xs
xsm
sm
md
lg

ภัยเงียบ “มะเร็งปอด” = โรคฮิตวัยรุ่น ส่งสัญญาณอันตราย รีบดูแลตัวเอง!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ไขข้อสงสัย!! ฆาตกรตัวร้าย “มะเร็งปอด” ผู้พรากชีวิตวัยรุ่น แพทย์ไขความกระจ่าง เรื่องใกล้ตัวที่คนมองข้าม “มลพิษทางอากาศ-ควัน” ไม่มีการดูแลอย่างจริงจัง




สัญญาณอันตราย “มะเร็งปอด” พบในวัยรุ่น


“มีคนเคยบอกว่า ‘ชีวิตคนเราไม่แน่นอน’ แต่ก็ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเอง อายุ 24 ปี กับโรคยอดฮิตในหนังเศร้า ‘มะเร็งปอดระยะที่สี่’ ที่ทุกคนเรียกว่า ‘ระยะสุดท้าย’ ฝันอยากมีชีวิตแบบนางเอกซีรีส์สักครั้ง แต่ไม่คิดว่าจะได้พล็อตนี้…”





ข้อความสุดสะเทือนใจที่ถูกเขียนผ่านเฟซบุ๊กBorTor Baitoey เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจในวัย 24 ปี เผชิญกับโรคมะเร็งปอดระยะที่ 4 หรือระยะสุดท้าย คาดการณ์ว่าสาเหตุมาจากการอยู่ใกล้คนสูบบุหรี่ (Secondhand Smoke)

ก่อนหน้านี้มีอาการไอตลอด ขาเดินกะเผลก ไปกายภาพบำบัดและไปตรวจตามนัดของหู คอ จมูกเสมอ แต่กลับไม่พบความผิดปกติ

“เดือนกรกฎาคม จุดเปลี่ยนของชีวิต พอพ้นวันเกิดวัย 24 ปี ทุกอย่างก็เกิดขึ้นเร็วมาก อาการไอยังคงเหมือนเดิม เริ่มหนักขึ้น เริ่มเหนื่อยหอบ เดินได้แป๊บเดียวก็ต้องหยุดพักค่อยเดินต่อ น้ำหนักลดอาทิตย์ละ 2 kg ได้

คนรอบข้างเริ่มทักว่าผอมลงเยอะมาก ให้ไปตรวจ ได้พี่ที่รู้จัก (คนดีคนเดิม) นัดคิวตรวจอายุรศาสตร์ให้ไปตรวจอายุรศาสตร์ครั้งแรก เจาะเลือด x-ray แบบชุดใหญ่ไฟกะพริบ ผล x-ray ก็ยังคงปกติ แต่ผลเลือดค่าตับไม่ค่อยดี แต่หมอไม่ว่าไง ยังคงมีอาการไออยู่ หมอจึงพาไปให้หมอเฉพาะทางด้านปอดดู หมอปอดส่งตรวจ CT Chest

ผลเจอก้อนที่ปอด (หลายก้อน ใหญ่สุด 4 cm) และที่ตับ 2 ก้อน จึงนัดตัดชิ้นเนื้อไปตรวจ ผลก็คือเป็นมะเร็งระยะแพร่กระจาย ปอด ตับ ต่อมน้ำเหลือง และกระดูก”

[หมอกฤตไท]
ไม่เพียงเท่านี้ เมื่อทีมข่าว MGR Live ตรวจสอบข้อมูลพบว่า กรณีลักษณะนี้เกิดขึ้นมาก่อนแล้ว เมื่อ นพ.กฤตไท ธนสมบัติกุล เล่าเรื่องราวชีวิตการเป็นหมอที่กำลังจะรุ่งโรจน์ ได้รับการบรรจุเป็นอาจารย์หมอมาแล้ว 2 เดือน ชีวิตส่วนตัวก็กำลังจะแต่งงาน

แต่กลับพลิกผัน เมื่อตรวจพบว่าตัวเองเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้ายในวัย 28 ปี ทั้งที่คุณหมอหนุ่มรายนี้ไม่สูบบุหรี่ ออกกำลังกายเป็นประจำ กินคลีน ดื่มน้อย พักผ่อนเป็นเวลา และดูแลสุขภาพเป็นอย่างดี

ทั้งนี้เมื่อมีการเผยแพร่ออกไป นำมาซึ่งการตั้งคำถามถึงสาเหตุ และข้อสังเกตว่า ปัจจุบันวัยรุ่นและเยาวชนที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งอัตราค่อนข้างสูง

[อ.นพ.ศุภฤกษ์ เจียรผัน]
เกี่ยวกับเรื่องนี้ทีมข่าวจึงติดต่อไปยัง อ.นพ.ศุภฤกษ์ เจียรผัน” แพทย์ผู้เชี่ยวชาญสาขาศัลยศาสตร์หัวใจและทรวงอก ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ช่วยให้ความรู้ถึงเรื่องนี้

“เป็นเคสตัวอย่างหนึ่งที่คนแข็งแรงก็มีโอกาสเป็น เราเจอบ่อยๆ คนที่แข็งแรง คนที่ไม่เป็นอะไรเลย แต่เราตรวจคัดกรองเจอก็เยอะ แต่บางคนที่แข็งแรง มาตรวจอีกที มันเหนื่อยไปแล้ว มีอาการไปแล้ว มันจะเป็นระยะหลังๆ แล้วก็โอกาสที่แพร่กระจายไปค่อนข้างเยอะแล้ว

อีกอย่างหนึ่งคือปัจจุบันเปลี่ยนไปตามสภาพแวดล้อม เพราะตอนนี้สภาพแวดล้อมไม่ค่อยดี มันก็เกี่ยวข้องกันหมด มีปัจจัยหลายอย่าง มันมีเรื่องยีนที่กลายพันธุ์ค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะคนไข้ที่มีความเสี่ยง เช่น เป็นมะเร็งอย่างอื่นมาก่อน หรือว่าญาติสายตรง คุณพ่อ คุณแม่ พี่น้องเป็นมะเร็ง ก็เพิ่มโอกาสให้เป็นขึ้นเหมือนกัน


กลุ่มนี้เจอในกลุ่มอายุน้อย ในระหว่างตรวจเจอจะมีความเสี่ยงมากกว่าคนปกติทั่วไป ไม่ได้มีความเสี่ยงในเรื่องของญาติพี่น้อง หรือในสภาพแวดล้อมที่อยู่ในกลุ่มควันตลอดเวลาอีกอย่างคือบุหรี่ ก็ยังเป็นปัจจัยเสี่ยงเหมือนกัน

ตอนนี้มันเจอเยอะขึ้น และมีโอกาสเป็นในอายุน้อย อาการก็จะเยอะกว่าปกติ และบางทีเจอในระยะที่ 3 หรือ 4 โอกาสที่จะหายขาดก็น้อย เพราะฉะนั้นจะต้องสังเกตตัวเองดีๆ

ส่วนใหญ่ก็เคยเจออายุน้อยที่สุดประมาณ 20-30 ปี ส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับพันธุกรรมเยอะเหมือนกัน ส่วนใหญ่กลุ่มที่เจอไม่ค่อยเกี่ยวกับบุหรี่เท่าไหร่ เพราะบุหรี่มักจะต้องใช้ระยะเวลาหนึ่งถึงจะทำให้เซลล์มันเปลี่ยนแปลงจนกระทั่งเป็นมะเร็งได้

ถ้ากลุ่มที่การเปลี่ยนแปลงเป็นมะเร็ง เซลล์พร้อมจะเปลี่ยนอยู่แล้ว ก็มีโอกาสที่จะทำให้มีการเปลี่ยนแปลง เซลล์มันถูกทำร้ายซ้ำๆ มันก็กลายเป็นมะเร็งที่เร็วขึ้น เยอะขึ้น”




เพราะ “มลพิษทางอากาศ” ทำ “มะเร็ง” อัตราสูง?


จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ผู้คนในสังคมเกิดความสนใจ และตระหนักถึงภัยเงียบใกล้ตัวชนิดนี้มากขึ้น หลายคนเข้าใจกันว่า “มะเร็งปอด” เกิดจากการสูบบุหรี่เป็นหลัก

คุณหมอรายเดิมได้บอกถึงวิธีการสังเกตตนเอง พร้อมย้ำเตือนให้ฟังถึงปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคมีหลายปัจจัย หนึ่งในนั้นมาจากผลของมลพิษทางอากาศ ที่ประกอบไปด้วยการอยู่ใกล้ชิดกับคนที่สูบบุหรี่ หรือผู้สัมผัสสารพิษในโรงงานแร่ใยหิน หรือมีกรรมพันธุ์ก็อาจจะเกิดเป็นมะเร็งปอดขึ้นมาได้ อายุยังน้อยก็เสี่ยงเป็นมะเร็งปอดได้

“ไม่ใช่แค่ควันบุหรี่อย่างเดียว ควันธูป ควันที่มีสารโมเลกุลเล็กๆ ขึ้นไปในอากาศ ที่มีคาร์บอนไดออกไซด์ โดยเฉพาะสารเคมีต่างๆ


อย่างอาจารย์หมอมนูญได้พูดถึงควันธูปก็มีโอกาสเหมือนกัน ในบางคนที่สูดพวกนี้เข้าไป เพราะปกติเรามีระบบกำจัดอยู่แล้ว ถ้ามันมากเกินไปมันก็ไม่สามารถที่จะกำจัดได้หมด พยายามหลีกเลี่ยงคือดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นควันอะไรก็ตามแต่ มันมีโอกาสหมด เพราะว่าเป็นสารที่ไม่ดี และเป็นสารโมเลกุลเล็กๆ ที่เป็นกลุ่มควัน สารเคมีด้วย ที่เราไม่สามารถกำจัดได้

ส่วนสภาพอากาศในบ้านเรามันก็ต้องพึ่งทางผู้ใหญ่ด้วย เพราะไม่รู้จะหลีกเลี่ยงยังไงเหมือนกัน เพราะมันจะต้องใช้ชีวิตอยู่ในเมือง บางทีก็ลำบากนิดหนึ่ง ก็ต้องหาทางป้องกันตัวเอง โดยเฉพาะหน้าหนาว ที่อาจจะต้องใช้หน้ากากอนามัย, หน้ากากกรอง หรือตัวกรองฝุ่น ที่อาจจะช่วยได้ส่วนหนึ่ง

จริงๆ ถ้าเป็นระยะแรกๆ ไม่ค่อยมีอาการเท่าไหร่ อาการจะมาในตอนระยะหลังๆ หมายความว่าก้อนมันใหญ่ บางรายที่เราเจอคือส่วนใหญ่จะมีเรื่องหลอดลม ติดในทางเดินหายใจเยอะ ทำให้ไอบ่อย มีไอเป็นเลือด หรือมีเรื่องของเหนื่อยง่าย

ในบางรายที่ก้อนมันโต ก็ไปกดอวัยวะข้างเคียง ทำให้กลืนลำบาก เสียงแหบ ก็จะมีอาการข้างเคียงพอสมควร แต่จริงๆ ถ้าเกิดเจอในระยะแรกเลย มันไม่ค่อยมีอาการ เพราะบางทีมันเป็นแค่จุดในปอด ฝ้าในปอด

เราถึงมีการพยายามส่งเสริมให้มีการคัดกรอง โดยเฉพาะคนที่มีความเสี่ยง ปัจจุบัน x-ray เป็นการคัดกรองแบบหยาบๆ ไม่ค่อยละเอียดเท่าไหร่ ยกเว้นที่ไป x-ray แล้วไม่เจอจุดที่มันใหญ่ แล้วจะเจอ”


แน่นอนในปัจจุบันมีผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็งสูงขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่เฉพาะแค่ผู้สูงวัยเท่านั้น แต่คนอายุน้อยๆ ก็เริ่มเป็นมะเร็งกันมากขึ้นแล้วเช่นกัน คุณหมอศุภฤกษ์เตือน ถ้าเกิดเจอเร็วแล้วควรรีบรักษา เพราะสามารถรักษาได้หายขาด และหากเรามีความเสี่ยง ควรคัดกรองก่อนสายเกินแก้

“ขอฝากว่าถ้ามีความเสี่ยง หรืออยู่ในสภาพแวดล้อมที่ต้องมีฝุ่นควันตลอดเวลา หรือสภาพที่ทำงานมีลักษณะเป็นสารเคมี ที่ต้องสูดดมอยู่ตลอดเวลา ก็ควรคัดกรองให้เร็วหน่อย คือการไป x-ray computer ในช่องอกของปอด จะดีกว่า

ถ้าเราเจอเร็วโอกาสในการรักษาหายขาดมีสูงนะครับ โดยการผ่าตัดเอาออกไป หรือใช้ยาเคมีบำบัดเสริม แต่ว่าถ้าเจอหลังๆ ก็อาจจะไม่ช่วย เพราะฉะนั้นถ้าเกิดเจอเร็ว ก็รักษาหายขาดได้ ถึงแม้ว่าจะเป็นมะเร็งปอด

ก็พยายามป้องกัน หากมีความเสี่ยง ถ้าเจอก็รีบรักษาจะดีที่สุด อีกอย่างคือ มันมีเวลาของมัน ถ้าเกิดว่าเราเจอแล้วรอนาน ยังไม่แน่ใจว่าจะผ่าตัด, จะรักษา หรือไปเลือกทางเลือกอื่น มันมีเวลาจำกัด เพราะว่าส่วนใหญ่มะเร็งมันเกิด มันจะโตขึ้นเรื่อยๆ และสามารถกระจายไปได้

ฉะนั้นถ้าเจอแล้วรีบรักษาให้เร็วที่สุด อย่าไปรอ อย่าไปหวังพึ่งพาไสยศาสตร์ หรือไปหาทางเลือกอื่นๆ ที่มันไม่ได้เกี่ยวกับทางแพทย์ เพราะหลายๆ ครั้งเราก็เสียคนไข้โดยที่น่าเสียดายไปครับ”






สกู๊ป : ทีมข่าว MGR Live



** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **




กำลังโหลดความคิดเห็น