“ผมขอคืนความบริสุทธิ์ของผม” เปิดใจ “คนขับรถ 10 ล้อ” อ้างถูกตำรวจ สภ.สามร้อยยอดยัดยา มิหนำซ้ำ “โดนข้อหาหนัก-ถูกขัง-ตกงาน-เงินไม่มี” เดินหน้าขอความเป็นธรรมจากคลิปกล้องภายในรถ มั่นใจยาบ้าไม่ใช่ของตน ขอให้เจ้าหน้าที่ทำงานด้วยความโปร่งใส ตัดพ้อสิ่งที่เจอ “นี่ตำรวจหรือโจรกันแน่?!”
“ยังไงผมก็ต้องสู้”
“พอผมได้เห็นภาพที่มันเกิดขึ้น ผมก็คิดว่ายังไงผมก็ต้องร้องขอความเป็นธรรม ผมก็ไม่รู้จะไปร้องที่หน่วยงานไหน เพราะมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ก็เลยตัดสินใจโพสต์ไปว่า นี่ตำรวจหรือโจรกันแน่ ลักษณะที่ว่าตรวจค้นรถของประชาชนทำไมถึงปฏิบัติตัวแบบนี้ ผมโพสต์ไปด้วยความเครียด ตกงานก็ตกงาน เงินก็ไม่มี ไม่รู้จักพึ่งพาใคร ผมก็เลยบอกลูกสาวว่า ลองโพสต์ดู เผื่อว่าสังคมเขาเห็นใจ เหตุการณ์มันก็เลยเกิดขึ้นแบบนี้”
“ชัย - โสภณ วงศ์สวัสดิ์” พนักงานขับรถบรรทุกวัย 47 ปี ระบายความอัดอั้นตันใจผ่านทีมข่าว MGR Live หลังจากที่เขาตกเป็นผู้ต้องหาในเหตุการณ์ที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจค้นภายในรถบรรทุก 10 ล้อ ขณะที่เขาเดินทางไปรับยางพาราจาก จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อไปส่ง อ.ปลวกแดง จ.ระยอง เมื่อมาถึงด่าน สภ.สามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ ก็มีเจ้าหน้าที่ประมาณ 3-4 นาย เรียกเข้าด่านเพื่อทำการตรวจค้น ก่อนที่เขาถูกกล่าวหาว่ามียาบ้าไว้ในครอบครอง 1 เม็ด เมื่อวันที่ 13 พ.ย.62 ที่ผ่านมา
เหตุการณ์ดังกล่าวนอกจากจะทำให้เขาถูกตั้งข้อหามียาเสพติดให้โทษร้ายแรงในครอบครองแล้ว ยังถูกคุมขังและต้องตกงานโดยที่ไม่ทันตั้งตัว แต่โชคยังดีที่โชเฟอร์ผู้นี้ฉุกคิดได้ว่า ภายในรถมีการติดตั้งกล้องไว้ ซึ่งเผยให้เห็นพฤติกรรมที่น่าสงสัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นายที่ผลัดเปลี่ยนกันขึ้นมาตรวจค้น ก่อนจะเรียกตนมาดูว่าพบยาเสพติด 1 เม็ดอยู่บนรถบริเวณช่องวางของระหว่างเบาะคนขับ แต่เมื่อเขาถูกตรวจปัสสาวะก็ไม่พบสารเสพติดแต่อย่างใด
เขามั่นใจในความบริสุทธิ์ของตนเอง จึงตัดสินใจนำคลิปจากกล้องในรถมาให้ลูกสาวโพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก “Nalinee Vongsavas” ทันทีที่คลิปเหตุการณ์ถูกส่งต่อโลกโซเชียลฯ ก็นำมาซึ่งคำถามมากมายไปถึงเจ้าหน้าที่ผู้ทำการตรวจค้นรถในวันนั้น ว่า พฤติกรรมลักษณะนี้เป็นการยัดยาเสพติดใส่ประชาชนหรือไม่?!
“ความรู้สึกโอ้โห... ก็คือมึนงงมากครับ มันทำอะไรไม่ถูกเพราะไม่เคยโดน รถคันนี้เป็นรถของบริษัทแต่เป็นรถเฉพาะคนขับ ไม่มีการเปลี่ยนคนขับ ทุกครั้งที่ผมขับรถออกไปหรือว่าลงจากรถ ผมก็จะล็อกประตูให้เรียบร้อย ไม่มีใครสามารถขึ้นไปได้ ผมก็เลยสงสัยว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สภ.สามร้อยยอด ขึ้นไปค้นรถผมแล้วเจอยาบ้าได้ยังไง นี่คือประเด็น
จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ทำการควบคุมตัวผมไป ณ ห้องบันทึกการจับกุม ก็ได้แจ้งข้อหามียาเสพติดให้โทษร้ายแรงในครอบครองก็คือยาบ้า 1 เม็ด ถูกขังอยู่ 1 วันกับ 1 คืน วันที่ 14 ก็ทำเรื่องส่งฝากขังที่ศาล ผมเป็นคนยากคนจน ไม่มีเก็บ มีใช้ไปวันๆ แฟนก็เลยยืมน้องสาวของผมเอามาประกันตัวผมครับ เป็นจำนวนเงิน 10,000 บาท พอประกันตัวออกมาก็กลับมาบ้านพักผ่อนเพราะมันมึนอื้อไปหมด ก็เลยตั้งสติแล้วค่อยลุยต่อว่าจะทำยังไงดี
มันเป็นความผิดร้ายแรง เป็นกฎระเบียบข้อแรกเลยถ้าหากว่าใครมีคดียาเสพติด ก็จะต้องให้พ้นจากการเป็นพนักงาน ผมก็เลยเข้าไปที่บริษัท ตอนนั้นก็คือให้ผมพ้นจากสภาพการเป็นพนักงาน แต่ผมว่าผมไม่ผิด ผมต้องเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงของครอบครัว เป็นเสาหลักของครอบครัว ยังไงผมก็ต้องสู้ ผมพูดกับฝ่ายบุคคลว่าขอเมมโมรีการ์ดไปก๊อบปี้ได้มั้ย เพราะว่าน่าจะมีกล้องบันทึกไว้เป็นหลักฐาน เหตุการณ์มันก็เป็นตามนี้ครับ”
แต่เมื่อภายหลังจากที่คลิปถูกส่งต่อกันไปกว่าหมื่นครั้ง และกลายเป็นประเด็นใหญ่ในสังคมแล้ว ในเวลาต่อมา ทางครอบครัววงศ์สวัสดิ์ก็ได้รับการติดต่อผ่านทางเฟซบุ๊กจาก สภ.สามร้อยยอด ให้ลบโพสต์ดังกล่าวออก โดยอ้างว่าการโพสต์นั้นเข้าข่ายหมิ่นประมาททางโฆษณา และจะขอใช้สิทธิดำเนินคดีทางกฎหมาย แต่พวกเขายืนยันที่จะไม่ลบ!
“เขาไม่ได้ติดต่อผมโดยตรง อันนี้ก็ไปที่ลูกสาวผม ก็เป็นลักษณะนั้นครับ”
เรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบแค่ตัวของชัย หากแต่ยังสร้างแรงกระเพื่อมไปถึงเพื่อนร่วมอาชีพคนขับรถบรรทุกคนอื่นๆ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ที่หลายคนเคยเผชิญเหตุการณ์ในลักษณะนี้ โดยจะมีการรวมตัวกันหน้า สภ.สามร้อยยอด ในวันที่ 26 พ.ย. เพื่อทวงถามข้อเท็จจริงและเรียกร้องความเป็นธรรมให้อีกหลายๆ คดีก่อนหน้านี้
“จริงๆ แล้ว คนขับรถบรรทุกชุดนั้นผมไม่เคยรู้จักเป็นการส่วนตัวมาก่อนนะครับ เขาก็ได้รับความเดือดร้อนคล้ายๆ ผม แต่เขาไม่มีหลักฐานเหมือนผม ดังนั้น ก็เลยจับกลุ่มของพวกเขาเองว่าจะมารวมตัวกันที่ สภ.สามร้อยยอด เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม เพื่อให้ทำการสอบสวน ตรงกันกับวันที่ผมจะต้องไปรายงานตัว
พนักงานขับรถที่ได้รับความเดือดร้อนก็จะมายื่นเรื่องร้องเรียน พร้อมนำหลักฐานบางส่วนมายื่น แต่ยืนยันว่าไม่มีการปิดถนนประท้วง ไม่มีการทำความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง แล้วก็ไม่สร้างความรุนแรงหรือกระทำการใดๆ ในทางผิดกฎหมาย ยืนยันครับ บางคนก็มาเป็นกำลังใจให้แก่เพื่อนในกลุ่มด้วยกัน แต่ถ้าเรื่องว่าผมรู้จักเป็นการส่วนตัวมาก่อน ผมไม่เคยรู้จักครับ แต่ได้คุยกันก็เพราะมีเหตุนี้เกิดขึ้น ก็เลยมีการติดต่อกันบ้าง”
วอนเปลี่ยนความคิด “ติดกล้องในรถ” ไม่ได้ละเมิดสิทธิ
“เรื่องถูกยัดยานี้ผมไม่เคยได้ยินจากปากของใครเป็นการส่วนตัวนะ แต่ผมแค่ดูในโลกโซเชียลฯ เท่านั้น ไม่ได้คอมเมนต์อะไร ก็ดูๆ เห็นเขาพูดกันมากมาย ไม่คิดว่าจะเป็นจริง ขนาดวันที่เจอผมงงตึ้บไปเลย (หัวเราะ) จริงๆ แล้วผมว่านะ พนักงานขับรถบรรทุกเราต้องสร้างภาพลักษณ์ที่ดี ผู้ว่าจ้างเขาจะได้สบายใจ ผมอยากให้ทุกคนปลอดจากสารเสพติดให้โทษร้ายแรง ตัดขาดจากสิ่งนี้เด็ดขาด ภาพลักษณ์ของรถบรรทุกก็จะได้ไม่เสื่อมเสีย”
โชเฟอร์วัย 47 ปี ได้แสดงความคิดเห็นถึงประเด็นที่บางคนในสังคมมองภาพลักษณ์ของคนขับรถบรรทุก ว่าเป็นผู้ใช้สารเสพติดเพื่อให้มีเรี่ยวแรงในการขับรถทางไกล ซึ่งก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า มีบางส่วนที่เป็นเช่นนั้นจริงตามที่ปรากฏบนข่าว แต่สำหรับตัวเขานั้น เลือกที่จะเป็นคนขับรถที่ดี และปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด เพื่อที่จะมีงานมีเงินมาจุนเจือครอบครัวในฐานะเสาหลัก
“กับบริษัทนี้ผมขับมา 4 ปีแล้วครับ เข้มงวดครับ พนักงานจะถูกตรวจปัสสาวะทุกไตรมาส มีตรวจประจำแล้วก็สุ่มตรวจไม่ตรงกัน ตามแต่ละวันของเจ้าหน้าที่ฝ่าย จป.วิชาชีพ การเตรียมตัวก่อนขับ พูดง่ายๆ ต้องเช็กระบบไฟทุกดวง ระบบไฟทั้งหมด เช็กระบบเบรก เช็กน้ำมัน ทุกสิ่งทุกอย่าง
เช็กเบื้องต้นของรถก็ต้องครบถ้วนสมบูรณ์ ภายในรถอะไรมีสิ่งแปลกปลอมที่ไม่ใช่ของตัวเอง เราก็จะเช็กหมด จริงๆ แล้วก็คือรถทุกคันเป็นรถประจำ เป็นรถบริษัทก็จริง แต่ว่าเป็นรถประจำตัว จะไม่มีใครขึ้นไปขับแทนได้ เวลาไปขับรถถ้าพูดถึงก็โดนเรียกไม่บ่อยมากครับ เป็นบางครั้ง แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ส่วนการติดกล้องในรถ ไม่ได้เป็นนโยบายของบริษัทหรอกครับ มันเป็นนโยบายของบริษัทคู่ค้า ถ้าหากว่าไม่ติดกล้องวงจรปิดภายในรถ บริษัทคู่ค้าก็อาจจะไม่ว่าจ้าง เพราะว่าเขาต้องการควบคุมความประพฤติของพนักงานขับรถบรรทุกสินค้าของเขาว่าในขณะเกิดเหตุพนักงานง่วงรึเปล่า ขณะเกิดเหตุเมารึเปล่า อะไรแบบนี้ครับ ก็ต้องรับนโยบาย ถ้าไม่รับนโยบายเขาก็ไม่ว่าจ้าง พวกผมก็ไม่มีงานวิ่งครับ”
สุดท้าย คนขับรถบรรทุกผู้ตกเป็นข่าว ได้ใช้โอกาสนี้ฝากไปถึงเพื่อนร่วมอาชีพถึงการติดกล้องภายในรถว่าสำคัญเพียงใด และฝากถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ปฏิบัติงานด้วยความยุติธรรม โปร่งใส ซึ่งเขาได้ยืนยันกับทีมข่าวด้วยเสียงหนักแน่นอีกครั้งว่า ตนเองเป็นผู้บริสุทธิ์
“ก็อยากฝากถึงสังคมว่า อย่าตั้งแง่กับเจ้าหน้าที่พนักงานตำรวจ มองไปในภาพลักษณ์ที่ไม่ดี เพราะว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายๆ ท่าน แล้วที่ผมได้เจอมาก็มากมายก็เป็นคนดี ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ดีๆ ก็มีเยอะครับ แต่ส่วนน้อยที่เป็นแบบนี้ แล้วก็ฝากถึงเจ้าหน้าที่ว่าการปฏิบัติหน้าที่ก็ขอให้โปร่งใสกันสักหน่อย เพราะว่าตอนนี้สังคมก็จะมองว่าภาพลักษณ์ของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์เสื่อมลงไปมากครับ
และผมเองก็อยากให้เพื่อนๆ พนักงานขับรถบรรทุกด้วยกัน ถ้าหากว่าท่านติดกล้องไว้ข้างในเก๋งด้วยก็ยิ่งดี อย่าคิดว่าเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล เพราะว่าบางสิ่งบางอย่างมันอาจจะเกิดขึ้นในขณะที่เราไม่ได้ระมัดระวัง เนี่ยแหละครับคือมุมมองของผม
ส่วนคดีก็แล้วแต่ตามกระบวนการสอบสวนครับ ผมไม่ก้าวก่ายแล้วกัน กังวลมันเป็นเรื่องธรรมดาแหละครับ ผมยืนยันครับ ผมต้องการเรียกร้องความเป็นธรรม ต้องการคืนความบริสุทธิ์ให้แก่ตนเอง เพราะว่าถ้าผมยังประกอบอาชีพขับรถ ผมก็ไม่สามารถที่จะไปต่อใบขับขี่ประเภทสาธารณะได้ ถ้าหากว่ามีคดียาเสพติดไว้ในครองครอบแบบนี้ มันเป็นความผิดที่ร้ายแรง แล้วอีกอย่างหนึ่งก็คือบริษัทอื่นๆ เมื่อเจอประวัติผมว่าเป็นแบบนี้ เขาก็คงจะไม่รับผมเข้าทำงาน ฉะนั้นผมขอคืนความบริสุทธิ์ของผมครับ”
ขณะที่ทาง สภ.สามร้อยยอด ได้ออกมาชี้แจงเบื้องต้นผ่านเฟซบุ๊ก “สภ.สามร้อยยอด ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์” ว่า ในขั้นตอนการตรวจค้นนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งโชเฟอร์คนดังกล่าวได้แจ้งให้ทราบด้วยแล้วว่าภายในรถยนต์บรรทุกมีกล้องวงจรปิดบันทึกภาพเหตุการณ์เอาไว้ โดยตลอดขณะทำการตรวจค้น สามารถยืนยันได้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจมิได้มีการกระทำการใดๆ อันเป็นการกระทำทุจริตตามที่กล่าวหาแต่อย่างใด
และขณะนี้อยู่ระหว่างการทำสำนวนรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีในชั้นศาลต่อไป พร้อมยืนยันว่า ตำรวจสภ.สามร้อยยอด ไม่ได้ยัดยาตามที่กล่าวอ้างหรือที่เป็นข่าวแต่อย่างใด ส่วนกรณีที่การโพสต์คลิปวิดีโอของลูกสาวคนขับ 10 ล้อรายนี้ ที่กล่าวหาเจ้าหน้าที่ตำรวจมีข้อความที่เป็นการหมิ่นประมาท ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สามร้อยยอด ได้รวบรวมพยานหลักฐานในการดำเนินคดีในความผิดฐานหมิ่นประมาทต่อไป
ข่าวโดย : ทีมข่าว MGR Live
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **