ด่าหยาบไม่เลิก!! ทนายนิด้า เปิดใจเก็บหลักฐาน เตรียมฟ้องเกรียนคีย์บอร์ดหมิ่นประมาทดาราดัง เรียกค่าเสียหายสูงกว่า 1 ล้านบาท สังคมพุ่งเป้า “แต้ว ณฐพร” เพราะดรามาหนัก ทัวร์ลงทุกวัน ทนายพร้อม สะท้อนให้เป็นบทเรียน ถ้าใครยังไม่สำนึก “ไม่เป็นไรเดี๋ยวไปคุยกันที่ศาล ฟ้องเท่านั้น”
อบอุ่นโลกออนไลน์ เดียวดายหน้าบัลลังก์ !!
“สิ่งนี้มันเหมือนเป็นเนื้อร้ายในสังคมตอนนี้เหมือนกัน มันสร้างความเสียหาย มันก็จำเป็นที่ต้องฟ้อง ถ้าถามว่าน้องเขาเพิ่งโดนว่า 1-2 ครั้ง เขาอาจจะไม่อะไร แต่ตอนนี้เขาหาจุดสิ้นสุดไม่เจอเลยว่า เขาจะต้องเจออย่างนี้ไปอีกเท่าไหร่
จนเขารู้สึกว่า เขาอยู่กับมันกว่านี้ไม่ได้แล้ว มันก็จำเป็นที่จะต้องเอาคดีขึ้นสู่ศาล ดังนั้น หากต่อไป เมื่อบุคคลเหล่านี้ได้สำนึกถึงการกระทำความผิด นิด้าก็เชื่อว่าน้องก็คงให้อภัยนะคะ และไม่เห็นถึงความเสียหายของการที่ว่าจะยอมความกันในกรณีแบบนี้ เขาจะยอมหรือไม่ยอม อันนี้นิด้าก็ยังตอบไม่ได้ มันก็เป็นสิทธิของเขานะคะ แต่ถามว่าถ้ายอมความมันเสียหายไหม มันก็ไม่ได้เสียหายอะไร”
“ศรันยา หวังสุขเจริญ” หรือ ทนายนิด้า เปิดใจกับทีมข่าว MGR Live ถึงประเด็นร้อนที่เกิดขึ้น หลังโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ว่า กำลังรวบรวมข้อมูลกรณีมีคนโพสต์ และคอมเมนต์ข้อความหมิ่นประมาทนางเอกสาวชื่อดัง เพื่อยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่ง คนละ 1 ล้านบาท
“นั่งเก็บหลักฐานข้อความหมิ่นประมาทดาราสาวคนหนึ่งทุกช่องทาง ทั้ง IG ทั้ง Facebook ทั้ง TikTok เพื่อดำเนินการยื่นฟ้องคดีต่อศาลในเร็วๆ นี้ หลายสิบราย แคปไปก็คิดไปถึงจินตนาภาพในศาลที่คงมานั่งร้องห่มร้องไห้ ไม่ได้ตั้งใจ บรรยากาศมันพาไป พวกลากมากไป รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ประมาณนี้
คิดอีกเรื่องนึง ค่าเสียหายทางแพ่งที่เรียก คือ คนละ 1,000,000 บาท เนื่องจากเป็นนางเอกดัง มีชื่อเสียง จะเอาปัญญาที่ไหนมาจ่ายคิดดู…”
ทันทีที่มีการแชร์โพสต์นี้เกิดขึ้น ได้พุ่งเป้าไปยังนางเอกสาวชื่อดัง อย่าง “แต้ว-ณฐพร เตมีรักษ์” กับกระแสดรามาช่วงหลังที่เกิดขึ้นตั้งแต่เลิกกับแฟน จนกระทั่งการถ่ายรูปใส่ชุดว่ายน้ำลงไอจี ทางทนายได้ให้คำตอบถึงเรื่องนี้เอาไว้ว่า สำหรับกระแสที่สังคมให้ความสนใจ ได้รวบรวมหลักฐานเพื่อยื่นฟ้องศาลเรียบร้อยแล้ว
“รวบรวมครบแล้ว คือ ณ คนที่ได้กระทำความผิดไปแล้ว ก็รวบรวมไปเสร็จหมดแล้ว แต่พวกที่มาใหม่เพิ่มมา ก็พยายามทยอย ว่างก็เข้าไปเก็บเรื่อยๆ แล้วแต่ว่าจะไปแจ็กพอตที่ใครนะคะ เพราะว่าในส่วนที่เก็บไว้แล้ว ทีมทนายก็ดำเนินการลงมือร่างฟ้องอยู่
ภายในสิ้นเดือนนี้ อย่างน้อยก็จะต้องมีไปอีก 10 เคส เสร็จก็ทยอยฟ้อง ไม่ได้ฟ้องตู้มต้ามไปทีเดียว ไม่ใช่รอให้เสร็จ 20, 50, 100 คดี แล้วค่อยฟ้อง มันก็จะช้า ใครเสร็จก็จะยื่นไปเรื่อยๆ”
ดูเหมือนจะไม่จบเพียงเท่านี้ คอมเมนต์ยังลุกลามบานปลายไปกันใหญ่ ด้วยถ้อยคำต่างๆ ที่สาดกันผ่านโลกออนไลน์ ไปถึงบุพการีและยังไม่มีคำว่าสิ้นสุด ซึ่งคำพูดเหล่านี้ เธอให้คำตอบว่า เป็นการดูหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ประชาชนไม่สามารถด่าอะไรก็ได้ตามอำเภอใจ
“อย่างที่เห็นเยอะๆ อย่างเป็นผู้หญิงชั้นต่ำ เป็นโสเภณี นี่คือ หมิ่นประมาทหมดค่ะ ไปนอนกับผู้ชายมากไม่ซ้ำหน้า โดนมาเท่าไหร่แล้ว อย่างนี้เข้าข่ายหมดเลยค่ะ หรือการด่าด้วยสัญลักษณ์ รูปสตรอว์เบอร์รี่ อันนี้ฝากไว้ด้วยนะคะ รูปสตรอว์เบอร์รี่ สัญลักษณ์รูปดอกไม้สีทอง เอาจริงๆ อย่าคิดว่าไม่ได้พิมพ์เป็นข้อความ แล้วฟ้องเอาผิดไม่ได้ แบบนี้ฟ้องมาแล้วเหมือนกัน พิมพ์สัญลักษณ์คนเขาเข้าใจได้ สื่อสารได้ ว่าหมายถึงอะไร
แต่อันนั้นจะเป็นเรื่องของการดูหมิ่นด้วยการโฆษณา อย่างด่าด้วยสตรอว์เบอร์รี่ ความหมายมันคืออะไร คือ หมายความว่าด่าว่าตอแห_อย่างนี้ มันก็เป็นการดูหมิ่น ยังไงก็มีโทษ
โทษเบาลงกว่าหมิ่นประมาท แต่ว่าก็ยังไงก็มีโทษจำคุกเหมือนกัน หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา โทษจำคุกสูงสุด 2 ปี ปรับไม่เกิน 2 แสนบาท แต่ว่าถ้าเป็นดูหมิ่นด้วยการโฆษณา โทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท
คือ เงินค่าปรับ อย่าไปคิดว่าปรับแค่หมื่น แค่แสน ทำไมทนายฟ้องเรียกเป็นล้าน เงินค่าปรับที่จะต้องจ่ายให้ศาล กับเงินค่าเสียหายที่เราเรียกคนละส่วนกัน คุณอาจจะต้องจ่ายทั้ง 2 ส่วนเลยก็ได้”
ขณะเดียวกัน สำหรับกรณีการสร้างบัญชีใหม่ สวมร่างอวตาร เพื่อเข้ามาด่าตามโซเชียลต่างๆ นั้น ทนายสาวคนนี้ยืนยันว่า สามารถเอาความผิดได้เช่นกัน หากทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง
“จริงๆ ถ้าทุ่มเทกับมันหน่อย ถ้าไม่คิดว่าเป็นเรื่องเสียเวลาตามหา ยังไงก็ตามเจอค่ะ มันก็มีร่องรอยอยู่ จากโทรศัพท์เครื่องไหน จาก IP อะไร เวลาเท่าไหร่ โพสต์จากสถานที่ไหน มือถือเครื่องนี้จากเบอร์อะไรก็สามารถทำได้ แต่ว่าแค่ยุ่งยากขึ้น และอาจจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นเท่านั้นเอง”
สปอตไลต์ ไฟส่องหน้า แลกด้วยคำด่า?
“เขามีชื่อเสียงในด้านการแสดง คุณก็ติติงไปสิ แสดงอย่างนี้ไม่เห็นน่าเอามาแสดงเลย แข็งทื่อเป็นไม้ แต่ว่าเขาเป็นนักแสดง ไปด่าพ่อล่อแม่เขา ไปบอกว่าเป็นหญิงโสเภณี ไปบอกว่าไปโม่ผัว ไปมีอะไรกับเขาอย่างนี้ ไม่ใช่แล้ว มันผิด”
ใครหลายคนต่างเข้าใจกันว่า ศิลปิน ดารา หรือบุคคลมีชื่อเสียงต่างเป็นคนสาธารณะที่สามารถถูกวิจารณ์ หรือด่าตามอำเภอใจได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องส่วนตัว ทนายนิด้าสะท้อนการเป็นบุคคลมีชื่อเสียง ที่มักจะเจอปัญหาการโดนหมิ่น และละเมิดสิทธิส่วนตัว โดยไม่คำนึงหลักความจริง และจิตใจของคนอื่น
“ถ้าการแต่งตัว หรือการพูดจาอย่างนี้ เมื่อสมัยก่อนอาจจะดูรุนแรงมาก แต่บริบทในสังคมปัจจุบันนี้มันค่อนข้างเปิดกว้างมากขึ้น หรือเป็นการคุยเล่นกับเพื่อน หรือใช้ชีวิตประจำวันปกติส่วนตัวอย่างนี้ แต่ว่าเรายังไปก้าวล่วงเขาอย่างนี้
นิด้ามองว่า เขาควรที่จะต้องออกมานั่งเรียกร้องสิทธิ และการเป็นก้าวล่วง การไปดูถูกเกลียดชังต่อการใช้ชีวิตประจำวันของเขา มันทำให้เขาเสื่อมเสียต่อชื่อเสียงเหมือนกัน”
ไม่เพียงแค่นั้น เธอยอมรับว่า การยืนอยู่พื้นที่ตรงนี้ต้องแบกรับสนามอารมณ์ของประชาชน การโดนกระทำอย่างนี้อาจจะก่อให้เกิดผลกระทบโรคซึมเศร้า หรือคิดฆ่าตัวตามได้
“อย่างโพสต์รูปมีความสุข คนก็ควรมาแสดงความยินดีกับการที่เขาใช้ชีวิตอย่างมีความสุข หรือต่อให้ไม่ยินดี ก็ไม่เป็นไร แต่ว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องมานั่งด่า ไปตายซะ ต่ำตม ผู้หญิงชั้นต่ำ มันทำให้บรรยากาศมันเสีย เราอุตส่าห์ปลูกต้นไม้ให้มันงอกงาม ให้มันสวยงาม แต่คนก็คอยมาตัดมาเลื่อยอยู่ตลอด อย่างนี้มันก็บั่นทอน
จริงๆ มันก็มีข่าวมาตลอดนะคะว่า การกระทำอย่างนี้มันก่อให้เกิดผลกระทบโรคซึมเศร้า หรือไปฆ่าตัวตาย ดังนั้น ต่อให้ไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมาย เอาเรื่องกฎหมายวางไว้ก่อน มันไปกระทบความรู้สึกต่อจิตใจคนอื่น ที่เขาได้รับสารที่เราสื่อผ่านแป้นคีย์บอร์ด นิด้าว่ามันก็ไม่ควรแล้ว
แต่ทั้งนี้ การกระทำนี้มันเป็นความผิดของกฎหมายด้วย ก็ยิ่งไม่ควรทำ สิ่งที่จะฝากไว้เลย คือ การกระทำแบบนี้ หากเราไม่คิดถึงในมุมของผู้เสียหาย ว่า เขาจะรู้สึกอย่างไร หรือได้รับผลกระทบต่อหน้าที่การงานเขาอย่างไร ให้กลับมาคิดถึงตัวเองก็ได้ว่าในเมื่อมันเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ถ้าเขาเกิดฟ้องร้อง เขาคิดมา สิ่งที่เขาจะต้องเจอเลย คือ ค่าทนายความ และเงินที่จะต้องประกันตัว สุขภาพจิต ที่จะต้องเสียไป
ถ้าเกิดสมมติว่า ศาลมีคำพิพากษาขึ้นมา ต่อให้รอลงอาญา รอรึเปล่าก็ไม่รู้ อาจจะต้องไปลุ้น ถ้าติดก็ยิ่งแย่ใหญ่ แต่ถ้าไม่ติด ต่อให้ศาลรอลงอาญา มันก็เป็นประวัติด่างพร้อยติดตัวเราไปตลอดเหมือนกัน อยากให้แง่มุมตรงนี้ไว้ค่ะ”
นอกจากนี้ ทนายยังทิ้งท้ายเพื่อเป็นบทเรียนสำหรับนักเกรียนคีย์บอร์ด ว่า การที่บุคคลมีชื่อเสียงคนนี้ออกมานั้นเพื่อเรียกร้อง และป้องกันสิทธิของตัวเอง หากเป็นหนึ่งในที่พลาดพลั้ง และสำนึกผิดจริงๆ ควรรับผิดชอบด้วยการออกมาขอโทษ
โดยบทสรุปเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร จะเป็นบุคคลที่หลายคนสงสัยหรือไม่ ต้องรอในวันที่ 19 ต.ค. นัดแรก ณ ศาลอาญารัชดา
“ถ้าถามว่า ในการติชม ในการวิจารณ์ ถ้าอยู่บนพื้นฐานแห่งความเป็นธรรมกับตัวดาราคนนั้น จริงๆ เป็นสิ่งที่กฎหมายยอมรับได้นะคะ เราไม่ได้เอาผิด อาจจะไปบอกว่า พี่แต่งตัวโป๊ไปนะ หรือที่บอกว่าผมว่ามันไม่ค่อยเหมาะสมนะครับ อย่างนี้โอเค เป็นการติเพื่อก่อ
เรามองเจตนาด้วยถ้อยคำ และเห็นถึงความสุจริตที่เขาอยากจะช่วยติติงเราจริงๆ เขาอาจจะรับฟัง แล้วน้อมรับ แต่การที่บอกว่า แหวกไปถึงนั่น เป็นผู้หญิงอยู่ในซ่อง ไปแย่งผัวแย่งเมียคนอื่น ทั้งที่เราไม่ได้รู้ข้อเท็จจริงอย่างนี้ก็อย่าไปทำดีกว่านะคะ สุดท้ายมันกลับมาหาตัวเอง กลับมาด้วยเป็นหมายศาล
ส่วนที่เพิ่มเติม จริงๆ แล้วตัวน้องเขาก็ไม่ได้ใจไม้ไส้ระกำ อย่าไปคิดว่าเขามาฟ้องเพราะว่าเขาแรง จริงๆ เขากำลังปกป้องสิทธิเขาอยู่ เรากระทำความผิดกฎหมายกับเขา เราต้องยอมรับ แล้วถ้าสำนึก ใครลบได้ไปลบ direct message มี หรือจะทำหนังสือมาขอโทษ โพสต์ขอโทษ ตรงนี้มันก็ยังทัน มันยังอยู่ในช่วงเวลา
อย่างบางคนถามว่า ให้ไปลบโพสต์หมดเลย ทนายเก็บหลักฐานไม่ได้ เอาจริงๆ เก็บไว้แล้ว ถึงได้มาโพสต์ (ลงเฟซบุ๊ก) แต่ถามว่าการที่คุณไปลบ มันทำให้โซเชียลสะอาดมากขึ้น
และอีกอย่างศาลอาจจะมองว่าคุณ alert (เตรียมพร้อม) คุณยังมีความรู้สึกว่าสำนึก
หรือแก้ไขการกระทำนั้น ก็ยังทัน ดีกว่าไม่ทำอะไรเลยนะคะ ซึ่งถ้าไปลบ หรือมีการขอโทษขอโพยเข้ามา
บางคนเราอาจจะพิจารณาไม่ดำเนินการต่อก็ได้ ก็ฝากเอาไว้เป็นแง่มุม แต่ถ้าใครยังคิดว่าโพสต์แล้วโพสต์เลย เฟียส ก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวไปคุยกันที่ศาล ก็ฟ้องไปเท่านั้นเอง”
ข่าวโดย : ทีมข่าว MGR Live
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **