xs
xsm
sm
md
lg

“หมอของขวัญ” ตั้งธงถาม!! “โควิด-19” หลังสงกรานต์ อย่าคิดแค่ “ติดเดี๋ยวก็หาย” อาจเสี่ยงกลายพันธุ์ซ้ำ [มีคลิป]

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ฟาดสะเทือน-วิเคราะห์เบอร์แรง-แซงทุกดรามา-ยืนหนึ่งทุกกระแส สำหรับ “คุณหมอของขวัญ ฟูจิตนิรันดร์” อีกหนึ่งบุคคลที่ถูกพูดถึง และเป็นกระแสในหลายๆ เทรนด์ทวิตเตอร์อยู่เสมอ ล่าสุด ออกมาเตือนให้เตรียมความพร้อม “โควิด-19” ช่วงเทศกาลสงกรานต์แบบตรงจุด ฟันหมดทุกปัญหา แถมพร้อมตอบคำถามถึงวิธีการรับมือ เมื่อโดนทัวร์ลงจากประสบการณ์ตรงด้วย



Q: คาดการณ์โรคโควิดช่วงหลังสงกรานต์จะเป็นยังไงบ้าง?

A: เราไม่มีทางรู้ แต่อาจจะเลวร้ายกว่านี้ก็ได้ เพราะทุกคนกลับบ้านในช่วงวันหยุดยาว ต้องบอกก่อนตัวเลขทุกวันนี้ ทำเราเริ่มไม่แน่ใจแล้วค่ะ อย่าง 3-4 วัน ก่อนแพทย์ชนบทรวมตัวเลข ATK ใน 3 จังหวัด ได้มากกว่ากรมควบคุมโรครวมตัวเลข ATK ของทั้งประเทศ

เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะก่อนหรือหลังสงกรานต์ หมอมองว่า มันไม่ใช่สถานการณ์จริงที่รายงาน มันอาจจะเลวร้ายกว่า หรืออาจจะเยอะจนขนาดที่ว่าไม่น่าจะอยู่ที่ตัวเลขแค่นี้ เพราะฉะนั้นวันนี้นโยบายของรัฐบาลต้องชัดเจน ว่าเราจะเป็น Pandemic (โรคระบาด) หรือ Endemic (โรคเฉพาะถิ่น)

คือ ถ้าเราจะให้เป็นโรคระบาดเลยก็ต้องทำให้มันเป็นแบบ Zero Covid เหมือนประเทศจีน นิวซีแลนด์ เก็บแรปให้หมดทุกอย่าง ล็อกดาวน์ หรือจะให้มันเป็นโรคประจำถิ่นแบบที่อเมริกา อังกฤษ ไม่ต้องใส่หน้ากากอะไรเลย แต่ต้องประกอบด้วย 3 ปัจจัยใหญ่ด้วยกันเลยคือ

1. การตรวจแยกโรคแบบฟรี 2. เรื่องของวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ 3. ยาที่เฉพาะเจาะจงในการรักษาให้เหมือนโรคปกติ ทั้งหมดที่หมอพูดมามันใช้งบประมาณน้อยมาก หมอเชื่อว่า นโยบายของรัฐบาลมันสำคัญ เพราะมันคือทิศทางที่จะทำให้ประเทศเดินไปทางนั้น

ถ้านโยบายคุณจะตั้งให้เป็น Endemic คุณเริ่มเลย ไม่ต้องมานั่งควบคุมตัวเลขหรอก ปล่อยไหลเหมือนอังกฤษไปเลย แค่คุณจัดเตรียม 3 อย่าง ที่ประชาชนทำเองไม่ได้อย่างที่กล่าวไปข้างต้นให้พร้อม


Q: ตอนนี้สายพันธุ์ไหนน่ากลัวสุด?
A: เรียกว่าทุกตัวน่ากลัวหมด ไม่ติดจะดีกว่า บางคนอาจจะคิดว่าโอมิครอนไม่แรง ติดๆ ไปเถอะ สรุปบางคนติดสองครั้งในเดือนเดียว แสดงว่า ภูมิคุ้มกันคุณอาจจะไม่เกิด อย่าลืมว่าเวลาติดแล้วแพร่กระจายกันมากๆ มันทำให้เกิดการกลายพันธุ์ ซึ่งเราก็ไม่รู้อีกว่ามันจะกลายเป็นอะไร จะแรงขึ้นหรือแรงลง เพราะว่าเราเดาใจไวรัสไม่ได้

ฉะนั้น ถ้าไวรัสพัฒนา คนก็ต้องพัฒนาเพื่อรับมือกับมันด้วย ที่ผ่านมา ประชาชนทำดีที่สุดแล้ว ต่างประเทศเข้ามีเดินขบวน มี Anti vax เรียกร้องความเสรี เดินถอดหน้ากาก อย่ามาก้าวก่ายสิทธิประชาชน แต่ของไทยประชาชนให้ความร่วมมือมากๆ ค่ะ


Q: วันนี้ยังห่วงอะไรบ้าง?
A: ห่วงเรื่องยา ทำไมฟาวิไม่ให้เอกชนนำเข้า ทำไมไม่ให้แบบว่าเดินเข้าไปซื้อที่ร้านขายยาได้เลย ทำไมจะต้องควบคุม ด้านสถานการณ์วัคซีนดีขึ้นแล้ว แต่สถานการณ์ของยายังไม่ดีขึ้นเลย คุณนำเข้ารึยัง ขนาดฟาวิที่เขา Move on กันไปแล้วคุณบอกพอเพียง

แต่ที่หมอสัมภาษณ์คนที่อยู่หน้างาน เขาบอกว่า ขาดมาก ขาดไม่ไหว เราดูจากคนรอบข้างได้เลยค่ะว่าถ้าตรวจวันนี้ กว่าจะมีคนติดต่อกลับมาอีกที 4-5 วัน บางคน ATK ขีดเดียวแล้วหาย กับบางคนเข้าโรงพยาบาลอยู่ใน ICU แล้วฟาวิเป็นยาที่ป้องกันเชื้อลงปอด แต่คุณให้ก็ต่อเมื่อเข้าลงปอดไปแล้ว มันก็ไม่มีประโยชน์

ยกตัวอย่าง แพกซ์โลวิด (Paxlovid) เขามีเอกสารรองรับชัดเจน ว่า ถ้าได้ภายใน 72 ชั่วโมง หลังจากที่ได้รับเชื้อ ลดการเข้าโรงพยาบาลได้ถึง 90% แล้วทำไมไม่เอาเข้า ถ้าเอาเข้าปุ๊บทุกอย่างจะกลายเป็น Endermic เป็นเรื่องปกติ สามารถเชิญนักท่องเที่ยวเข้ามาเพื่อขับเคลื่อน GDP ของประเทศได้ เราจะต้องอยู่กับมันอย่างนี้ไปอีกนานแค่ไหน


Q: เมื่อทัวร์ลงรับมืออย่างไรบ้าง?

A: หมอจะแยกออกเป็น 2 อย่าง ถ้ามีดรามามีรถทัวร์มาจอดหน้าบ้าน อย่างแรกคือ เราต้องดูก่อนว่าเราผิดอะไรบ้าง รีเช็กก่อนว่าเราผิดไหม ถ้าเราผิดอ่านคอมเมนต์เลย และออกมาขอโทษ แก้ไขแล้วเดียวก็จบ เดินหน้าต่อ

ที่สำคัญ ต้องอ่านในวันที่หัวใจแข็งแรงด้วยนะ ถ้าเกิดดราม่ามาแล้วเราอ่อนแอ อย่าเพิ่งไปจับมัน อย่าไปจับอะไรร้อนๆ ในขณะที่เรายังไม่พร้อม เราอาจจะดาวน์ไปเลยนึกออกใช่มั้ยคะ สมมติมีกระแสมาว่าหมอเข้าไปยุ่งทุกดรามาเยอะเกินไปรึเปล่า งั้นเราก็หันมาถามตัวเองเรายุ่งเยอะเกินไปรึเปล่า งั้นถอยกลับมานิดนึงดูตำแหน่งจุดยืนของตัวเอง

โอเคเราเป็นหมอ ฉะนั้น เวลาเรามี 24 ชั่วโมง เราควรจะใช้มันช่วยเหลือคน แล้วไปต่อเรื่องที่เรามีประโยชน์ที่สุดให้กับสังคม แค่นั้นเองคะ อะไรที่ผิดก็ออกมายอมรับและขอโทษ แก้ไขให้มันดี

จริงๆ มันไม่มีคนที่ดีหรือไม่ดี 100% มันมีแต่คนที่ทำดีกับคนที่ทำไม่ดี เราก็แค่ทำดีต่อไปเรื่อยๆ แล้วเราจะกลายเป็น To be a better man คือ คนที่ดีขึ้นในทุกๆ วัน พรุ่งนี้ก็จะดีกว่าวันนี้ วันนี้ก็จะดีกว่าเมื่อวาน แล้วมันจะขับเคลื่อนสังคมไปในทางบวก


อาทิตย์ที่แล้ว หมอเพิ่งทำ Social Detox คือ ปิดหมดทุกอย่าง อยู่กับตัวเอง คิดทบทวนหลังจากที่มีรถทัวร์คันใหญ่มากมาจอดเต็มทวิตเตอร์หน้าบ้าน เลยปิดการรับรู้ทุกอย่าง ถ้ารู้สึกดาวน์มากๆ ลองปิดก่อน แล้วคุยกับตัวเอง หาจุดยืน แล้วค่อยไปต่อ หยุดเพื่อที่จะไป ดีกว่าดั้นด้นรีบไปแล้วเหนื่อยไม่ไหวค่ะ

ยังมีอีกหลายเรื่องเผ็ดๆ แซ่บๆ ให้ติดตามจาก “คุณหมอของขวัญ” ในรายการ “เดอะ เลดี้ ผู้หญิงแถวหน้า” (The Ladies) ในวันเสาร์ที่ 16 เม.ย.นี้ เวลา 17.20 น. ทางช่อง MONO29












** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **





กำลังโหลดความคิดเห็น