“ใส่โซ่ตรวนที่ขาผมจนเป็นแผลเหวอะหวะผมทำร้ายตัวเอง จนต้องใช้ยาบำบัดอยู่พักหนึ่ง” เปิดใจแม็กซ์-อัจฉริยะ ติดคุกฟรี 14 เดือน ใครคือคนรับผิดชอบ แม้แต่คำขอโทษก็ไม่เคยได้รับ เส้นทางสายกำปั้นต้องดับลง สะท้อนกฎหมายไทยที่หละหลวม พร้อมเทียบคดีใหญ่ที่กำลังเป็นข่าวดัง และนี่คือเสียงสะท้อนจากปากมวยแพะอย่างทุกข์ทรมาน ชีวิตจากนี้หวังสู้ต่อไปให้ถึงที่หนึ่งแชมป์โลก
ติดคุกฟรี ไม่ได้รับการเยียวยา
“ตัดอนาคตผม ไม่ให้ผมไปชกมวย เอาผมไปขังคุกไว้ไม่พอ ยังให้ผมห่างครอบครัว ขาดอิสรภาพ แถมยังให้ผมเป็นหนี้อีกก้อนโต จนทุกวันนี้ก็ไม่มีใครออกมารับผิดชอบเลย คำขอโทษแม้แต่คำเดียวของตำรวจก็ไม่มี เงินเยียวยาก็ไม่ได้”
แม็กซ์-อัจฉริยะ กันต์ยศทรงสิริ “มวยแพะ” กับเจ้าของฉายา “นักชกไร้พ่าย เจ้าแม็กซ์ ท.อัจฉริยะ” เปิดใจกับทีมข่าว MGR Live หลังจากพ้นมลทินโดนโยงคดียา 3 ล้านเม็ด
เจ้าแม็กซ์เล่าถึงชีวิตที่โดนจองจำถึง 14 เดือน เป็นช่วงเวลาที่ทุกข์ทรมานที่สุดในชีวิต ทุกข์ทั้งกาย ทั้งใจ ทุกข์ในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้กระทำผิด
จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจับกุม เจ้าแม็กซ์ นักมวยแชมป์สภามวยแห่งเอเชีย (WBC เอเชีย) รุ่นซูเปอร์ไลท์เวต ขณะเดินทางไปชกอุ่นเครื่องที่ญี่ปุ่น
ข้อหาร่วมกันมียาเสพติดประเภท 1 หรือยาบ้า ไว้เพื่อจำหน่าย หลังพบว่าเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดียาเสพติด กรณีตำรวจ สภ.เมืองระนอง จับกุมขบวนการขนยาเสพติด 5 คน พร้อมของกลางยาบ้า 3.4 ล้านเม็ด ที่จุดตรวจริม ถ.เพชรเกษม อ.เมืองระนอง เนื่องจากหนึ่งในผู้ต้องหาซัดทอดถึงนายอัจฉริยะ จนนำไปสู่การจับกุมตัว
หลังจากได้รับอิสรภาพที่โดนจองจำในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้กระทำผิด เจ้าแม็กซ์ก็ตั้งคำถามกับสังคม และกับตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่า ใครคือผู้รับผิดชอบที่ทำให้ชีวิตตนเองและครอบครัววิบัติได้ถึงขนาดนี้ และนี่คงเป็นอีกหนึ่งคดีที่ช่วยสะท้อนสังคมได้เป็นอย่างดีถึงความยุติธรรมของกฎหมายไทย
“ตั้งคำถามกับตัวเองมากครับว่าทำไมเขาถึงไม่ปล่อยผม มันได้แต่ถามกับตัวเองว่าทำไม ทำไมตำรวจเขาทำแบบนี้ ทำไมเขาไม่หาหลักฐาน ทำไมอัยการจะต้องฟ้อง ทำไมศาลจะต้องขังระหว่างอุทธรณ์ มีแต่คำถามหมดเลยครับ ทำไมไม่ปล่อย
ผมก็ทำใจเอาไว้ว่าทนเอาอีกปีหนึ่ง จนถึงวันที่ 27 พ.ค.63 อัยการไม่อุทธรณ์ผม ผมยังตกใจอยู่เลย ยังงงอยู่เลย ผมกำลังจะนอน ห่มผ้าห่มอยู่เลย ผู้คุมก็เดินเข้ามาผม บอกว่ามึงเก็บผ้าห่มเลย ผมก็นึกว่าย้ายห้องเหรอครับ เปล่ามึงอ่ะกลับบ้าน
ผมยืนสตั้นไปสักพักหนึ่ง คือไม่อยากจะเชื่อ เรารอฟังคำนี้มานานมากแล้ว ทุกคนที่อยู่ข้างๆ ห้อง เขาลุกฮือขึ้นมาดูหมดครับ เขาก็ดีใจ เขาก็ตบมือตะโกนโหวกเหวกทั่วเรือนจำเลยครับ เขาดีใจกับเราว่าเราได้กลับบ้าน คือมันเหลือเชื่อครับ ผมไม่รู้เลยว่าผมจะได้กลับบ้านวันนั้น
ที่ผ่านมาก็ไปยื่นอุทธรณ์ขอเงินเยียวยาอีกรอบหนึ่ง ซึ่งผมก็ไม่ได้หวังอะไร แต่อยากทำให้เต็มที่แค่นั้นเอง หวังว่าเขาจะได้เห็นว่าคนบริสุทธิ์ เข้าไปติดคุกเสียทั้งอนาคต เสียทั้ง การงาน เสียทั้งโอกาส แถมยังครอบครัวติดลบ เป็นหนี้ก้อนโต เขาจะออกมารับผิดชอบผมยังไง เยียวยาผมยังไง”
อย่างไรก็ตาม เจ้าแม็กซ์พร้อมด้วยครอบครัวและทนายความ ได้เข้าร้องขอความเป็นธรรมจาก ผบ.ตร. เพื่อเอาผิดชุดจับกุมอีกด้วย แต่ก็ไม่เป็นผล ถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีหน่วยงานไหนออกมารับผิดชอบกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น แม้แต่คำขอโทษก็ไม่ได้รับจากใครเลย
“เมื่อก่อนผมไม่ค่อยจะรู้เรื่องเกี่ยวกับแพะเท่าไหร่ ผมเคยเห็นแต่ข่าว จนมาเจอกับตัวเอง ติดคุกฟรีจริงๆ ครับ แม้แต่เงินวันละ 500 บาทที่ผมเข้าไปอยู่ข้างใน ผมก็ไม่ได้สักบาท
ถ้าพูดถึงเงินที่ผมจะได้ ถ้าเขาเยียวยาผมนะ มันน้อยมากสำหรับหนี้สินที่ทางนั้นเขาสร้างให้ผม มันน้อยมากสำหรับการสู้คดีของผม แต่ว่าถ้ามันได้มา จากหนักมันก็จะเป็นเบา
แต่ผมก็ไม่ได้หวังแล้วครับ คือมันท้อ นี่ผมเกิดในประเทศไทยใช่ไหม ผมยังถามตัวเองอยู่เลย ผมก็เป็นคนไทยคนหนึ่ง ทำไมเขาไม่เห็นใจผมบ้าง ผมก็ทำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติมากมาย
ผมเคยเป็นนักมวยทีมชาติไทย เคยไปชกต่างประเทศมากมาย เคยสร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศ แต่เขาไม่ได้สนใจเลยครับ เขาไม่ได้เห็นใจ คุณออกมาแล้ว คุณก็ได้อิสรภาพของคุณก็แค่นั้นเองครับ ถ้าจะไปเรียกร้อง ตะโกนมือทุบดิน มือกำหญ้า ก็ได้แค่นั้นแหละครับ เพราะเขาก็พูดได้ไม่กี่คำว่า ทุกคนก็ทำตามหน้าที่ เขาบอกผมแค่นี้ ทุกหน่วยงานเขาก็ทำตามหน้าที่”
เส้นทางสายกำปั้นต้องดับวูบลง
ย้อนกลับไปวันที่ 6 เมษายน 2562 ขณะที่เจ้าแม็กซ์ต้องเดินทางไปโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นเพื่อขึ้นชกอุ่นเครื่องกับนักมวยญี่ปุ่น เขาก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจด่านตรวจคนเข้าเมืองจับกุมตัวที่สนามบิน ในข้อหาร่วมกันมียาเสพติดประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้เพื่อจำหน่าย
เรื่องนี้กลายเป็นข่าวดังที่ถูกเผยแพร่ทั้งในสื่อไทยและต่างชาติ แม้เจ้าแม็กซ์จะยืนยันว่าไม่รู้จักกับผู้ต้องหา และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติด แต่อนาคตบนเส้นทางสายกำปั้นของเขาก็ดับวูบลง และต่อมาก็ถูกยึดเข็มขัดแชมป์ จากนักมวยที่ถูกจัดให้เป็นอันดับที่ 27 ของโลก ก็ต้องถูกถอดชื่อออกด้วย
“ผมเคยเห็นที่อยู่ในหนัง ไม่เคยคิดว่าเรื่องแบบนี้จะมาเกิดกับผม กับครอบครัวผม วันนั้นผมก็โหลดกระเป๋าลงเครื่องแล้ว เหลืออีกไม่กี่นาทีจะขึ้นเครื่องแล้วแล้ว ตม. (ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง) ก็บอกผมว่าพาสปอร์ตน้องมีปัญหานะ ตอนนั้นผมก็ไม่ได้ตกใจอะไร เพราะคิดว่าอาจจะเป็นชื่อตกหล่นอะไรหรือเปล่า
เขาก็เชิญผมเข้าไปห้องกระจก เขาก็ถามผมว่า น้องเคยยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดไหม ผมก็บอกเขาว่าไม่เคยครับ ผมกำลังจะไปชกมวยครับพี่ เขาก็บอกว่า แต่น้องมีหมายจับที่ระนองนะ ผมก็ไปกับพี่อำนาจ และก็พี่ทางนครหลวงครับ เขาก็ตกใจ ผมก็ตกใจ ผมก็บอกว่าเป็นไปไม่ได้ครับ ผมไม่เคยไปที่ระนองเลยครับ จะมีหมายจับที่ระนองได้ยังไง เขาก็บอกว่าเดี๋ยวโทร.ไปประสานไปที่ระนองก่อน เพื่อที่จะดูให้แน่ใจว่าใช่หรือเปล่า
เขาก็โทร.ไป ปรากฏว่า ตอนนั้นผมยังไม่ทราบเลยว่าคดียากี่เม็ด ยาเท่าไหร่ เห็นแต่ตำรวจเขาบอกว่ายา 3 ล้านเม็ดครับ ขาผมแทบทรุด ตอนนั้นก็ได้แต่ยิ้ม เพราะว่ามันเป็นไปไม่ได้ มันเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ ทุกคนก็งงกันไปหมด มันเป็นไปได้ยังไง นี่ครั้งแรกครับที่ผมได้ไปนอนที่ห้องขัง”
ทางด้านครอบครัวเชื่อมั่นใจตัวเจ้าแม็กซ์ว่าเป็นแพะในคดีนี้ ภรรยาจึงหาทางช่วยจึงหาทางช่วยเหลือและต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ รวมทั้งเข้าร้องกองปราบปรามและกระทรวงยุติธรรม
และภรรยาของเจ้าแม็กซ์เชื่อว่า เรื่องนี้เกิดจากเมื่อปี 2558 เจ้าแม็กซ์ได้ขายรถเก๋งฮอนด้า ซีวิค ให้แก่ “เอกกวี แก้วมณี” เจ้าของค่ายมวยซึ่งสนิทสนมกัน โดยขายแบบโอนลอย ทำให้รถยังเป็นชื่อของเจ้าแม็กซ์
ต่อมา นายเอกกวี ได้ขายรถต่อให้แก่เต็นท์รถมือสองแห่งหนึ่ง แล้วอีก 1 เดือนต่อมา เต็นท์รถก็ขายต่อให้ลูกค้าที่มีนามว่า “ธนพร” โดยที่ชื่อผู้ครอบครองรถยังเป็นชื่อเจ้าแม็กซ์อยู่
เมื่อธนพร ถูกจับพร้อมรถคันดังกล่าว และตำรวจพบว่าเจ้าแม็กซ์เป็นเจ้าของรถ ธนพรก็ซัดทอดเพื่อให้ตนพ้นผิด โดยอ้างว่าเจ้าแม็กซ์หลบหนีไปแล้ว แต่จะเห็นได้ว่าธนพรไม่รู้จักชื่อเล่นของเจ้าแม็กซ์ จึงเรียกชื่อเล่นผิด อ้างว่าชื่อ “จิ๊บ อัจฉริยะ”
ทั้งนี้ นายเอกกวี ก็ได้มาเป็นพยานให้เจ้าแม็กซ์ด้วย โดยนำเอกสารการซื้อขายรถทั้งหมดมามอบให้แก่พนักงานสอบสวนแล้วยังมีภาพและคลิปจากเฟซบุ๊กที่พิสูจน์ได้ว่า ในช่วงเวลาที่เกิดเหตุเจ้าแม็กซ์ไม่ได้อยู่ที่ระนอง แต่กำลังซ้อมมวยอยู่ที่ค่ายมวยของนายเอกกวี ที่นครปฐม
“ผมมั่นใจว่ายังไงผมก็ต้องรอด เพราะว่าผมไม่รู้เรื่องอะไรเลยครับ ผมปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ภรรยาผมก็ไปหาหลักฐานทุกอย่างมา ช่วงนั้นยังไม่มีทนายครับ แฟนผมเป็นคนวิ่งหาหลักฐานทุกอย่าง ช่วงนั้นยังช็อตๆ อยู่ ยังคิดอะไรไม่ออก
ก็หาหลักฐานเท่าที่หาได้ ก็โทร.มาหาพี่เอกกวี แก้วมณี เพราะพี่เอกกวีผมขายรถให้พี่เขา แล้วพี่เขาก็ไปขายให้เต็นท์ แล้วเต็นท์ก็ขายให้ผู้ก่อเหตุอีกทอดหนึ่ง ซึ่งก็เป็นการโอนลอยทั้งหมด
มันก็ชัดเจนแล้วว่าผมโอนลอยไปแล้ว ทำไมเขาไม่ปล่อยผม ผมก็ร้องไห้ด้วย ตาผมแดง คือเราไม่รู้จักใคร เราก็กลัว ความรู้สึกแรกที่เขามาบอกผมยังยิ้มอยู่เลย คือแบบ มันเป็นไปไม่ได้ มันเป็นเรื่องตลก มันบ้าไปแล้ว มันไม่ใช่ เราอยู่กรุงเทพฯ เราซ้อมมวยอยู่ เราจะไปชกมวย จะมีหมายจับที่ระนองได้ยังไง พอเขาส่งตัวเราไปที่ห้องขัง เริ่มจะเครียดแล้วครับ ผมเริ่มไม่อยากจะคุยกับใคร
ผมยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผมอยู่ในห้องขังจริงๆ ว่าเรื่องเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับผม ผมได้แต่นั่งตบหน้าตัวเองว่านี่มันเรื่องจริงหรือเปล่า ณ เวลานี้ผมจะต้องอยู่บนเวทีแล้ว เพราะว่าวันที่ 6 ผมจะต้องขึ้นไปชกแล้ว ผมก็ยังไม่อยากจะเชื่อตัวเอง”
นอกจากนี้ ภรรยาและแม่ยายยังได้ไปขอพบกับธนพรด้วย และได้อัดคลิปการสนทนาเอาไว้ โดยธนพรบอกว่า เธอไม่รู้จักเจ้าแม็กซ์ ไม่เคยบอกว่าเป็นแฟนกัน และไม่เคยซัดทอดเจ้าแม็กซ์เลย
“ด้วยหลักฐานของผม ผมไม่คิดว่าผมจะอยู่นานถึง 3 เดือนด้วยซ้ำ แต่ทุกครั้งที่ไปคุยที่ห้องเยี่ยมกับภรรยาผม ผมขาอ่อนออกมาเลยครับ เพื่อนแทบจะมาหามปีกผมออกมาเลย คือผมไม่มีแรง ภรรยาผมก็บอกว่าตัวเองทนอีกนิดหนึ่งนะ เพราะว่าตอนนี้อัยการเขาฟ้องแล้ว น่าจะรอเขาสืบ
ภรรยาผมก็วิ่งเรื่องเงินประกัน แล้วเงินประกันต้อง 2 ล้านขึ้นไป คือผมก็ไม่มีเงินเลย ก็เอาหลักฐานเอกสารทุกอย่างไปที่กระทรวงยุติ กระทรวงยุติธรรมท่านก็เห็นใจ และให้เงินประกันตัวมา ผมก็ดีใจมากครับ
แฟนก็ส่งจดหมายมาว่าตอนนี้กระทรวงยุติธรรมได้อนุมัติเงินประกันตัวแล้ว ผมก็คิดว่ากระทรวงยุติธรรมกับศาลเขาจะเห็นพ้องกัน เห็นเป็นแนวเดียวกัน แต่พอมายื่นประกันผมก็ร้องไห้เลยครับ คือศาลท่านก็บอกว่า เนื่องจากอัตราโทษสูง มีเหตุให้จำเลยต้องหลบหนี ศาลขอคัดค้านยกคำร้อง เป็นอย่างนี้
ก็ผลัดไปอีก 3 วัน ภรรยาผมก็ไปยื่นประกันอีกรอบหนึ่ง ยื่นชั้นอุทธรณ์ครับ อุทธรณ์ก็ยืนตามศาลชั้นต้น เนื่องจากจำนวนยามันเยอะ ก็ยังไม่หยุดครับ ภรรยาผมก็ยื่นถึงฎีกาครับ เพื่อที่จะประกันตัว ให้เขาอ่านสำนวนว่าเราบริสุทธิ์แค่ไหน คือเหมือนเขาไม่ได้อ่าน คือเขามีกฎของเขาก็คือแบบยามันเยอะ เขาก็คัดค้าน ศาลฎีกาก็ยืนตามศาลชั้นต้นครับ ผมก็ไม่ได้ออกมาตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นไป”
ลำบากเป็นหนี้นอกระบบ กู้เงินสู้คดี
จากที่สูงตกลงสู่ที่ต่ำ ชีวิตขาดอิสรภาพ โดนจองจำในคุกในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้กระทำผิด เจ้าแม็กซ์ เล่าว่า ช่วงที่ถูกจับแรกๆ ไม่มีใครยื่นมือเข้ามาช่วยเลย มีเพียงครอบครัวเท่านั้นที่พยายามดิ้นรน วิ่งหาหลักฐานสู้คดี
ต้องขายที่ดินของครอบครัว กู้เงินนอกระบบ เพื่อสู้คดีเอาคนบริสุทธิ์อย่างเจ้าแม็กซ์ กลับคืนสู่อ้อมกอดครอบครัวอีกครั้ง
“ภรรยาเป็นคนวิ่งเรื่อง ส่วนทางแม่และครอบครัวของผมจะเป็นคนวิ่งแล้วก็จ่ายตังค์ เป็นคนหาตังค์ ช่วยเรื่องตังค์ ภรรยาผมก็หมด ไม่มีตังค์แม้จะเติมน้ำมันแล้วครับ บางทีก็มีติดตัวอยู่ 100 บาท คือไปด้วยใจอย่างเดียว ไปด้วยความจริง และก็ไปด้วยใจ
ก็มีครอบครัวผมที่เข้ามาช่วยตอนนี้ แม่และน้องสาวผมก็อยู่ต่างประเทศหมด มันติดโควิดด้วยมายังไม่ได้ เขาก็เลยส่งตังค์มาอย่างเดียว ที่บ้านตังค์ไม่พอก็ไปขายไร่ ขายนา ตาผมเลี้ยงควายอยู่ 10 กว่าตัว ก็ขายควายทั้ง 10 ตัว ขายหมดเลย ผมนี่ร้องไห้เลย
ที่ดินที่ขาย เป็นที่ของแม่ที่ซื้อเก็บไว้ให้ลูก แต่เมื่อถึงยามจำเป็นก็ต้องขาย ควายที่ตาเลี้ยงเอาไว้ โดยเฉพาะควายผมสงสารตาผมมาก ตาผมเป็นคนรักควาย แกจะเอาควายออกไปกินหญ้า แกก็นอนดูควายแก แกรักควายมาก แต่แกก็บอกว่าถึงจะรักแค่ไหน ก็ไม่รักเท่าหลานตัวเอง แกก็ขายหมดคอกเลยครับ ขายตัวละหลายหมื่นหลายแสนครับ
ขายควายก็ยังไม่พออีก ผมต้องขายรถก็ยังไม่พอ ต้องไปกู้อีกครับ กู้เงินนอกระบบร้อยละ 10 ร้อยละ 20 เอาหมดครับ เอาทุกอย่างที่จะช่วยเอาคนบริสุทธิ์ออก ทนายคนแรกก็หมดไป 2-3 แสน ทนายคนที่ 2 ก็หมดไป 2-3 แสนเหมือนกันครับ”
ต้องใช้เงินสู้คดีเป็นเงินจำนวนหลายล้าน กว่าจะได้ออกมาเป็นอิสระ อีกทั้งเจ้าแม็กซ์เองก็เป็นเสาหลักของครอบครัว ทำให้เมื่อเจ้าตัวโดนจองจำในคดีที่ไม่เป็นธรรม ครอบครัวก็ต้องขาดเสาหลัก ทุกอย่างต้องหยุดหมด ไม่มีรายได้ มีแต่รายจ่ายแถมภรรยาต้องหยุดทำงานเพื่อวิ่งหาเอกสารเพื่อสู้คดี
“หมดเป็นล้านครับ ล้านต้นๆ ถ้าไม่ได้ชกมวยก็ไม่ได้มีรายได้ครับ ผมก็จะชกมวยทุกๆ เดือน เดือนหนึ่งสองเดือนผมก็ชก ช่วยกันหาตังค์ ก็พออยู่ได้ ไม่ถึงกับรวยครับ พออยู่ได้ เลี้ยงครอบครัวได้
แต่พอโดนแบบนี้ เอาผมไปติดไว้เป็นปี ทุกอย่างภรรยาผมจากที่ทำงานอยู่ ก็ไม่ได้ทำงาน ก็มาวิ่งเรื่องผม ทุกอย่างต้องหยุดหมดเลย เงินก็ไม่มีเข้ามา ก็เลยต้องยืม กู้ ขาย เงินที่เราขอเยียวยาไปปรากฏว่าไม่ได้ ไม่ได้เพราะสาเหตุเดียวครับ เพราะว่าคำพิพากษาของศาล ซึ่งตรงนี้ผมก็ไม่อาจที่จะก้าวล่วง ก็เคารพในการตัดสิน
แต่ก็ยื่นอุทธรณ์ขอเงินเยียวยาต่ออีก แต่ว่าพูดตรงๆ ผมไม่ได้หวังเลยครับ มันไม่มีใครเคยได้เลยครับ แพะเกี่ยวกับยาเสพติดไม่มีใครเคยได้เลย”
ทุกเดือนจะมีความหวังว่าจะได้กลับบ้าน เพราะทุกอาทิตย์ภรรยาจะเดินทางหลายพันกิโล เพื่อมาเยี่ยมพร้อมให้กำลังใจ
เจ้าแม็กซ์เล่าอีกว่า ตอนอยู่ในคุกไม่รู้ด้วยซ้ำว่าภรรยาสู้ และดิ้นรนแค่ไหน มารู้อีกทีหลังจากที่โดนปล่อยตัว ภรรยาก็ได้เล่าทุกอย่างให้ฟังว่า ต้องสู้แบบไหน ต้องสู้กับใครบ้าง ยอมรับว่าลำบากมากจริงๆ หากไม่ได้ครอบครัวที่ดี และภรรยาที่คอยช่วยมาตลอด คิดว่าคงติดคุกตลอดชีวิต
“ภรรยาผมไปเยี่ยม พูดได้ว่าไปเยี่ยมเกือบทุกอาทิตย์ จนคนที่ระนองคิดว่าเมียผมเป็นคนระนอง ผู้คุมที่นั่นคิดว่าเมียผมเป็นคนระนอง แต่ไม่ใช่ครับ เมียผมเป็นคนโคราช ต้องขับรถจากโคราชมากรุงเทพฯ จากกรุงเทพฯไประนอง ระยะทาง 2 พันกิโล
