หาคำตอบปรากฏการณ์ “ครูกายแก้ว”ฟีเวอร์รูปปั้นคนกึ่งนก ตาแดงเล็บยาว ที่โด่งดังชั่วข้ามคืน มีทั้งฝั่งคนวิจารณ์และบูชา พร้อมดรามาร้อนที่สังคมถกเถียง และนี่คือการหยิบมาเทียบชัดๆ ข้อมูลส่วนไหนจริงหรือลวง
ครูกายแก้ว=รูปหล่อเดิม+จินตนาการเพิ่มเติม
“ครูกายแก้ว”ตามคำบอกเล่าว่า อ.สุชาติ รัตนสุขผู้ก่อตั้งเทวสถานชื่อดังหลายในไทยอย่าง ศาลพระตรีมูติ (ลานหน้าเซ็นทรัลเวิลด์) เทวาลัยพระพิฆเนศ (ห้วยขวาง)เป็นผู้สร้าง “รูปหล่อครูกายแก้ว” เป็นคนแรกปัจจุบัน อ.สุชาติ ได้เสียชีวิตไปแล้ว
เรื่องเล่าบอกว่า อ.ถวิล มิลินทจินดา นักร้องเพลงไทยเดิมกองดุริยางค์ ทหารพก ซึ่งเป็นอาจารย์ของ อ.สุชาติ ได้รับรูปหล่อ “องค์ครูกายแก้ว” มาจากพระธุดงค์ในจังหวัดลำปาง หลังไปทำสมาธิที่ ปราสาทนครวัดนครธม ประเทศกัมพูชา
{อ.สุชาติ รัตนสุข}
แรกเริ่ม “ครูกายแก้ว” ที่ อ.สุชาติ ได้รับมา มีเป็นลักษณะคนนั่ง หน้าตักเพียงแค่ประมาณ 2 นิ้ว แต่ต่อมาครูกายแก้ว ได้ปรากฏตัวให้ อ.สุชาติเห็น ทำให้อาจารย์วาดภาพจากจินตนาการ แล้วทำหล่อรูป “องค์ครู” ขึ้นเป็นองค์แรก และนำไปไว้ที่สำนัก “จุดประสงค์ก็เพื่อเป็นการบูชาครู”
โดยลักษณะของ “ครูกายแก้ว” ที่ อ.สุชาติ สร้างขึ้นมานั้น เป็นลักษณะ กึ่งมนุษย์กึ่งนก มีปีกด้านหลัง มีเขี้ยวทองเพื่อสื่อถึงนกการเวก อ้างอิงตามหลักฐานที่ปรากฏอยู่บนกำแพงบายน (ปราสาทบายน ปราสาทหินของอาณาจักรเขมรโบราณ)
หลังจากเกิดกระแส โทน บางแค เซียนพระชื่อดัง ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการ “โหนกระแส” ว่าเคยเห็น องค์ครูกายแก้ว ที่พระธุดงค์มอบให้ อ.ถวิล และยังบอกอีกว่าตรงกับ ศิลปะแบบบายน
“ตามตำราเขาบอกว่าท่านเป็นอาจารย์ของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ซึ่งเป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของขอม”
ข้อมูลขัดแย้ง ไม่เกี่ยวข้อง “กษัตริย์ขอมโบราณ”
แต่อย่างไรก็ดีเมื่อมีการอ้างว่า “ครูกายแก้ว” คืออาจารย์ของ “พระเจ้าชัยวรมันที่ 7” และถือเป็นครูของศาสตร์ศิลป์ทั้งหลายในยุคนั้น จนทำให้นักวิชาการหลายคนออกมาโต้แย้ง
ผศ.ดร.กังวล คัชชิมา ผู้เชี่ยวชาญด้านจารึกเขมรโบราณ อาจารย์ภาควิชาภาษาตะวันออก มหาวิทยาลัยศิลปากร ได้ออกมาให้ข้อมูลกับสื่อว่า “ครูกายแก้ว” ไม่มีเคยหลักฐานหรือจารึกในยุคของ พระเจ้าชัยวรมันที่ 7
“ยืนยันว่าในบันทึกของโบราณไม่มีชื่อของครูกายแก้ว แต่อาจเป็นลูกเล่นของผู้ที่เลื่อมใสในการนำขอมโบราณมาสร้างเป็นเรื่องราวเพื่อให้ผู้คนสนใจ”
ซึ่งบรมครูของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ที่จารึกใน “ปราสาทตาพรหม” มีเพียง 2 ท่านคือ"ศรีชยมังคลารถเทวะ" "ศรีชยกีรติเทวะ" ซึ่งที่ชื่อที่ลงท้ายด้วย “เทวะ” เพราะเป็นการสร้างรูปเคารพหลังจากที่เสียชีวิต ก่อนการสร้างปราสาท
{รูปสลักกำแพง ที่มีคนใช้อ้างว่านี้คือรูปสลัด "ครูกายแก้ว"}
และรูปสลักกำแพง ที่ในโลกออนไลน์เคยนำมาใช้อ้างว่าเป็น “ครูกายแก้ว” อ.กังวล อธิบายกับสื่อว่า เป็นรูปที่ผนังปราสาทนครวัด ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพระเจ้าชัยวรมันที่ 7
รูปนี้คือฤาษีสังเกตจากท่านั่ง และสิ่งคล้ายกับ”ปีก”แท้จริงคือ ภาพของชายผ้าที่พาดคออยู่ และรูปสลักนี้ถูกสลักเมื่อประมาณ 500 ปี แต่พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 อยู่ก่อนหน้านี้ประมาณ 800 ปี “การใช้รูปนี้อ้างอิง จึงไม่เกี่ยวข้องกัน”
อ้างมีมานาน โด่งดังถึง “ฮ่องกง”
อย่างไรก็ดี “ครูกายแก้ว” มีมานานแล้วแต่ไม่ค่อยมีคนรู้จัก ฐานันดร รัตนสุขลูกชายตนโตของ อ.สุชาติ บอกเอาไว้ในรายการ “คชาภาพาไปมู” เมื่อปี 65 ว่า องค์หนึ่งที่อยู่ เทวาลัยพระพิฆเนศห้วยขวาง อยู่มา 20 กว่าปีแล้ว
“ตอนแรกก็ไม่ได้เปิดให้ใครไหว้ เปิดเอาไว้เฉพาะเรื่องราวแก้ปัญหาของบริษัทตรงนี้ จนกระทั่งพรรคพวกมาเริ่มขอไหว้แล้วสำเร็จผล ตอนหลังพ่อก็เลยเห็นแล้วว่า มันเป็นคุณประโยชน์สำหรับสาธารณชนก็เลยเปิดให้ไหว้เลย”
ในรายการยังบอกอีกว่า “ครูกายแก้ว” มีชื่อเสียงใน “ฮ่องกง” อย่างมาก เพราะมีความเชื่อว่าสามารถดลบันดาล ทั้ง ชื่อเสียง ความสำเร็จ เงินทอง จนชาวฮ่องกงขนานนามว่า “เทพแห่งความร่ำรวย”
{"ครูกายแก้ว" องค์ที่อยู่ ณ “เทวาลัยพระพิฆเนศห้วยขวาง”}
และในรายการ “โหนกระแส” อ.หน่อย-สมสฤษดิ์ รัตนสุข ลูกชายอีกคนของ อ.สุชาติ ได้ตอบทำถามว่า เพราะอะไร ทำไมมีความคิดทำครูกายแก้วขึ้นมา
“สั้นๆ คือตอนนั้นหลังจากพ่อเขาบูชามาตอนอายุ 50 ปี ถึงมอบให้ ทำให้ฐานะครอบครัวผมดีขึ้นเรื่อยๆ จนถึงวันนี้ ครอบครัวผมก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ภายหลังพ่อจากไป ผมก็อยากสร้างไว้ให้คนมากราบไหว้บูชาให้ทุกคนมีความเจริญรุ่งเรือง นั่นเป็นจุดประสงค์ที่แท้จริง”
แม้จะบอกว่าเป็นที่นิยมของชาว “ฮ่องกง” และคนไทย แต่ก็มีคำถามจากสังคมว่า “ครูกายแก้ว” คือสิ่งมงคลจริงๆหรือ? อย่างศ.พิเศษ ธงทอง จันทรางศุ ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊กว่า “ผีป่าก็จะวิ่งมาสิงเมือง”
“รูปอะไรก็ไม่รู้ที่กราบไหว้กันอยู่นี้ มองในทางศิลปะก็สอบไม่ผ่านแน่ จะว่าเป็นมนุษย์ก็เห็นจะไม่ใช่ จะเป็นสัตว์ก็ไม่เชิง ผมยังนึกไม่ออกว่าการไปบูชารูปปั้นอย่างนี้จะเป็นสวัสดิมงคลได้อย่างไร แถมเกรงว่าจะเกิดผลตรงกันข้ามเสียด้วยซ้ำ”
หรืออย่าง ไพศาล พืชมงคล กรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี ก็ได้โพสต์เฟซบุ๊ก วิจารณ์ว่า “ครูกายแก้ว” ไม่ใช่เทพอสูร เพราะเทพอสูรคือยักษ์ ที่ได้บำเพ็ญปฏิบัติธรรม จนถึงชั้นพรหม จึงได้ชื่อว่า เทพอสูร เช่น ท้าวลัสเตียน
และยังวิจารณ์ บวงสรวงใหญ่เบิกเนตร "ครูกายแก้ว" แยกรัชดา-ลาดพร้าวด้วยว่า“บทสวดมนต์และคาถาที่ใช้ในวันนั้น เป็นบทบิดเบือนบทสวดในศาสนาพุทธ จนวิปริตไปสิ้น”
พร้อมบอกนี้ไม่ใช้ “คติภาพนิยม” ของพราหมณ์อินเดียหรือขอมโบราณ แต่เป็นการตลาด เพื่อหลอกคนจีนให้มาลงทุนในย่านนั้น “แล้วคำนึงถึงอาเพศเหตุอัปมงคลที่จะบังเกิดในบ้านเมืองไหมนี่”
บูชายันด้วย “หมาแมว”!!?
ลิทธิบูชายัญ “หมาแมว” กลายเป็นดรามา เมื่อมีกลุ่มเฟซบุ๊กที่ชื่อว่า“ลูกศิษย์ครูกายแก้ว”ออกโพสต์ตามหา หมาแมว เพื่อใช้ในการเซ่นไหว้“ครูกายแก้ว”พร้อมบอกวิธีการว่า
“ผมใช้ลูกแมวครับ เพราะยังเป็นสัตว์ที่ยังบริสุทธิ์ ครูกายแก้วเป็นมหาบุรุษที่มีจิตบริสุทธิ์ครับ สมควรใช้ของบริสุทธิ์ เช่น ลูกแมว ลูกหมา ลูกไก่ หรือแม้กระทั่งเด็กทารก”
พร้อมเล่าวิธีการ เอายาล้างห้องน้ำกรอกปาก แล้วฝังดินทันทีเพราะย้ำว่า”ห้ามบูชายัญครูกายแก้ว ด้วยสิ่งไม่มีวิญญาณ”อีกทั้งคนในกลุ่มนี้ยังมีการโพสต์ถามวิธี และแห่แชร์วิธีสังเวยหมาแมวกันเป็นยกใหญ่
“จริง” หรือ “ปั่น” แต่กระแสนี้ทำให้ “Watchdog Thailand Foundation(WDT)” มูลนิธิคุ้มครองสัตว์ ออกมาเคลื่อนไหว โดยโพสต์ทางเฟซบุ๊กตามหาความจริงว่า
“WDT กำลังตรวจสอบเรื่องนี้ ขอประชาชนคนรักสัตว์อย่าพึ่งตระหนกตกใจ เหตุแต่ละโพสต์ ล้วนใช้ชื่อเฟซอวตารกันทั้งนั้น”
ต่อมา ณัฐวุฒิ รัตนสุข หลานของ อ.สุชาติ ออกโต้กับสื่อถึงกระแสการนำ “หมาแมว” มาบูชายัญว่า การนำหมา หรือแมวไปบูชายัญครูกายแก้ว “เป็นความเชื่อที่ผิด” ไม่เคยทำพิธีบูชาด้วยของสดแม้แต่อย่างเดียว
“อ.สุชาติมา ไม่เคยทำพิธีบูชาด้วยของสดแม้แต่อย่างเดียว การจะบูชาครูกายแก้ว ไม่จำเป็นต้องไปเบียดเบียนชีวิต แต่นี่แค่เริ่มต้นก็ไปทำกรรม ไม่เป็นมงคล แล้วจะไปรับสิ่งที่เป็นมงคลได้อย่างไร”
และอธิบายต่อว่า อ.สุชาติ “กำชับห้ามเด็ดขาด” อย่านำของสดไปไหว้บูชา ให้ใช้แต่ผลไม้ ดอกไม้ ขนมหวาน หรือทองคำไปไหว้เท่านั้นไม่มีของสด หรือของมึนเมา ซึ่งที่ผ่านมาทราบกันดีในกลุ่มผู้นับถือครูกายแก้วว่า “ท่านไม่ชอบของสด”
สกู๊ป : ทีมข่าวMGR Live
ขอบคุณภาพ : www.krukaikaew.com,เฟชบุ๊ก “Nay Tee Suphanburi”, “Pongwasit Tnwr”, “ข่าวสารงานพระพุทธศาสนา”, “เทวาลัยพระพิฆเนศบางใหญ่”, “มูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์Watchdog Thailand Foundation - WDT”, “องค์ปู่ฤาษี-เทวาสักการะ”
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **