นับตั้งแต่วันที่ ๔ พ.ค. ๒๕๖๒ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เถลิงถวัลยราชสมบัติบรมราชาภิเษก ทรงเป็นพระมหากษัตริย์โดยสมบูรณ์ตามราชประเพณี และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนา สมเด็จพระราชินีสุทิดา ดำรงพระราชอิสริยยศเป็น สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ตามราชประเพณีสืบมา
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงเป็นพระราชินีคู่พระทัย ทรงงานเคียงข้างพระวรกายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อย่างมิได้ห่าง ดังภาพแห่งความซาบซึ้งใจเมื่อวันที่ 5 พ.ค. 2562 อันเป็นวันที่หัวใจปวงพสกนิกรชาวไทยทั้งประเทศได้ซาบซึ้งใจในพระราชจริยวัตรอันงดงามของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี
ทว่า ในพระราชจริยวัตรอันสง่างามนั้นเต็มไปด้วยความแข็งแกร่งตามระเบียบทหารทุกกระเบียดนิ้ว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงฉลองพระองค์เครื่องแบบเต็มยศนายทหารพิเศษมหาดเล็กรักษาพระองค์
ทรงเข้าร่วมริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ เสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครโดยขบวนพยุหยาตราทางสถลมารค เนื่องในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก โดยสมเด็จพระราชินีเสด็จเคียงพระราชยานพุดตานทอง ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับนั่ง ในขบวนที่เบื้องซ้าย และตลอดเส้นทางยาตราริ้วขบวนกว่า 7 กิโลเมตร บนเส้นทางที่ยาตราริ้วขบวนกว่า 4 ชั่วโมง เต็มไปด้วยความร้อนระอุของพื้นถนนในช่วงเย็น
แม้หยาดพระเสโทจะหยดไหลอยู่บนพระพักตร์ตลอดเวลา หากแต่สมเด็จพระนางเจ้าฯ มิได้แสดงอาการทรงเหน็ดเหนื่อยพระวรกายแต่อย่างใด ดังภาพที่ประจักษ์แก่สายตาชาวไทยทั่วโลก ที่ได้เห็นถึงความรักอย่างหาที่สุดมิได้ และความจงรักภักดีที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงมีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ท่ามกลางความเดือดร้อนทุกข์ยากแสนเข็ญของปวงพสกนิกรชาวไทยที่ต้องเผชิญกับทุกข์ภัยจากโรคระบาดร้ายแรงอย่างสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ที่คุกคามสุขภาพอนามัย ตลอดจนชีวิตความเป็นอยู่อันเดือนร้อนแสนสาหัส
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระบรมราชินี ทรงติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคนี้อย่างใกล้ชิด และทรงทราบว่าหากสถานการณ์รุนแรงขึ้น โรงพยาบาลในประเทศไทยจะมีอุปกรณ์ทางการแพทย์ไม่เพียงพอ จึงทรงรับเป็นพระราชภารกิจสำคัญ
ที่จะต้องดูแลประชาชนให้มีสุขภาพพลานามัยสมบูรณ์ อันจะนำมาซึ่งคุณภาพชีวิตที่ดี อันเป็นการสานต่อพระราชปณิธาน “สืบสาน รักษา ต่อยอด” พระราชกรณียกิจ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
จึงได้พระราชทานอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้แก่โรงพยาบาลต่างๆ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับโรคโควิด-19 อันจะเป็นประโยชน์แก่การให้บริการทางการแพทย์ แก่ประชาชนต่อไป โดยได้พระราชทานเครื่องช่วยหายใจ จำนวน 132 เครื่อง และเครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว จำนวน 50 เครื่อง ซึ่งบางส่วนได้ดำเนินการติดตั้งในโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว
นอกจากนี้ยังพระราชทานหน้ากากอนามัย จำนวน 2 ล้านชิ้น หมวก Face Shield จำนวน 30,000 ใบ และชุดป้องกันการติดเชื้อโรค (PPE) จำนวน 4,000 ชุด แก่บุคลากรทางการแพทย์ และโรงพยาบาลต่างๆ
ด้วยสายพระเนตรอันยาวไกล ทรงทราบว่าหากมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ ถ้าไม่มีการเตรียมพร้อมรับมือที่ดีอาจทำให้สถานการณ์รุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม จึงได้พระราชทานพระราชทรัพย์ให้ เอสซีจี ดำเนินการก่อสร้างห้องตรวจหาเชื้อ (Modlar Swab Unit) ให้แก่โรงพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศจำนวน 20 แห่ง เพื่อเสริมความพร้อมหากมีสถานการณ์การระบาดของเชื้อโควิด-19 ระลอกใหม่
โดยห้องถูกออกแบบให้มีระบบที่จะช่วยควบคุมแรงดันและการหมุนเวียนของอากาศให้สะอาด ปลอดภัย มีระบบการป้องกันอากาศรั่วไหล ทำให้ห้องปิดสนิท ป้องกันอากาศเข้าออกตัวอาคาร ทำให้ภายในอาคารสามารถควบคุมแรงดันอากาศได้เป็นอย่งดี ช่วยเพิ่มความมั่นใจในความปลอดภัยแก่บุคลากรทางการแพทย์ขณะปฏิบัติหน้าที่ได้มากขึ้น
ด้วยระบบที่ช่วยควบคุมแรงดันและการหมุนเวียนของอากาศของนวัตกรรมห้องตรวจหาเชื้อนี้โรงพยาบาลฯ ยังสามารถปรับห้องตรวจหาเชื้อเป็นห้องตรวจผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจได้เมื่อสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ
ทั้งนี้ การติดตั้งห้องตรวจหาเชื้อดังกล่าวสำเร็จลงภายในเวลาเพียง 2 วัน ด้วยความร่วมมืออย่างดียิ่ง จากทางโรงพยาบาลฯ ประกอบกับประสบการณ์และความชำนาญของทีมติดตั้ง จึงทำให้โรงพยาบาลฯ พร้อมให้บริการแก่บุคลากรทางการแพทย์และประชาชนได้ในทันที
ที่สำคัญห้องตรวจหาเชื้อ ยังสามารถปรับห้องตรวจหาเชื้อเป็นห้องตรวจผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจอย่าง โรควัณโรค และโรคปอด รวมไปถึงโรคอื่นๆ ได้เมื่อสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ
ขณะเดียวกัน สมเด็จพระบรมราชินี ทรงมีน้ำพระราชหฤทัยที่ทรงเปี่ยมล้นด้วยพระเมตตาหลั่งรดสร้างความอบอุ่นใจแก่คณะบุคลากรทางการแพทย์ เมื่อทอดพระเนตรเห็นความเหนื่อยยากในภาระอันหนักอึ้งของนักรบชุดขาวทุกคน ที่ต้องเสียสละความสุขส่วนตัวในการดูแลรักษาผู้ผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างไม่มีเหน็ดเหนื่อย จึงตรัสพระราชทานกำลังใจแก่แแพทย์และพยาบาล ความว่า
“หมออาจจะเหนื่อยหน่อยช่วงนี้ ฝากเป็นกำลังใจให้คุณหมอกับพยาบาลด้วยค่ะ” พระสุรเสียงในวันนั้นประดุจดั่งน้ำทิพย์ประโลมหัวใจให้คณะบุคลากรทางการแพทย์ทุกคนได้มีแรงใจและกำลังใจอย่างเต็มเปี่ยมที่จะทำการตรวจรักษาประชาชนทุกคนอย่างเต็มกำลังความสามารถ
ความปลาบปลื้มซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณมีมากยิ่งขึ้นเป็นล้นพ้น เมื่อ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระบรมราชินี เสด็จเป็นการส่วนพระองค์ไปทอดพระเนตรโครงการพระราชทานความช่วยเหลือประชาชน ในความรับผิดชอบของกองบัญชาการทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ณ กรมทหารรักษาวังมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์
ทอดพระเนตรการเย็บถุงพระราชทาน โดยกำลังพลกองบัญชาการทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์และครอบครัว โอกาสนี้ สมเด็จพระบรมราชินีทรงเย็บหน้ากากผ้าสำหรับเป็นตัวอย่างให้กองบัญชาการทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์นำไปผลิตเพื่อพระราชทานแก่ข้าราชบริพารและราษฎรที่ได้รับความเดือดร้อน
พร้อมด้วยคณะแพทย์ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้ทุกฝ่ายร่วมกันฝ่าฝันกับไวรัสร้ายที่กำลังคุกคามอยู่ในขณะนี้ให้ผ่านพ้นไปด้วยดี
นับเป็นความโชคดีของปวงพสกนิกรชาวไทยที่มีพระบรมราชินีที่ทรงเป็นพระมิ่งขวัญแห่งแผ่นดิน คู่พระบารมีแห่งองค์ราชันสองพระหัตถ์คือหัตถาครองพิภพที่คอยโอบอุ้มพสกนิกรทุกหมู่เหล่าให้พ้นจากทุกข์ภัยและอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุขภายใต้ร่มพระบารมีราชจักรีวงศ์
เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเฉลิมพระชนมพรรษาวันที่ 3 มิถุนายน พุทธศักราช 2563 ปวงข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานถวายพระพรชัยมงคล ขออานุภาพแห่งพระรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากลปกอภิบาลประทานพรให้ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทเจริญด้วยจตุรพิพิธพรพิพัฒน์สวัสดิมงคลพระชนมายุยิ่งยืนนาน ทรงพระเกษมสำราญ สถิตเป็นมิ่งขวัญแห่งปวงประชาสถาพรตราบกาลนาน ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม..
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **