xs
xsm
sm
md
lg

“เหยื่อน้ำลายป้ายลิฟต์” จิตตกติดโควิด-19 ร้อง คอนโดฯ ดัง เลี่ยงสืบหา “คนแพร่เชื้อ”!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



 
นึกว่ามีแต่ที่จีน! ล่าสุด ลุกลามมาไทย พฤติกรรมทราม “ถุยน้ำลายใส่ลิฟต์” คอนโดดังเมืองพัทยา ขณะที่เหยื่อเคราะห์ร้าย เปิดใจ ไม่ถึงวัน มีไข้-เจ็บคอ จิตตกติดเชื้อโควิด-19 ด้าน นิติบุคคล ยังหาตัวคนทำไม่ได้! ทั้งที่มีกล้องวงจรปิด ลูกบ้านถามหา “ความปลอดภัย” ในชีวิตมีแค่ไหน!?

“ถุยน้ำลายใส่ลิฟต์” คอนโดนี้ ไม่ใช่ครั้งแรก!?

“เมื่อคืนขึ้นลิฟต์ที่คอนโดตัวเองแล้วเจอคนถุยน้ำลายใส่ไว้ จะออกก็ไม่ทันแล้ว เพราะกดได้แค่ชั้นที่ตัวเองอยู่ ตอนนี้เจ็บคอมีไข้อ่อนๆ ต้องกักตัวเอง 14 วันหรือไปหาหมอได้เลยคะ ตอนนั้นลิฟต์อยู่ชั้น5เราอยู่ชั้น 20กลั้นหายใจวนไป ปล.คอนโดจีนกับรัสเซียเยอะกว่าคนไทย จิตตกมากตั้งแต่เมื่อคืน”

ผวากันทั้งคอนโด! ข้อความจากเฟซบุ๊กสาวผู้โชคร้าย โพสต์เล่าประสบการณ์เสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 หลังขึ้นลิฟต์คอนโด แต่เจอน้ำลายยืดเป็นทางยาวอยู่บริเวณกระจกในลิฟต์

เจ้าของเรื่องคือ “ลักษิกา สุดประเสริฐ” ได้เปิดใจกับทีมข่าว MGR Live ว่า เหตุการณ์เกิดขึ้น ช่วง 4 ทุ่มของวันศุกร์ที่ผ่านมา ตนขึ้นลิฟต์คอนโดดังแห่งหนึ่งเรียบหาดจอมเทียน

หลังจากเห็นน้ำลายติดอยู่ด้านในของลิฟต์ก็ได้พยายามกลั้นหายใจไปจนถึงชั้นที่ตัวเองอาศัยอยู่ จากนั้นได้ลงมาแจ้งฝ่ายนิติฯ ของคอนโด แต่กลับไม่ได้รับความสนใจกับเรื่องนี้เท่าที่ควร แถมนิติฯ ยังพูดเปรยๆ อีกว่านี่ “ไม่ใช่ครั้งแรก” เสียด้วย

“ตอนนั้นกลับมาจากไปดูร้าน เข้าคอนโดมาช่วง 4 ทุ่มกว่าๆ ค่ะ พอเดินเข้ามาในลิฟต์ก็มองไปเห็นน้ำลายพอดี พอเห็นแล้วเราก็จะรีบออกจากลิฟต์ แต่ไม่ทันก็ต้องกลั้นหายใจ หันหน้าหนีค่ะ น้ำลายที่เห็นมันยังใหม่ๆ อยู่เลยค่ะ

จากนั้นพอขึ้นมาถึงห้องก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้า และลงไปแจ้งฝ่ายนิติฯ ซึ่งนิติฯ เองก็พูดออกมาว่า “อีกแล้วเหรอ” เราก็เลยคิดว่าคงไม่ใช่ครั้งแรกค่ะ เขาบอกว่าจะแจ้ง รปภ.ให้ไปดู ผ่านไปชั่วโมงหนึ่ง เราก็ลงไปสอบถามอีกรอบว่าไปทำความสะอาดหรือยัง นิติฯ บอกว่าให้ รปภ.ไปดูแล้ว แต่ไม่เห็น


 
พอเราพาไปดู เขาถึงหยิบผ้าขี้ริ้วไปปั๊มกับแอลกอฮอล์แล้วไปเช็ด จากนั้นก็เอาผ้าไปทิ้งในซอกตู้ เราก็ขอย้อนดูกล้องวงจรปิดนะ เขาก็แจ้งว่าถ้าย้อนดูมันจะไกลนะ เราก็ขึ้นห้องมา ที่นี่ต่างชาติอยู่เยอะด้วยค่ะ ถ้าประมาณก็จะมีคนไทย 30% รัสเซีย 30% จีน 30% ได้ค่ะ เท่าที่เห็นในคอนโดก็จะมีแต่คนจีนเลย ฝรั่งจะน้อย”

หลังจากเหตุการณ์ในลิฟต์เกิดขึ้นยังไม่ทันผ่านพ้นคืน เธอเล่าว่าเริ่มมีอาการเกิดขึ้นกับร่างกาย นั่นคือ รู้สึกเจ็บคอ และมีไข้ จึงตัดสินใจไปหาหมอเพื่อตรวจอย่างละเอียด แต่ผลการตรวจจากปากแพทย์ได้ให้คำตอบว่า “ยังไม่เข้าข่ายติดเชื้อโควิด-19” ทว่า ก็ยังต้องเฝ้าสังเกตอาการตามระยะ

“ผ่านไปสักพักก็รู้สึกเจ็บคอ ตื่นมาอีกวันก็ตัวร้อน มีไข้ จากนั้น 2 วันก็ตัดสินใจไปหาหมอ เพราะไข้เราไม่ลด และกลัวว่าจะติดโรคด้วย หลังจากหาหมอเสร็จก็เหมือนจะไอแห้งๆ ตอนตรวจก็มีการวัดความดัน ซึ่งความดันเราสูงมาก และเอ็กซเรย์ปอด ตรวจคอ ตรวจหัวใจ

หมอแจ้งว่ายังไม่เข้าข่าย เราก็ถามว่าไม่เข้าข่ายคือไม่ได้ติดเชื้อใช่ไหม หมอบอกให้กลับไปดูอาการก่อน ถ้าไข้ไม่ลดให้กลับมาหาหมออีก ตอนนี้หลังจากหาหมอก็ดีขึ้นนะคะ ไม่ค่อยเจ็บคอแล้ว แต่ก็ยังอยากไออยู่ ยังมีไข้อ่อนๆ อยู่ค่ะ ช่วงนี้ก็อยู่แต่ในห้องเลยค่ะ ปกติจะอยู่ห้องทั้งวันอยู่แล้ว ต้องเฝ้าระวังค่ะ”


 
“อย่าก่อกวน-แพร่เชื้อ” สามัญสำนึกต้องมี!

แน่นอนว่าหลังจากที่เกิดเรื่องขึ้น กลายเป็นกระแสที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เพราะเหตุการณ์ลักษณะนี้เรียกได้ว่ายังไม่เคยพบเห็นในไทย แต่มักจะเห็นจากสื่อหลักของจีนที่มีการตีแผ่พฤติกรรมของคนจีนเสียมากกว่า

อย่างในกรณี “มนุษย์ป้าชาวจีนถ่มน้ำลายใส่ปุ่มลิฟต์” ซึ่งถูกภาพจากกล้องวงจรปิดจับภาพไว้ได้ ขณะที่กำลังถ่มน้ำลายรัวๆ ใส่ปุ่มกดลิฟต์ของอาคารแห่งหนึ่งในเมืองฉงชิ่ง ซึ่งเธอได้มองไปรอบๆ เพื่อดูว่ามีกล้องวงจรปิดหรือเปล่า ก่อนถ่มน้ำลายใส่แผงควบคุมปุ่มกดลิฟต์ซ้ำหลายรอบ

ระหว่างนั้นก็มีคนอื่นๆ เข้าลิฟต์มา และกดลิฟต์ตามปกติ โดยที่เจ้าตัวผู้ก่อเรื่องก็ทำท่าทีแบบไม่รู้ไม่ชี้ และหลังจากคนอื่นๆ ออกไป เธอก็ถ่มน้ำลายไปทั่วลิฟต์อีกรอบ จากนั้นไม่นานนักเรื่องก็ไปเข้าหูตำรวจท้องถิ่น
  สุดท้ายเธอถูกจับกุม และตอนนี้ยังอยู่ภายใต้การควบคุมตัว โดยให้การรับสารภาพว่าเธอถ่มน้ำลายใส่ปุ่มกดลิฟต์เพื่อระบายอารมณ์โกรธ หลังมีเรื่องโต้เถียงกับใครบางคนก่อนหน้านั้น

หรืออีกกรณีหนึ่งที่เลวร้ายไม่ต่างกัน คือ “คนไข้ถมน้ำลายใส่หน้าแพทย์” หลังเกิดอาการสติแตกระหว่างการรักษาตัวในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมืองฉือเจียจวง ซึ่งผู้ป่วยจำนวนหนึ่งกระชากหน้ากากป้องกันไวรัสจากแพทย์ แล้วถมน้ำลายใส่หน้า

พร้อมระบุว่า “พวกคุณ (หมอ) ต้องรักษาให้ฉันหาย หากพวกคุณชักช้าไม่รีบรักษา พวกคุณก็ต้องตายไปพร้อมกับฉัน” ขณะที่ทางการจีนก็ได้ดำเนินการเอาผิดกับผู้ที่มีพฤติกรรมเช่นนี้
ด้วยการใช้กฎหมายสูงสุดฉบับคำสั่งพิเศษ นั่นคือ การรับโทษจำคุกตลอดชีวิต หรือ ถูกวิสามัญฆาตกรรมโดยเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ โดยไม่ต้องขึ้นศาล

ภายในลิฟต์คอนโดล่าสุด
 
เรื่องนี้นำมาซึ่งข้อสงสัยในความต่างที่ว่า จากเหตุการณ์ลักษณะเดียวกัน ทำไมประเทศไทยถึงไม่มีมาตรการลงโทษผู้ที่ก่อพฤติกรรมเช่นนี้เหมือนในต่างประเทศ
หรือไม่แม้แต่จะหาตัวคนก่อเหตุเพื่อป้องกัน ไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก นี่จึงเป็นความเห็นส่วนหนึ่งที่มีทิศทางไปในทางเดียวกัน ต่อฝ่ายนิติฯ ที่ดูแลคอนโดเหยื่อสาวพ่นน้ำลายดังกล่าว

“อ่านคอมเมนต์เห็นว่านิติตอบส่งๆ ไม่สนใจสักเท่าไหร่ มีการดำเนินการหรือยังคะ เรื่องใหญ่นะ ช่วยกันถามนิติด้วยว่าดำเนินการหาคนที่กระทำแล้วหรือยัง”

“ไม่ว่าจะคนชาติไหนก็ไม่สมควรทำแบบนี้ค่ะ อยู่ร่วมกันก็ต้องช่วยกันรักษาความสะอาดของส่วนรวมด้วยค่ะ ถ้าเกิดมีคนไปทำแบบนี้กับห้องของคุณ หรือถุยใส่หน้าคุณจะยังรู้สึกยังไงคนที่ทำถ้ามีสมองก็คิดหน่อยนะ”

ขณะที่เหยื่อสาวเจ้าของเรื่องได้ฝากถึงฝ่ายนิติฯ ด้วยเช่นกันว่า ในฐานะลูกบ้านก็อยากให้เข้ามาดูแลเรื่องของความสะอาด และความปลอดภัย ที่สำคัญคือการหาคนที่ก่อพฤติกรรมพ่นน้ำลายในลิฟต์มาให้ได้เร็วที่สุด

“จริงๆ ในใจยังไม่ได้โกรธคนทำ แต่ตกใจ จิตตกมากกว่า ตอนนี้อยากฝากถึงนิติฯ ว่าน่าจะทำงานให้ดีกว่านี้ เพราะเขาก็ยังนิ่งนอนใ เขาน่าจะรู้แหละว่าออกข่าวขนาดนี้แล้ว คนก็โจมตีเยอะ อยากให้เขาหาคนที่ทำให้ได้ และดูแลเรื่องความสะอาดมากกว่านี้”

อย่างไรก็ดี หลังจากมีการระบาดอย่างหนักของไวรัสโควิด-19 ก็ได้มีการออกมาแชร์เทคนิคการใช้ลิฟต์ เพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสที่ว่า โดยสามารถทำได้ด้วยการหาของใช้ใกล้ตัว
อย่างเช่น “กระดาษทิชชู่” แทนการสัมผัสด้วยนิ้วโดยตรง, ใช้ “ปากกา” โดยใช้หัวปากกากดปุ่มลิฟต์แทน และใช้ “ไม้จิ้มฟัน” ซึ่งสามารถใช้แล้วทิ้งได้เลย

ข่าวโดย MGR Live




** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **



กำลังโหลดความคิดเห็น