ซัดกันคนละหมัด! กรมการค้าภายและสมาคมร้านขายยา เหตุโควต้าหน้ากากอนามัย 25,000 ชิ้น ด้านประธานที่ปรึกษาสมาคมฯ ยืนยันยังไม่ได้รับมาสก์แม้แต่ชิ้นเดียว ย้ำ สมาคมฯจะไปโกหกทำไม “ใครที่กักตุน ลดการทำบาปเถอะ!”
จาก 2.5 หมื่น ยังไม่ได้แม้แต่ชิ้นเดียว!
“จริงๆ แล้วสมาคมฯถูกต่อว่ามาโดยตลอด สัดส่วนที่กรมการค้าภายในแถลงจัดสรรให้กับสมาคมฯโดยตรง 25,000 ชิ้น เรายังไม่ได้รับจริงๆ ครับ ทุกวันนี้มันกลายเป็นปลายน้ำไปหาต้นน้ำ ผู้บริโภคที่เป็นลูกค้าของร้านขายยาก็จะไปขอซื้อมาสก์ ทางร้านก็ไม่มี เขาก็เลยอ้างว่าสมาคมฯได้รับการจัดสรรจากกรมการค้าภายในวันละ 25,000 ชิ้น
ตรงนี้คือจุดเริ่มต้นที่ร้านยาถูกต่อว่า พอร้านยาถูกต่อว่า ร้านยาก็โวยมาที่สมาคมฯ หาว่าสมาคมฯกั๊กของบ้าง กลายเป็นเสียหาย ผมทนไม่ไหวจริงๆ ถึงได้ออกหนังสือฉบับนี้”
เทพรักษ์ สุรทานต์นนท์ ประธานที่ปรึกษาและอดีตนายกสมาคมร้านขายยา เปิดเผยแก่ทีมข่าว MGR Live เกี่ยวกับประเด็นดรามาร้อนๆ ที่เกิดขึ้น ของการจัดสรรหน้ากากอนามัยจากกรมการค้าภายใน ไปยังหน่วยงานต่างๆ องค์การเภสัชกรรม โรงพยาบาล ร้านธงฟ้า ร้านสะดวกซื้อทั่วไป
รวมถึง สมาคมร้านขายยา มีโควตาได้รับการจัดสรรหน้ากากอนามัยจำนวน 25,000 ชิ้นต่อวัน เพื่อกระจายให้สมาชิกที่เป็นร้านค้าร้านขายยากว่า 3,000 รายต่อไป
ทว่า... ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนที่ถูกนำเสนอข่าวจนถึงขณะนี้ ทางสมาคมฯก็ยังไม่ได้รับหน้ากากอนามัยจำนวนดังกล่าวแม้แต่ชิ้นเดียว นำมาสู่การออกแถลงการณ์ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ เพื่อเรียกร้องผู้ที่เกี่ยวข้อง ให้ดำเนินการจัดส่งหน้ากากอนามัย ให้แก่ทางสมาคมฯเสียที
“ตามที่ปรากฏทางโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ วิทยุ ว่า กรมการค้าภายในได้จัดสรรหน้ากากอนามัยให้แก่สมาคมร้านขายยา วันละ 2.5 หมื่นชิ้น (สองหมื่นห้าพันชิ้น) เพื่อจำหน่ายกับผู้ที่ต้องการนั้น สมาคมร้านขายยาขอแจ้งให้ทราบโดยทั่วกัน ว่า จนถึงขณะนี้ ทางสมาคมฯ ยังไม่เคยได้รับหน้ากากอนามัยจากกรมการค้าภายในเลยแม้แต่น้อย
ฉะนั้น เพื่อความยุติธรรม ตลอดจนลดแรงกดดัน และเพื่อให้สมาคมร้านขายยาที่มีสมาชิกอยู่ทั่วประเทศ ช่วยลดช่องว่าง ช่วยแบ่งเบาภาระทางราชการในการป้องกันการติดเชื้อไวรัส COVID-19 สมาคมร้านขายยา จึงขอเรียกร้องให้กรมการค้าภายใน และเจ้าหน้าที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ได้ดำเนินการจัดส่งหน้ากากอนามัย ให้แก่ทางสมาคมฯ ตามที่ปรากฏเป็นข่าวด้วย”
เรื่องราวไม่จบลงแค่นั้น ทางด้าน วิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน ก็ได้ออกหนังสือชี้แจงตามมาติดๆ แต่มีเนื้อหาราวกับเป็นหนังคนละม้วน โดยระบุว่า ร้านขายยาได้รับการจัดสรรหน้ากากอนามัยวันละ 25,000 ชิ้น ตามที่ได้มีการตกลงกัน แต่การส่งมอบจะทำโดยโรงงานผู้ผลิตหน้ากากอนามัยจัดส่งให้ร้านขายยาโดยตรง เพื่อลดขั้นตอนการให้ถึงมือผู้บริโภคโดยเร็ว
กรณีนี้ ผู้ผลิตหน้ากากอนามัยได้ชี้แจงเพิ่มเติมว่า มีความสะดวกในการที่จะจัดส่งให้ร้านขายยาโดยตรง เนื่องจากสมาคมเป็นนิติบุคคลที่ไม่สามารถทำการค้าได้ การทำนิติกรรมการซื้อขายอาจมีปัญหาด้านกฎหมาย จึงเลือกใช้วิธีการส่งให้กับร้านขายยาโดยตรงแทน จึงขอชี้แจงให้ได้รับทราบทั่วกัน และขอให้สมาคมได้รับทราบถึงข้อเท็จจริงดังกล่าวด้วย
โดยทางประธานที่ปรึกษาสมาคมร้านขายยา ได้ตอบโต้กลับไปว่า “แถลงการณ์ของอธิบดีกรมการค้าภายใน เป็นไปไม่ได้ที่ให้ทางบริษัทผู้ผลิตดีลกับร้านยาที่เป็นสมาชิกโดยตรง ผมว่าตรงนี้มันเป็นการแก้เกี้ยว
ถ้าบอกว่าจะขอรายชื่อแล้วให้บริษัทผู้ผลิตส่งไปเอง การที่จะขอรายชื่อสมาชิกจากสมาคมฯ เราก็ไม่ได้ให้กันได้ง่ายๆ เราจะต้องเข้าที่ประชุมแล้วก็ดูความเป็นไปเป็นมาว่า ผู้ที่ต้องการเอาไปเพื่อประโยชน์อะไร เราก็กลัวว่ามันจะมีผลกระทบติดตามมา
แล้วถ้าบริษัทบอกว่าจะให้เฉพาะลูกค้า ผมว่าตรงนี้ยิ่งไม่ยุติธรรมใหญ่ เพราะว่าโควตาของสมาคมฯ คุณก็ต้องเอามาให้สมาคมฯสิครับ มันถึงจะถูกต้อง เป็นธรรม และเขาก็อ้างว่าสมาคมฯเป็นนิติบุคคลที่ไม่แสวงหาผลกำไร สมาคมฯเราไม่ได้หาผลกำไรจากส่วนนี้ เพราะว่าเราเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระของทางราชการส่วนหนึ่ง แล้วส่วนหนึ่งต้องการมากระจายให้กับสมาชิก
แต่ว่าทางกรรมการสมาคมฯได้ไปประสานกับกรมการค้าภายใน เขาบอกว่าวันนี้จะจัดสรรให้ แต่จะลดเป็น 15,000 ชิ้น แล้วอีก 10,000 ชิ้น จะไปจัดสรรให้องค์กรอื่น ที่เราเรียกร้องเราไม่ต้องการที่จะไปทำลายใคร เราเรียกร้องเพื่อต้องการความยุติธรรมเท่านั้นเองครับ เพราะโรคระบาดมันกระจายไปทั่วแล้ว”
50 ชิ้น 800 บาท ก็ต้องซื้อ
สำหรับสถานการณ์หน้ากากอนามัยขาดแคลนไม่ได้มีแค่นั้น เพราะโลกออนไลน์ ได้ผุดแฮชแท็ก #หน้ากากอนามัยหายไปไหน เพื่อทวงถามและเกระตุ้นให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการอย่างเข้มงวดเกี่ยวกับประเด็นนี้
ทางด้าน เทพรักษ์ ก็ยังได้สะท้อนปัญหานี้ ในฐานะเจ้าของ ห้างเทพรักษ์ เซนเตอร์ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นร้านธงฟ้า ที่อยู่ในเกณฑ์รับการจัดสรรหน้ากากอนามัยจากกรมการค้าภายในมาจำหน่ายแต่ว่า ตั้งแต่เกิดการระบาดของไวรัสโควิด-19 ขึ้น ทางร้านได้หน้ากากมาจำหน่าย เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น
“ของกรมการค้าภายในที่จัดให้ เขาคิดต้นทุนที่ชิ้นละ 2 บาท แล้วก็ให้ขาย 2.50 บาท ตรงนี้เราไม่มีปัญหา เราสามารถปฏิบัติได้ ผมอยู่ประจวบฯ ที่ร้านผมเป็นร้านธงฟ้า เขาก็บอกจะกระจายให้ร้านธงฟ้า เชื่อมั้ยตอนนี้ข่าวโควิดระบาด ที่ร้านผมเคยได้รับครั้งเดียว 1,000 ชิ้น เมื่อประมานสัก 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่กี่ชั่วโมงก็หมด
แล้วผมก็สนองนโยบายของกรมการค้าภายในก็คือแพ็กละ 10 ชิ้น เพราะไม่ให้ขายเกิดคนละ 10 ชิ้น แล้วตอนนี้นโยบายใหม่ก็คือแพ็กไม่ให้เกิน 4 ชิ้น ผมว่าก็ดีที่จะได้แบ่งกันให้ทั่วถึงบ้าง แต่ตรงนี้ไม่เกี่ยวกับโควตาของสมาคมฯนะครับ ของทางสมาคมยังไม่ได้รับ”
นอกจากนี้ ในการประชุมใหญ่ของสมาคมร้านขายยา ณ ไบเทค บางนา เมื่อช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ปรากฏว่า หน้ากากอนามัยขาดแคลน จนทางสมาคมฯจำเป็นต้องหันไปพึ่งหน้ากากราคาแพงลิบลิ่วในตลาดมืด เพื่อสร้างความอุ่นใจให้แก่สมาชิกที่มาร่วมงาน
“เรื่องของเรื่องมันหนักตรงที่เราจะจัดประชุมใหญ่ เราก็ต้องการที่จะเซฟคนของเรา ทางไบเทคเขาก็ช่วยส่วนหนึ่ง โดยมีขั้นตอนคือให้ผ่านอุโมงค์ มีการตัดกรองด้วยการตรวจวัดอุณหภูมิ แล้วก็แจกแมสก์ เราก็ให้เจลล้างมือกัน เซฟกันตลอด เราไปได้หน้ากากจากมาส่วนหนึ่ง
ทีนี้มันไม่เพียงพอ พอไม่มีปั๊บเราก็ต้องหาช่องทาง เอาจากตรงไหนก็ได้มา พอใกล้งานจริงๆ ตลาดมืดก็จำเป็นต้องซื้อ กล่องละ 800 บาท 50 ชิ้น ตกชิ้นละ 16 บาทเพื่อมาเซฟสมาชิก ทางสมาคมจะไปโกหกทำไมว่าไม่ได้รับ เพราะถ้าได้รับ ทำไมต้องไปซื้อตลาดมืดมาแจกสมาชิก”
สุดท้าย ประธานที่ปรึกษาสมาคมร้านขายยา ใช้โอกาสนี้ผ่านความห่วงใยไปยังคนในสังคม โดยเฉพาะบุคลากรทางการแพทย์ ผู้มีความจำเป็นต้องใช้หน้ากากอนามัยเป็นอย่างมาก
“ตอนนี้มันระบาดค่อนข้างเยอะ จังหวัดที่ไม่เคยมีก็ปรากฏว่าตอนนี้ก็เริ่มมีกระแสผู้ติดเชื้อแล้ว ก็ฝากความเป็นห่วงได้เท่านั้นเอง ผมก็ห่วงทุกคน โดยเฉพาะบุคลากรทางการแพทย์ เขาสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่เป็นโรค ตรงนี้อันตรายมาก เพราะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ
ลูกสาวผมก็เป็นหมอ ทุกวันนี้ก็ต้องซื้อตลาดมืดมาใช้ เห็นบอกว่าเป็นของนำเข้าจากเวียดนาม ชิ้นละ 10 กว่าบาทเหมือนกัน อย่างน้อยที่สุดผมว่าขอความเป็นธรรมเถอะครับ ถ้ามีก็กระจายออกมา ใครที่กักตุน หรือใครที่มีช่องทางในการถือว่าเป็นการหาประโยชน์ใส่ตัวช่วงนี้ ผมว่าลดทำบาปทำกรรมเถอะครับ ช่วยๆ กันให้สังคมอยู่ได้”
ขอบคุณภาพ : เฟซบุ๊ก “Teprak Suratannont”
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **