xs
xsm
sm
md
lg

“ความสำเร็จไม่มีทางลัด” เจาะเบื้องหลัง “หนุ่ม คงกระพัน” Youtuber 2.25 ล้านซับ [มีคลิป]

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เปิดใจ “หนุ่ม คงกระพัน” กับบทบาท Youtuber สายเรื่องราวลี้ลับ กับคอนเซ็ปท์ ‘พันสาระ ร้อยตำนาน ล้านความเชื่อ’ เปิดช่องเพียง 2 ปีกว่าคว้าผู้ติดตามไปแล้ว 2.25 ล้านซับ เผยเคล็ด(ไม่)ลับ “ทำในสิ่งที่ชอบ เราจะไม่เบื่อมัน”



พลิกโควิด เป็นโอกาส

“ตอนนั้นเรารู้สึกว่า YouTube เป็นช่องทางสื่อสารของคนรุ่นใหม่ อย่างพวกพี่มาทำจะมีคนดูเหรอ ทีแรกคิดอย่างนั้น แต่ปรากฏว่าไม่ใช่ กลายเป็นว่าคนก็ดูนี่หว่า ก็แสดงว่าเราสามารถสื่อสารให้กับคนทุกเพศ ทุกวัยดูได้ แม้แต่คนรุ่นเราก็ชอบดู

เล่าเรื่องตำนาน เรื่องความเชื่อ เรื่องเกี่ยวกับบุคคลที่มีความน่าสนใจ การเวียนว่ายตายเกิด ตายแล้วฟื้น เรื่องราวของหลวงพ่อ พระเกจิต่างๆ อะไรอย่างนี้ กลายเป็นว่าคนชอบ เราก็เลยรู้สึกว่า อ๋อ… คนชอบฟังพี่หนุ่มพูดเรื่องนี้ เราก็เลยทำ

เราทำโดยเรามีจุดยืน เรามีเป้าหมายว่าอยากทำให้คนสนุกกับคอนเทนท์ของเรา แล้วคอนเทนท์ของเรามันไปต่อยอดเรื่องของประโยชน์ การใช้ชีวิต แรงบันดาลใจ ได้ความรู้ ไม่ใช่เรางมงาย เป็นความจริงจากผู้ที่รู้จริงๆ จากผู้ที่มีประสบการณ์หรือเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนั้นเท่านั้น”




เป็นอีกหนึ่งคนบันเทิงที่หันมาเอาดีด้านการเป็น Youtuber อีกคนก็ว่าได้ สำหรับ “หนุ่ม - คงกระพัน แสงสุริยะ” นักแสดงและพิธีกรมาดเข้ม วัย 50 ปี แห่งช่อง YouTube "หนุ่มคงกระพัน official"

ที่มีการหยิบเรื่องราวลี้ลับ ตำนาน ความเชื่อ บุคคลสำคัญในอดีต และอื่นๆ อีกมากมาย มาย่อยให้สนุกและเข้าใจง่าย ผ่านการดำเนินรายการสไตล์หนุ่ม คงกระพัน จนกลายเป็นที่ถูกใจของผู้ชมทุกเพศทุกวัย

และตอนนี้ทางช่องก็มียอดผู้ติดตามทะยานสู่ 2.25 ล้านคนเป็นที่เรียบร้อย

เขาเปิดใจกับทีมข่าว MGR Live ถึงจุดเริ่มต้นในการมาทำ YouTube อย่างเต็มตัวว่า เพราะผลกระทบจากการแพร่ระบาดของวัสโควิด-19 จึงจำเป็นต้องดิ้นรนหาช่องทางใหม่ๆ เพื่อหารายได้มาเลี้ยงดูครอบครัวและลูกน้องอีกหลายชีวิต



[ เส้นทางสู่การเป็น Youtuber ]

“แรงบันดาลใจในการทำ YouTube นะครับ ก็เกิดมาจากที่ตัวเราก็เป็นนักทำคอนเทนท์อยู่แล้ว ช่วงนั้นก็เป็นช่วงโควิด ทำให้เราตกงานกัน ก็ไม่รู้จะทำอะไร อยู่บ้านแล้วก็เลยรู้สึกว่า มันนั่งให้มันผ่านไปวันๆ งานก็ไม่ได้ทำ รายการทีวีก็ไม่ได้ถ่าย ตอนนั้นพอทุกอย่างมันหยุด แต่ว่าบริษัทมันก็ต้องเดิน พี่หนุ่มก็มีลูกน้องเยอะ เราก็เลย อะ… ไม่เป็นไร ลองทำ YouTube ดู

เราก็มีช่อง YouTube เล็กๆ อยู่อันนึง เวลาที่เราทำงานมาเราก็โพสต์ลงไปในนั้น ไม่ได้ทำเป็นจริงเป็นจัง ก็มีผู้ติดตามอยู่หลักหมื่นคน พี่หนุ่มเลยลงไปทำเต็มตัวด้วยตัวเอง คอนเทนท์แรกๆ ก็จะเป็นคอนเทนท์แบบพี่หนุ่มนั่งคุยเล่า ชื่อว่า “คุยไปเล่าไป” ก็จะเล่าเรื่องราวประสบการณ์ในชีวิต ก็ลองผิดลองถูก ลองจากเรื่องสิ่งแวดล้อม เรื่องนู้นเรื่องนี้

ก็เริ่มรู้แล้วว่าคนชอบฟังเราเล่าเรื่องอะไร คนชอบฟังเราพูดเรื่องสาระ เรื่องตำนาน เรื่องความเชื่อ ก็เลยกลายเป็นคอนเซปต์ของช่อง หนุ่ม คงกระพัน ว่า ‘พันสาระ ร้อยตำนาน ล้านความเชื่อ’ ครับ”



ยอดผู้ติดตามเพิ่มขึ้นทะลุ 2 ล้านในระยะเวลาเพียงแค่ 2 ปีกว่าๆ พิธีกรเสียงนุ่มยอมรับว่า ทึ่งไม่น้อยที่มีคนรุ่นใหม่ให้ความสนใจกับคอนเทนท์ที่ทางช่องนำเสนอ

“คาดหวังว่าทำให้คนชอบ ทำให้มีงานทำ เพราะตอนนั้นโควิดใช่มั้ยครับ แล้วก็ได้สื่อสารเรื่องราวพวกนี้ เราก็ชอบอยู่แล้ว เราก็อยากทำเรื่องที่มีสาระ เรื่องที่หลายๆ คนไม่เคยรู้ เรื่องที่น่าสนใจ ก็ทำไป

คนรุ่นใหม่ๆ ตอนนี้ FC ช่องพี่หนุ่มก็มีเด็กๆ อายุยี่สิบกว่า สิบกว่าก็ดู แต่อาจจะไม่ใช่คนส่วนใหญ่ 20-30-40-50 ดูหมดเลย ก็เลยกลายเป็นว่าคนทุกเพศทุกวัยก็ดูเรานี่หว่า อยู่ที่เราจะสื่อสารอะไร สื่อสารให้เขาเข้าใจได้มากน้อยแค่ไหน

ทำเรื่องราวที่มันมีความน่าสนใจ ให้มันน่าสนใจมากขึ้น หรือเรื่องราวที่มันเข้าใจยากๆ ทำให้มันเข้าใจง่ายๆ มันเป็นวิธีที่เราจะสื่อสารมากกว่า กลายเป็นว่าคนก็ชอบดู แล้วก็มีแฟนคลับมากขึ้น เราก็สนุกเลยคราวนี้ (หัวเราะ) ก็ทำมันเลย สมใจ

ผู้ติดตามเข้ามาดูมากขึ้น มีแฟนคลับมากขึ้น ช่องก็โตขึ้นจากปีแรกก็ล้านผู้ติดตาม ปีที่ 2 ก็ 2 ล้านผู้ติดตาม จนมาถึงวันนี้ก็ 2 ปีกว่าๆ แล้ว ตอนนี้เข้าสู่ 2 ล้าน subscribers มาหลายเดือนแล้ว”

เจ้าพ่อคอนเทนท์ ‘พันสาระ ร้อยตำนาน ล้านความเชื่อ’

เมื่อลองส่องคอนเทนท์ของ "หนุ่มคงกระพัน official" ก็ต้องบอกเลยว่า “ปังมากพี่หนุ่ม” เพราะไม่ว่าจะหยิบเรื่องไหนมาเล่า ยอดวิวรายคลิปส่วนใหญ่ก็สูงเกินหลักแสนแทบทั้งสิ้น

เมื่อถามเทคนิคในการเลือกคอนเทนท์ขึ้นมานำเสนอ ตัวผู้ดำเนินรายการให้คำตอบว่า ไม่รู้ว่าคนดูจะชอบหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ ตัวเองชอบ

“พี่จะเลือกทำในสิ่งที่พี่ชอบ (หัวเราะ) บางทีไม่รู้ว่าเรื่องนี้คนจะชอบหรือเปล่าแต่เราชอบ แต่พอทำไปตอนนี้แฟนคลับก็กลายเป็นว่าเราทำก็ดูหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร ส่วนใหญ่ ถ้าเราอยากรู้ เราชอบ แล้วเราสนุก ส่วนใหญ่คนดูก็จะสนุกด้วย

ก็จะอยู่ในคอนเซ็ปท์ ‘พันสาระ ร้อยตำนาน ล้านความเชื่อ’ เรื่องวัตถุมงคล บางสัปดาห์จะเป็นประสบการณ์ที่น่าเหลือเชื่อของบุคคลสำคัญ ของกลุ่มคนที่ปฏิบัติหน้าที่เพื่อประเทศชาติ ทหารพราน ทหารไปรบในสงครามลับ หรือเหตุการณ์ที่ทหารแทบเอาชีวิตไม่รอดในสนามรบ ไปติดอยู่ในป่า 20-30 วันสภาพเป็นยังไง เอาคนที่มีประสบการณ์มาเล่าให้ฟัง

ไม่ได้คิดว่าจะต้องมีคลิปทุกวันนะ เพราะว่ามันหนัก มันเหนื่อย ก็เหมือนทำรายการทีวีทุกวัน ไม่ไหว แต่ว่าตอนหลัง พอเราเริ่มมีผู้ติดตามมากขึ้น มีงบประมาณในการจ้างทีมงานมากขึ้น เราก็เริ่มมีคนช่วยเยอะ ก็สามารถทำคลิปได้ทุกวัน


[ ทีมงาน "หนุ่มคงกระพัน official" ]

ถ้าวันไหนไม่ออกแสดงว่าเรามีปัญหาอะไรสักอย่าง อย่างที่ผ่านมาหยุดออนไปวันสองวัน เรามีปัญหาเรื่องระบบตัดต่อ ทำไม่ทัน แต่ถ้าเกิดเป็นปกติแล้วเราจะมีคลิปให้ดูทุกวัน (หัวเราะ) จริงๆ นอกจากคอนเทนท์ที่พี่หนุ่มทำสัมภาษณ์ มี podcast ด้วย เป็นคอนเทนท์ที่ใช้ฟัง พี่หนุ่มก็เป็นคนลงเสียง แต่ก็มีภาพประกอบด้วย ก็ไปลองฟังดูได้”

แฟนๆ นอกจากเนื้อหาที่ถูกนำเสนอแล้ว อีกส่วนสำคัญที่ได้รับฟีดแบ็กจากทางบ้าน คือชอบสไตล์การเล่าเรื่องของพิธีกรคนนี้อีกด้วย

“ด้วยความทำรายการมาเยอะ พูดได้ทุกเรื่อง แต่เราก็เลือกที่จะคุยเรื่องนี้ คือจริงๆ มีความสนใจหลากหลายเรื่อง เรื่องราวสิ่งแวดล้อม เรื่องราวของสัตว์ เรื่องราวของธรรมชาติ แต่พูดแล้วยอดวิวน้อยก็เป็นแสนวิว

แต่ถ้าเรื่องความเชื่อ เรื่องตำนาน หรือว่าเรื่องบุคคลที่น่าสนใจ exclusive เรื่องราวที่คนไม่ค่อยรู้ ที่เขาจะไม่ค่อยเปิดเผยให้ใครฟัง เราก็พยายามที่จะไปสื่อสาร หาบุคคลนั้นให้เจอ แล้วก็นำมาเล่าให้ฟัง ก็จะเป็นสิ่งที่คนชอบ ก็จะเป็นล้านวิว

ก็เป็นวิธีการทำงานของเราด้วย วิธีการเล่า วิธีการสื่อสาร วิธีที่พี่หนุ่มไปพูดคุยกับเขา มันคงไปโดนใจหลายๆ คน FC ก็ชอบวิธีที่พี่พูดคุย เท่าที่เราอ่านคอมเมนท์ เท่าที่เราไปพบเจอผู้คนบนท้องถนน เขาก็คุยกับพี่ว่า ชอบดูช่องพี่นะ

ชอบดูเพราะอะไร เราก็จะจับใจความว่า อ๋อ… ชอบที่เราเป็นเรานี่แหละ เวลาเราคุยกับคน แล้วพี่หนุ่มก็มีทีมงานที่รู้มือกัน มีคนตัดต่อที่ทำงานด้วยกันแล้วลงตัว”



และเมื่อให้เจ้าตัวได้ลองวิเคราะห์จุดแข็งของ "หนุ่มคงกระพัน official" เขาสะท้อนกลับมาว่า “คอนเทนท์สำคัญที่สุด”

“ช่อง YouTube “หนุ่ม คงกระพัน” คุณจะได้ดูความจริง ได้ดูเรื่องราวสาระ ตำนาน ความเชื่อ เรื่องราว exclusive แต่ว่าเสน่ห์ของช่องเรามันก็อาจจะเป็นสิ่งที่เรานำเสนอ การทำ YouTube สิ่งที่เป็นอันดับ 1 ก็คือเรื่องของคอนเทนท์ เนื้อหาสาระที่อยู่ข้างใน บางตอนพี่มีดาราเต็มคลิปก็ยอดวิวน้อย มันก็บอกได้ว่าตัวดาราหรือตัวพิธีกรก็มีผลบ้าง แต่ไม่ได้มีผลทั้งหมด

ช่องพี่ไม่ได้มีภาพอะไรหวือหวา พี่จะมีคอนเทนท์ที่เป็นคุยยาวๆ อย่างเดียวแต่คนก็ดู เขาไม่ได้ดูเรา เขาดูสิ่งที่เราสื่อสารมากกว่า เพราะฉะนั้นคอนเทนท์สำคัญที่สุด คนที่ดูช่องพี่หนุ่มเขาก็อยากได้เรื่องราว อยากได้ความบันเทิงจากคอนเทนท์นั้น แต่เรามีวิธีทำยังไงให้เรื่องที่เราคุยมันน่าสนใจ ตรงนี้เป็นเสน่ห์ของช่อง “หนุ่ม คงกระพัน” ทุกคนก็จะอยู่กับมันได้นาน

แล้วคนดูช่องพี่ดูนาน ใช้เวลากับคลิป ต้องดูทั้งคลิปเหมือนดูละคร ขาดไปตอนนึงก็งง พี่จะละเมียดกับการทำงานตรงนี้มาก ให้เวลากับการตัดต่อ เมื่อก่อนโมโห กำลังดูมันๆ อ้าว.. จบแล้ว แต่เดี๋ยวนี้ FC เข้าใจแล้ว

เราก็ขออภัยด้วยที่เราตัดต่อไม่ทัน ถ้าเกิดให้เราตัดต่อทั้งหมดมันจะไม่ได้ดูคลิปเลยนะ นานมาก (หัวเราะ) พี่ก็จะแจ้ง FC ไว้ด้วย อดทนนิดนึง เวลาดูละครเรายังต้องรอแล้วดูพรุ่งนี้ต่อ ดูช่อง “หนุ่ม คงกระพัน” ก็เหมือนกัน”

พาบุคคลในประวัติศาสต์มาจับเข่าคุย

ในส่วนของบุคคลนั้น ก็มีหลายต่อหลายท่านที่ได้ออกมาแบ่งปันประสบการณ์ชีวิตอันน่าเหลือเชื่อ ผ่านช่อง YouTube "หนุ่มคงกระพัน official" ทำให้หลายคนเกิดคำถามว่า “แล้วไปหาคนเหล่านี้มาได้ยังไง”

“เราทำรายการมาก็หาเจอหมด แต่ต้องรู้ก่อนว่ามันเคยมีเรื่องราวนี้ขึ้นในสังคม ก็ต้องรู้ประวัติศาสตร์ก่อน พอหลังจากนั้นก็ต้องตามหา เหมือนเวลาเราทำข่าว ตามหาคนตามหาอะไรก็ต้องไปสืบหา แต่ต้องรู้เรื่องราวก่อน ใคร ทำอะไร ที่ไหน

[ “ร.ต.ท.โชคดี ชัยยะเจริญ” ผู้รอดชีวิตจาก “ป่าบางกลอย” ]

เรื่องราวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในช่อง ก็น่าจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับป่าบางกลอย พี่โชคดี (ร.ต.ท.โชคดี ชัยยะเจริญ) ก็ตามตัวยาก เป็นพลร่มค่ายนเรศวร ไปปฏิบัติภารกิจเป็นนักรบพิเศษ ลงไปพิสูจน์ทราบกองกำลังไม่ทราบฝ่าย ปรากฏว่าไปถูกตามล่าอยู่ในป่าบางกลอย ก็คือป่าแก่งกระจานเมื่อหลายสิบปีก่อน

แกก็หนีการตามล่าก็รอดชีวิตมาไม่กี่คน ออกมาจากป่าก็ตัวผอมเหลือ 30 กว่ากิโลจากน้ำหนัก 70 กินไส้เดือน กินกิ้งกือ โดนไล่ล่า เพื่อนตัวเองโดนฆ่าตาย ก็เป็นเรื่องที่บางทีเขาก็ไม่อยากเล่า เพราะมันมีครอบครัวคนอื่นที่เสียชีวิต

แล้วการปฏิบัติภารกิจที่เกิดขึ้น มันก็เป็นการปฏิบัติภารกิจที่เป็นภารกิจลับนอกประเทศ แล้วก็มีเพื่อนผู้ร่วมชะตากรรมไปเสียชีวิตตั้งหลายคน เหตุการณ์ในครั้งนั้นพอเกิดขึ้น ผู้ที่ไปปฏิบัติหน้าที่แล้วเสียชีวิตก็ไม่ได้รับการเยียวยาจากทางหน่วยงาน

ก็มีความน้อยอกน้อยใจอยู่แต่เขาก็ไม่อยากพูด เขาก็มาเล่าเหตุการณ์ part ของการต่อสู้เอาชีวิตรอดในป่า อะไรแบบนี้ ก็เป็นเรื่องราวที่คนชอบมาก เข้าไปฟังคนจากประสบการณ์ วิธีที่เรานำเสนอ วิธีที่เราเล่า พี่ว่ามันมีเสน่ห์ตรงนั้น”


[ “ณสรรค์ พันธรักษราชเดช” ทายาท “ขุนพันธ์” ]

หรือจะเป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ ที่บางครั้งก็ได้ ‘ทายาท’ มาเป็นผู้ถ่ายทอดเรื่องราว

“หรือเรื่องราวของ “ขุนพันธรักษ์ราชเดช” ก็เป็นที่นิยมมาก ถูกบอกเล่าเรื่องราวโดยลูกชายของคุณปู่ขุนพันธ์ ไปปราบเสือนี้ทำยังไง คุณปู่ขุนพันธ์หนังเหนียวจริงมั้ย ยิงไม่ออก ยิงไม่โดน ก็เป็นเรื่องอัศจรรย์ของคนในอดีตที่มีความเชื่อ

เรื่องราวของคาถาอาคม ไสยเวทวิทยาคมต่างๆ คนในอดีตเขาถืออะไรบ้าง คุณปู่ขุนพันธ์ทำยังไง ไอ้นู่นก็ไม่กิน ไอ้นี่ก็ไม่กิน ไอ้นี่ก็ข้ามไม่ได้ ไอ้นี่ก็บอกไม่ได้ อะไรอย่างนี้ ก็สนุก คนรุ่นใหม่ก็อยากรู้เพราะเป็นสิ่งที่ไม่เคยรู้ คนรุ่นเก่าฟังด้วยความเชื่อมั่นศรัทธา ก็ศรัทธามากขึ้น

เรื่องราวเหล่านี้ปัจจุบันไม่เจอหรอก แต่เราไปทำ ไปเจาะลึก ไปสัมภาษณ์ผู้คนที่รู้เรื่องราวต่างๆ อะไรต่างๆ คนก็ชอบมากเลย เพราะมันเป็นวิถีชีวิตของบุคคลในอดีต ที่คนในปัจจุบันจะไม่มีทางได้รู้ว่าเขาทำยังไง เขาใช้ชีวิตอยู่ในป่าได้ยังไง ขี่ม้าปล้น หรือว่าประกาศก่อนว่าจะมาปล้นพรุ่งนี้แล้วมาจริงมั้ย ปล้นคนรวยมาแจกคนจนจริงหรือเปล่า หลากหลายเรื่องราว”

ถึงอย่างนั้น ก็มีบางเคสที่แม้อยากจะหยิบมานำเสนอมากขนาดไหน แต่ก็ไม่สามารถทำได้ เพราะคนต้นเรื่องไม่สะดวกที่จะให้ข้อมูล ด้วยว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและกระทบหลายฝ่าย



“เราก็รู้ว่าบุคคลท่านนี้เคยมีภารกิจที่ยิ่งใหญ่เพื่อประเทศชาติ น่าสนใจมาก แต่เขาก็อาจจะไม่สะดวกที่จะพูดก็มี เรื่องมันผ่านไปแล้ว พอมีปะทะก็มีฆ่ากันตาย บางคนเขาก็ไม่อยากพูดถึง พูดมันก็ไปกระทบคนอื่นด้วย ยุคสมัยมันเปลี่ยนไป

พี่ก็พูดตรงๆ ว่าพี่อยากเอาเรื่องราวนี้มาให้กับคนรุ่นลูกรุ่นหลานได้ฟัง ให้เขาได้รู้ว่าในอดีตมีวีรกรรมของพี่ๆ ที่เคยไปปฏิบัติภารกิจแบบนี้ ปัจจุบันมันไม่มีสงครามแล้ว ทหารปัจจุบันก็อาจจะไม่เคยสัมผัสวีรกรรมความกล้าหาญของพี่ๆ เหล่านั้น

คนที่เป็นแฟนคลับพี่ เป็นตำรวจ ทหารก็เยอะ แล้วเขาบอกว่าสมัยก่อนไปรบกันอย่างนี้เลยเหรอ ตาต่อตา ฟันต่อฟัน เดี๋ยวนี้เทคโนโลยีมันมีมาก คุณจะไม่หลงป่าแบบนั้นหรอกเพราะคุณมี GPS มีอะไร แต่แต่ก่อนใช้แผนที่

หรือเรื่องเสือพี่ก็ทำเยอะ ตำนานเสื้อนู่นเสือนี่ที่ไปปล้นชาวบ้าน เขาก็ไม่อยากเล่าเพราะเป็นเสือ พูดง่ายๆ คือเป็นโจร เป็นคนร้าย แต่ว่าจริงๆ ในอดีตคนที่เป็นเสือเขาอาจจะไม่ได้เลวร้ายเป็นโจรเหมือนทุกวันนี้ ไม่ได้ลักเล็กขโมยน้อย

บางทีเขาก็ต่อสู้กับอำนาจรัฐ พอเขาโดนคนกดขี่ข่มเหงรังแกโดยเจ้าหน้าที่บ้านเมืองบางคนที่ไม่ดี เขาก็กลายไปเป็นเสือ เขาลุกมาต่อสู้กับอำนาจรัฐ กลายเป็นคนไม่ดีแล้ว ถูกเรียกว่าเสือแล้ว”



ถามต่อว่า ในเมื่อเป็นช่อง YouTube ที่ถ่ายทอดเรื่องราวของความเชื่อ สิ่งลี้ลับมาแล้วกว่านับพันเรื่อง แล้วส่วนตัวเคยเจอเหตุการณ์ที่วิทยาศาสตร์ไม่สามารถพิสูจน์ได้บ้างหรือไม่ คำตอบที่ได้คือ “ไม่เคยเจอ”

“มีหลายเรื่องที่เป็นเรื่องอัศจรรย์ เหลือเชื่อ พี่หนุ่มทำเรื่องราวของหลวงปู่สุข วัดโพธิ์ทรายทอง เป็นพระอริยะ พระเกจิในอดีตที่ท่านก็มีวิปัสสนา กรรมฐานสูง ท่านก็รู้เหตุการณ์ล่วงหน้า สามารถเขียนวันมรณภาพของสมเด็จพระสังฆราช พระญาณสังวร พระสังฆราชองค์ที่แล้ว เขียนไว้ล่วงหน้า 50 ปีว่าจะมรณะตอนอายุเท่านี้ วันที่นี้ เวลานี้ ก็เป็นเรื่องอัศจรรย์ รู้ได้ยังไง

หรืออย่างเราคุยกับลูกๆ ของคุณปู่ขุนพันธ์ ว่าท่านหนังเหนียว เหนียวยังไง พ่อเล่าให้ฟัง ยืนจ่อยิง ยิงไม่โดน โดนเอามีดปาดคอ เฉือนๆๆ ยังไม่เข้า ท่านก็จอมขมังเวทย์ ฉายาท่านก็อย่างนั้นอยู่แล้ว มันก็อัศจรรย์

แต่โดยส่วนตัวเจออย่างนี้มั้ย ไม่เจอ อาจจะเป็นคนไม่กลัว เราไปทุกสถานที่เราก็ไปด้วยความเคารพ ไปถ่ายรายการก็จะไหว้ก่อน ขอก่อน ผมมาดีนะ ผมมาด้วยความเคารพ ผมให้เกียรติ ผมจะนำเรื่องไปเผยแพร่ให้ประชาชนรับรู้

แล้วพี่ก็เป็นคนไม่ได้เกเรอะไร เราก็ไม่ได้ถูกกลั่นแกล้งโดยวิญญาณหรือสิ่งลี้ลับ พี่ก็ไหว้พระ ไหว้ทุกจุด ก็ไม่เคยเจอ แล้วเราก็อาจจะไม่ใช่คนที่กังวลเรื่องนี้ด้วย ไม่ค่อยเกิดกับตัวเอง”




วัตถุมงคล พาอยู่ยง “คงกระพัน”

“เรื่องวัตถุมงคล จริงๆ ก็มีความศรัทธาในหลายๆ ครูบาอาจารย์ มีเสด็จเตี่ยกรมหลวงชุมพรฯ มีจตุคามรามเทพ หลวงปู่โต๊ะ หลวงปู่สน จ.ชุมพร หลวงปู่ทวด แต่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ห้อยเพราะว่าเราเป็นคนขี้ลืม บางทีเราไปลืมไว้ที่นู่นที่นี่ ก็จะทำหาย

ท่านก็อยู่ในใจอยู่แล้ว ส่วนตัวเป็นคนที่ไม่ได้ห้อยวัตถุมงคลเป็นประจำเท่าไหร่ เพราะว่าเราก็ชื่อคงกระพันอยู่แล้ว จะห้อยเป็นบางครั้ง เดินทางไกล ขับรถ บางทีไปอยู่ในสถานที่ที่เดินเข้าป่าลึก หรือว่าไปค้างที่อื่น ก็จะมีวัตถุมงคล

แต่ถ้าปกติทั่วๆ ไปก็ไม่ค่อยห้อย ก็จะอาราธนา นึกถึงท่านเอา แต่ส่วนตัวเป็นคนโชคดี คือไม่เจออะไรที่น่ากลัว อุบัติเหตุหรืออะไรแบบนี้ ดีมาก แคล้วคลาด ไม่ได้รับเรื่องอันตรายเลย อันนี้น่าจะวัตถุมงคลช่วยไว้

ผมก็จะพูดอยู่เสมอว่าวัตถุมงคล ก็คือวัตถุที่เป็นมงคลเหมือนชื่อ ครูบาอาจารย์ปฏิบัติตนที่งดงาม ท่านก็อาราธนาแล้วก็อธิษฐานจิตเอาไว้ ก็เป็นมงคลกับเรา ผมเป็นคนเชื่อในพุทธคุณต่างๆ ว่าเรื่องอัศจรรย์เหล่านี้ เรื่องการเวียนว่ายตายเกิด หรือเรื่องอะไรต่ออะไรที่เป็นเรื่องราวของจิตวิญญาณ มีอยู่จริง แต่ในปัจจุบันก็ต้องยอมรับว่าของไม่จริงก็เยอะ

แต่การที่วัตถุมงคลช่วยชีวิตเราได้จริง หรือดลบันดาลอะไรต่ออะไร ขึ้นอยู่กับการกระทำหรือกรรมของเราด้วย ก็แน่นอนว่าทำให้ดีที่สุด ถ้าใครทำได้ก็นั่งสมาธิ วิปัสนาบ้าง ถือศีลบ้าง เรื่องราวดีๆ ก็จะเกิดขึ้นในชีวิตครับ”


“ทำ YouTube เหมือนการหยอดกระปุก”

ปัจจุบันช่อง "หนุ่มคงกระพัน official" ถือได้ว่าเป็นอีกช่อง YouTube ที่ประสบความสำเร็จมากในบ้านเรา แต่เมื่อรู้เบื้องหลังความดังก็ต้องอึ้ง เพราะพิธีกรคนดังเล่าว่า เขาไม่ได้ให้ความสำคัญการโปรโมทเลย

“เริ่มต้นจากการไม่ต้องลงทุนอะไร เอาตัวเรา แล้วก็ทำเรื่องราวที่เราชอบก่อน พี่ทำในสิ่งที่ชอบ แล้วพี่ก็ลองผิดลองถูก พอพี่รู้ว่าคนชอบดูพี่ทำอะไร พี่ก็ทำแต่อย่างนั้น ถ้าคุณไม่ชอบ มันก็จะ consistently ทำได้แป๊บๆ เดี๋ยวก็เลิก เพราะการทำ YouTube มันเหมือนกับการหยอดกระปุก มันไม่ได้ทำปุ๊บดังเปรี้ยง

แล้วพอทำๆ ไปก็ใจเย็นๆ แล้วก็ไม่ต้องไปตื่นเต้นกับความสำเร็จที่ได้มาจากคลิปใดคลิปหนึ่งคลิปเดียว เพราะว่ามันไม่จีรัง มันมาเดี๋ยวมันก็ไป มันอาจจะดังเปรี้ยงแค่คลิปเดียว คนดูเป็นแสนเป็นล้าน แต่หลังจากนั้นคุณจะต่อยอดมันยังไง ต่อเนื่องจากคลิปนั้นให้มันสนุกได้ทุกคลิปได้ยังไง ทำให้คนเขาดูเราในทุกๆ คลิปที่เราทำ อันนั้นยากกว่า

เราต้องมีช่องทางเฟซบุ๊ก ไอจี โซเชียลฯต่างๆ แต่พี่หนุ่มโปรโมทน้อยพูดจริงๆ พี่ตั้งหน้าตั้งตาทำคอนเทนท์อย่างเดียว จะมานั่งโปรโมท เดี๋ยวพี่จะมีแขกรับเชิญคนนี้มา ไม่ทำเลย เพราะพี่ไม่มีเวลาไปทำ

ทีมงานพี่เขาก็ช่วยทำ แต่ว่าเขาก็ทำเป็น pattern ตัดตรงนี้ โปรโมทตรงนั้น ไม่ได้ดีไซน์ เราก็ดีไซน์ไม่ไหว พี่มีครอบครัว พี่ก็มีงานรายการทีวีที่ต้องรับผิดชอบ แล้วก็มีละครที่จะต้องถ่ายทำ YouTube พี่ทำแต่คอนเทนท์ จริงๆ ถ้าคนมีเวลาไปโปรโมทใน TikTok เดี๋ยวนี้เขามี YouTube short พวกนี้เป็นที่โปรโมทได้หมดเลย โปรโมทให้ดี แฮชแท็กให้ดี คนก็เข้าถึงเราง่าย”



ในส่วนของยอดผู้ติดตาม เขายอมรับว่าในช่วงแรกโฟกัสว่าต้องมียอด subscribers ให้มากเข้าไว้ แต่ตอนนี้กลับไม่ได้คิดอย่างนั้น สิ่งเดียวที่คิดคือจะทำอย่างไรให้คอนเทนท์ออกมาดีและมีประโยชน์ต่อสังคม

“คอนเทนท์มันเป็น King เป็น Queen ของเรื่องการทำ YouTube คนจะเข้าถึงเราได้ การมีผู้ติดตาม ก็ไม่ใช่ว่าคนทั่วไปจะติดตามเราง่ายๆ นะ ช่องพี่หนุ่มสมมติมี 2 ล้านคน อันนี้คือแฟนคลับที่รักพี่มาก ให้ใจในการกด subscribe แต่มีคนที่ดูพี่อยู่เป็นประจำ มากกว่า 10 ล้านที่ไม่กด subscribe

ยกตัวอย่าง เราเองจะกด subscribe ให้ใคร ต้องชอบจริงๆ ไม่งั้นมันเยอะเกิน ทุกวันนี้ช่องที่ subscribe มันเยอะมาก มันเด้งจนดูไม่ไหว เหมือนกัน พี่ว่าใจของคนดูก็คิดแบบเดียวกับพี่ เพราะพี่สามารถดูจากระบบหลังบ้านได้

คนที่ดูอยู่เป็นประจำคือ 2 ล้านนี่แหละ แต่ยังมีอีก 10 ล้าน 20 ล้านเลยมั้งที่ดูเป็นประจำแล้วไม่กด subscribe เราก็ต้องทำอะไรก็ได้ ทำให้เขามั่นใจว่าคุณจะต้องรักผม คุณจะต้องกด subscribe กับผมให้ได้

กว่าจะได้คน subscribe ซักคนนึง ถ้าไม่ใช่เพื่อนสนิทจริงๆ หรือคุณชอบคอนเทนท์จริงๆ ถึงจะให้ใจ การทำ Youtube กว่าจะมีผู้ติดตามสักร้อย สักพัน มันยากสำหรับคนเริ่มต้น พี่เข้าใจ

ตอนที่พี่มีคนติดตามหลักพัน หลักหมื่น จะมาหลักแสน แล้วจะไปล้านมันก็ไม่ง่าย ก็ต้อง consistently พยายามทำอย่างต่อเนื่อง มุ่งมั่น เราทำในสิ่งที่ชอบเราจะไม่เบื่อมัน แม้ว่าบางครั้งมันอาจจะไม่สำเร็จ แต่เราก็ยังได้ทำในสิ่งที่ชอบ”



สำหรับรายได้ที่เข้ามานั้น ก็มีทั้งจากการทำ YouTube และการให้เช่าบูชาวัตถุมงคลต่างๆ

“จริงๆ ยอด subscribe กับรายได้ มันมีความสัมพันธ์กันหลายเรื่อง ไม่ใช่ว่ายอด subscribe เยอะแล้วจะรายได้เยอะ คนทำ YouTube มันก็จะมีความสัมพันธ์กัน ชั่วโมงกับเวลาที่ดู คนดูนานแค่ไหน

(ทีมงาน) ตอนแรกเริ่มต้นก็มีอยู่ 2-3 คน ตอนนี้มีเป็นสิบแล้วครับ (รายได้) พอได้อยู่ บางเดือนไม่พอก็หาเอา (หัวเราะ) รายได้ของพี่หนุ่มก็เป็นหลายแสน แต่ไม่ได้หมายความว่าพี่จะรวย พี่มีค่าใช้จ่ายเยอะ ก็เหมือนทำธุรกิจ พี่ก็มีคนทำงาน มีค่าใช้จ่ายที่จะต้องใช้ มีการเดินทาง มี production มีทีมงาน ก็เยอะมาก พูดตรงๆ เผลอๆ จะไม่พอ

แต่พี่ก็ทำธุรกิจอื่นพ่วงไปด้วย ก็คือพี่ก็ช่วยวัดที่พี่ไปถ่ายรายการ “ศักดิ์สิทธิ์คงกระพัน” หรือที่พี่ไปทำรายการต่างๆ พี่ก็จะเอาวัตถุมงคลของเขามาให้เช่าบูชาผ่านช่องทางออนไลน์ของพี่ เพื่อช่วยทำบุญด้วย ช่วงนี้คนไม่ค่อยเข้าวัดตั้งแต่โควิดมา

หรือบางทีคนดูรายการอยู่จังหวัดโน้นจังหวัดนี้ ก็ไม่สามารถจะมาวัดที่อยากไปได้ ก็เช่าวัตถุมงคลผ่านมาช่องเรา เราก็จะจัดส่งให้ พี่ก็ส่งรายได้ให้กับทางวัด แล้วรายได้ส่วนหนึ่งพี่ก็นำมาเป็นค่าทำคอนเทนท์ เพื่อให้เราได้ทำคอนเทนท์ดีๆ ที่มีคุณภาพ เพราะอย่างช่องพี่หนุ่มทำคอนเทนท์เหมือนรายการทีวีเลย”



ส่วนใครที่รอติดตาม “หนุ่ม คงกระพัน” ในฐานะนักแสดง ก็อาจจะอดใจรอกันไปก่อน

“จริงๆ งานละครทิ้งมาเป็น 10 ปีแล้ว กลับมาเล่นละครเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา พี่ไปทำรายการ ทีนี้ลูกพี่ก็เริ่มโต พี่ก็เริ่มมีเวลามากขึ้น พี่ก็มาเล่นละคร แต่พอพี่ทำ YouTube พี่ก็สนุกกับมันมาก พี่ก็ชอบเพราะเราได้ทำในสิ่งที่เราชอบ มันต่างกับการทำรายการทีวี รายการทีวีมีโจทย์ มีนู่นมีนี่เยอะ

แต่นี่เรามีอิสระเสรีในการทำงานมาก ไม่ถูกจำกัดด้วยเวลา ไม่ถูกจำกัดด้วยอะไรเลย ทำงานง่าย รวดเร็ว เป็นกองกำลังเล็กๆ ที่สามารถเดินทางได้อย่างคล่องตัว ทำทุกเรื่องราว ครีเอท คิดเองถ่ายเอง สนุก enjoy กับมันมาก ก็ยังคิดเลยว่าหรือเราอยากทำ YouTube ให้มากขึ้น ช่วงนี้ก็เล่นละครน้อยลง

แต่จริงๆ ในวัยพี่หนุ่มไปเล่นละครเดี๋ยวนี้ก็ไม่ได้ใช้คิวเยอะเหมือนกับตัวละครหลัก พี่ก็จะเล่นแบบไม่ใช่พระเอก-นางเอกแล้ว เล่นอยู่บ้างกับผู้จัดที่เราสนิทสนมรักใคร่คุ้นเคย แต่ก็เป็นเปอร์เซ็นต์ที่น้อยลง พี่หนุ่มดู YouTube มากขึ้นเพราะมันเป็นงานหลัก แล้วเราก็เป็นคนที่เป็นหลักในการทำงาน ก็ต้องดูแลลูกน้องด้วย เป็นความรับผิดชอบเลยแหละ (หัวเราะ)”

ความสำเร็จ ไม่มีทางลัด

ด้วยคอนเทนท์ที่นำเสนอนั้น ในบางครั้งก็อาจไม่ถูกใจผู้ชมบางคน จนนำไปสู่การแสดงความคิดเห็นที่หลากหลายตามมา ซึ่งเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ทางช่องจึงมีวิธีการจัดการในแบบของตัวเอง

“อาจจะมีบ้างกับคำคอมเมนท์มากกว่า แต่พี่ก็จะไม่ไปฟังมากเพราะพี่รู้สึกว่าพี่ทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ พี่ก็อยากจะนำเสนอเรื่องราวในมุมนี้ ถ้ามองเป็นมุมอื่นก็ไม่รู้ มีแขกรับเชิญพี่บางคน สมมติว่าเป็นฝั่งโน้นฝั่งนี้ เราคุยเรื่องดนตรี เรื่องชีวิต แต่ไปโยงมั่วซั่วไปหมด นี่คือเรื่องที่น่าห่วงที่สุดในสังคมตอนนี้คือเรื่องความสามัคคี

ถ้าหยาบคายมากหรือโยงเข้าไปเรื่องการเมืองที่มันเลอะเทอะ พี่ก็จะลบออกไม่อยากให้คนอื่นมาอ่าน แต่ถ้าไม่ได้หยาบคาย ความคิดเห็นเขาพี่ก็จะปล่อยทิ้งไป มันมีความคิดเห็นต่าง บางทีทะเลาะต่อกันยาว ก็เก็บไว้นะถ้าคุยกันด้วยเหตุผล

หรือไม่ชอบพี่หนุ่มถามแทรกเยอะ บางทีเขาไม่เข้าใจบริบทของการทำงาน เขาไม่เข้าใจว่าถ้าเราไม่ถาม คุณก็จะไม่ได้รายละเอียดตรงนี้ มันก็จะข้ามไปเลย ซึ่งคนที่เขาเข้าใจก็พอจะเก็ท เราเป็นพิธีกร เรารู้ว่าแขกรับเชิญท่านนี้เล่าเก่ง ถามเขาประโยคเดียว เขาลำดับเรื่องราวเล่าเป็นขั้นเป็นตอนได้หมด



แต่ขณะที่อีกคนไม่ใช่ สมมติเขาเป็นนักรบ เขาไม่ได้เล่าเรื่องเก่ง บางทีเขาเล่าเขาข้ามไปนู่น ข้ามมาปีนี้ ถ้าพี่หนุ่มไม่คอยกำกับให้ คุณก็ไม่เข้าใจเลยนะ บางทีแขกรับเชิญอายุ 80 ไม่ค่อยสบาย บางทีท่านก็ลืม ให้ท่านพูดเยอะท่านก็เหนื่อย เขาจะด่าพี่ว่าพูดเยอะกว่าแขกรับเชิญอีก คราวหลังไม่ต้องเชิญมา ก็ไม่มีเวลาไปอธิบาย

คนที่ดีที่สุด เก่งที่สุดยังถูกวิจารณ์ได้เลย เป็นเรื่องปกติมากสำหรับพี่หนุ่ม ไม่ได้มีผลเลย อาจจะมีเรื่องความรู้สึกนิดนึง ทำไมพูดจาไม่ดีเลย ดูแค่นี้เองทำไมจะต้องหงุดหงิด แต่พี่ก็ไม่ได้ใส่ใจ”

การเดินทางตลอดเกือบ 3 ปีที่ผ่านมาของ "หนุ่มคงกระพัน official" ในฐานะ Youtuber เรียกได้ว่าเป็นการเติบโตไปพร้อมๆ กัน ซึ่งเจ้าของช่องสัญญาว่าหลังจากนี้ แฟนๆ ที่ติดตามจะได้เห็นอะไรใหม่ๆ มากขึ้นอีกแน่นอน

“ทุกคอนเทนท์ที่ทำไปมันมีดีของมันในตัว สมมติคนดูน้อย เราก็ไม่รู้สึกว่าเฟลนะ เราได้สื่อสารอะไรเป็นประโยชน์ออกไป เราจะรู้ว่าเราลงไปจะมียอดคนดูเท่าไหร่ ทุกวันนี้ก็ยังมีอยู่บางคลิปที่คนดูน้อย พี่ไม่คิดเพราะมันเป็นเรื่องปกติ

คอนเทนท์มีคนชอบบ้างไม่ชอบบ้าง บางทีมันเดาได้ พี่หนุ่มรู้ จะทำเรื่องนี้คนดูเยอะ เรื่องนี้คนดูน้อย แค่เรื่องนี้ดี ใจอยากทำ ให้ความใส่ใจเรื่องว่าทำแล้วก็ต้องมียอดวิวนะ แต่ก็ไม่ได้เป็นความสำคัญอันดับแรก ความสำคัญอันดับแรกคือพี่ชอบ



คอนเทนท์ celebrate ครบ 2 ล้านไม่มี ตอนแรกพี่จะมานั่งพูดคุยขอบคุณ FC ทุกคน พี่ก็ไม่มีเวลาทำ เพราะมีคนที่คอมเมนท์นี่แหละ บอกพี่หนุ่มคุยแต่เรื่องคนอื่นไม่คุยเรื่องตัวเองเลย อยากรู้ชีวิตพี่ (หัวเราะ) ชีวิตพี่ไม่มีอะไรน่าสนใจเลย เดี๋ยวไว้มีโอกาสจะคุยให้ฟัง กะว่าจะใช้โอกาสครบ 2 ล้านจะมานั่งพูดให้ฟัง แต่คิดไปคิดมาไม่มีเวลาด้วย ก็เลยยังไม่ได้ทำ

เดี๋ยวรอ 5 ล้านดีกว่า ไม่นานหรอก จะพยายามนะครับ คิดว่าคงมีอะไรใหม่ๆ สิ่งที่คิดไว้ใหม่ๆ ในหัวเยอะมากที่อยากจะทำแต่ยังไม่มีเวลาทำ ค่อยๆ ทยอยทำ แต่สิ่งที่เราทำอยู่ตอนนี้มันยังสนุกอยู่ ยังมันอยู่ แต่ในอนาคตข้างหน้าก็จะมีแนวคอนเทนท์ใหม่ๆ ที่คิดไว้ แล้วก็อยากทำ ก็คงได้ทำเร็วๆ นี้ รอติดตามนะครับ (ยิ้ม)”

สุดท้าย เจ้าของช่อง YouTube ที่มีผู้ติดตามกว่า 2 ล้านคน ก็ได้ฝากคำแนะนำไปถึงคนร่วมรุ่นหรือรุ่นใหญ่ ที่สนใจอยากก้าวมาเป็น Youtuber เหมือนกัน ให้หาเรื่องราวที่ตนเองอยากสื่อสารและลองทำมันออกมา ซึ่งสิ่งสำคัญที่จะพาไปสู่ความสำเร็จได้นั่นก็คือ “การไม่ยอมแพ้” ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม

“พี่หนุ่มเริ่มต้นด้วยทุนไม่กี่พันบาท มีกล้องโกโปร YouTuber ใครๆ ก็เป็นได้ ถ้าเราเล่าเรื่องให้ใครฟังแล้วไม่มีใครสนุกกับเรา ไม่มีใครสนใจฟังเลย พี่ว่ามันก็ยาก แต่ถ้าเรามีพรสวรรค์ เราเล่าเรื่อง เราพูดอะไรคนก็ฟัง เขาสนุกกับเรา พี่ว่านั่นก็มีแวว



เด็กๆ หลายคนใฝ่ฝันว่าจะเป็น Youtuber ก็ต้องดูตัวเองก่อนว่าเรามีความชอบ มีความถนัดที่จะทำหรือเปล่า บางทีเราไปเห็น Youtuber คนนู้นประสบความสำเร็จ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะสามารถทำได้ ถ้าเราอ่านตัวเองแล้วว่าไม่ใช่ทาง เราไม่ใช่นักเล่าเรื่อง เราไม่ใช่นักสื่อสาร เราแค่ชอบเพราะเห็นว่ามันเท่ เดี๋ยวคุณทำไปสักวันนึงแล้วจะเลิก คุณก็จะเบื่อ

YouTube มันเป็นช่องทางของทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย ก็จะเห็น Influencer บางคนที่อายุมากกว่าพี่อีก 50-60-70 ก็มี คุณก็สามารถคิดครีเอทคอนเทนท์ได้ทั้งนั้นแล้วก็ทำมันไป เราอยากสื่อสารเรื่องอะไร เราทำแล้วมีความสุข มีรายได้ด้วยก็ทำ

พี่เชื่ออย่างนึงว่าความสำเร็จไม่มีทางลัด มันต้องพยายามมุ่งมั่น คนที่จะเป็น Youtuber ที่ประสบความสำเร็จก็จะต้องมีผิดพลาด มันเป็นเรื่องปกติ ก็เหมือนพี่หนุ่ม ล้มเหลวมาไม่รู้กี่คลิปกว่าจะสำเร็จ แต่ก็ไม่ได้ท้อ ก็ทำๆๆ จนมันสำเร็จ

ช่วงเวลาที่มันยาก ยากมากเลย เราทำรายการทีวีช่วงโควิด พูดตรงๆ เราหนักมาก บริษัทแทบจะล้มเหลว เราก็เปลี่ยนมาหันมาทำคอนเทนท์ใน YouTube มันก็เลยทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างมันกลับฟื้นขึ้นมาใหม่ เพราะเราไม่ give up

บางทีช่องทางการประกอบอาชีพมันก็มีเยอะแยะ ถ้าเราไม่เก่งในการครีเอท ไม่เก่งในการสื่อสาร เราไปทำอะไรก็ได้ มีพื้นที่มากมาย ขอให้คุณจริงจัง ลองผิดลองถูก อย่าไปยอมแพ้ในทุกอาชีพที่ทำ ตั้งใจ มุ่งมั่น สำเร็จแน่นอน”







สัมภาษณ์ : ทีมข่าว MGR Live
เรื่อง : กีรติ เอี่ยมโสภณ
คลิป : จิตริน เตื่อยโยชน์
ภาพ : ธัชกร กิจไชยภณ
ขอบคุณภาพเพิ่มเติม : เฟซบุ๊ก “Kongkapan Sangsuriya” [@kongkapan.sangsuriya] และ YouTube "หนุ่มคงกระพัน official"



** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **




กำลังโหลดความคิดเห็น