แล้วก็วอนให้ใครช่วยก็ไม่มีใครช่วยครับ ซึ่งตรงนี้ผมเข้าใจครับ เพราะว่าเนื่องจากคดียา มันไม่มีใครอยากเข้าไปยุ่ง เพราะก็ไม่มีใครรู้ว่าผมทำจริงหรือเปล่า คนอื่นก็ไม่มีใครอยากเข้าไปยุ่ง
ภรรยาผมก็ทำทุกอย่าง วิ่งทุกอย่าง ขับรถไปขับรถกลับ เงินไม่มีก็ไปกู้ ไปยืม ไปขาย รถก็ขายไปคันหนึ่ง เพื่อที่จะมาต่อสู้กับคดีนี้ ทนายก็มีทั้งดีและก็ไม่ดีครับ อันนี้ผมก็เจอกับตัวเอง
บางคนก็เก่งออกสื่อ เก่งที่แต่จะเอาตังค์กับประชาชน แต่พอเอาจริงๆ ก็ทำอะไรไม่ได้เลย คดีผมแทบจะไม่คืบหน้าเลย จนผมได้ ทนายวรกร พงศ์ธนากุล เขาสายบูู๊จริงครับ เขาชนหมดเลยครับ พอเขาดูสำนวนเราว่าเราเป็นคนบริสุทธิ์เขาก็ชนหมดเลย ต้องขอบคุณทนาย ถ้าไม่ได้เขา ผมคงไม่ได้ออกมา”
การเป็นแพะในครั้งนี้ อีกหนึ่งบาดแผลในใจของเจ้าแม็กซ์คือ ทำให้ลูกชายวัย 5 ขวบ ที่กำลังเติบโตต้องขาดพ่อมาเป็นปี ครอบครัวไม่ได้อยู่พร้อมหน้า ต้องจำยอมโกหกว่าพ่อไม่สบาย ป่วยต้องเข้ารับการรักษา สงสารลูกจนบอกให้ภรรยาไม่ต้องพาลูกมาเยี่ยม
“ลูกชายมาเยี่ยมผม 2 ครั้งตอนผมอยู่ข้างใน หลังจากนั้นผมก็ไม่ให้ลูกชายผมมาอีกเลย มันทรมานใจผม และทรมานใจลูกชายผมด้วย แม่เขาบอกกับลูกชายว่าผมทำงานอยู่ข้างใน ตอนนี้ผมป่วยอยู่ เพราะตอนนั้นผมใส่ชุดสีฟ้าๆ ชุดของผู้ต้องขัง ก็บอกว่าผมป่วยอยู่ ผมไม่สบาย อีกไม่นานเดี๋ยวผมก็กลับบ้าน
เขาก็คิดว่าป๊ะป๋าเขาไม่สบาย เด็กเขาไม่รู้เรื่องครับ เขาก็วิ่งหาทางที่จะเข้ามาหาผม วิ่งร้องไห้ผ่านประตูตู้กระจก วิ่งชน วิ่งไปกอดขาท่านผู้คุม ตอนนั้นผมเห็นแล้วก็น้ำตาซึม สงสารลูก ลูกร้องไห้เพื่อที่จะเข้ามาหาผม แต่เข้ามาไม่ได้ หลังจากนั้นก็ไม่ให้ลูกชายมาเยี่ยมอีกเลยครับ
สงสารลูก สงสารตัวผมด้วย คือถ้าใครไม่โดนกับตัวก็ไม่รู้สึกหรอกครับว่ามันรู้สึกยังไง ผมอาจจะเล่าได้ไม่เก่งเท่าไหร่ แต่ลองนึกภาพตามดู ลองนึกว่าเป็นตัวคุณโดนดูแบบผมบ้าง
ผมก็อยากให้พวกตำรวจคิดแบบนี้ จะได้เห็นใจผมบ้าง ทำไมถึงทำกับผม กับครอบครัวผมได้ขนาดนี้ ทำร้ายผม มันเหมือนทำร้ายประชาชนครับ”
เชื่อคุกมีไว้ขังคนจน ถ้ารวยก็รอด
“ทุกวันนี้ผมเลยรู้ครับว่าคุกมีไว้ขังคนจนจริงๆ ถ้าคนที่ได้ดูข่าวก็จะเปรียบเทียบได้ เห็นได้ชัดเจนกับกระทิงแดงกับคดีผม ก็เคยมีคนเอาไปพูดถึงคู่กันอยู่ครับ ว่ามันเห็นได้ชัดเจน
บางทีคนที่มีตังค์ทำอะไรก็ไม่ผิด ถ้าใครจะเถียงผม ผมก็เถียงใจขาดเหมือนกันครับ เพราะว่าผมไม่ได้อะไรเลยสักบาทหนึ่ง แถมผมติดคุกด้วย”
เมื่อก่อนไม่เคยเชื่อว่าคุกมีไว้ขังคนจน แต่พอโดนกับตัวเองถึงได้เชื่อโดยสนิทใจ และเชื่อว่าถ้ารวย หรือมีเงินมากพออาจจะไม่ถูกติดคุกและรอดคดีได้อย่างง่ายได้ ถึงจะเป็นคดีที่ใหญ่แค่ไหนก็ตาม
“แน่นอนครับผมคิดว่าผมอาจจะไม่ได้ติดคุกด้วยซ้ำ ถ้าผมมีตังค์นะครับ ณ เวลาที่ผมถูกจับ อาจจะได้เข้าไป แต่อาจจะได้เข้าไปไม่ถึงอาทิตย์ ผมเชื่อเลยครับ ไม่ใช่แค่คดีผมนะครับ ช่วงที่ผมอยู่ข้างใน ผมเห็นคดีอื่นเข้ามาวิ่งตังค์กัน มันเป็นอย่างนี้จริงๆ ครับ
มันมีเบื้องหน้าและเบื้องหลัง ซึ่งตรงนี้ผมก็ไม่อาจที่จะพูดเยอะได้ แต่ทุกคนก็น่าจะรู้กันดีครับ ว่าตรงนี้มันเป็นยังไง ว่าประเทศไทยเราเป็นยังไง
แต่ก่อนผมไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไหร่ แต่ทุกวันนี้ผมเจอกับตัวผม แล้วก็เห็นข่าวดังๆ เยอะแยะ ตำรวจรับสินบนบ้าง แต่ตำรวจดีก็มีนะครับ แต่ผมโชคร้ายเองที่เจอแบบนี้
จะไปจับใครก็อยากให้เขาทำสำนวนให้มันละเอียดนิดหนึ่ง ไม่แค่ว่ามีแค่คำซัดทอด มีแค่หลักฐานนิดๆ หน่อยๆ เอาไปเชื่อมโยง แล้วก็ไปจับเขา โดยที่หลักฐานอื่นก็ไม่มี เขาเสียหายครับ
ยิ่งเป็นแบบคดีของผม ยิ่งต้องละเอียดเลยครับ เพราะว่าคดียามันไม่ใช่ 3 เม็ดนะครับ คดียามัน 3 ล้านเม็ด มันต้องละเอียดหน่อย ถ้าจับผมไปแล้วยากที่จะประกัน ยากที่จะดิ้นรนออกมา”
กลายเป็นคนไม่เชื่อในกระบวนการยุติธรรม นอกจากจะไมได้รับความเป็นธรรมแล้ว หลังออกมาจากคุกแม้แต่คำขอโทษจากใครก็ไม่เคยได้รับ ไม่มีใครออกมารับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่มีใครสามารถเยียวยาคนที่ต้องเข้าไปติดคุกฟรีๆ ถึง 14 เดือน
“แต่ก่อนผมก็เชื่อ แต่ตอนนี้ผมเริ่มจะไม่แน่ใจแล้วครับ เริ่มจะไม่มีความแน่ใจแล้ว ผมร้องไห้ไม่รู้กี่รอบ ผิดหวังไม่รู้กี่ครั้ง ผิดหวังแล้วผิดหวังอีก คิดว่าออกไปแล้วเราจะตั้งหลักได้ จะขอให้เขาเยียวยาเรา จะขอให้เขาชดใช้ที่เขาเอาเรามาติดคุก
สรุปแล้วออกมา ก็เหมือนได้ออกมาเฉยๆ แถมยังเป็นหนี้ก้อนโตด้วย ต้องมาเริ่มใหม่กับอาชีพตัวเอง คือแบบหมดทุกอย่างครับ (ส่ายหัว) ผมแทบจะไม่เชื่อเลยครับ แถมจะไม่แน่ใจเลยครับ
ฝากให้กระทรวงยุติธรรมเขาพิจารณาสำนวนคดีผมตามความเป็นจริงครับ ไม่อยากให้ยึดเอาตรงที่คำพิพากษาอย่างเดียว เพราะว่าถ้ายึดเอาตรงนั้น แพะในประเทศไทยก็ไม่มีใครได้ตังค์หรอกครับ”
เจ้าแม็กซ์เชื่อว่าหากกระบวนการยุติธรรมยังเป็นเช่นนี้อยู่ แพะในประเทศไทยคงไม่จบอยู่ที่ตนคิดว่ากฎหมายยังมีไม่มีความรัดกุมมากพอ แล้วคนไทยจะมีแพะอีกกี่คนนับจากนี้
“สำหรับผมแล้วคิดว่ากฎหมายหละหลวมมากๆ ครับ ถ้าเป็นไปได้ ผมก็อยากให้เขาเปลี่ยนใหม่ อยากให้เขาแก้ใหม่ เพราะถ้าเป็นกฎหมายแบบนี้อยู่ ประเทศไทยเรายังไม่หมดแพะหรอกครับ และก็ยังจะต้องสู้ คือแบบจับเขามาแล้วค่อยหาหลักฐาน มันจะเป็นอย่างนี้
ในคุกที่พบเจอ ก็จับมา เจออะไรเขาก็จับเข้ามาแล้วค่อยหาหลักฐานสู้คดี จะประกันก็ค่อยประกัน มันเป็นอย่างนี้ครับ คือมันไม่ใช่ ก่อนที่จะไปจับเขา มันต้องหาหลักฐานไปจับเขา
บางคนเขาไม่มีตังค์ ถ้าเกิดเจอเรื่องราวแบบผม ถ้าเกิดเขาไม่มีคนวิ่งช่วย เขาไม่มีเงิน เจอเรื่องแบบผม แน่นอนครับ ประหารชีวิต เพราะว่าโทษยาขนาดนี้ ไม่ประหารก็ติดคุกตลอดชีวิต
ถูกตีตรวน คิดฆ่าตัวตาย ต้องกินยาบำบัด
“ภาพแรกที่ผมเข้าไปในเรือนจำ มันเหมือนหนอนอยู่ในแก้ว มันบรรยายไม่ออกครับ ผมไม่เคยเห็นแบบนี้มาก่อน มันสะอิดสะเอียน แล้วกลิ่นเหม็นด้วย
ทุกวันผมจะนอนหันข้างไม่คุยกับใครเลย ผมจะคลุมโปงแล้วก็จะร้องไห้ มันทรมานมากๆ ครับ เราไม่ผิด เรากำลังจะไปชกมวย เรากำลังจะไปเอาแชมป์ เรากำลังจะไปทำเพื่อประเทศชาติ อยู่ดีๆ เอาเราไปนอนอยู่ในคุก ผมเหมือนฝัน เหมือนเป็นบ้าเลย
เป็นความรู้สึกที่ไม่สามารถที่จะพูดออกเป็นคำพูดได้ ต้องลองจินตนาการ และลองนึกภาพดูว่าตัวของคุณเองเจอเหตุการณ์แบบผม แล้วก็จะเข้าใจผม เอาผมเข้าไปข้างในไม่พอ ใส่ตรวนผมอีก ผมแทบเป็นบ้าเลยครับ”
เจ้าแม็กซ์เล่าย้อนกลับไปถึงช่วงเวลา 14 เดือนในคุกนอนกอดตัวเองร้องไห้ทุกคืนต้องทนนอนในพื้นที่แคบๆ ทนกินข้าวโดนใช้ขันล้างก้นรองกิน
“ตอนอยู่ข้างใน ผมจะไม่กินข้าวกับเขาอยู่พักหนึ่ง คือเขาเอาขันน้ำล้างตูด ล้างให้มันสะอาด เอาขันอันนี้ไปใส่น้ำร้อนมา แล้วก็ไปซื้อมาม่าเอามาใส่ในขันน้ำร้อน เอากระดาษปิดข้างบนไว้ แล้วก็รอให้มันอุ่น เสร็จแล้วก็เปิดออกก็คนๆ
เขาไม่กินคนเดียวนะครับ ข้างในเขาจะกินเป็นกลุ่ม กินเป็นบ้าน ช่วงไหนเป็นวันเกิดของกลุ่มนั้นๆ เขาก็จะเอาถังสี แต่ว่ามันทำความสะอาดแล้วข้างใน เขาก็จะซื้อมาม่ามาคนละสองสามห่อ รวมกันเป็นสิบยี่สิบห่อ ใส่ในถังนั้นแล้วก็ปิดฝาแล้วก็คน แล้วก็กินด้วยกันหมดทุกคน
ผมเห็นแล้วผมก็ไม่กินกับเขา ผมรับไม่ได้ ผมจะอ้วก ใครเข้าไปก็ต้องเป็นเหมือนผมครับ คือผมจะอ้วก แล้วจะมีอีกแบบหนึ่งซื้อมาม่า ซื้อนมข้นมา เอานมข้นโรยกับมาม่า กินเหมือนโรตีครับ คลุกใส่ในขันแล้วก็กิน ใส่ในถุงบ้าง ใส่ในถังบ้าง
คือผมทนอยู่ประมาณสัก 2-3 อาทิตย์ หลังจากนั้นมาผมก็ลองชิมกับเขา ก็ต้องปรับตัวกินกับเขาให้ได้ ก็จนชิน อาบน้ำก็ต้องอาบตรงที่บล็อกมันจะไม่ใช่ห้องน้ำ มันจะเป็นบล็อกประมาณเอว นึกสภาพดูว่าเราปัสสาวะ หรือว่าเราอุจจาระ คือคนเดินผ่านเป็นพันเราก็นั่งอยู่อย่างนั้น เหมือนกับเรานั่งกลางตลาดนัดประมาณนี้ครับ คนก็เดินผ่านไปผ่านมา บางคนก็จะไปเอาขันนั้นมากินข้าว
ห้องน้ำก็อยู่ในห้องที่นอน คนนอนเป็นร้อย ห้องยาว 8 กว้าง 8 ซึ่งทางเดินแทบจะไม่มีเลยครับ ต้องค่อยๆ เดินข้าม ถ้าชนขาเขาก็ต้องขอโทษเขา ผมต้องนอนแบบใช้แค่ไหล่นอนข้างๆ นอนเต็มไหล่ไม่ค่อยได้ เพราะว่าคนมันเยอะมาก นอนสานขากัน”
ทุกข์ทรมานใจจนต้องกินยาเพื่อบำบัดความเครียดทุกวัน ทั้งยังถูกพันธนาการด้วยโซ่ตรวนอยู่นาน จนถูกสนิมจากตรวนกัดกร่อนจนเป็นแผล
“ใส่โซ่ตรวนที่ขาผมด้วยครับ ใส่ตั้งแต่เข้าไปเลยครับ คิดซะว่ามันเป็นอวัยวะที่ 33 ของผม ผมต้องใส่ตลอดเวลาครับ 4 เดือนที่ผมต้องใส่อยู่
เดือนแรกๆ ผมไม่ได้ขัดเลยครับ คนที่ใส่ตรวนเขาจะต้องขัดตรวน แต่ผมไม่ทำอะไรเลย เพราะผมคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่ดี คือตรวนมันเป็นเครื่องพันธนาการเรา เราจะไปรักษามันทำไม แต่สุดท้ายแล้วมันเป็นสนิม มันก็กินขาผมจนเป็นแผลเหวอะหวะหมดเลยครับ ผมก็ต้องไปกินยา
แล้วผมก็ไม่คุยกับใครอยู่สักพักหนึ่ง ผมทำร้ายตัวเอง ตะโกนจะกินแฟ้บบ้าง ตะโกนจะฆ่าตัวตายบ้าง จนเขาจะต้องให้ผมไปกินยา กินยาประจำอยู่เป็นเดือนครับ
แต่ผมก็ไม่รู้ว่าเป็นยาประเภทไหน เขาก็บอกว่าเป็นแค่ยาคลายเครียด ไม่ให้เราเครียด กินแล้วมันจะง่วง มันก็จะเบลอๆ ออกเมาๆ หน่อย ก็กินอยู่เป็นเดือนครับ แต่หลังๆ หมอก็ให้ยามานะครับ แต่ผมแอบมาเก็บไว้ผมกลัวว่าผมจะเป็นบ้า ก็ต้องใช้ยาบำบัดอยู่พักหนึ่งครับ”
อยากแหกคุก คิดฆ่าตัวตาย ทำร้ายตัวเองแทบทุกวัน จนต้องถูกล่ามด้วยโซ่ตรวนอีกครั้ง ทั้งยังโดนข่มขู่จากนักโทษด้วยกันเอง ซึ่งก็มีทั้งคนเห็นใจ และพยายามป่วนอยู่ตลอดเวลา แต่ก็พยายามควบคุมอารมณ์ตัวเอง เพราะไม่อยากจะมีเรื่องด้วย
“มันช็อตนะครับ ความรู้สึกที่ผมเจอ มันอยู่ข้างไหน มันจุก มันพูดอะไรไม่ออก เคยเห็นแต่คนที่ตรอมใจตายหรือเปล่าครับ ผมไม่เคยเห็นอยู่ข้างนอกนะครับ แต่อยู่ในคุกผมเคยเห็น แม้กระทั่งผมเองยังโดนกับตัวเอง ผมไม่มีแรงเดิน ขาผมสั่น สั่นแบบว่าถ้าเกิดเขาตัดสิน ถ้าเกิดเขาจับเราตัดสินตลอดชีวิต เราจะทำยังไง
ผมมีอยู่แค่สองทาง ถ้าไม่แหกคุกก็ตายครับ ผมคิดไว้แค่นั้น ถ้าเกิดเขาตัดสินให้ผมติดคุก เพราะว่าผมรับไม่ได้ เพราะเราไม่ได้เป็นคนทำไงครับ
ช่วง 2-3 วันแรกที่เข้าไปก็ด้วยที่เราอายด้วย กลัวด้วย เราเป็นนักมวยด้วย เรากลัวที่เขาจะมองเราว่าอ่อนแอ มองเราว่าไม่แข็งแรง ไม่แข็งแกร่ง ผมก็จะนอนคลุมโปงแล้วก็จะร้องไห้ แต่เพื่อนๆ นักโทษก็เหมือนเขารู้นะครับว่าผมร้องไห้ เขาก็มาลูบไหล่ผม เขาเข้าใจว่าทุกคนเป็นอย่างนี้หมดแหละช่วงที่เข้ามาใหม่ๆ
พวกข้างในเขารู้หมดทุกคนว่าผมเป็นแพะ ทุกคนก็ให้กำลังใจผม แล้วทุกคนก็จะเห็นผมในอีกมุมหนึ่ง เหมือนคนบ้าครับ ช่วงแรกๆ ผมจะไม่คุยกับใครเลย ผมจะนั่งอยู่คนเดียว เหมือนโรคซึมเศร้า
ผมก็ทำร้ายตัวเอง มือผมเพิ่งไปผ่ามาครับ เพิ่งหาย ผมต่อยกำแพง ต่อยจนผู้คุมต้องเอาผมไปใส่ตรวน ตอนแรกเขาถอดตรวจให้ผมแล้วคือ 4 เดือน ผมทำร้ายตัวเอง จนเขาต้องเอาผมไปใส่ตรวนอีกรอบ เขากลัวผมฆ่าตัวตาย
มันเครียดมากๆ ด้วยความที่นักโทษด้วยกันมันก็ป่วนผมด้วยครับ นักโทษมันก็มีทั้งดีและก็ไม่ดี บางคนก็มาคุยกับผมว่ากูเข้าใจว่ามึงเป็นแพะ แต่มึงเห็นไหมไอ้นั่นก็แพระเหมือนกัน อยู่มา 6 ปี แล้ว มันบอกผมอย่างนี้ ผมก็เงียบ เพราะผมก็คิดว่าผมจะได้กลับบ้านไง
มันก็ป่วนผมอยู่อย่างนั้นแหละครับ บางคนเห็นผมเป็นนักมวยก็มาชอบลองของบ้าง บอกว่านักมวยเก่งแต่บนเวทีหรือเปล่า อยู่ในคุกเก่งหรือเปล่า
มีแต่คำพูดเฉยๆ ครับ พูดป่วน กวนประสาทผมทุกวัน ผมก็พยายามไม่คุยกับเขา ผมพยายามที่ดีกับทุกคน ผมไม่ต้องการที่จะเป็นใหญ่อยู่ข้างใน ไม่ต้องการที่จะเก่งกว่าใครด้วย เพราะที่ตรงนั้นมันไม่ใช่ที่ของผม”
โดนกลั่นแกล้ง ข่มขู่จากตำรวจ
“ผมโดนกลั่นแกล้ง คือต้องพูดว่าเขาไม่สนใจมากกว่าครับ เขาไม่ได้สนใจเลยว่าเราจะเป็นยังไง เราจะเป็นใคร ทำสำนวนให้มันจบๆ ใครมีชื่อที่เกี่ยวโยงกับคดีนี้ ใครมีอะไรก็จับ ขอหมายจับที่ศาลแค่นั้นเอง ไม่มีการสืบ ไม่มีอะไรเลยครับ ถ้าเขาสืบ ถ้าเขาดูให้ละเอียดหน่อย ผมจะไม่ต้องเข้าไปอยู่ข้างในเลย
ถ้าเป็นไปได้ ผมก็อยากให้เขาแก้กฎหมายตรงนี้ครับ ไม่อย่างนั้นประเทศไทยเราคงจะมีแพะอีกเยอะ คำกล่าวหา คำซัดทอดพวกนี้”
โดนข่มขู่จากเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ยอมรับสารภาพในสิ่งที่ตัวเองไม่ผิด จนเกือบมีเรื่องกันในคุกอยู่บ่อยครั้ง ยังดีที่ได้รับคำเตือนสติจากผู้คุมขังว่าให้ใจเย็นๆ ไม่อย่างนั้นคงมีเรื่องชกต่อยกันในห้องขัง เพราะเจ้าแม็กซ์มองว่าตัวเองนั้นโดนกลั่นแกล้งจากตำรวจ
“ตอนช่วงที่ผมอยู่ในอยู่เรือนจำ ผมไม่ทราบว่าตำรวจเป็นชุดไหนบ้าง แต่เขามาหาผมเกือบทุกอาทิตย์เลยครับ จนเกือบมีเรื่องกันครั้งหนึ่ง คือเขามาหาผม มาขู่ผม ก็เหมือนกับว่าเขามาทำคดีอื่น แล้วอยู่ดีๆ เขาก็ว่าอัจฉริยะอยู่ที่นี่ไหม เขาก็ไปเรียกตัวผมมา อันนี้ผู้คุมเล่าให้ผมฟังนะ
เป็นไงบ้างสบายดีไหม เขาถามผม ผมก็บอกว่า อยู่ในคุกมันไม่สบายดีหรอกครับ มันทรมานครับ เขาก็ยิ้ม แล้วเขาก็บอกว่า หลักฐานเรามี กล้องวงจงปิดเรามี เบอร์โทรศัพท์เชื่อมต่อเราก็มี รับสารภาพเถอะ โทษหนักจะได้กลายเป็นเบา เขาบอกผมอย่างนี้
ถ้าพี่จะมาคุยเรื่องคดีผม พี่ไปคุยกับทนายผมเลย พี่ไม่ต้องมาคุยกับผม แล้วผมก็ลุกเดินหนีไป ท่านผู้คุมก็เตือนผมว่าใจเย็นๆ ผมก็ลุกยืนขึ้นใส่เขา แล้วก็เดินแยกออกไป มาหาผมบ่อยครับ คดีผมมีอยู่ 9 คน แต่ส่วนมากจะมาหาผมแค่คนเดียว ดูเหมือนมาดูหน้าผม มายังไงก็ไม่รู้
เขามั่นใจของเขา ผมก็ไม่รู้ว่าเขาเอาความมั่นใจตรงนั้นมาจากตรงไหน หลักฐานอะไรเขามั่นใจขนาดนั้น ผมก็ได้แต่ท้าเขาครับว่า ถ้าพี่มีกล้องวงจรปิดพี่ก็เอามาเลย แล้วก็ไปคุยกับทนายผม ไม่ต้องมาคุยกับผม ผมไม่คุยอะไรแล้ว เราไปคุยกันที่ศาลผมบอกอย่างนี้ครับ”
ผู้ต้องหาคดียา 3 ล้านมีทั้งหมดอยู่ 9 คน ซึ่งทั้ง 8 คนที่ตำรวจให้มาชี้ตัวว่าเจ้าแม็กซ์มีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ ทั้ง 8 คนก็ให้คำรับสารภาพว่าไม่ใช่
เส้นทางสายกำปั้นดับวูบลงเพียงชั่วข้ามคืน เพียงเพราะคำว่าจับแพะ เจ้าแม็กซ์ยอมรับว่าเสียใจจนบรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ มันขื่นขมอยู่ในใจ
“ตอนที่ผมยังไม่เคยเข้าไปข้างใน ผมได้ยินแต่ในทีวี ว่าแพะแบบไปฆ่าแล้วไปจับพวกพม่าบ้าง ไปจับคนอื่นมาบ้าง คือเห็นแต่ในข่าว บางทีก็เห็นแต่ในหนัง ไม่คิดว่าเรื่องบ้าๆ จะมาเกิดขึ้นกับผมได้ ผมยังอึ้งเลยครับ
ถ้าเป็นยา 200-300 เม็ด มันก็พอที่จะเชื่อหน่อย ยา 3 ล้านเม็ด มันเป็นไปไม่ได้ ถ้าผมทำจริงป่านนี้ลูกเมียผมสบายไปแล้วครับ
ทุกวันนี้ต้องลำบาก (ส่ายหน้า) ทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งเบอร์โทรศัพท์ ทั้งบัญชีเชื่อมต่อ ทุกอย่างผมให้ตำรวจไปหามาคือเขาไม่มีครับ เขาไม่หา ไม่ใช่เพราะเขาไม่หา มันไม่มี มันก็เลยไม่เอาเข้ามาในสำนวน ไม่เอาเข้ามาตอนอยู่บนศาล
สรุปคือเป็นคำซัดทอดจากจำเลย ไอ้พวกจำเลยมันก็ซัดทอดอีกคนหนึ่ง ซึ่งมันก็คิดว่าคนในรูปเป็นเพื่อนมัน แต่มันไม่ใช่ มันคือผม ในสำนวนเขาอ้างว่าผมเป็นสามีผู้หญิงที่ชื่อตูน จำเลยที่ 8 ซึ่งเป็นเจ้าของรถคันที่ขับ เขาอ้างว่าผมไปเฝ้ายาที่ระนอง มีหน้าที่เป็นคนเฝ้ายา”
ตั้งคำถามกับตัวเองทุกวัน ว่าทำไมตนและครอบครัวต้องพยายามดิ้นรนอยู่ฝ่ายเดียวเพื่อให้ตัวเองหลุดพ้นจากวงโคจรนี้ ทั้งที่หน้าที่เหล่านี้ควรจะเป็นของตำรวจด้วย ไม่ใช่เพียงแค่ให้ข่มขู่รับสารภาพอย่างเดียว
“ทุกวันนี้ผมยังไม่เข้าใจเลยว่า หลักฐานทุกอย่างตำรวจเขาต้องเป็นคนหามาครับ เขาต้องเป็นคนแบบว่า ไปเอาหลักฐานตรงโน้นตรงนี้ ไปขอเบอร์โทรศัพท์ ไปขอบัญชีเชื่อมต่อ ไปขอรูปถ่ายที่ผมเกี่ยวข้อง เขาต้องทำตรงนี้ ไม่ใช่ภรรยาผมไปเป็นคนหามา
ตำรวจเขาไม่ได้ทำอะไรเลยครับ กล้องวงจรปิดอะไรเขาก็ไม่มี สรุปแล้วภรรยาผมเป็นคนไปหามา ไปหาทุกอย่างเพื่อที่จะยืนยันว่าผมเป็นคนบริสุทธิ์ เพื่อที่จะเอาผมออก แต่ก็ไม่ได้ออกมาง่ายๆ ครับ จนครบปีกับอีกสองเดือน นานมากครับ”
สุดท้ายก็อยากฝากถึงสังคมว่าซื้อขายอะไรอย่าประมาท พร้อมฝากถึงตำรวจว่าก่อนที่จะออกหมายจับใคร ช่วยหาหลักฐานให้รัดกุมมากกว่านี้ ไม่อยากนั้นหากใครไม่มีเงินสู้คดี คงต้องติดคุกตลอดชีวิต
“อยากจะฝากถึงสังคมว่าทำอะไรอย่าให้ประมาทนะครับ การซื้อรถ ซื้อเอกสารอะไรต่างๆ หนึ่งในล้าน อาจจะเกิดเหตุการณ์แบบผมขึ้นก็ได้ครับ
อยากจะฝากไปถึงตำรวจด้วยครับว่า ก่อนที่คุณจะจับใคร คุณช่วยดูให้แน่ใจ ช่วยหาหลักฐาน หาพยาน หากล้องวงจรปิด หาความเกี่ยวพันกับคดีนั้นแล้วค่อยออกหมายจับเขา เขาจะได้ไม่ต้องมาตกระกำลำบากเหมือนผมตอนนี้
ผมเชื่อแน่นอนว่า ถ้าคนนั้นเขาไม่มีทางสู้ ไม่มีครอบครัว ไม่มีเงินสู้คดีเหมือนผม แน่นอนติดคุกตลอดชีวิต เป็นแพะแน่นอน
ฝากอีกนิดหนึ่งครับว่า ความสุขของชีวิตอยู่ที่ความคิดของคุณ ถ้าคิดดีก็ได้ดี ถ้าคิดชั่วก็ได้ชั่วเช่นกันครับ”
ใช้ศิลปะ-ธรรมะเยียวยาใจ
แม้เส้นทางชีวิตที่ทุกข์ทรมานทั้งกายและใจ ของนักชกไร้พ่ายคนนี้จะจมดิ่งสักแค่ไหน เรียกได้ว่าจับต้นชนปลายไม่ถูกหลังจากที่เดินเข้าไปกำแพงที่ขาดอิสรภาพ
ในความโชคร้าย ก็ยังมีความโชคดี จนได้มารู้จักกับนักโทษคนหนึ่ง ที่สอนให้รู้จักการใช้ธรรมะเยียวยาจิตใจไม่ให้ฟุ้งซ่าน อยู่อย่างมีความหวัง เชื่อว่าหากไม่ผิดสักวันคงต้องได้ออกไปจากสถานที่แห่งนี้
“มารู้จักกับนักโทษชั้นดีท่านหนึ่ง ซึ่งเขาเป็นสายธรรมะอยู่แล้ว เขาก็สอนวิธีการนั่งวิปัสสนาให้กับผม สอนการสวดมนต์ไหว้พระ คิดซะว่านี่มันเป็นกรรมของเรา อย่าไปคิดว่าทำไมเขาถึงจับเรามี คิดว่ามันเป็นของเรา เขาก็เชื่อว่าอีกไม่นานผมจะต้องได้กลับบ้าน เพราะฉะนั้นหมั่นสวดมนต์ หมั่นทำความดีไว้ ให้อยู่กับปัจจุบัน
เมื่อไหร่ที่ผมไม่อยู่กับปัจจุบัน ผมก็จะคิดออกไปข้างนอกทันที ว่าเมื่อไหร่เขาจะมาเยี่ยมผม เมื่อไหร่ผมจะได้ออกไปข้างนอก คนข้างนอกเขาเป็นยังไง ทำไมเอาผมมาขังไว้
จากนั้นมาเจ้าแม็กซ์ก็ใช้พยายามฝึกสมาธิ สวดมนต์ ใช้ธรรมะเยียวยาจิตใจตัวเอง หนังสือในเรือนจำของห้องสมุดอ่านมาแล้วหมดทุกเล่ม
“ผมนั่งสมาธิเป็นคืนเลยครับ ช่วงสามทุ่มเขาจะให้นักโทษทุกคนนอน แต่ถ้าใครจะสวดมนต์ จะทำอะไรก็ได้ครับ ผมก็จะนั่งสมาธิหลายชั่วโมงครับถึงจะนอน ก็จะทำอยู่อย่างนั้น ตีห้าก็จะตื่นขึ้นมาสวดมนต์ นั่งสมาธิทำอยู่แบบนี้
ข้างในเรือนจำมันจะมีแบบเป็นห้องสมุด ห้องให้แบบนักโทษเข้าไปศึกษา เพื่อที่จะบำบัด เพื่อที่จะได้ดูว่าใครชอบอะไรแบบไหน ผมก็จะไปอยู่โซนของธรรมะอย่างเดียวครับ หนังสือในห้องสมุดผมอ่านหมดทุกเล่ม อยู่ได้เพราะหนังสือ แล้วก็นั่งสวดมนต์ นั่งทำสมาธิ”
นอกจากใช้ธรรมะเยียวยาใจ ยังใช้ศิลปะในการเยียวยาจิตใจอีกด้วยจากที่คนวาดรูปไม่เป็น หลังจากที่นั่งสมาธิทำให้สงบมากขึ้น จึงพยายามค่อยๆ วาดรูปลูกและภรรยาไว้ดูเมื่อยามคิดถึง
“ผมวาดรูปไม่เป็นเลยครับ แต่ด้วยที่ผมนั่งสมาธิด้วย คือมันเงียบ และนิ่ง มันก็ค่อยๆ วาดได้ ค่อยๆ เขียน แล้วก็เริ่มศึกษา ผมวาดรูปภรรยากับลูก ผมมีแฟ้มภาพที่วาดด้วยนะครับ
แต่ละวันของผมอยู่ข้างใน ผมก็จะนั่งวาดรูป ฝึกวาดรูป เมื่อไหร่ที่ผมปล่อยให้ตัวเองว่าง ผมจะเครียดทันที แล้วก็จะคิดไปข้างนอก คิดแบบจนคือหูผมดับไปข้างหนึ่ง หูผมอื้อไปข้างหนึ่ง คือหูมีน้ำออกมาจนต้องไปหาหมอ ผมเครียดจัด หมอก็ให้ยามากิน เอากล้องส่องไปในหู หูอักเสบ มีน้ำออกจากหู ก็กินยาคือเครียดจัด เครียดจนหูอื้อ
ก็เลยต้องอยู่กับการวาดรูป อยู่กับธรรมะ ถ้าเกิดผมไม่วาดรูป ผมก็นอน ถ้าไม่นอนก็จะเดินไปเดินมา เหมือนเดินจงกลม เดินอยู่รอบห้อง เดินไปเดินมา เพื่อที่จะอยู่กับปัจจุบัน เพื่อไม่ให้จิตออกไปข้างนอก”
คิดว่าปัญหาในครั้งนี้ คือที่สุดแล้วในชีวิตเป็นบททดสอบสภาพจิตใจอย่างหนัก ต่อไปนี้หากจะเจอบททดสอบอะไรเข้ามาในชีวิตอีก ก็พร้อมที่จะรับมันอย่างเต็มที่
