xs
xsm
sm
md
lg

ไร้ค่ายแล้วสดชื่น!! “เปา-กิ่งกาญจน์” ปัง-เปรี้ยวกว่าเดิม ขอพิสูจน์ไม่ได้เนรคุณ [มีคลิป]

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ยิ่งเขาด่ายิ่งต้องพัฒนาตัวเอง” เปิดใจ “เปา กิ่งกาญจน์” อดีตศิลปินค่าย “ได้หมดถ้าสดชื่น” ก้าวข้ามทุกดรามา ติดปีกเป็นศิลปินเดี่ยวพร้อมซิงเกิล “มงลง” ที่ไม่ใช่แค่ชื่อเพลง เพราะชีวิตจริงงานวิ่งเข้าหาไม่หยุด สุดภูมิใจกับหน้าที่เสาหลักในวัยเพียง 20 ปี “อยากให้ครอบครัวสบายขึ้น อยากให้ชีวิตตัวเองดีขึ้น”

@livestyle.official ...ไร้ค่ายแล้วสดชื่น!! ติดตามบทสัมภาษณ์เต็มๆ>> fb.com/LIVEstyleofficial... ##LIVEstyle ##เปากิ่งกาญจน์ ##มงลง @paokingkan ♬ เสียงต้นฉบับ - เปา กิ่งกาญจน์


สยบดรามา เขาหาว่าเธอ “เนรคุณค่าย”?!

“ตอนแรกหนูช็อกเลยค่ะ นอนไม่หลับไป 3 วัน บางคนก็ทักไลน์มา ทักแชต โทร.มาด่า ถึงขั้นที่โทร.มาด่าก็มี โดนด่าทุกช่องทางเลยค่ะ ทำไมต้องด่าแบบนี้ด้วย ด่าแรงๆ ด่าถึงพ่อถึงแม่ ตัวเองไม่กล้าออกไปไหน นอนก็ไม่หลับ แต่ความคิดอีกส่วนนึงคิดว่า ทำไมศิลปินคนอื่นเขาผ่านมาได้ แล้วทำไมเราผ่านไปไม่ได้ เพราะความจริงเราไม่ได้เป็นคนแบบนั้น ก็เลยข้ามผ่านมันมาได้เพราะตัวเอง แต่ก็เข้าใจว่ายังไงคนเราก็ต้องมีแบบนี้อยู่แล้ว มีคนรักก็มีคนเกลียดค่ะ

และคนรอบข้างที่ดีคอยแนะนำเรา คอยตักเตือน ครอบครัวก็บอกว่ายังไงก็ข้ามผ่านไปได้ แม่ก็แอบร้องไห้ แล้วก็บอกว่าอย่าท้อนะ ต้องสู้เพราะว่าตัวเราเองก็ไม่ได้เกิดมาในฐานะที่ร่ำรวยอะไร เราต้องพัฒนาตัวเอง ยิ่งเขาด่ายิ่งต้องพัฒนาตัวเองและทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ พ่อเขาเป็นคนที่ไม่ค่อยพูด แต่ก็ให้กำลังใจตลอด พ่อจะบอกว่าสู้ๆ นะ เหนื่อยมั้ย มีครอบครัวให้กำลังใจค่ะ”



สาวน้อยใบหน้าสวยคม ผู้นั่งอยู่เบื้องหน้าทีมข่าว MGR Live คือ “เปา-กิ่งกาญจน์ ส่องสว่าง” นักร้องสาววัย 20 ปี หลายคนอาจจะคุ้นชื่อนี้ เพราะก่อนหน้านี้ชื่อของเธอกลายเป็นที่พูดถึงอยู่บนหน้าสื่อเป็นจำนวนมาก จากเรื่องราวดรามาที่ศิลปินค่าย “ได้หมดถ้าสดชื่น” ของนักร้องสาว “เจนนี่ - รัชนก สุวรรณเกตุ” หรือ “เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น” พากันทยอยตบเท้าออกจากค่ายกันเป็นขบวน ด้วยเหตุผลที่ว่า ทางค่ายไม่ค่อยป้อนงานให้ ซึ่งเปาเองก็เป็นหนึ่งในนั้น

ทว่า… ทันทีที่เธอตัดสินใจก้าวออกจากค่ายเพลง ชีวิตก็กลับกลายจากหน้ามือเป็นหลังมือ เพราะทั้งงานร้องเพลง งานถ่ายแบบ ตลอดจนงานรีวิวต่างๆ วิ่งเข้าหาอย่างไม่ขาดสาย

ขณะเดียวกัน ก็ถูกบางคนสังคมโจมตีว่า เธอเนรคุณค่ายที่ปั้นมาตั้งแต่ยังไม่ดังจนมีชื่อเสียง?!

งานนี้ อดีตนักร้องค่ายดัง พร้อมเคลียร์ใจทุกประเด็นดรามาแบบหมดเปลือก พร้อมเผยเรื่องราวชีวิตฟ้าหลังฝน ที่นอกจากงานยังวิ่งเข้าหาไม่หยุดแล้ว ตอนนี้เธอกำลังมีผลงานเพลงของตัวเองเพลงแรกในนามศิลปินไร้สังกัดเพลงแรกในชีวิต ซึ่งผลตอบรับก็ปังไม่แพ้เจ้าของผลงาน เพราะทะลุ 1,000,000 วิวไปแล้วตั้งแต่วันแรกที่ปล่อยเพลงออกมา!!



“ตอนอยู่ในค่ายก็ดีค่ะ แต่ว่าตอนออกมาข้างนอก หนูได้ทำอะไรหลากหลายมากกว่า สิ่งที่เราชอบ สิ่งที่เราถนัดก็ได้ทำค่ะ เป็นประสบการณ์อีกเยอะที่เรายังไม่ได้เรียนรู้ หนูก็อยากจะมาเรียนรู้ค่ะ งานไม่ถึงขั้นงานเยอะมากแต่ก็มีผู้ใหญ่ติดต่อมาเรื่อยๆ มีคนสนับสนุนก็ขอบคุณมากค่ะ คอยซัปพอร์ตช่วยเหลือ มีงานเข้ามาเรื่อยๆ ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นงานถ่ายแบบ งานพรีเซนเตอร์ งานร้องเพลงคอนเสิร์ต หรือว่างานเดินแบบค่ะ

ส่วนเพลง “มงลง” เป็นเพลงแรกค่ะ ตั้งใจทำกันเองคิดกันเองกับพวกพี่ๆ ผู้ใหญ่ทุกคนที่คอยสนับสนุน เป็นเนื้อหาก็เกี่ยวกับผู้หญิงผู้ชายที่เลิกรากันไปเพราะว่าผู้ชายนิสัยไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ เหมือนมีผู้หญิงอีกคนเข้ามาแทรก ทำนองว่า “กินต่ออร่อยมั้ย” อะไรประมาณนี้ เนื้อหาแบบเฟียซๆ นิดนึง



ได้เล่น MV เองด้วยค่ะ ผู้จัดการเป็นคนแต่งแล้วให้อีกคนที่อยู่ทางใต้ เป็นศิลปินช่วยเรียบเรียงทำนองใหม่ เปลี่ยนเนื้อหาเล็กน้อยก็ได้มาเป็นเพลง แนว R&B ผสมลูกทุ่งค่ะ ท้าทายมาก เพราะว่าเราก็ไม่เคยร้องเพลงสนุกแบบนี้มาก่อน แต่ก็เพื่อ MV นี้ต้องทำให้ได้ มันยากค่ะ ต้องเต้นด้วย แต่เราต้องทำให้ได้ ตั้งใจมาก

ไม่เพียงแค่นั้น ด้วยใบหน้าที่คมคายฉบับสายใต้ สามารถแต่งหลายลุคหลายสไตล์ จะสายฝอก็ได้ จะสวยคมอย่างไทยก็ดี ความสวยของเธอยังไปสะดุดตากูรูนางงาม จนหลายคนเชียร์ให้ลงชิงมงกุฎด้วย แต่ศิลปินสาวกล่าวอย่างเขินๆ ว่า ต้องปรับต้องฝึกฝนตนเองอีกมาก

“ก็ดีใจค่ะ แอบดีใจนิดนึง แต่เราไม่ค่อยจะเหมาะกับนางงามเท่าไหร่ค่ะ บุคลิกท่าทางของเราต้องปรับอีกเยอะ ต้องฝึกอีกเยอะค่ะ ในอนาคตอาจจะมีโอกาสค่ะ แต่เรายังไม่รู้ หนูถนัดด้านร้องเพลงมากกว่า”

