xs
xsm
sm
md
lg

“อ่าวเบงกอล” แรงบันดาลใจสู่ความยั่งยืน

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศูนย์เอเชียใต้ศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นำโดย รศ.ดร.นวลน้อย ตรีรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันฯ ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) หน่วยประสานงานเครือข่ายคลังสมองด้านนโยบายบิมสเทค (BIMSTEC Network of Policy Think Tanks) สถานเอกอัครราชทูตกลุ่มประเทศสมาชิกบิมสเทคประจำประเทศไทย และ บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน)

จัดสัมมนา “อ่าวเบงกอล แรงบันดาลใจสู่ความยั่งยืน” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการเรียนรู้และเข้าใจสมาชิกกลุ่มประเทศในบิมสเทคในแง่มุมการเชื่อมโยงระดับประชาชน ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการไทย ได้เข้าใจความต้องการของกลุ่มประเทศบิมสเทค


ในปี พ.ศ. 2564 ประเทศไทยจะได้รับเกียรติอีกครั้งในการเป็นประธานและเจ้าภาพการประชุมสุดยอดผู้นำ BIMSTEC ดังนั้น เราควรศึกษาและเข้าใจสมาชิกในกลุ่มผ่านการเชื่อมโยงในระดับประชาชน (People to People Connectivity)

ทั้งด้านศาสนา วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม การท่องเที่ยวการศึกษา และความร่วมมือของชุมชนและท้องถิ่น ซึ่งทำให้เข้าถึงกลุ่มสมาชิกประเทศบิมสเทคอย่างลึกซึ้ง มากกว่าแง่มุมด้านเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว


ภายในงานสัมมนา ทำให้รู้จักอ่าวเบงกอลในหลายแง่มุม โดยเฉพาะเรื่องความสัมพันธ์ในฐานะที่อ่าวเบงกอลเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายทางการค้าในมหาสมุทรอินเดีย ที่พูดถึงจุดเชื่อมโยงของสยามสู่ดินแดนทางทิศตะวันตกทางชายฝั่งตั้งแต่อดีต

ทั้งการเชื่อมโยงทางบก ทางทะเล ทางจิตวิญญาณ รวมถึงเรื่องของการเป็นภูมิภาคที่มีความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องชุมชน วิถีชีวิต และวัฒนธรรม ไปจนถึงความหลากหลายทางชีวภาพ เช่น อาหาร อาทิ ข้าว ปลา กะปิ ชา ที่มีความคล้ายคลึงกับประเทศไทย


ถึงเวลาที่เราจะต้องทำความรู้จักอ่าวเบงกอลอีกครั้ง ในการเสริมสร้างทัศนคติที่เอื้อต่อความร่วมมือ ผ่านสายสัมพันธ์ ความเชื่อมโยงในระดับประชาชน

เพราะกลุ่มประเทศเหล่านี้ มีเงื่อนไขทางสังคมและวัฒนธรรมที่ใกล้เคียงกับประเทศไทย ระยะทางไม่ไกลจากประเทศไทย ทำให้เราสามารถบูรณาการความร่วมมือ การผสานผลประโยชน์ กับสมาชิกในกลุ่มบิมสเทคได้


ประเทศไทยเป็น 1 ในสมาชิกกลุ่มประเทศสมาชิกบิมสเทค ซึ่งมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า “ความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลสำหรับความร่วมมือหลากหลายสาขาทางวิชาการและเศรษฐกิจ” (Bay of Bengal Initiative Multi-Sectoral Technical and Economic Cooperation: BIMSTEC) มานานกว่า 23 ปี และมีประเทศสมาชิกอีก 6 ประเทศ ประกอบด้วย บังกลาเทศ อินเดีย เมียนมา ศรีลังกา เนปาล และ ภูฏาน

ถือเป็นกลุ่มประเทศที่มีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจค่อนข้างสูง (Emerging Economies) ซึ่งธนาคารโลกกล่าวถึงศักยภาพร่วมกันในการพัฒนาควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ เพื่อเสริมสร้างโอกาสการจ้างงานและการขยายตัวทางเศรษฐกิจใน 6 มิติ

1) การประมง
2) แหล่งพลังงานทางเลือก
3) การขนส่งทางทะเล
4) การท่องเที่ยว
5) การบริหารจัดการของเสียทางทะเล
และ 6) ศักยภาพของมหาสมุทรในการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศด้วย




ในช่วงผลกระทบโควิดที่ผ่านมา กลุ่มประเทศบิมสเทคได้รับผลกระทบด้านเศรษฐกิจ จากปัจจัยภายนอกจากการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศน้อยมาก เนื่องจากประเทศเหล่านี้พึ่งพาการบริโภคภายในประเทศเป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

โดยการบริโภคภายในประเทศ คิดเป็นสัดส่วนระหว่างร้อยละ 55-70.8 ของมูลค่าผลผลิตรวมภายในประเทศ นอกจากนั้น ภูมิภาคอ่าวเบงกอลเป็นโอกาสทางการค้าและการลงทุนของไทย เป็นหนึ่งในเขตเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีมูลค่า GDP รวมกันสูงถึง 3.620 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ปี 2561) ตลาดของประชากรขนาด 1.5 พันล้านคน ที่มีความหลากหลายทั้งในระดับฝีมือแรงงาน ประสบการณ์ และองค์ความรู้




ตลาดบิมสเทค เป็นตลาดที่น่าสนใจมาก มีอัตราการเติบโตสูงอย่างต่อเนื่องปีละประมาณ 2 ดิจิต ผู้ประกอบการประเทศไทยสามารถแสวงหาโอกาสขยายการค้าและการลงทุนได้

ซึ่งในงานสัมมนาครั้งนี้ จะช่วยให้เราได้เรียนรู้และเข้าใจสมาชิกกลุ่มประเทศในบิมสเทคในแง่มุมการเชื่อมโยงระดับประชาชน ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากในการที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการไทย เข้าใจความต้องการของกลุ่มประเทศบิมสเทค

เพราะเศรษฐกิจของประเทศเหล่านี้ยังไม่ได้เปิดสู่ตลาดการค้าของโลกมาก จะเห็นได้จากมูลค่าการส่งออกไม่เกินร้อยละ 29.9 และการนำเข้าที่ยังไม่มากนักประมาณร้อยละ 49.55












** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **





กำลังโหลดความคิดเห็น