“ปัญหาไหนก็ไม่ใหญ่เท่าโตเท่ากับตอนที่ผมอยู่ข้างในหรอกครับ ถ้าผมผ่านตรงนั้นมาได้ ปัญหาข้างนอกก็จิ๊บจ๊อยมากครับ
ข้างในนั้นเขาต้องเรียกว่าชีวิตในกำแพงครับ วันๆ มองเห็นแต่กำแพงกับท้องฟ้า มันเป็นบททดสอบสภาพจิตใจเราที่สุดยอดแล้วครับ
ผมก็เคยคุยกับเพื่อนในคุกนะครับว่า ถ้าออกไปข้างนอก ไม่ว่าปัญหาจะใหญ่แค่ไหน ยังเทียบไม่ได้กับการที่ได้อยู่ข้างใน เพราะฉะนั้นถ้าเกิดได้มีโอกาสได้ออกไปอีกครั้งหนึ่ง สิ่งที่อยากจะทำในการขึ้นชกคือ ผมอยากจะทำให้มันเต็มที่ เพราะมีแรงผลักดันมากๆ อยากพิสูจน์ตัวเองด้วย”
คืนสังเวียนครั้งแรก มั่นใจชนะแน่นอน “พอผมออกมา ความโชคร้ายผมก็ยังมีความโชคดีอยู่ ทาง TheFighterWBA (World Boxing Association) เขาติดต่อมาให้ผมไป ชิงแชมป์WBA เอชีย นี่คือสังเวียนแรกตั้งแต่ผมออกมาจากข้างใน ประมาณปีกว่าๆ เกือบสองปี นี่เป็นไฟท์แรกของผมที่จะชกในวันที่26 กันยายนนี้ครับฝากติดตามด้วย ผมซ้อมทุกอย่างให้มันคูณสอง อย่างปกติจะวิ่งแค่ช่วงเช้า ตอนเย็นก็จะไปเน้นการลงนวม เล่นการชกเป้า เน้นแบบระยะยาวช่วงเย็น แต่ผมจะวิ่งทั้งเช้า-เย็น คือซ้อมทั้งเช้าทั้งเย็น ผมเร่งตัวเอง และก็คุมน้ำหนัก จะลำบากช่วงคุมน้ำหนัก แต่ก็ทำได้ครับ เพราะว่าข้างในผมทรมานกว่านี้อีก แค่นี้จิ๊บๆ ด้วยร่างกายผมตอนนี้ก็ถือว่าโอเคแล้วครับ เหลือแค่น้ำหนักอีกนึดหน่อย ผมทำเต็มที่แน่นอน ผมเชื่อว่าผมต้องเอาแชมป์ตัวนี้กลับมาให้ผมอีก ผมเชื่อว่าแชมป์ตัวนี้จะเป็นของผมอีก ผมมั่นใจครับ มันมีแรงผลักดันทุกๆ สิ่ง ทุกๆ อย่าง มีสิ่งที่เลวร้ายอยู่ข้างหลังผม เป็นเหมือนพลังดันให้ผมต้องสู้ ไม่เหมือน ฝากพี่น้องชาวไทย ฝากทุกๆ คนนะครับที่ติดตามผมอยู่ วันเสาร์ที่26 ก.ยช่องไทยรัฐ32 รายการThe Fighter ช่วงเวลา16.10 น. เป็นต้นไป เป็นรายการชิงแชมป์ WBA ฝากติดตามขอแรงใจและแรงเชียร์ด้วยครับ เป็นไฟท์แรกของผมที่จะได้ขึ้นชกหลังจากที่ออกมาจากเรือนจำ ฝากติดตามและให้กำลังใจด้วยครับ” |
เป้าหมายอยากเป็นที่หนึ่งของโลก “ความฝัน ก็อยากเป็นแชมป์โลก แต่ว่า ณ ตอนนี้ผมอยากที่จะทำแบบว่าสุดกำลังเรา ไม่ว่าจะเป็นซ้อม ไม่ว่าจะเป็นชก ทำทุกสิ่งทุกอย่าง ผมอยากจะทำให้มันสุดความสามรถของเรา ให้มันทำได้ถึงที่สุด จะได้หรือไม่ได้ก็ว่ากันอีกทีหนึ่ง แต่ผมเชื่อว่าผมไปได้ ถ้าเกิดว่าผมตั้งใจ และทำให้มันสุด ต้องไปให้สุด หรืออาจจะไปถึงไม่ถึงผมก็ไม่รู้ครับ แต่ว่า ณ ตอนนี้ ความรู้สึกของผม ผมแค่อยากทำให้มันเต็มที่ในอาชีพของผม เพราะที่ผ่านมาพูดได้เลยว่าผมยังไม่ได้เต็มร้อย ครั้งนี้ผมก็อยากจะพิสูจน์ตัวเองให้คนอื่นเขาได้เห็นด้วย อยากเต็มร้อยสักครั้งหนึ่ง ตอนนี้ผมอายุ31 ปีก็ถือว่าเยอะอยู่ แต่ถ้าเปรียบเทียบกับอันดับโลกอย่าง ปาเกียว อย่างฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ เขาอายุ38-40 ปีแล้วนะครับ เขายังชกได้เลย ยังแข็งแกร่งเลย ผมเลยจะขอสู้อีกสัก3-4 ปี ผมติดทีมชาติตั้งแต่อายุ15 ปี ตอนนั้นอยู่ม.3 ติดทีมชาติมาเกือบ10 ปี ผมต่อยมวยไทยตั้งแต่เด็กช่วง ป.4 ป.5 ต่อยมวยไทยมาก่อน แล้วผันมาเปลี่ยนมวยสากลสมัครเล่น เพราะผมชอบมวยสากลช่วง ม.2-ม.3 แล้วผมก็ไปคัดกีฬาแห่งชาติได้ ก็ได้อยู่ทีมชาติยาวจนถึงอายุ24 ปีก็ได้ต่อยกับต่างประเทศ ต่อยกับทั่วโลก ต่อยมวยสากลสมัครเล่น ช่วงอายุ25 ปี ผมก็ผันมาเปลี่ยนชกมวยอาชีพครับ มาชกอาชีพ25-30 ปี ชก12 ไฟท์ยังไม่แพ้ใคร ผมได้แชมป์ WBC Asian Boxing council แล้วก็มาเกิดเรื่องนี่แหละครับ เกิดเรื่องก็ชะงักไป พูดตรงๆ เลยนะครับ ผมไม่ได้ชอบมวยเลย เพราะว่ามันเจ็บ แต่ว่าพ่อผม ท่านเสียไปแล้ว เสียตอนผมอายุ20 กว่าๆ ท่านก็ฝึกให้ผมชกมวยมาตั้งแต่เด็ก ผมชอบเตะบอลมากนะครับ ผมชอบกีฬาที่เป็นทีมสนุกสนาน แต่พ่อบอกว่ากีฬาฟุตบอลมันเก่งคนเดียวไม่ได้ มันต้องเก่งทั้งทีมมันถึงจะไปได้ เราจะเก่งคนเดียวมันไปไม่ได้ คือมันยากที่เราจะไปคนเดียวได้ เราจะเก่งให้ตายแค่ไหนมันก็เป็นเรื่องที่ยาก มีอยู่กีฬาหนึ่งที่คนภาคอีสานเขาจะชอบให้ลูกเขาไปฝึกมวย นั่นก็คือชกมวย พ่อก็ฝึกให้ตั้งแต่เด็ก ฝึกให้ผม บังคับผม จนผมชกมวยไทย ก็ล่าเดิมพันอยู่พักหนึ่ง ต่อยอ้อมน้อย ต่อยลุมพินี ช่วงนั้นอายุ14 ปีเองครับ แต่ผมไม่ค่อยชอบมวยไทย เพรามันเจ็บตัว มันเหนื่อย สมัยนั้นมวยไทยมันยังไม่ยิ่งใหญ่เหมือนสมัยนี้นะครับ ตอนนั้นมวยไทยเป็นค่ายเล็กๆ เอง ผมเลยชอบมวยสากล คำว่าสากลมันก็ทั่วโลก นั่นแหละครับผมเลยชอบ มันสวยงาม มันเท่ มันยิ่งใหญ่ ผมก็มีพรสวรรค์ในตรงนั้นด้วยครับด้านมวยสากล ก็ทำตรงนั้นให้สุด” |
ดูโพสต์นี้บน Instagram
สัมภาษณ์: ทีมข่าว MGR Live
เรื่อง: พัชรินทร์ ชัยสิงห์
คลิป: อิสสริยา อาชวานันทกุล
ภาพเคลื่อนไหว: กีรติ เอี่ยมโสภณ
ภาพ: จิรโชค พันทวี
ขอบคุณภาพ: เฟซบุ๊ก “Mac's Impossible”
ขอบคุณสถานที่: เอกทวี มวยไทยยิม Akethawee Muaythai Gym
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **