2 หลังจากครั้งแรกผู้สมัครพรรคพลังประชาชน ได้แก่นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล นางปานหทัย เสรีรักษ์ และนายนิยม วิวรรธนดิษฐกุล ที่ได้รับคะแนนสูงสุด ถูกใบเหลืองนั้น

ล่าสุดนายวรวัจน์ ได้ออกหาเสียงโดยขึ้นรถกระบะดิดป้าย ประชาสัมพันธ์ด้วยตัวเองไปตามหมู่บ้านต่างๆ ตลอด 2-3 วันที่ผ่านมาอย่างต่อเนื่องพร้อมทั้งนางปานหทัย เสรีรักษ์ และนายแพทย์นิยม วิวรรธนดิษฐกุล

ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ ออกเดินหาเสียง โดยผู้สมัคร ส.ส.ทั้ง 3 คนในจังหวัดแพร่นำโดยแม่เลี้ยงติ๊ก นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู ได้ออกเดินหาเสียงอย่างต่อเนื่องไปยังย่านชุมชนและตลาดสด มีการปราศรัยย่อย อ้างถึงสถานการณ์บ้านเมืองและวิกฤตทางการเมืองที่ต้องการเสียงของประชาธิปัตย์เข้าไปแก้ปัญหาในสภา

การหาเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ ยังคงมีความมุ่งหวังที่จะปักธง ปชป.ในภาคเหนือตอนบน ที่ ปชป. ส่งแกนนำพรรคมาช่วยหาเสียงในพื้นที่จังหวัดแพร่อย่างต่อเนื่อง อาทิ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค และล่าสุดนายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรค แต่จนถึงขณะนี้กระแสของพรรคประชาชาธิปัตย์ไม่กระเตื้องขึ้น

ปัจจัยสำคัญส่วนหนึ่งคือ กระแสการซื้อเสียงของพรรคการเมืองหนึ่งที่ใช้ระบบตัวแทนการซื้อเสียงที่เป็นผู้ใหญ่บ้าน กำนัน ประธานกองทุนหมู่บ้าน เสนอให้ประโยชน์จากงบประมาณของรัฐที่จะลงมายังหมู่บ้านในอนาคต เช่น ถนนลาดยางในหมู่บ้าน สะพาน เป็นต้น ผลการเลือกตั้งครั้งที่ 2 อยู่ภายใต้เงื่อนไขเดิมที่จะทำให้การเมืองเป็นของพรรคการเมืองพรรคหนึ่งเท่านั้น แม้ผู้สมัครไม่ได้อยู่ในเมืองแพร่ก็จะสามารถได้รับเลือกตั้ง

ด้วยปัจจัยดังกล่าวทำให้พรรคเล็ก ผู้สมัครหน้าใหม่ ไม่สามารถออกมาหาเสียงได้อีกเลย และถือเป็นการเลือกตั้งที่ไม่เป็นธรรมอย่างยิ่งสำหรับผู้สมัครที่เป็นนักต่อสู้ทางการเมืองหน้าใหม่ ไม่มีโอกาสเข้ามาแข่งขันในรอบ 2

นายชาตรี คันธะวงศ์ ผู้สมัครพรรคประชามติ กล่าวว่า ตนทำงานการเมืองในระบบพรรคการเมืองมาตลอด ตั้งแต่ที่ยังมี ส.ส.รุ่นเก่า ๆ ของจังหวัดแพร่อยู่ แต่การต่อสู้ที่ไม่เอื้อให้กับคนเล็กคนน้อย กติกาของ กกต.ที่ให้มีการออกใบเหลือง ไม่ได้ให้โอกาสสำหรับผู้สมัครหน้าใหม่ แต่เปิดโอกาสให้ ผู้สมัคร ส.ส.กระทำผิดได้ฟอกตัวอีกรอบเท่านั้น เนื่องจากคนเหล่านี้มีการทำสัญญาซื้อเสียงไปเรียบร้อย และมีเงินพอที่จะออกมาประชาสัมพันธ์ในช่วงเลือกตั้งใหม่อีกรอบ แต่คนต้องการเข้าไปทำงานหมดสิทธิ์ เพราะถ้ายังทุ่มแข่งกัน ครอบครัวนักพัฒนาคงไม่มีเงินใช้จ่ายแน่นอน

“ใบเหลืองจึงเป็นใบสร้างความชอบธรรมให้กับนักการเมืองที่มีอำนาจเท่านั้น”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้คอการเมืองในจังหวัดแพร่ ต่างมองกันว่าผลการเลือกตั้งในวันที่ 20 มกราคม จะไม่ผิดไปจากการเลือกตั้งครั้งแรก และครั้งนี้คู่แข่งขันทั้ง 24 คน เหลือเพียง 6 คนเท่านั้นที่ออกมาประชาสัมพันธ์ต่อสู้กัน ในขณะที่เครือข่ายเลือกตั้งภาคพลเมือง ยังคงติดตามตรวจสอบนอกระบบต่อไป เพราะในระบบไม่สามารถเอาผิดนักการเมืองซื้อเสียงได้