จำเป็นต้องบอกลา เหตุเพราะ “สัญญานาน-งานไม่มี”

เมื่อย้อนความกลับไปถึงเส้นทางสายนักร้องของสาวน้อยชาวพัทลุงคนนี้ ด้วยความที่หลงรักในดนตรีลูกทุ่งมาตั้งแต่เด็ก อีกทั้งยังไม่ได้มีดีแค่ความสวย หากแต่ความสามารถด้านการร้องเพลงก็ไม่ธรรมดา เพราะเคยชนะเลิศการแข่งขันประกวดร้องเพลงไทยสากล ในการประชุมทางวิชาการองค์การนักวิชาชีพในอนาคตแห่งประเทศไทย ระดับชาติ ประจำปีการศึกษา 2562 มาแล้ว

“ชอบร้องเพลงมาตั้งแต่เด็กๆ ไม่ได้เรียน (ร้องเพลง) เลยค่ะ คุณพ่อชอบเปิดเพลงให้ฟังก่อนจะนอน ก็ซึมซับมาเรื่อยๆ แล้วก็แอบไปประกวดเอง สมัครเองตอน ม.2-ม.3 ไปประกวดตามงานวัด พ่อแม่ก็ไม่รู้ แอบหนีไป (หัวเราะ) ตอนแรกไม่ค่อยส่งเสริมเท่าไหร่ แต่พอหลังๆ เห็นเราชอบมากก็สนับสนุนค่ะ ได้รางวัลก็ได้เกียรติบัตร แล้วก็ได้เป็นถ้วยเป็นเหรียญเก็บไว้



[ สุดภูมิใจกับรางวัลชนะเลิศ ประกวดร้องเพลงระดับประเทศ]

หนูเรียนไปด้วย ทำงานไปด้วย ร้องตามร้าน ร้องตามงานเวลาเขาให้ไป มีวงดนตรีอยู่ประจำด้วย เป็นเด็กกิจกรรม ไม่ว่างานถือป้ายถืออะไร คุณครูก็จะพาไป คุณครูเห็นเราไปร้องเพลงตามร้าน ทำงานอยู่แล้วปกติ แล้วครูเขาก็สนับสนุนค่ะ อยากให้เราไปประกวด ได้ไปพูดคุย ก็เลยประกวดในระดับชั้นของวิทยาลัยก่อน เสร็จแล้วได้ที่ 1 แล้วค่อยไประดับจังหวัด ระดับภาค ระดับประเทศ ระดับประเทศ อาชีวะทุกโรงเรียนไปแข่งกัน เป็นรางวัลที่ใหญ่ที่สุดที่เคยได้มา”

หลังจากชิมลางในเส้นทางสายประกวดมาบ้าง เธอก็มีโอกาสได้มารู้จักกับรายการ “เส้นทางสู่บ้านได้หมดถ้าสดชื่น” ของค่ายได้หมดถ้าสดชื่น ค่ายเพลงชื่อดังแดนใต้ ของนักร้องสาว “เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น” เพื่อคัดเลือกเข้าเป็นศิลปินเกิร์ลกรุ๊ป จำนวน 4 คน
แต่ด้วยความโดดเด่นไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา บุคลิก และน้ำเสียงอันทรงพลัง ที่ฉายแสงออกมา ทำให้เปาได้รับคัดเลือกเป็นศิลปินเดี่ยว และมีผลงานในซิงเกิล “พอแล้วหัวใจ” ที่นอกจากจะได้เป็นผู้ขับร้องแล้ว เธอยังได้มีส่วนร่วมในการแต่งท่อนฮุคของเพลงนี้ด้วย



“เพื่อนเป็นคนบอกให้ไปสมัคร เพราะว่าตัวเองชอบร้องเพลงอยู่แล้ว เพื่อนก็รู้ เขาก็สนับสนุน แล้วก็เหมือนมีการประกวดทางค่าย เราก็ได้สมัครไป ได้เป็นศิลปินเดี่ยวค่ะ เพราะพี่เขาบอกว่าหนูเหมาะสมกับการเป็นศิลปินเดี่ยวมากกว่า

(เหตุผลที่ถูกเลือก) หนูว่าความสามารถและความตั้งใจของเราที่อยากจะเข้าไป แล้วพี่เขาอ่านจุดประสงค์แล้ว จุดประสงค์คืออยากเป็นนักร้องค่ะ อยากให้ครอบครัวสบายขึ้น อยากให้ชีวิตตัวเองดีขึ้น มันตรงจุด เขาก็อยากพาเราเข้าไป ก็เลยเลือกที่จะไปอยู่ในค่าย ช่วงประมาณปิดเทอมเดือนเมษาปีนี้ค่ะ พ่อแม่สนับสนุนเต็มที่ค่ะ ไปรับไปส่ง พาไปซื้อของเดินทางไปค่ายค่ะ กิน-นอนอยู่ที่นู่น”

แต่หลังจากที่ได้เข้าไปอยู่ในค่ายแล้ว กลับไม่เป็นอย่างที่คิด ประกอบกับช่วงวิกฤตโควิด-19 ระบาด ทำให้ไม่มีทั้งงาน มีรายรับเพียงแค่ 8,000 บาท ขณะเดียวกันต้องมีรายจ่ายออกไปในทุกๆ วัน เปาจึงจำเป็นต้องหยิบยืมเงินญาติมาเป็นค่าใช้จ่ายถึงหลักหมื่น
อีกทั้งมาทราบภายหลังว่า สัญญาในการเป็นนักร้องในสังกัดนี้มีเวลานานถึง 4 ปี เมื่อชั่งตวงวัดอนาคตของตนเองได้ จึงตัดสินใจเลือกที่ออกจากค่ายโดยที่ยังไม่ได้เซ็นสัญญา ทั้งที่เพิ่งเข้ามาเพียงแค่ 2-3 เดือน



“มารู้ตอนอยู่ค่ายค่ะ ว่าเดี๋ยวจะมีหลังจากเป็นศิลปินอะไรเรียบร้อยจะมีเซ็นสัญญาประมาณ 4 ปี แต่ยังไม่บอกลักษณะสัญญาว่าเป็นประมาณไหน ยังไม่ได้เซ็นค่ะ ตอนที่ออกเพลงแล้วประมาณ 1-2 เดือนก็ยังไม่ได้เซ็นค่ะ ช่วงนั้นเป็นช่วงโควิดด้วยค่ะ ไม่มีรายได้เลย หนูต้องกินอยู่กับเขา แต่ว่าไม่ได้งาน ต้องหยิบยืมเงินน้า ค่าน้ำมันรถหรือว่าค่าใช้จ่าย ไปอยู่นู่นไม่มี ต้องซื้อเสื้อใหม่ รองเท้าเก่าหมดเลยต้องซื้อใหม่ ตังค์ไม่พอค่ะ

สัญญา 4 ปีมันนานมากสำหรับหนู หนูยังอยากเรียนต่อ ยังอยากที่จะทำอะไรหลายๆ อย่าง อยากมีงานเข้ามาเรื่อยๆ แล้วก็รับได้หลายอย่าง แต่พอไปอยู่ในค่าย มันต้องมีเงินซัปพอร์ตค่ะ เพราะส่วนตัวหนู พ่อแม่ฐานะก็ไม่ได้ร่ำรวย ก็เลยออกมารับงานเองข้างนอกดีกว่า เหมือนเราได้งาน ก็ได้เอามาใช้จ่ายในครอบครัว สามารถเอามาให้ครอบครัวได้ ก็เลยตัดสินใจและปรึกษากับครอบครัว

ประสบการณ์จากค่ายก็ได้ความรู้เยอะแยะมากมาย เหมือนเราไม่รู้ในการแต่งเพลงอะไรมาก่อน ที่บอกไป หนูไม่เคยเรียนร้องเพลง แต่ได้เข้าไปสัมผัสประสบการณ์ที่พี่ได้บอกเอาไว้ หนูก็ได้แต่งเพลงเป็นขึ้นอีกระดับหนึ่ง ก็จบด้วยดีค่ะ”

ขณะที่ผลงานเพลง “พอแล้วหัวใจ” ซึ่งเป็นลิขสิทธิ์ของค่ายเก่านั้น ด้วยบทเรียนมากมายจากรุ่นพี่ในวงการ ทำให้เธอตระหนักถึงความสำคัญของเรื่องลิขสิทธิ์เป็นอย่างมาก จึงมีการขออนุญาตทางเจ้าของค่ายคือเจนนี่แล้ว และสามารถนำไปร้องได้แม้จะออกจากค่ายแล้วก็ตาม



“เป็นลิขสิทธิ์ทางค่ายค่ะ แต่ว่าโดนลบไปแล้ว ผู้จัดการก็โทร.ไปขอว่าเอาไปร้องได้มั้ย ถ้าไม่ได้ก็ไม่จะร้อง แต่พี่เขาบอกว่าได้ ส่วนตัวไม่ได้คุยผ่านหนูค่ะแต่คุยผ่านผู้จัดการ หนูทำงาน วิ่งงานทุกวัน ไม่ได้คุยกับพี่เขา (เจนนี่) สักเท่าไหร่ หลังจากออกก็ทำงานเลยค่ะ ก็ขอบคุณพี่เขาค่ะ

ผู้จัดการก็ดำเนินเรื่องให้หมดเลย มีเพลงที่จะเอาไปร้องในคอนเสิร์ตเขาก็โทร.ให้ เราเอาเพลงคนอื่นไปร้องเขาก็โทร.บอกให้ เพลงค่ายอื่นด้วยเพราะมันมีลิขสิทธิ์หมด กลัวด้วย หนูดูจากพี่ๆ ศิลปินรุ่นใหญ่หลายคนค่ะ เอาเพลงไปร้องแล้วก็โดนเรียกค่าลิขสิทธิ์ก็เยอะอยู่

พี่ที่อยู่ในวงการ ผู้จัดการ ก็ปรึกษาเขา เขาก็ให้คำแนะนำว่าดูเพลงให้ดีนะ ต้องโทร.ไปบอกก่อน ต้องโทร.ไปถามก่อน ที่สำคัญดูด้วยว่ามันติดลิขสิทธิ์มั้ย มันต้องดำเนินเรื่องหมดเลย เราเริ่มที่จะมีเพลงแล้ว ต้องระมัดระวัง ต้องคุยให้รู้เรื่อง เพราะไม่งั้นโดนแน่ เพราะหนูก็ยังเด็กอยู่ด้วย ไม่อยากมีปัญหา ความจริงก็ไม่ได้มีประสบการณ์ทางด้านนี้มากก็เลยต้องปรึกษาผู้ใหญ่ เพราะเขาวุฒิภาวะสูงกว่าเรา”

เส้นทางศิลปิน แค่พรสวรรค์คงไม่พอ

“ตอนแรกคิดว่าจะหยุดดีมั้ย แต่ว่าความคิดอีกส่วนนึงคิดว่า มาครึ่งทางแล้วมันจะหยุดก็ไม่ได้ คนอื่นเขาเจออะไรมามากกว่าเราอีกยังผ่านมาได้ เราก็ต้องผ่านไปให้ได้ ต้องทำให้ได้ สู้ค่ะ สู้มาตั้งแต่เด็กๆ ความฝันตั้งแต่เด็ก อยากเป็นมาตั้งแต่เด็ก ชอบด้านนี้ (พอได้มาเป็นแล้ว) ยากค่ะ ยากมาก แต่ต้องผ่านไปให้ได้ และที่สำคัญต้องเรียนรู้ใหม่ เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่าง”

หลังจากที่ตัดสินใจออกจากค่ายเพลงมาแล้ว เธอยอมรับว่าช่วงชีวิตในตอนนั้นมีความสับสนจนเกือบหยุดความฝันในการเป็นนักร้องไปแล้ว แต่สุดท้ายก็ได้กำลังใจจากครอบครัวและคนรอบให้ฮึดสู้

ซึ่งครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ เปา กิ่งกาญจน์ ต้องเผชิญกับความกดดัน เพราะตลอดชีวิตที่ผ่านมา เธอต้องต่อสู้กับโชคชะตาและไม่เคยหยุดพัฒนาตนเอง แม้จะมีเสียงอันทรงพลังที่เป็นพรสวรรค์ก็ตาม



“ส่วนใหญ่กดดันประกวดร้องเพลงมากกว่า กลัวคู่แข่งว่าเขาจะทำได้ดีกว่า กลัวไม่ได้ตังค์กลับไปเพราะต้องจ่ายค่านู่นนี่นั่น ค่าเทอม ค่าหอ บางวันที่แม่ไม่มีเลย เราก็ต้องช่วยเหลือตัวเอง ค่าหอ ค่าที่พักที่เราเรียนอยู่ ก็เครียดค่ะ ที่บอกไปแม่ก็ไม่ได้มีให้ทุกวัน หลังจากนั้นเราก็โตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น เราหาตังค์เอง หาเลี้ยงตัวเองด้วย

ยิ่งช่วงนี้ผ่านวิกฤตมาเยอะมาก วิกฤตรายได้ด้วย ช่วงโควิดด้วย ครอบครัวก็ไม่มีกำลังที่จะส่งเสียสักเท่าไหร่ ที่บอกว่าต้องออกมาหางานทำเอง ออกมาอิสระ ก็รู้สึกดีขึ้นในระดับนึงค่ะ แต่ก็ไม่ได้ดีมาก เพราะว่าตอนนี้ต้องทำผลงาน ต้องวิ่งงานอะไรหลายๆ อย่าง หนูยังใหม่มาก ยังไม่มีประสบการณ์ แต่ก็มีผู้ใหญ่ พี่ๆ เพื่อนๆ คอยซัปพอร์ต คอยช่วยเหลือ คอยให้คำแนะนำค่ะ

หนูคิดว่าจุดเด่นที่แฟนคลับชอบเพราะความบ้าบอ ความเป็นตัวของตัวเองค่ะ เอ๋อๆ บ๊องๆ บ้าๆ บอๆ (หัวเราะ) เขาบอกว่าเต้นแล้วเสียงยังไม่ตกเลยเนอะ เราเป็นคนเสียงใหญ่ แล้วรู้สึกว่ามีพลัง แทบจะไม่ได้ออกกำลังกายเลยเพราะว่าเราทำงานด้วย วิ่งงาน

แต่ว่ามันเป็นพรสวรรค์แล้วเราแสวงด้วย เราดูตามยูทูป ตามงานที่เราเคยไปร้องเพลงประกวด เราก็เอามาปรับใช้ หาเทคนิคจากสิ่งรอบตัว ความคิดของหนู หนูแค่อยากจะทำไปเรื่อยๆ ไม่ได้คิดว่าตัวเองต้องประกวดแล้วเป็นศิลปินใหญ่ ไม่ได้คิดถึงขั้นนั้น ทุกวันนี้เกินคาดค่ะ”



เมื่อถามถึงความฝันในเส้นทางสายนี้ นอกจากการเป็นศิลปินแล้ว เปากล่าวว่า หากมีโอกาสก็อยากลองทำอะไรหลายๆ อย่างในวงการบันเทิง ทั้งการเล่นซีรีส์ หรือมีอัลบั้มเป็นของตนเอง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับอนาคต อยากตั้งใจทำวันนี้ให้ดีก่อน โดยเฉพาะผลงานเพลงล่าสุด

“ถ้ามีโอกาสก็อยากแสดงพวกซีรีส์ พวกหนังสั้น อยากจะเล่นแนวน่ารักๆ ห้าวๆ แก่นๆ อะไรประมาณนี้ ในความคิดถ้าไม่ได้เป็นนักร้อง ถ้าไม่ได้มาถึงจุดที่เราฝันไว้ ความฝันที่อยากทำแล้วไม่ได้ทำคือสร้างแบรนด์ของตัวเองด้วย ประเภทเครื่องสำอางค่ะ ทำธุรกิจเล็กๆ ของตัวเองค่ะ ขายของ เปิดร้าน อะไรประมาณนี้

ความฝันก็อยากให้มีอัลบั้มค่ะ แต่ก็แล้วแต่อนาคตค่ะ ในอนาคตไม่แน่แต่ตอนนี้ปล่อยเป็นซิงเกิลก่อน เพลงสองเพลง ยังไม่ได้คาดหวังถึงขั้นต้องออกเป็นอัลบั้ม เดินสายร้องเพลง เดินสายรับงานปกติไปก่อน ไม่ได้มองไกล ตอนนี้ประสบความสำเร็จในขั้นนึงค่ะ แต่ไม่ได้ตั้งเป้าหมายจนสูงเกินคาด แค่อยากมีคนรู้จักเรามากกว่านี้ อยากให้เข้าถึงเพลงนี้มากขึ้น เพราะเพลงนี้ตั้งใจมาก”

สุดภูมิใจ หัวหน้าครอบครัวในวัย 20 ปี

ความฝันอยากจะทำให้ครอบครัวคืออยากเรียนให้จบ แล้วมีหน้าที่การงานที่ดี พ่อแม่จะไม่ได้ลำบากในภายภาคหน้า รู้สึกว่าโตขึ้นมากเลยค่ะ ไม่เคยให้เงินครอบครัวเยอะขนาดนี้มาก่อน ไม่เคยจุนเจือมากขนาดนี้ แต่ตอนนี้เราทำได้ ก็รู้สึกดีใจแล้วก็ภูมิใจในตัวเองค่ะ”

นอกเหนือจากความทุ่มเทในเส้นทางนักร้องที่เลือกแล้ว อีก 1 ความภาคภูมิใจของสาวใต้คนนี้ คือการทำงานหนักชนิดที่ว่าบางวันได้นอนไม่ถึง 3 ชั่วโมง จนตอนนี้เธอกลายเสาหลักในการดูแลครอบครัว ด้วยวัยเพียงแค่ 20 ปี

ไม่เพียงแค่นั้น เธอยังแบ่งเบาภาระครอบครัวด้วยการเป็นนักร้องรับจ้างตามงานต่างๆ และเดินสายประกวดร้องเพลง ได้เงินมาใช้จ่ายเรียนตั้งแต่มัธยมปลายแล้ว แม้ในตอนนั้นจะไม่ได้ส่งเสียตัวเองได้ทั้งหมด แต่ก็สามารถแบ่งเบาภาระของครอบครัวไปได้เกินครึ่ง



[ ครอบครัวส่องสว่าง กำลังใจของเปา ]

“ประมาณ ม.4 ก็เริ่มร้องเพลงแล้วค่ะ ร้องเพลงตามวงดนตรี เรียนเสร็จแล้วกลางคืนก็ไปร้องเพลงตามงาน ตามร้าน ส่วนใหญ่จะร้องงานบวชงานแต่งมากกว่า เป็นวงค่ะ ม.5 ก็เริ่มมีตังค์ส่งตัวเอง ไม่ 100 เปอร์เซ็นต์ค่ะ ประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ พ่อแม่ก็ออกให้อยู่เหมือนกัน เพราะค่าใช้จ่ายมันเยอะ หนูอยู่หอ ก็สงสารแม่เพราะขอมาเยอะ มันมีค่ารายงาน ค่าชีท ค่าอุปกรณ์ เราก็อยากจะออกตังค์เอง ไม่อยากขอแม่

เป็นเสาหลักเลย เพราะว่าแม่ก็มียายที่ต้องเลี้ยง หนูจะให้เป็นอาทิตย์ค่ะ อาทิตย์ละ 4,000-5,000 แล้วแต่ วันไหนได้มากก็ให้มาก หรือบางวันได้งานเยอะก็ให้ เพราะว่าต้องเลี้ยงพ่อกับแม่ พี่ๆ ก็ส่งเงินให้ แต่เราเหมือนเราอยากเลี้ยงเอง เพราะว่าพ่อกับแม่ก็หมดมาเยอะแล้วเหมือนกันในการสนับสนุนเราในเรื่องการร้องเพลง

พ่อกับแม่ก็อายุเยอะแล้ว ขายของในตลาดค่ะ ตั้งแผงขายพวกผักพวกปลา อาหารสด เราปิดเทอมก็ไปช่วยค่ะ เพราะว่าพ่อกับแม่จะขายจันทร์-ศุกร์ เสาร์-อาทิตย์เราก็ได้กลับบ้านไปหา เพราะหนู ขึ้นๆ ลงๆ ค่ะ ไม่ได้อยู่ประจำ มีงานก็ขึ้นมากรุงเทพฯ

ก่อนหน้านี้ได้นอน 2-3 ชั่วโมงค่ะ แบ่งเวลาไม่ค่อยได้ แทบไม่มีเวลากินข้าวเลย บางทีมีงานเช้าแล้วต้องไปงานบ่ายอีก แต่งหน้าอะไรเสร็จกลางคืนขึ้นคอนเสิร์ตเลย ช่วงนี้งานติดกันหมดเพราะว่าเรามาอยู่กรุงเทพฯ จะรับงานติดกันเลย จะได้ไม่เสียเวลาในการเดินทาง”



ส่วนเรื่องการเรียนนั้น ปัจจุบันกำลังศึกษาชั้น ปวส.2 สาขาวิชาการตลาด วิทยาลัยเทคนิคพัทลุง ซึ่งทางสถานศึกษาก็คอยให้การสนับสนุนในเส้นทางที่เธอเลือกมาโดยตลอด

“คุณครูบอกว่าให้ดร็อปไปก่อน ค่อยกลับมาเรียนช่วงประมาณอีก 2-3 เดือนค่ะ เรียนตอนซัมเมอร์ ทำงานก่อนจะได้มีรายได้เลี้ยงครอบครัว แล้วก็มีตังค์เรียนด้วย เขาสนับสนุนค่ะ แล้วก็คอยแนะนำ บอกว่าช่วงนี้ก็ทำงานไปก่อนแล้วกัน แล้วค่อยมาเรียนใหม่ จบหลังเพื่อนประมาณ 3 เดือนค่ะ เรียนอีกปีนึงก็จบแล้ว”

ส่วนใครก็ตามที่อยากจะขายขนมจีบให้นักร้องสาวคนสวยผู้นี้ ทีมข่าวต้องขอบอกว่าเสียใจด้วย เพราะเธอมีคนรู้ใจเสียแล้ว

“ก็มีคนรู้ใจค่ะ คุยกันมานานแล้วประมาณปีกว่าๆ หนูเป็นคนไม่มีสเปก ความรักสำหรับคือความเข้าใจค่ะ ถึงจะรักกันแค่ไหนถ้าไม่เข้าใจก็ไปกันไม่ได้ ที่สำคัญเขาไม่ได้โวยวาย อะไรก็ได้ เข้าใจเรา ก็ให้กำลังใจตลอด สู้ๆ นะ โทร.มาคุย โทร.มาให้กำลังใจ ไม่ได้หวานอะไรมาก หนูว่าถึงจะเปิดหรือปิด สักวันก็ต้องรู้อยู่ดี หนูว่าไม่มีผลกระทบค่ะสมัยนี้ อยากให้เซฟผลงานดีกว่า”



เมื่อบทสนทนาดำเนินมาถึงช่วงสุดท้าย สาวเปายังใช้โอกาสนี้ ขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งให้กัน และขอส่งต่อกำลังใจของเธอไปยังคนที่ท้อแท้อยู่ ให้มีพลังในการต่อสู้กับปัญหา พร้อมทั้งขอฝากผลงานซิงเกิลแรกที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจผลิต ให้ได้ติดตามกันอีกด้วย

“ก่อนอื่นก็ต้องขอบคุณผู้ใหญ่ที่คอยตักเตือน คอยสั่งสอน คอยบอกกล่าว ก็จะทำให้ดีที่สุดค่ะ ก็ขอขอบคุณแฟนคลับทุกคนด้วยนะคะที่ให้กำลังใจมาโดยตลอด หลังจากที่มีปัญหาหรือว่ามีอุปสรรค มีดรามา ก็ขอบคุณมากนะคะ แล้วก่อนจะจากไปวันนี้ อยากฝากผลงานเพลงมงลงนะคะ หนูตั้งใจมาก

แล้วหนูก็อยากให้ทุกคนภูมิใจในสิ่งที่ตัวเองเป็น ท้อได้นะคะแต่ชีวิตเราต้องเดินต่อ ต้องก้าวไปข้างหน้า อยากให้ทำตามฝันที่เราตั้งใจ ต้องทำให้ได้ค่ะ ไม่ว่าจะผ่านเรื่องราวเลวร้ายอะไร เปาเชื่อว่าวันข้างหน้าถ้าคุณก้าวผ่านวันนี้ไปได้ วันข้างหน้าก็จะผ่านไปได้ง่ายค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ”

@livestyle.official ...ไร้ค่ายแล้วสดชื่น!! ติดตามบทสัมภาษณ์เต็มๆ>> fb.com/LIVEstyleofficial... ##LIVEstyle ##เปากิ่งกาญจน์ ##มงลง @paokingkan ♬ เสียงต้นฉบับ - เปา กิ่งกาญจน์


สัมภาษณ์โดย : ทีมข่าว MGR Live

เรื่อง : กีรติ เอี่ยมโสภณ
ภาพ : กัมพล เสนสอน
ขอบคุณภาพเพิ่มเติม : เฟซบุ๊ก “เปา กิ่งกาญจน์ ส่องสว่าง”




** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **




กำลังโหลดความคิดเห็น