แพร่ – สารพัดหน่วยงานวิ่งโร่เข้าดูข้อเท็จจริงป่าสักทองถูกมือมืดใช้ยาฆ่าหญ้าราดจนยืนต้นตายทั่วผืนป่าฯ แม่ยม รองผู้ว่าฯแพร่ยืนยันพบสักทองยืนต้นตายแค่ 297 ต้นเท่านั้น ย้ำไม่มากเหมือนที่เป็นข่าว พร้อมยอมรับวิธีการฆ่าสักทองด้วยยาฆ่าหญ้าไม่เคยปรากฏในประวัติการจับกุมนายทุนทำไม้ทุกป่าของเมืองแพร่ แต่เลี่ยงประเด็นจุดเกิดเหตุอยู่ใต้จมูกเจ้าหน้าที่อุทยานฯ เชื่อมั่นเป็นฝีมือกลุ่มตัดไม้ในท้องถิ่น ด้านตำรวจส่งกองพิสูจน์หลักฐานเอาผิดมือดีแล้ว คาดออกหมายจับได้ใน 3 วัน
รายงานข่าวจากจังหวัดแพร่แจ้งว่า นายสมชัย หทยตันติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่, พล.ต.ต.ชำนาญ รวดเร็ว ผบก.ภ.จว.แพร่, นายสัมฤทธิ์ วิชัยทา บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดแพร่, นายประจักรพงษ์ ไทยกลาง ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 (แพร่), ตำรวจภูธร อ.สอง, ตำรวจภูธรตำบลสะเอียบ ตำรวจป่าไม้ รวมถึงเจ้าหน้าที่ทหาร พร้อมด้วยนายอนุวัธ วงศ์วรรณ นายก อบจ.แพร่, นายมนู สมจิตร รองนายก อบจ.แพร่ ได้ร่วมเดินทางเข้าดูพื้นที่ที่มีการตัดไม้สักทอง และมีการใช้ยาฆ่าหญ้าประเภทดูดซึมทำลายต้นสักขนาดใหญ่อายุ 50-80 ปี ในดงสักงาม อุทยานแห่งชาติแม่ยม จนยืนต้นตายเป็นจำนวนมาก เมื่อบ่ายวานนี้ (14 ม.ค.51)
โดยนำกองพิสูจน์หลักฐานตำรวจภูธรจังหวัดแพร่ เข้าตรวจหารอยนิ้วมือของคนร้ายแล้ว ซึ่งนายมงคล แสงรุ่งอรุณ นักวิชาการป่าไม้ 7 ว. หัวหน้าอุทยานแห่งชาติ ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษผู้กระทำผิดแล้วต่อ พ.ต.ต.บำรุง น้อมเศียร หัวหน้าสภ.สะเอียบ พนักงานสอบสวนสภ.สะเอียบ เมื่อเวลา 14.00 น.วันเดียวกันด้วย
จากการตรวจสอบในเบื้องต้นนายสมชัย หทยตันติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ และคณะ ได้เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ ซึ่งอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติแม่ยมเพียง 3 กม.เท่านั้น พบร่องรอยที่ไม่เคยมีมาก่อนในการจับกุมผู้กระทำผิด พ.ร.บ.ป่าไม้ ทุกป่าของเมืองแพร่ โดยมีการใช้มีดบากเปลือกไม้ให้เป็นแผลขนาด 5-10 ซม.เท่านั้น จากนั้นใช้ยาฆ่าหญ้าเข้าราดใส่ทำให้ต้นไม้นั้นๆ ดูดซึมยาไปตามเส้นลำเลียงน้ำอย่างรวดเร็วในขณะที่ต้นไม้ขาดน้ำ ส่งผลให้ต้นสักจำนวนมากต้องยืนตายเกลื่อนพื้นที่
ขณะเดียวกัน นายประจักรพงษ์ ไทยกลาง ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 (แพร่) ได้นำนักวิชาการป่าไม้เข้าตรวจพิสูจน์ พบว่าต้นสักที่ถูกยาฆ่าหญ้าราดนั้น กรณีที่เป็นต้นขนาดใหญ่ยังคงไม่ตายทั้งต้น โดยด้านที่ถูกราดน้ำยาฆ่าหญ้าภายในเนื้อของเปลือกจะมีสีดำ ส่วนด้านที่ไม่ถูกยายังคงมีชีวิตอยู่ โดยจะพยายามช่วยต้นสักอายุเกือบ 100 ปีที่ถือเป็นสิ่งล้ำค่าของประเทศไทย ด้วยการนำผู้เชี่ยวชาญเข้ามาทำการอนุบาลและหาทางช่วยให้ต้นสักเหล่านี้ให้ฟื้นขึ้นมา ส่วนต้นที่ตายแล้วก็หาทางทำอย่างอื่นต่อไป
รองผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ กล่าวว่า ปัญหาดังกล่าวถือเป็นการทำลายที่ไม่เคยมีมาก่อน ต้องเข้าใจก่อนว่าป่าผืนนี้เป็นป่าของชาวไทยทุกคน ไม่ใช่เพียงชาวสะเอียบที่รักษาป่าเท่านั้น เป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยไม้สักมีค่าและมีความสวยงาม จนเรียกว่าดงสักงาม หลังเกิดเหตุได้นำเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเดินทางเข้ามาดูร่วมกัน เพื่อหาทางแก้ปัญหาระยะยาวต่อไป เราจะต้องดูว่าจะดูแลรักษาอย่างใรให้อยู่นานที่สุด ประการต่อมาต้องมาดูสาเหตุและวิธีการลักลอบซึ่งไม่เคยมีมาก่อนเลยในจังหวัดแพร่
“จากหลักฐานที่กองพิสูจน์หลักฐานเข้ามาดำเนินการเชื่อว่าภายใน 3 วันนี้จะสามารถออกหมายจับได้”
รองผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ กล่าวอีกว่า กรณีที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของตัวบุคคลที่หากินทำประโยชน์จากไม้สัก เป็นบุคคลที่รู้จัก-ชำนาญพื้นที่ดี ได้สั่งการให้ ผอ.สำนักฯ จัดกำลังคนมาคอยดูแลติดตามหาข่าวอย่างใกล้ชิด โดยเข้าร่วมมือกับคณะกรรมการดูแลรักษาป่าของตำสะเอียบที่มีความเข้มแข็งอยู่แล้ว
รองผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ ยืนยันอีกว่า จากการตรวจพิสูจน์แล้วพบว่ามีเพียง 297 ต้นเท่านั้น ที่มีการใช้มีดเฉาะเพื่อใส่ยา ไม่มากอย่างที่เป็นข่าว แผนงานข้างหน้าจะต้องทำอย่างไรให้มีการสร้างคนที่เข้ามาดูแลป่าอย่างยั่งยืนต่อไป โดยจะมีการของบประมาณจากสำนักอนุรักษ์ที่ 13 มาทำการอบรมราษฎร รวมไปถึงงบประมาณอยู่ดีมีสุขที่ชาวบ้านสามารถนำไปพัฒนาป่านี้ให้เกิดกระบวนการปกป้องผืนป่าต่อไป
นายอนุวัธ วงศ์วรรณ นายก อบจ.แพร่ ที่เข้าดูพื้นที่ระบุว่า เป็นปัญหาใหญ่มากที่ป่าสักทองถูกวางยายืนตายเป็นจำนวนมาก ทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดแพร่พร้อมที่จะให้การช่วยเหลือ ซึ่งในความคิดของตนยังเชื่อมั่นว่า คนต้องอยู่กับป่า การปล่อยเป็นหน้าที่ของอุทยานทำให้เกิดปัญหา เพราะถ้าชุมชนเข้ามาร่วมกันดูแลและหาทางพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวหรือศูนย์การเรียนรู้ทางธรรมชาติ จะทำให้ไม่มีใครกล้าเข้ามาทำลาย ซึ่ง อบจ.แพร่ พร้อมที่จะเข้ามาให้การสนับสนุนด้านการเงินและการพัฒนาทุกด้านที่ร้องขอ เพื่อช่วยการฟื้นฟูป่าแม่ยมกลับมาอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พนักงานสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดแพร่ โดยเฉพาะ พล.ต.ต.ชำนาญ รวดเร็ว ผบก.ภ.จว.แพร่ ได้สั่งการให้เร่งดำเนินการหาหลักฐานมัดตัวคนร้าย และเชื่อว่าไม่เกิน 3 วันจะสามารถเอาคนผิดมาลงโทษได้อย่างแน่นอน ในส่วนของกรมอุทยานแห่งชาติ ได้มีคำสั่งย้ายนายมงคล แสงรุ่งอรุณ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแม่ยม ออกจากพื้นที่แล้ว
