เมื่อที่ดินถูก “เวนคืน” จำใจต้องย้ายร้าน บอกลา “ตึกเก่าในตำนาน” ที่ผูกพันมานานกว่า 100 ปีบนถนนเจริญกรุง เผยความรู้สึกพี่น้องในพื้นที่ “นี่ไม่ใช่แค่ย้ายบ้าน แต่ความทรงจำกำลังจะหายไป”
ลงพื้นที่เก็บเกี่ยว “ตำนานแห่งเจริญกรุง”
กลายเป็นที่น่าเสียดาย กับร้านดังอย่าง “ลอดช่องสิงคโปร์โภชนา”และ “คั้นกี่น้ำเต้าทอง”2 ร้านดังที่ต้องย้าย จากทำเลเดิม ซึ่งขายมาอย่างยาวนานจนกลายเป็นตำนานอันคุ้นเคย
เรื่องราวการเปลี่ยนแปลงเริ่มต้นขึ้น ตั้งแต่ร้าน “คั้นกี่น้ำเต้าทอง” หรือ”ซังโฮ่วโล้วเหลี่ยงเต๊”ตำนานน้ำขมแห่ง “ถนนเจริญกรุง”ที่เปิดขายน้ำขมและน้ำหวานยี่ห้อ “น้ำเต้าทอง ซังโฮ่วโล้วเหลี่ยงเต๊” มายาวนานถึง 122 ปี ออกมาประกาศย้ายร้านหลังเปิดมาตั้งแต่ พ.ศ.2444
ผ่านแฟนเพจ “น้ำเต้าทอง” ว่าจะย้ายจากถนนเจริญกรุง ไปอยู่ที่ “วงเวียน 22” พร้อมเชิญชวนให้มาสัมผัสบรรยากาศแห่งตำนานกว่าร้อยปีแห่งนี้เป็น “ครั้งสุดท้าย” ในวันที่ 1 ธ.ค.66 ก่อนจะย้ายไปที่ใหม่
ส่วนร้านดังอีกร้านที่เก่าแก่พอๆ กัน จนกลายเป็นตำนานอย่าง “ลอดช่องสิงคโปร์โภชนา”ก็ขายอยู่บริเวณนั้น มากว่า 80 ปีก็ออกมาประกาศผ่านแฟนเพจ “ลอดช่องสิงคโปร์” เช่นกันว่า หากใครต้องการลิ้มรสบรรยากาศแบบดั้งเดิม สามารถมาที่ร้านบริเวณริมถนนเจริญกรุงได้ถึงวันที่ 6 ธ.ค.ก่อนจะย้ายไปที่ใหม่ ซึ่งห่างจากจุดเดิมเพียง 70 เมตร
ส่วนสาเหตุที่ทำให้ 2 ร้านดังจำใจต้องปิดตำนานย่านเจริญกรุง แล้วย้ายหาที่ตั้งใหม่ เพราะพื้นที่แถวนั้น “ถูกเวนคืนที่ดิน” และยังมีทุบตึกบริเวณใกล้เคียง เพื่อสร้างและพัฒนาเมืองต่อไป
ทำให้หลายคนมองว่าเป็นเรื่องน่าเสียดายอย่างมาก เพราะตึกบริเวณนั้นมีอายุเก่าแก่กว่า 120 ปี บางตึกสร้างตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๕ จนเกิดคำถามว่าควรจะอนุรักษ์ไว้หรือเปล่า? ทีมข่าวจึงลงพื้นไปสำรวจและเก็บบรรยากาศครั้งสุดท้าย ก่อนพื้นที่ในตำนานนี้จะหายไป
[บริเวณที่จะถูกเวนคืนที่ดิน]
เมื่อมาถึง “แยกหมอมี” ทีมข่าวเดินไปยังร้านดังอย่าง “คั้นกี่น้ำเต้าทอง” เป็นร้านแรก พบว่าตั้งแต่เช้ามีคนเข้ามาซื้อน้ำขม รวมทั้งเครื่องดื่มสมุนไพรกันอย่างไม่ขาดสาย และเมื่อพูดคุยกับแม่ค้าแผงลอยบริเวณนั้น ก็ช่วยบอกเล่าเอาไว้ ว่าตั้งแต่มีข่าวจะย้ายร้าน คนก็แห่กันมาซื้อกันหนัก ยิ่งเป็นวันเสาร์-อาทิตย์ คนจะพลุกพล่านกว่านี้เสียอีก
คุณป้าที่ขาย “อิ่วกวย” อยู่บริเวณหน้าร้านน้ำเต้าทอง บอกกับเราว่าการเวนคืนที่ดิน ถึงแม้ตอนนี้ร้านแผงลอยยังคง ขายต่อไปได้ แต่ถ้ามีการก่อสร้างก็คงต้องหยุดขายไป พร้อมพูดติดตลกว่า ขายตรงนี้มากว่า 40 ปีตั้งแต่ตอนสาวๆ ถ้าจะให้ย้าย ก็ไม่รู้จะไปที่ไหนแล้ว “ถ้าย้ายก็คงต้องเลิกขาย”
เดินตรงต่อไปอีกหน่อยจากร้านน้ำเต้าทอง ก็จะพบร้านดังบนถนนเจริญกรุงอีกร้านอย่าง “ลอดช่องสิงคโปร์โภชนา”ซึ่งบรรยากาศก็ไม่ต่างกัน คือมีผู้คนแวะเวียนมาลิ้มลองรสชาติแห่งความดั้งเดิมกันอย่างไม่ขาดสาย
“เจ๊นี้” ฮุ่ยเจ็ง จักรธีรังกูร เจ้าของ “ลอดช่องสิงคโปร์”รุ่นที่ 3 เล่าให้ฟังว่า แม้จะเพียงการย้ายร้าน แต่ “ก็ใจหายนะคะ” เพราะร้านเปิดมา 80 ปีแล้ว ถึงจะมีเวลาเตรียมตัวก่อนการย้าย 1 ปี แต่กลับรู้สึกว่ามันผ่านไปไวมากจริงๆ
“เราไม่อยากย้ายหรอกค่ะ แต่เขาให้ย้าย เราก็ต้องย้าย”
เจ้าของร้านรุ่นที่ 3 เล่าให้เราแบบยิ้มๆ ว่า “ลอดช่องสิงคโปร์โภชนา” เปิดมานาน ทำให้คนแถวนี้ผูกพันกับร้านกันมาก ตั้งแต่รุ่นยาย-ย่า จนตอนนี้ก็ถึงรุ่นหลานแล้ว
{เจ๊นี้-ฮุ่ยเจ็ง จักรธีรังกูร}
“ลูกค้าเขาก็ไม่อยากให้ย้าย ทั้งคนที่นี่และคนที่อื่นก็มี บางคนก็ดูในข่าว แล้วก็รีบมากิน เพื่ออยากได้บรรยากาศแบบดั้งเดิม 2 วันนี้มีคนมากินแล้วก็มาท้ายรูปกันเยอะ”
หลังการเวนคืนที่ตรงจะกลายเป็นอะไร? เจ๊นี้บอกว่า “น่าจะทุบทิ้ง แล้วสร้างใหม่”คงจะไม่อนุรักษ์เอาไว้ ซึ่งมันก็น่าเสียดายเพราะตึกที่ร้านตั้งอยู่ก็อายุ 100 กว่าปีแล้ว
ไม่มีใครอยากให้ “ความทรงจำ” หายไป...
ที่น่าสนใจคือไม่ได้มีแค่ร้านดังอย่าง “ลอดช่องสิงคโปร์โภชนา-คั้นกี่น้ำเต้าทอง” เท่านั้น ที่อยู่คู่ถนนเจริญกรุง มายาวนาน แต่คนในพื้นที่เองก็อยู่กันตรงนี้มา “100 กว่าปี” สืบทอดกิจการกันมาตั้งแต่ “รุ่นทวด”
เฮีย “ณรงค์ ดีโรจนวงศ์”เจ้าของกิจการ “ลี่ยู่ฮะฟาร์มาซี” ที่อยู่ตรงนี้มาตั้งแต่สมัยทวด ผู้เป็นชาวจีนโพ้นทะเลย้ายเข้ามาทำมาหากินในไทย นับดูแล้วคือตั้งแต่ปลายรัชกาลที่ ๕ หรือช่วง พ.ศ.2460นั่นเอง
“ก็ประมาณ 106 ปี ผมก็เป็นรุ่นที่ 4 แล้ว”
{ณรงค์ ดีโรจนวงศ์}
แต่เฮียณรงค์บอกว่า ตึกที่อยู่อาจจะเก่ากว่านั้นเพราะตอนที่ทวดของเฮียมาปักหลัก ก็มีตึกนี้ตั้งตระหง่านอยู่ก่อนแล้ว และยังย้อนอดีตให้ฟังว่า ตอนทวดมาไทยใหม่ๆ ก็อาศัยขายยาจีนตามหน้าร้านแถวนี้ พอถึงรุ่นปูก็ค่อยๆ ขยายจนกลายเป็นกิจการที่มีหลักแหล่งอย่างที่เห็น
“มันก็มีความผูกพันกัน แน่นอนอยู่แล้ว ตอนเราคลอด ก็คลอดที่นี่แหละ”
“ที่เรามีก็เพราะมีที่นี่เป็นที่เกิด”อยู่ตรงนี้มา 100 กว่าปี เริ่มสร้างทุกอย่างจากร้านขายยานี้ ความผูกพันนั้นมีแน่นอน แต่เมื่อถึงเวลา เฮียมองว่าอะไรหลายๆ อย่างก็ต้องพัฒนาต่อไป เรื่องใจหายมันมีแน่นอน..แต่ถึงเวลาที่เราต้องจากที่นี่ไปแล้ว”
การเวนคืนที่ดินบริเวณนี้ มีการแจ้งตั้งแต่ช่วง 1-2 ปีก่อนหน้าแล้ว ทำให้เมื่อเดินสำรวจก็จะพบร้านและตึกหลายตึก เริ่มย้ายออกกันไปจนเกือบหมด
เมื่อเดินมาถึงแยกถนนเจริญกรุง ตัดถนนลำพูนไชย ทีมข่าวได้พูดคุยกับเจ้าของร้านยาอีกแห่ง ที่กำลังเตรียมตัวเก็บข้าวของเพื่อย้ายออก เขาเล่าว่าแม้ตึกโซนนี้จะไม่เก่าเท่าไหร่ แต่ก็อยู่กันมากว่า 50 ปี “จะไม่ผูกพันได้ยังไง”
“คุณคิดดูนะ ย้ายบ้านทีนึง มันเหนื่อยขนาดไหน” และเมื่อถามว่าต่อไปพื้นที่จะกลายเป็นอะไร เขาตอบมาว่า ไม่รู้ เพราะไม่มีใครบอกว่าจะทำอะไรกับพื้นที่นี้ และเขาก็ไม่สนด้วย...”สนอย่างเดียวคือ เขาเอาบ้านเราไป”
“ผมโตที่นี่” โย-สุทธิศักดิ์ เจ้าร้านอีกคนที่สืบทอดกิจการมาตั้งแต่รุ่นอากง เล่าให้ฟังถึงวันแรกที่รู้ข่าวว่า ต้องย้ายออกจากพื้นที่ที่เติบโตมาตั้งแต่เด็ก...
“ครั้งแรกที่ได้ยินว่าต้องย้าย เราก็ตกใจอะนะ เพราะมันต้องหาที่อยู่ใหม่ แล้วเราคุ้นชินกับสถานที่และคนแถวนี้”
มีการแจ้งให้ย้ายตั้งแต่เมื่อปลายปีที่แล้ว ในตอนแรกมีการรวมตัวกันของคนที่อยู่แถวนี้ว่าจะทำเรื่องแย้งอย่างไรดี แต่หลังจากคุยกับเจ้าหน้า เขาบอกว่าหลังจากนี้จะใช้กฎหมายมาคุย “พอเอากฎหมายมาสู้ เราก็คงไม่คิดจะสู้”
“ไม่มีใครอยากย้ายหรอก เขาบอกว่าถ้าเลยสิ้นปีนี้ เจ้าหน้าที่เขาจะไม่มาคุยกับเราแล้ว เขาจะใช้กฎหมาย ใช้ทนายมาคุยกับเราแทน”
ถึงแม้ตึกที่เจ้าของร้านนายนี้อยู่จะถูกสร้างได้ไม่นาน เพียง 50 ปีกว่าๆ แต่สิ่งทำให้ “โย” เสียดายคือ ตึกนี้อากงของเขาเป็นคนสร้างด้วยตัวเอง และถ้าพื้นที่ตรงนี้ถูกทำลายไป ความทรงจำต่างๆ ก็คงหายไปด้วย
“คนมาใหม่เขาก็ไม่รู้หรอกว่า ตรงนี้มันเคยเป็นอะไร แต่เราเคยอยู่ตรงนี้ มันก็อยู่ในความทรงจำเรา”
{ตึกที่อากงของ “โย-สุทธิศักดิ์” เป็นคนคุมการก่อสร้างด้วยตัวเอง}
สกู๊ป : ทีมข่าวMGR Live
ภาพ: ธัชกร กิจไชยภณ และนนทัช สุขชื่น
ขอบคุณภาพเพิ่มเติม : เฟชบุ๊ก “ลอดช่องสิงคโปร์”, “น้ำเต้าทอง”
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **