xs
xsm
sm
md
lg

ตั้งใจช่วยเด็กจากหน้าม้าระบาด! เจาะกฎเหล็ก “ไว้หน้าม้า = ไล่ออก” จากปากรอง ผอ.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เปิดใจครูฝ่ายปกครอง หลัง ร.ร.หญิงล้วนดังโดนวิจารณ์ลั่นโซเชียลฯ ห้ามนักเรียนไว้ “ผมหน้าม้า” เพราะผิดระเบียบ สังคมตั้งคำถาม ยุคสมัยเปลี่ยนไปแล้ว ล้าหลังไปมั้ยกับกฎระเบียบแบบนี้ ชี้ที่โรงเรียนทำ เป็นเพราะความหวังดี




ตัดหน้าม้า = ไล่ออก!!?



“ทำไมผมม้าถึงไว้ไม่ได้จริงๆ ไม่ถึงขนาดนั้น ไม่ได้บอกว่าไว้ไม่ได้ แต่อยากให้เขาดูแล อยากจะบอกเขาว่ากฎกติกามันเป็นแบบนี้ และมันเป็นอัตลักษณ์โรงเรียน คืออยากให้เด็กแต่งตัว ติดกิ๊บให้เรียบร้อย"

“ธิติ สวนแก้ว” รองผู้อำนวยการกลุ่มบริหารงานบุคคล โรงเรียนศรียานุสรณ์ จ.จันทบุรี เปิดใจกับทีมข่าว MGR Live หลังโลกออนไลน์ได้พากันส่งต่อภาพ และข้อความจนเกิดกระแสดรามา เมื่อเพจเฟซบุ๊ก “กลุ่มการศึกษาเพื่อความเป็นไท” ได้มีแชร์ข้อความว่า โรงเรียนหญิงล้วนชื่อดังใน จ.จันทบุรี ออกกฎใหม่ห้ามไว้หน้าม้า พร้อมทั้งประกาศเชิญย้ายโรงเรียนหากเรียกพบเกินสามครั้ง ซึ่งทางโรงเรียนไม่ได้ชี้แจงเหตุผลอะไรกับนักเรียนเพิ่มเติม ทำให้สังคมเกิดการตั้งคำถามถึงความเหมาะสม และวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโซเชียลฯ

“จริงๆ แล้วเป็นการเข้าใจผิด ประเด็นการไว้หน้าม้ามันมีมานานแล้ว ในกลุ่มนักเรียนมีทุกปีก่อนจะมอบตัวจะมีพันธสัญญากัน 17 ข้อ

ล่าสุด ที่มีประเด็นเรื่องหน้าม้า คือ มีรางวัลอยู่รางวัลหนึ่งที่เรียกว่าคนดีศรียา เป็นรางวัลที่มีมานานแล้ว นักเรียนจะได้รับจากผู้ว่าราชการจังหวัด แต่รางวัลนี้นักเรียนต้องมีคุณสมบัติเยอะมาก คือทำชื่อเสียงให้โรงเรียน และเป็นเด็กดี โดยช่วงหลังหน้าม้าจะเริ่มระบาดหนัก ทางครูอยากจะช่วยนักเรียน

ในระเบียบนี้จะมีการหักคะแนนในเรื่องของทรงผมที่ผิดระเบียบ 15 คะแนน ซึ่งครูไม่อยากให้เด็กกลุ่มนี้โดนตัดคะแนน เนื่องจากเด็กบางคนก็เป็นเด็กดี ทำชื่อเสียงให้โรงเรียน เลยคิดว่าจะให้ผู้ปกครองมาช่วยกันแก้ไข อันนี้คือพันธสัญญาที่เป็นข่าวไป



แต่จริงๆ แล้วเป็นความหวังดี คือครูเขาไม่อยากให้เด็กๆ ถูกตัดคะแนน แต่อยากให้ปรับปรุง ก็เลยอยากให้ผู้ปกครองมาแก้ไขด้วย และอีกอย่างคือผู้ปกครองบางท่าน เขาไม่เคยมาโรงเรียนเลย พอสิ้นปีการศึกษา อย่าง ม.3 และ ม.6 จะมีเด็กที่ไม่จบ ต้องคอยมาเดินตามลูกแก้ศูนย์ แก้ ร. จึงอยากให้เขาเข้ามารับรู้ เพราะบางครั้งผู้ปกครองเขาจะอ้างว่า เขาไม่เคยรับรู้ว่าลูกติดศูนย์ ติด ร.เยอะ แต่ผู้ปกครองส่วนใหญ่ก็ไม่มีปัญหา”

สำหรับข้อสัญญาที่นักเรียน และผู้ปกครองได้ทำกับทางโรงเรียนเมื่อวันมอบตัวจำนวน 17 ข้อ และหนึ่งในนั้นคือจะปฏิบัติตามระเบียบโดยเคร่งครัด ซึ่งหมายความว่า นักเรียนจะไม่ทำผิดระเบียบของโรงเรียน

“ยังไม่เคยสืบได้เลยครับ ไม่เคยมีนักเรียนโดนไล่ออก เพราะเรื่องทรงผม คือมันเป็นลักษณะของการสื่อสารที่พยายามโยงประเด็นข้อที่ 1 คือเรื่องของหน้าม้าที่เขาจะเชิญผู้ปกครองเข้ามารับรู้ มาเซ็น

ข้อที่ 3 จริงๆ แล้วเป็นการป้องปราม อยากให้ผู้ปกครองเข้ามามีส่วนในการดูแลลูกๆ ของตัวเองด้วย พอถูกโยงประเด็น มันกลายเป็นเรื่องใหญ่เลย

มันเป็นการพิมพ์ ซึ่งผมคิดว่าน่าจะเป็นการสื่อสารในห้อง ครูเขาก็ดูแลนักเรียนของตัวเอง อยากให้ผู้ปกครองมา แต่ในความเป็นจริง คือยังไม่มีใครเคยโดนไล่ออก เพราะเรื่องหน้าม้า หรือแม้กระทั่งทรงผมที่ผิดระเบียบกว่านั้น ก็เป็นการป้องปรามนะครับ”

โดยถือเป็นการฝึกระเบียบวินัยของนักเรียน ซึ่งกฎดังกล่าวมีมานานแล้ว ร.ร.มีวิธีการให้ติดกิ๊บหนีบผม เพื่อให้ดูเรียบร้อยขณะอยู่ในโรงเรียน และสำหรับการไล่เด็กออกไปสถานศึกษาใหม่นั้นไม่เป็นความจริง



ยุคสมัยเปลี่ยน = กฎเรื่องทรงผมเปลี่ยน?


“อันนี้มันละเอียดอ่อน เพราะว่าในลักษณะภาพรวม สิทธิมนุษยชนเราคิดได้ มันเป็นการละเมิดผมเข้าใจ แต่ในลักษณะที่เขารวมตัวกันอยู่ในกลุ่มเล็กๆ มันเป็นกฎกติกาที่เขาสร้างขึ้นมา ถ้าเราจะเปลี่ยนก็ต้องเชิญหลายๆ ฝ่าย อย่างโรงเรียนศรียาอนุสรณ์ มีอายุ 100 ปีในปีนี้ ซึ่งจะมีสมาคม ฝ่ายต่างๆ เราต้องเชิญทุกฝ่ายมา

และผู้ปกครองบางคน เขาก็อยากให้ดูแลลูกอย่างดี คือมันไม่ได้รุนแรงอะไรเหมือนกับข่าวที่ออกไป ถึงขั้นต้องไล่ออก ต้องย้าย”

เมื่อถามรองผู้อำนวยการ ถึงประเด็นที่ว่าในยุคที่สมัยเปลี่ยนไป เรื่องทรงผมหรือกฎระเบียบต่างๆ ควรเปลี่ยนไปด้วยเพราะดูล้าหลัง เขาให้คำตอบเอาไว้ว่ามันเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน หากจะเปลี่ยนแปลงก็ต้องคุยกันหลายๆ ฝ่าย

“ถ้าเกิดถามผมคงตอบไม่ได้ ต้องให้เป็นเรื่องการถกกันระดับประเทศ เพราะเรามีสถานศึกษาทั่วประเทศไว้เยอะมาก ถ้าตอบในความคิดของตัวเอง มันก็เป็นเพียงความคิดส่วนตัว ขอไม่ตอบประเด็นนี้นะครับ

บางอย่างมันก็ดีนะครับผมว่า ยกตัวอย่างในเรื่องของคำถามสิทธิกับคุณธรรมจะเอาอันไหนก่อน เราจะบ่มเพาะวินัยเขาตั้งแต่เล็กๆ หรือจะไปเอาตอนโต ซึ่งก็สายไปแล้ว บางครั้งกฎกติกาบางอย่าง มันดูนิดๆ หน่อยๆ แต่สามารถทำให้เขารู้ว่านี่คือภาพรวมเชิงสัญลักษณ์

และการสังคมมองว่าการไว้หน้าม้า ดูจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเรียนแม้แต่อย่างใด สำหรับเขาแล้วมองว่าส่งผลด้านการเรียน เพราะปัจจุบันนักเรียนบางส่วนมีพฤติกรรมเลียนแบบศิลปินต่างประเทศ เลยอาจเผลอไปทำตาม และไม่สนใจการเรียน

“ส่งผลน้อยมาก แต่ก็มีส่วน อย่างเช่นอาจจะมีการหวีผมตลอด อาจจะไปเกะกะตา จริงๆ แล้วในกฎระเบียบ คือให้เขาติดกิ๊บให้เรียบร้อย”

นอกจากนี้ เขายังทิ้งท้ายถึงแนวทางแก้ไข และมาตรการการจัดการของทางโรงเรียนต่อไปด้วยว่า ถ้าถามเรื่องการเปลี่ยนแปลงกฎคงตอบไม่ได้ แต่สำหรับตอนนี้คงจะต้องทำความเข้าใจกับเด็กถึงกฎระเบียบ

“ต้องสร้างความเข้าใจกับเด็ก ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ทำมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ไม่คิดว่าจะหลุดไปขนาดนี้ คือคุยทำความเข้าใจกับเด็กครับว่า ช่วยกันติดกิ๊บหน่อย มันไม่ได้เลวร้ายเหมือนกับโพสต์ที่เพิ่งไปดรามา ว่าถึงขั้นต้องลาออก ต้องย้าย เพราะการย้ายนักเรียน หรือการย้ายใครออกมันเป็นเรื่องที่ทำได้ยากมากครับ ยกเว้นเขาอาจจะทำผิดในเรื่องของยาเสพติด”

ขณะที่ด้านโซเชียลฯ หลังได้รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น ต่างออกมาแสดงความคิดเห็น ทั้งไม่เห็นด้วย กับการสร้างกฎระเบียบดังกล่าว และเห็นด้วย เพราะเป็นกรอบให้เด็กมีวินัยมากยิ่งขึ้น

“นักเรียนทุกคนในประเทศควรออกมาเรียกร้องสิทธิเสรีภาพของความเป็นคนจากสถานศึกษาได้แล้วนะครับ เราจะยอมถูกกดขี่จากกฎที่ไร้สาระหาประโยชน์ไม่ได้ มีแต่ความล้าหลังไปอีกนานแค่ไหน

เราต้องลุกขึ้นสู้ได้แล้วอย่ายอมให้คนพวกนี้กดขี่เรา เราเป็นนักเรียนเรามาเพื่อเรียนเราเป็นคนเรามีสิทธิกับร่างกายของเรา พวกเขาไม่มีสิทธิมาก้าวก่ายร่างกายของเรา”


“บางอย่างไม่มีผลต่อการเรียน แต่มันมีผลในทางอื่นๆ นะคะ มองอะไรอย่ามองแต่ทางเดียวมองให้รอบด้านดีกว่า”





ข่าวโดยทีมข่าว MGR Live


กำลังโหลดความคิดเห็น