ประธานชมรมแพทย์ชนบท สะท้อนถึงปัญหาต้องรีบปิดแอปฯ “หมอพร้อม” หลังเพจ “ชมรมแพทย์ชนบท” ออกมาแฉเกี่ยวกับการลงทะเบียน เพราะวัคซีนแอสตร้าฯ จากสยามไบโอไซน์ไม่มาตามนัดทำให้ความต้องการวัคซีน มากกว่าวัคซีนที่จัดหาได้ สะท้อนรัฐไม่รอบคอบ ไม่บอกความจริงประชาชนพร้อมเสนอยุทธศาสตร์การฉีดวัคซีน
ประชาชนพร้อม แต่วัคซีนไม่พร้อม!!
เป็นประเด็นร้อนเมื่อเพจ “ชมรมแพทย์ชนบท” ออกมาแฉเกี่ยวกับการปิดตัวลงอย่างฉับพลันของแอปฯ หมอพร้อม ว่าจริงๆแล้วแอปฯ หมอพร้อมไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่เหตุที่ต้องยุติการใช้แอปฯ ในการจองคิวฉีดวัคซีน เพราะวัคซีนแอสตร้าฯ จากสยามไบโอไซน์ไม่มาตามนัด มาช้าและมาน้อยกว่าที่รับปากกันไว้
ทาง“ชมรมแพทย์ชนบท” ยังมองอีกว่า เมื่อวัคซีนมีจำนวนจำกัด หากยังลงทะเบียนต่อเนื่องก็จะไม่มีวัคซีนให้ฉีดตามวันจอง ทางออกที่ง่ายที่สุดก็คือ ปิดระบบหมอพร้อม
เพื่อสะท้อนถึงเรื่องนี้ ทีมข่าว MGR Live จึงติดต่อไปยัง นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผอ.รพ.จะนะ ประธานชมรมแพทย์ชนบท ถึงประเด็นที่กำลังเกิดขึ้น โดยคุณหมอก็สะท้อนถึงเรื่องนี้ว่า แอปฯ หมอพร้อมเป็นการลงทะเบียนไม่สอดคล้องกับการระบาด ทำให้กระทรวงต้องประกาศให้ยุติหมอพร้อมไปก่อน
“ตัวหมอพร้อมก็สร้างความสับสนให้กับเจ้าหน้าที่พอสมควร เพราะจริงๆ แล้วเราก็รู้สึกว่าฟังก์ชันของมันก็โอเคนะ ทำงานได้ดี เพราะว่าเราก็ทดสอบการลงหมอพร้อมกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่มาลงฉีดวัคซีน และประชาชนก็มาลงด้วย แล้วอยู่ดีๆ มายุติชะลอการใช้หมอพร้อมชั่วคราวก็เป็นที่มึนงง
แต่พอสืบทราบข้อมูลก็พบว่า แท้จริงเป็นเพราะว่า การลงแอปฯ หมอพร้อมในช่วงหลังๆ ที่ผ่านมา เป็นการลงทะเบียนที่ไม่สอดคล้องกับการระบาด ก็คือใครลงก็ได้ แต่ว่าในพื้นที่ระบาดกับไม่ถูกลง หรือว่ามีการลงน้อย
ก็ไม่สอดคล้องกับการระบาด ทำให้กระทรวงต้องประกาศให้ยุติหมอพร้อมไปก่อน เพราะว่าถ้ายังจองอยู่และไม่มีวัคซีนให้ ก็จะแย่ และวัคซีนก็มาน้อยกว่าปกติ อันนี้พูดถึงแอสตร้าเซนเนก้านะ กระทรวงก็กำลังแก้ปัญหาเรื่องวัคซีนไม่พอ”
นอกจากนี้วัคซีนไม่มาตามแผนที่ตั้งไว้แล้วนั้น คุณหมอยังมองว่า สถานการณ์การระบาดโควิดมีการกระจุกตัวในบางจังหวัด แต่การลงหมอพร้อมกลับลงมากในจังหวัดมีการระบาดต่ำ ทำให้วัคซีนที่มีน้อยไม่ตอบโจทย์การลดการป่วยการตายในพื้นที่ระบาดหนัก ต้องจัดไปตามการจอง
“จริงๆ มันก็เป็นแอปฯ ที่ดีนะ ไม่มีปัญหาในการใช้แอปฯ มีปัญหาเดียวคือปัญหาเชิงนโยบาย ว่าเดิมทีที่ใช้นโยบายใครลงแอปฯ ก่อน ได้ฉีดก่อน แต่ว่าตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไป มีการระบาดกว้างขวาง ใครจะลงแอปฯ ก่อนได้ฉีดก่อน มันก็ไม่เหมาะสม
เพราะว่าคนลงแอปฯ ส่วนหนึ่งก็ไม่ได้อยู่ในพื้นที่การระบาด เป็นพื้นที่สีเขียว จังหวัดที่ไม่มีผู้ป่วยเลยสักคนเดียว แล้ววัคซีนมันมีน้อยกว่าประมาณการณ์ที่คาดการณ์ไว้ นโยบายก็เริ่มเปลี่ยน ก็มีการนำวัคซีนมาใช้ในจุดที่มีการระบาด ก็เลยจำเป็นต้องชะลอการจองทางหมอพร้อม
แล้วให้แต่ละจังหวัดจองเอง ไม่ระบุวันจอง แค่ลงทะเบียนไว้ แล้วเดี๋ยวจะโทรไปบอกว่าได้วันไหน ได้เมื่อไหร่ มันก็ไม่สนุกไง จองแล้วไม่รู้ว่าได้วันไหน คนก็ไม่อยากจอง แค่ขึ้นทะเบียนไว้เฉยๆ แต่หมอพร้อมได้ระบุวันจอง ได้วางแผนชีวิต เราก็ได้วางแผนการฉีดได้ด้วย จะได้รู้ว่ามีกี่คนในวันนั้น
ถ้าวัคซีนมากพอก็สบายมาก ที่ลงหมอพร้อมก็ฉีดไป ส่วนที่มีการระบาด ก็มีวัคซีนไปแก้ปัญหาการระบาด ก็จะง่ายมาก ปัญหามันเกิดขึ้นเพราะวัคซีนมีไม่พอ เขาก็เลยต้องปิดระบบ ถ้ายังเปิดจองกันอยู่ และไม่ได้วัคซีนคนก็คงด่ากัน”
ไม่เพียงเท่านี้คุณหมอยังสะท้อนถึงเรื่องวัคซีนที่มีจำนวนอย่างจำกัดว่า คนไทยคาดหวังกับการมีวัคซีนโควิดฉีดอย่างมาก วัคซีนจึงเป็นความหวังของทุกคน
“หมอพร้อมฉีดนะ คนไข้ก็พร้อมจะรับวัคซีน ความกลัวเรื่องวัคซีนแม้ยังมีอยู่ แต่ก็น้อยลง จำนวนคนที่ประสงค์ฉีดก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก
ปัญหาเดียวที่มีอยู่ตอนนี้ก็คือ วัคซีนมันมาน้อย กลายเป็นว่าเราไม่ค่อยพร้อมในการบริการ แต่ว่าวัคซีนที่มาน้อย มันก็เข้าใจได้ เพราะวัคซีนมันต้องการทั่วโลก ไม่ใช่ว่าสั่งแล้วได้เลย สั่งแล้วก็ต้องจอง จองแล้วก็กว่าจะได้ ประเด็นมันอยู่ที่ว่า วัคซีนที่มาน้อย ควรจะจัดสรรอย่างไรต่างหากให้เกิดประโยชน์สูงสุด”
วางแผนไม่รอบคอบ ไม่บอกความจริงประชาชน
ประธานชมรมแพทย์ชนบทกล่าวถึงปัญหาวัคซีนอีกว่า พอวัคซีนแอสตร้าเซเนก้ามาน้อยกว่าที่รับปากไว้จึงเกิดปัญหาวัคซีนไม่เพียงพอ ศบค.จึงเลือกประกาศให้ปิดการใช้งานแอปฯ หมอพร้อมไปก่อน และรัฐบาลควรบอกข้อเท็จจริงกับประชาชนแบบตรงไปตรงมา
“มันก็เป็นการวางแผนภายใต้ข้อจำกัดมากมายก็เข้าใจ มันก็เป็นอย่างนี้แหละ ก็ยากอยู่ แต่จริงๆ รัฐบาลก็ควรแถลงความจริงกับประชาชน ว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่ใช่ให้คนมาเดาอยู่
มีอะไรก็บอกประชาชนคนไทยได้ คนไทยรู้เรื่อง โดนว่าเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เป็นเรื่องธรรมดา ติดเพราะอะไรก็บอกคนไทยได้ หรือว่ารัฐบาลจะมีกลวิธีใหม่ๆ บางอย่างๆ ก็บอกคนไทยได้ง่าย ศคบ.บอกข้อมูลให้กับประชาชนคนไทยน้อยเกินไป บอกแต่ข้อมูลการติดโรค แต่ไม่ได้บอกการบริหาถ้าการจัดการ
อันนี้สำคัญที่สุด เพราะโลกมันเปิดกว้างด้วยข้อมูลข่าวสาร ถ้าไม่บอกคนก็เดาไปเรื่อย เดาผิดเดาถูก ก็มั่วไปหมด ความสับสนก็จะเยอะ
แต่การจัดหาก็มันไม่ใช่ว่าสั่งวันนี้ จะได้ของวันนี้ มันก็เป็นความผิดพลาดในการประมาณการณ์ในอดีต อันนี้ก็ช้ำอยู่”
ขณะเดียวกัน ทางชมรมแพทย์ชนบทก็มีข้อเสนอในเรื่องนี้ถึงรัฐบาลเช่นกัน โดยให้กระจายวัคซีนลงไปในพื้นที่เสี่ยง นั้นก็คือพื้นที่สีแดงเสียก่อน เพราะจะช่วยควบคุมการระบาดได้เร็วขึ้น
“ชมรมแพทย์ชนบทก็เกิดข้อเสนอว่า วัคซีนคือเครื่องมือที่ดีที่สุดในการควบคุมโรค ดังนั้นควรกระจายวัคซีนอย่างมียุทธศาสตร์
ชมรมก็เสนอว่า วัคซีนมีน้อยมาก โดยเฉพาะแอสตร้าเซนเนก้า ก็อยากให้กระจายแบบมียุทธศาสตร์ คือกระจายลงในพื้นที่มีการระบาดเป็นจังหวัดสีแดง เพื่อที่จะช่วยควบคุมโรคได้เร็วขึ้น แทนที่จะกระจายแบบเบี้ยหัวแตกตามที่ลงทะเบียนหมอพร้อมที่เคยลงไว้ นี่ก็เป็นข้อเสนอชมรมต่อรัฐบาล และต่อสาธารณะ
หลักการคือ วัคซีนเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดในการควบคุมการระบาดของโรค ดังนั้น ถ้ามองในมุมการแพทย์ วัคซีนก็ควรจัดสรรไปในพื้นที่มีการระบาดมาก่อนพื้นที่มีการระบาดน้อย อันนี้เป็นหลักการพื้นฐานที่สำคัญที่สุดเลย
ก็หวังว่ารัฐบาลจะนำหลักการนี้มาใช้ แทนที่จะปล่อยให้วัคซีนกระจัดกระจาย แล้วมันก็จะไม่เกิดผลดี มันจะหยุดการระบาดได้ช้า
ถ้าระบาดไปวันละหลายพันไปนานๆ มันก็จะกลายเป็นหลักหมื่นได้ มันก็น่าเป็นห่วงมากแน่ๆ เพราะมันไม่ลดเลย”
ทั้งนี้ทางรัฐบาลเองยังไม่แสดงท่าทีอะไรกับข้อเสนอของชมรมแพทย์ชนบท ด้านประธานชมรมเองก็ย้ำว่า ขึ้นอยู่กับเวลา และอยากให้ฟังเสียงตอบรับจากสังคมด้วยเช่นกัน
“ไม่ได้เสนอปุ๊บตอบรับปั๊บ มันยาก ก็รอเวลาดูไป ก็ต้องรอเสียงตอบรับจากสาธารณะชนด้วย เพราะรัฐบาลเอง ปกติเขาก็ไม่ค่อยฟังพวกเราหรอก แต่ถ้าประชาชนมีเสียงที่เห็นด้วยว่าควรกระจายอย่างเหมาะสม ถ้าลงหมอพร้อมแล้วก็ยินดีเสียสละให้กับคนในพื้นที่สีแดง ก็คงสบายใจขึ้นในการเปลี่ยน”
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **