xs
xsm
sm
md
lg

เสียงร้องเรียนไม่เคยดัง โศกนาฏกรรม "พลุระเบิด" เพราะธุรกิจลักลอบมูลค่ากว่า 10 ล้าน!?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สะเทือนขวัญ โกดังพลุระเบิด!! กลางตลาดมูโนะ จ.นราธิวาส ชาวบ้านสะท้อนแจ้งแล้วแต่เจ้าหน้ายังนิ่ง? กูรูวงในบอก “วัวหายล้อมคอก” อาจเพราะมีนอกมีใน ไร้การทำงานเชิงรุก และไม่ใส่ใจต่อเสียงชุมชน

ซุก “พลุ” เป็นตัน!! ทำไมไม่มีใครรู้?

กลายเป็นเหตุสลด เมื่อ “โกดังเก็บพลุระเบิด”กลางตลาดมูโนะ อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส ทำให้มีคนเจ็บกว่า 100 ราย และเสียกว่า 10 คน

แรงระเบิด ทำให้พื้นที่ราบเป็นหน้ากลอง บ้านเรื่อนระแวกนั้นเสียหายเกือบ 200 ลัง จากการตรวจสอบเจ้าหน้าที่พบว่า โกดัง ดังกล่าว เจ้าของเปิดร้านขายของชำและได้ขออนุญาตเปิดโกดังเพื่อเก็บของที่ขาย

แต่มีการ “ลักลอบ” นำพลุดอกไม้ไฟมาเก็บโดยไม่ได้รับอนุญาต คาคว่าเหตุเกิดจาก การต่อเติมโกดังทำให้มีประกายไฟกระเด็นใส่พลุไฟจนระเบิดขึ้น ขณะเกิดเหตุเจ้าของโกดังไม่อยู่ เพราะพาครอบครัวไปเที่ยววันหยุด

ทั้งนี้ทาง ตำรวจนราธิวาส มีการตรวจค้นตึกและบ้านของเจ้าของโกดังดังกล่าวเพิ่มเติมพบ พลุและดอกไม้ไฟอีกกว่า 1 ตัน ทั้งหมดอยู่หากจากจุดระเบิดเพียง 150 เมตร เจ้าหน้าที่คาดว่า พลุทั้งหมดนี้อาจเตรียมส่งขายไป “มาเลเซีย”



ทำให้ พล.ต.ท.นันทเดช ย้อยนวล ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 มีการสั่งให้ตรวจสอบ ธุรกิจการจำหนายพลุ ของเจ้าโกดังคนนี้ว่ามีที่มาอย่างไร และสั่งตรวจสอบคลั่งสินค้าใน 7 จังหวัดภาคใต้ว่ามีส่วนเกี่ยข้องกับ เหตุการณ์นี้หรือไม่

โต้ง-รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ พูตระกูล ผู้ช่วยอธิการบดีและประธานกรรมการคณะอาชญาวิทยา ม.รังสิตได้ให้ความเห็นกับทีมข่าวถึงเรื่องนี้ว่า เหตุการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก

“ประเด็นแรกที่น่าสนใจ ทำไหมคนยังสามารถลักลอบ นำพลุดอกไม้ไฟ มาเก็บไว้จำนวนมากได้ ซึ้งตรงนี้ต้องมีการตรวจสอบผู้รับผิดสอบ กับหน่วยการที่เกี่ยวข้องว่าเป็นใครบ้าง”



อาจารย์มองว่า ผู้นำชุมชนหรือเจ้าหน้าระดับท้องถิ่นปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่รู้เรื่องนี้ และต่อไปจะต้องมีการเผ้าระหวังป้องกัน จากตำรวจ ฝ่ายปกครอง รวมถึงหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อไม่ให้เกิดเหตุแบบนี้อีก

“เพราะว่าคนสูญเสียชีวิต เราจะเยียวยาอย่างไรก็ตาม เราเอาชีวิตของคนกลับมาได้หรือครับ”

                                                    {ต้ง-รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ พูตระกูล}

แจ้งแล้วยังนิ่ง?

จากข้อมูลของwww.isranews.org มีการตั้งข้อสงสัยเอาไว้ว่า เสียงจากชาวบ้านสะท้อนความไม่ปลอดภัยมานานแล้ว เพราะรู้เรื่องการเปิดโกดังเก็บวัตถุไวไฟกลางชุมชน แล้วเหตุใดภาครัฐจึงนิ่งเฉย

อาจารย์ โต้ง ได้ให้ความเห็นกับเรื่องนี้ว่า คนในชุมชนต้องรู้ดีที่สุดอยู่แล้ว ว่าบ้านที่ติดอยู่กับเราทำอะไร เช่น ลักลอบจำหน่ายยาเสพติด หรือซุกซ่อนพลุและดอกไม้ไฟ่ แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ

“คำถามคือ แล้วเขาจะแจ้งใคร แล้วถ้าแจ้งเจ้าหน้าที่จะดำเนินการไหม หรือถ้ายังเป็นเพื่อนบ้านกับอยู่ เราแจ้งแล้วเขารู้ ก็เป็นศัตรูกัน”

ตรงนี้คือปัญหา “เราต้องทำงานในระดับเชิงรุก” เจ้าหน้าที่ได้ตรวจตาดูในระดับชุมชนไหม ผู้นำชุมชนมีการเฝ้าระวัง ก่อนจะเกิดเหตุหรือเปล่า “ผู้นำชุมชนก็น่าจะทราบดีว่า ปัญหาแต่ละชุมชนคืออะไร”
 


ระบบกระบวนการของบ้านเราหลักการคือ ระบบรวมศูนย์อำนาจ หากไม่มีคำสั่งจากส่วนกลาง การแก้ปัญหาใดๆ ก็จะไม่เกิดผลขณะที่แนวคิดอื่นๆ ที่ประสบความสำเร็จคือ ปัญหาต้องแก้ที่ชุมชน

“แต่เสียงของชุมชนไม่ดังพอไปถึงผู้มีอำนาจ จะดังอีกที่ก็คือ หลังเกิดปัญหาทุกครั้ง ถึงจะลงมาแก้ปัญหา อันนี้เป็นเรื่องปกติบ้านเราเลยนะครับ เลยมีคำว่า วัวหายล้อมคอก”

ถ้ามีการแจ้งเจ้าหน้าแล้ว ก็ต้องตรวจสอบ ใครเป็นคนแจ้งแจ้งกับใคร แล้วทำไมถึงไม่มีการดำเนินการ ต้องดูว่าร้องเรียนไปทางไหน ออนไลน์ อีเมล หรือโทรศัพท์ เพื่อจะได้รู้ว่าข้อมูลไปถึงคนที่รับผิดชอบหรือเปล่า


ไม่ได้มีแค่ที่เดียว!!

ผู้จำหนายพลุรายหนึ่ง ในจังหวัดชายแดนใต้ ได้ให้ข้อมูลกับ “ThaiPBS” ว่าในภาคใต้มีผู้จำหนายรายใหญ่อยู่ 5 เจ้า อยู่แถว อ.หาดใหญ่ และ จ.สงขลาส่วนใหญ่มีการนำเข้ามาจากประเทศจีน

ผู้จำหน่ายรายใหญ่เหล่านี้ เชื่อมโยงกับผู้จำหน่ายพลุดอกไม้ไฟ ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งจะมีการส่งออกพลุไปยังประเทศเพื่อนบ้านโดยเฉพาะจ.นราธิวาส มีผู้ประกอบการจำหน่ายพลุ มีร้านจำหน่ายและโกดังเกือบ 20 ราย “ส่วนใหญ่เป็นการจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย”

“พอมีกฎอัยการศึก มันก็เป็นอำนาจของ กอ.รมน.ภาค4 เป็นผู้อนุญาตให้นำเข้า เพราะเป็นวัตถุไวไฟ วัตถุระเบิดที่ต้องควบคุม ทาง กอ.รมน.ภาคบอกว่าผู้ใดจะนำเข้าสินค้าตัวนี้ต้องมีใบอนุญาต ก็มีบริษัทต่างๆ ทำเรื่องนำเข้า”

ผู้จำหนายท่านนี้ยังบอกอีกว่า ธุรกิจพลุในชายแดนใต้มีเงินหมุนเวียนเดือนละหลาย 10 ล้านบาท และเพิ่มเป็นหลัก 100 ล้านบาทในช่วงเทศกาล แต่ร้านส่วนใหญ่ไม่มีใบอนุญาตที่ถูกต้อง



ทำให้กลายเป็นสินค้าสีเทา เมื่อไม่มีในอนุญาตจำหนายก็กลายเป็น ”การค้าของเถื่อน” และยังอ้างว่า จริงๆแล้วยังมีร้านขายพลุอีกหลายแห่ง ที่เก็บพลุไว้ใกล้แหล่งชุมชน

เมื่อ “ดร.โต้ง” ว่า ปัญหาในชายแดนใต้ ทำให้เกิดช่องโหว่ ในการค้าของเถื่อนเหล่านี้หรือเปล่า อาจารย์ให้ความเห็นว่า จากงานวิจัยยอมรับว่ามีส่วน

“ก็ต้องยอมรับว่ามี มีส่วนที่เกี่ยวข้อง ส่วนจะเกี่ยวข้องกับใครมากน้อยเพียงใด ระดับใด เจ้าหน้าที่ส่วนไหน ตรงนี้อาจจะต้องทำการสืบสวน สอบสวนเชิงลึก และในเชิงลับ”

สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นมานานแล้ว ไม่ใช่ใน 3 จังหวัด แต่ทั่วประเทศไทยไม่ว่าจะเป็นน้ำมันเถื่อน หรือขบวนการลักลอบจำหน่าย ยาเสพติด องค์กรอาชญากรรมสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) บอกว่า เม็ดเงินในธุรกิจพวกนี้ ในโซนอาเซียน มีมูลค่า หลักหลายล้านบาท

“เรื่องการจัดการกับสิ่งผิดกฎหมายเหล่านี้ ยังไม่เป็นระบบ และเป็นการแก้ปัญหาอย่างล่าช้า”



สกู๊ป : ทีมข่าวMGR Live
ขอบคุณภาพ : เฟซบุ๊ก “thaiarmedforce.com”, "Ummatee Thailand"”, “GO VIT ME”, “มาดามแคชเมียร์” , “อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เองbyอาจารย์เจษฎ์” และทวิตเตอร์ @dazzrjj



** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **




กำลังโหลดความคิดเห็น