xs
xsm
sm
md
lg

หักดิบวิญญาณ “นักดื่ม” พึ่งสองขาพิชิต “มาราธอน” สู้โรคหัวใจ!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ไม่เมา ไม่กลับ!! เปิดใจ “ผึ้ง” สาวนักดื่ม เมาหนักจนเอ็นข้อมือขาด เป็นโรคหัวใจรั่วมาตั้งแต่เกิด ผันตัวเองสู่นักวิ่งมินิฮาล์ฟมาราธอน หันมารักสุขภาพ ออกมาวิ่งแทนการดื่มเหล้า ทั้งที่ไม่ชอบการวิ่ง แถมยังพบรักอดีตดาราในสนามซ้อม

จากสาว “ปาร์ตี้” กลายเป็นสาว “เฮลตี้”

“เปลี่ยนเราชัดมาก ชัดในเรื่องของสุขภาพ การใช้ชีวิตดีขึ้นมาก สมัยก่อนนะอยู่จนร้านปิด บางครั้งหลับไปเลยก็มี จากแต่ก่อนทุกคนจะต้องมาถามว่ามีร้านไหน ผับไหน น่าไปบ้าง คือ เราจะรู้ แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าไปวิ่งที่ไหน”
ผึ้ง-ภัทรธิรา ลีลเศรษฐพร วัย 35 ปี เปิดใจกับทีมข่าว MGR Live ถึงเรื่องราวประสบการณ์ อดีตสาวนักดื่มที่เกือบเสียคนเพราะเหล้า ใช้การวิ่งช่วยเยียวยา ที่จากเมื่อก่อนดื่มเหล้าอย่างหนัก ผันตัวเองมาเป็นนักวิ่งมินิฮาล์ฟมาราธอน จนชีวิตดีขึ้น
เรียกได้ว่า ไม่เมา ไม่กลับ จนเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงในชีวิต นั่นเป็นจุดเปลี่ยนต้องหันมาดูแลตัวเองมากขึ้น ด้วยการออกไปวิ่งออกกำลังกาย มีวินัยในตัวเองมากขึ้น

“เจ็บตัวร้ายแรงที่สุด เป็นงานอาฟเตอร์ปาร์ตี้ งานแต่งงานของเพื่อน ที่จริงคือ ในงานเราดื่มหนัก แล้วเราก็ขึ้นห้องพักแล้ว เราเปิดโรงแรมนอนที่นั่นกับพวกเพื่อนๆ คือ เราแค่ลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำ แล้วเราล้ม ทำให้เอ็นมือขาด ซึ่งนั่นก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่ทำให้เราประมาณตัวว่าเราจะดื่มแบบตอนเด็กๆ ไม่ได้แล้ว ก็เลยหันออกมาออกกำลังกายเยอะขึ้น ออกมาวิ่งเยอะขึ้น”

โดยจุดเริ่มต้นในการวิ่งเกิดจากการชักชวนของเพื่อน ซึ่งเมื่อก่อนไม่ชอบการวิ่ง ไม่มีความสุขที่จะวิ่ง แต่ตลอดระยะเวลา 2 ปี ที่เริ่มวิ่ง กลับพาตัวเองลงสนามวิ่งมากกว่า 30 สนามแล้ว
“ช่วงประมาณ 2 ปีที่แล้ว ก็มีเพื่อนของผึ้งมาชวนวิ่ง แต่ทีนี้ด้วยความที่ไม่ชอบวิ่ง ชอบออกกำลังกายเป็นโยคะ ต่อยมวยมากกว่า ดั้งนั้น เราก็ไปวิ่งแบบไม่เต็มใจ คือ วิ่งก็ได้ วิ่งสักหน่อย ก็พยายามไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าจะต้องมีวินัย
ปีที่แล้ววิ่งมาประมาณ 23 สนาม แต่ถ้ารวมทั้งหมดตั้งแต่เริ่มวิ่งมา ก็น่าจะประมาณ 30 กว่าสนามได้ค่ะ เพราะว่าช่วงปีแรกเราไม่ได้จริงจังเรื่องงานวิ่งขนาดนั้น

ช่วงปีแรก ทุกคนก็เริ่มสังเกตเห็นแล้วว่า เราเริ่มออกกำลังกาย แต่ไม่ได้รู้สึกว่ามีการเปลี่ยนแปลงเท่าไหร่ แต่พอช่วงปีหลังๆ มันเริ่มชัดแล้วว่าเราออกกำลงกายหนักมาก เรื่องของรูปร่าง เรื่องของสุขภาพ มันดีขึ้น
เราไม่ใช่ผู้หญิงตัวเล็ก เราเป็นผู้หญิงสูง 175 ซม. ดังนั้น เราปล่อยตัวเองอ้วนไม่ได้เลย อ้วนก็คือกลายเป็นตัวใหญ่ทันที ดังนั้น ทำยังไงก็ได้ให้เราเซฟหุ่นเราไว้มากที่สุดค่ะ
ตอนนี้ลงสูงสุด ฮาล์ฟ 21 กิโลแล้วค่ะ ก็มีความคิดว่าอยากจะไปฟูลทีม 42 กิโลเหมือนกัน แต่ก็ต้องอาศัยการซ้อมค่ะ”

นอกจากนี้ นักวิ่งสาวยังเล่าอีกว่า ตัวเองมีโรคประจำตัวมาตั้งแต่เกิด ทำให้เป็นนำมาเป็นข้ออ้างให้ตัวเองไม่อยากออกกำลังกาย ในทางกลับกัน ก็ยังไม่ดูแลสุขภาพออกไปสังสรรค์กับเพื่อนเต็มที่
“ผึ้งเป็นโรคหัวใจรั่วตั้งแต่เกิด ไม่ได้อันตรายขนาดที่ตกใจแล้วช็อกไปเลย มันจะเป็นประเภทที่เราจะเหนื่อยง่ายกว่าคนปกติ อย่างเช่น คนอื่นเขาเดินบันไดเป็นชั้นๆ ได้เลย ส่วนของผึ้ง 4-5 ขั้น ก็เหนื่อยแล้ว
มันเป็นเหมือนข้อจำกัดมากกว่าให้เราไม่กล้าออกกำลังกาย แต่กลับไม่ทำให้เรารู้สึกว่าฉันไม่ควรออกไปปาร์ตี้ คือ เรารู้สึกว่าออกไปปาร์ตี้เราก็แค่ดื่ม กินเหล้าแล้วก็กลับบ้านไปนอน พรุ่งนี้ตื่นมาก็หายแล้ว มันเป็นอารมณ์แบบนั้น
คือ มันคงไม่ใช่ทุกอาทิตย์ที่เป็นแบบนั้น แต่ว่าคือมันก็มีการปาร์ตี้แบบนี้ตั้งแต่เรียนจบ ทำงานปีแรก ก็มีเพื่อนรุ่นพี่ที่ทำงานชวนเที่ยว เราก็ลองออกไปเที่ยวดู รู้สึกสนุก เริ่มสนุกแบบติดลมไปเรื่อยๆ ก็มีอย่างนี้มาเรื่อยๆ จนเพิ่งจะมีแค่ 2-3 ปีหลังเนี่ยแหละที่ลดลง

สาวนักวิ่งวัย 35 ปี เล่าให้ฟังอีกว่า ตัวเองนั้นทำอาชีพเป็น AE (Account Executive) ในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ต้องพบปะผู้คนจำนวนมาก การดื่มจึงเป็นเรื่องยากที่จะหลีกเลี่ยง



“ทำงานก็มีเพื่อนที่ชวนปาร์ตี้กันทุกวันศุกร์ หรือบางทีเราไปพร้อมลูกค้าบ้างที่เป็นเพื่อนๆ กัน มันก็ทำให้เราติดแหละ มันก็เป็นความสนุกอย่างหนึ่ง
ผึ้งมองว่า ในเรื่องของแอลกอฮอล์มันเป็นเรื่องของการเข้าสังคมอย่างหนึ่งนะ ผึ้งไม่ได้มองว่ามันดี แต่บางทีเราอยู่จุดตรงนั้น มันก็เป็นจุดที่จะหลีกเลี่ยงยากในหน้าที่การงานของผึ้งนะ ก็อาจจะดื่มได้ แต่ต้องรู้ลิมิต ไม่ใช่ว่าแอะอะดื่มตลอดเวลา
แต่ถ้าถามว่า หายดื่มไปเลยไหม ถ้าสมมติว่า วันนี้มีปาร์ตี้ของออฟฟิศเป็นงานปีใหม่ มันก็มีบ้าง แต่ไม่ใช่ว่าวันนี้ฉันต้องหมดแก้ว หมดขวด ตอนนี้ก็อาจจะแก้วเดียวตามมารยาท 4 ทุ่ม กลับแล้วนะ เพราะเดี๋ยวเรามีซ้อม”

รักเกิดในสนามซ้อม

อย่างที่เล่าไปก่อนหน้านี้ ว่า จุดเริ่มต้นของการวิ่ง มาจากการชักชวนของเพื่อน นั่นทำให้นักวิ่งสาวคนนี้ได้เจอกับความรักโดยบังเอิญ ที่เรียกได้ว่า เจอรักในสนามซ้อมกันเลยทีเดียว
ชายหนุ่มที่เข้ามาช่วยผลักดัน จากสาวปาร์ตี้กลายเป็นสาวเฮลตี้ได้สำเร็จ นั่นก็คือ ทิว-อธิวัฒน์ อภิเลิศรุ่งรัตน์ อดีตดาราวิกหมอชิต



“พอมาเจอแฟนด้วยความที่แฟนผึ้งเขาก็วิ่งอยู่แล้ว กับผึ้งที่ออกไปวิ่งบ้าง แต่มีความขี้เกียจสูง คือ แบบไปก็ได้ เขาก็เริ่มชวนเรา ทำตารางซ้อมให้มันดีๆ ไหม จะได้พัฒนาตัวเองให้การวิ่งมันมีคุณภาพมากขึ้น
แล้วทีนี้ด้วยความที่แฟนผึ้งเขาเป็นคนไม่ดื่ม ไม่เที่ยว ก็เลยทำให้เราลดในเรื่องของการเที่ยวลงไป จนตารางซ้อมเข้มงวด ต้องมีวินัย ถ้าเรายังดื่มไป วิ่งไปมันกลายเป็นว่าเราพัฒนาตัวเองได้ไม่ดี
ด้วยความที่แฟนเราเขามีทีมวิ่งจริงจัง แล้วเราก็ได้เริ่มเข้ามาอยู่ในทีมวิ่งอีกทีมหนึ่งที่เขามีความจริงจัง มีความเข้มงวด มีวินัย มันต้องพัฒนาตัวเองแล้ว ช่วงหลังแฟนชวนลงวิ่ง มีทีมชวนลง เราก็เริ่มสนุกแล้ว
จริงๆ เพื่อนมีทีมวิ่งที่เขาชวนไปซ้อม แล้วก็พอดีแฟนผึ้งเขาก็ซ้อมอยู่อีกทีมหนึ่ง ซึ่งเป็นสนามเดียวกัน ต้องบอกก่อนว่าไม่ใช่ออกมาวิ่งแล้วเจอผู้ชายนะ ตอนนี้เหมือนกระแสคนจะบอกว่าออกไปวิ่งสิแล้วจะเจอแฟน แต่ว่าของผึ้งไม่ใช่ ของผึ้งคือต่างคนต่างออกกำลังกายอยู่แล้ว แค่เหมือนกับว่าให้เรามาเจอคนสังคมเดียวกัน ซึ่งมันคลิกกันง่ายกว่า”




ความสุขที่หาซื้อไม่ได้ แต่เพียงเดินออกจากบ้านไปวิ่งออกกำลังกาย ทำให้อดีตสาวนักดื่มคนนี้ พบกับความสุขในชีวิตมากยิ่งขึ้น แถมยังได้ทั้งแฟนได้ทั้งเทรนเนอร์ส่วนตัวอีกด้วย
“มันก็มีความสุขขึ้นนะ อย่างเราก็เคยมีแฟนเก่า ซึ่งมันก็มีปัญหาที่ว่าเขาไม่อยากไปออกกำลังกาย แต่เราอยากออกกำลังกาย มันก็เริ่มทำให้การใช้เวลาที่ไม่ตรงกัน
ซึ่งพอเรามีแฟนคนนี้ พอคบกันมันมีความแฮปปี้ตรงที่ว่าเธอไป ฉันไปด้วย ต่อให้เราวิ่งความเร็วกันคนละแบบ แต่มันก็คือไปเริ่มด้วยกัน แล้วเดี๋ยวจบค่อยเจอกันนะ พอกลับบ้านก็แวะหาอะไรกินด้วยกัน มันได้ใช้เวลาด้วยกัน
คือผึ้งไม่ได้หมายความว่า ทุกคนจะต้องมีแฟนเป็นนักวิ่งด้วยกันนะ แต่แค่แบบทำให้ตัวเองรู้สึกว่ามีความสุขที่เขาทำแบบนี้มันแฮปปี้กว่า
เขาก็เป็นคนหนึ่งที่ช่วยดูตารางซ้อมให้ผึ้ง คือ เขาก็จะมีทีมของเขาที่มีโค้ชดูแลอยู่ ทีนี้เขาก็นำประสบการณ์จากที่เขาวิ่งมาปรับให้ผึ้งใช้ ซึ่งมันก็เป็นตารางซ้อมที่มีคุณภาพ แล้วก็ปรับให้เราดูแลตลอด อย่างผึ้งมีปัญหาบาดเจ็บ เจ็บช่วงสะโพก เขาก็จะบอกว่ามันจะต้องไปเวทถ้าไหนเพิ่ม ด้วยความที่เขาเล่นฟิตเนสอยู่แล้ว”



ไม่เพียงเท่านี้ นักวิ่งสาวรายนี้ ยังฝากถึงเหล่านักดื่มทุกคน ว่า อยากให้ลดลงบ้าง และหันมาออกดูแลสุขภาพตัวเองให้มากขึ้น
“มันไม่มีใครหักดิบตัวเองได้ แต่แค่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเองให้รู้ว่าแบบไหนเหมาะกับเรา การวิ่งหรืออะไรก็แล้วแต่ ผึ้งมองว่าแต่ละคนมีการออกกำลังกายที่เหมาะสมของแต่ละคนอยู่แล้ว ไม่ใช่แค่การวิ่ง บางคนอาจจะชอบโยคะ ต่อยมวย อีกอย่างด้วยปัจจัยสุขภาพด้วย
แค่ออกกำลังกายก็ทำให้เรามีสุขภาพที่ดี คนข้างๆ ไม่ว่าจะครอบครัว แฟน มันก็อยู่ด้วยกันได้ยาว ลองชวนให้เขาลดในเรื่องของการดื่มก่อน แล้ววันหนึ่งคุณจะเลิกได้ แล้วคนที่จะไปออกกำลังกาย เขาต้องรู้ตัวเองด้วยว่า ตัวเขาทำอะไรมา แล้วเขากำลังจะทำอะไรต่อ”


ขอบคุณภาพ: อินสตาแกรม pattttira




** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **



กำลังโหลดความคิดเห็น