“การเรียนต้องมาก่อนค่ะ” เปิดใจ “เนสตี้” บิวตี้บล็อกเกอร์เด็กชื่อดังวัย 13 ปี ที่ควรค่าแก่การเอาเป็นแบบอย่าง ขยัน ตั้งใจเรียน มีความรับผิดชอบ ประสบความสำเร็จโกอินเตอร์ สร้างบ้าน สร้างฟาร์มวัว ซื้อรถ ซื้อที่ดินให้พ่อแม่ด้วยตัวเอง!
ไอดอลยุคใหม่ไม่ทิ้งเรื่องการเรียน
“การทำงานเป็นอีกอย่างที่จะช่วยพ่อแม่ได้ แต่หนูคิดว่าอีกอย่างหนึ่งที่สำคัญก็คือการเรียน เพราะการเรียนเป็นสิ่งที่ตายไปมันก็อยู่กับเราตลอด ความรู้จะอยู่กับเราตลอดชีวิตค่ะ”
เนสตี้ สไปร์ทซี่ หรือ ด.ช.นิติพงศ์ รักตน บิวตี้บล็อกเกอร์เด็กชื่อดังวัย 13 ปี เจ้าของวลียอดฮิต “หรูหราหมาเห่า” เปิดใจกับทีมข่าว MGR Live หลังได้รับเสียงชื่นชมว่าเป็นแบบอย่างที่ดีทั้งเรื่องขยันทำงานทั้งเป็นเด็กเรียนดีอีกด้วย เมื่อเจ้าตัวได้โพสต์ภาพผลเกรดเฉลี่ยตัวเองผ่านเฟซบุ๊ก “เนสตี้ สไปร์ทซี่” ที่แสดงให้เห็นเกรดเฉลี่ย GPA 3.35 พร้อมข้อความที่ว่า "ไม่ได้แย่นะ สำหรับปีแรกในการย้ายอยู่ห้อง MEP"
สำหรับห้องเรียน MEP มีชื่อเต็มมาจาก Mini English Program เป็นห้องเรียนที่เน้นการเรียนการสอนด้วยภาษาอังกฤษเหมือนกับห้องเรียน EP (English Program) เพียงแต่ความเข้มข้นจะน้อยกว่า อาจจะมีหลายวิชาที่เรียนเป็นภาษาไทย
“ห้องนี้สอนโดยใช้ภาษาอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็นวิชาสุขศึกษา คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ แล้วก็อังกฤษก็จะเน้นเป็นห้องศิลป์ภาษาค่ะ
ที่คนชื่นชมมาก็ดีใจแบบบอกไม่ถูกค่ะ เหมือนหนูทำเกรดได้โอเค แล้วคือหนูโยงว่าหนูย้ายเข้ามาอยู่ห้อง MEP ใช่ไหมคะ ก็ดีใจที่มีคนชมว่าเก่งแล้ว หนูก็ดีใจนิดหน่อยค่ะ”
เรียกได้ว่าเป็นเน็ตไอดอลที่ให้ความสำคัญกับการเรียนมากๆ ถึงจะมีชื่อเสียง มีงานมากแค่ไหน แต่การเรียนต้องมาก่อนเสมอ
“การเรียนต้องมาก่อนค่ะ แม่จะเป็นคนรับงานให้หนู วันไหนที่หนูไม่ว่างต้องไปเรียนแม่ก็จะไม่รับให้เลย งานที่เนสทำอยู่ไม่ใช่งานอดิเรก เป็นงานที่เวลาเราทำหลังจากเลิกเรียน เป็นงานที่เนสชอบ”
ส่วนเคล็ดลับที่ทำให้ทั้งเก่งของ ทั้งเรียนดีขนาดนี้ เน็ตไอดอลคนดังก็ได้เล่าว่า แม้จะเป็นเด็กวัย 13 ปี ทั้งทำงานและเรียนไปด้วยก็ต้องมีความรับผิดชอบ และต้องรู้จักจัดการกับเวลาให้ถูก
“ถ้าเรามีการจัดการเวลาก็ไม่ยากนะคะ เพราะว่าเนสก็แยกเวลาทำงานกับเวลาเรียนค่ะ เวลาเรียนก็จะเป็นจันทร์-ศุกร์
แล้วก็ทำงานเสาร์-อาทิตย์ หรือหลังจากเลิกเรียนพิเศษมาแล้วก็จะมาทำงาน ต้องมีการจัดการเวลา ซึ่งตอนนี้ก็เรียนอยู่ชั้น ม.2/1 โรงเรียนสตรีพังงาค่ะ”
ไม่ใช่แค่เรียนเก่งแค่นั้น เน็ตไอดอลคนดังยังเป็นเด็กกิจกรรมอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมอะไรที่ทางโรงเรียนจัดขึ้นก็พร้อมเข้าร่วมทุกกิจกรรม แถมยังเป็นคนแรกๆ ในการเข้าร่วมอีกด้วย
“อยู่โรงเรียนก็จะชอบทำกิจกรรม ถ้าเกิดว่ามีงานวันภาษาไทย วันวิทยาศาสตร์ก็จะไปเสนอก่อนเพื่อนเลยค่ะ ส่วนใหญ่เข้าแข่งขันก็ไม่ค่อยได้รางวัล ก็ตุ๊บตลอดค่ะ (หัวเราะ) ก็จะได้เป็นรางวัลกองเชียร์อะไรอย่างนี้ค่ะเพราะว่าเสียงดัง มีกิจกรรมอะไรหนูก็เข้าหมดเลยค่ะ”
ความเก่งครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทำให้พ่อกับแม่และตัวเองภูมิใจ ก่อนหน้านั้นก็คว้าเกรดเฉลี่ย 3.46 ที่สูงเป็นอันดับ 1 ของห้อง
“ตอน อยู่ ม.1 ค่ะ แล้วพอมาอยู่ ม.2 อย่างที่หนูบอกค่ะ ห้องนี้เป็นเด็กที่เขาจะแย่งกันได้เกรดว่าใครจะได้ที่ 1 แต่หนูเอาตามที่หนูโอเค แบบว่าถ้าหนูเรียนได้เท่านี้ ถ้าพยายามไปมากกว่านี้หนูก็กดดันตัวเอง หนูก็จะทำออกมาไม่ได้ดีค่ะ
หนูก็จะเรียนตามปกติ หนูจะไม่กดดันตัวเอง จะไม่พยายามไปสู้กับเพื่อน ได้เท่าไหนก็จะเอาเท่านั้น พ่อแม่ไม่เคยกดดัน บ้านหนูจะบอกว่าเรียนได้เกรดเท่าไหร่ก็ได้ แต่ขอให้เรียนจบ ไม่ต้องไปแข่งกับคนอื่น แข่งแค่กับตัวเองก็พอ
คุณพ่อคุณแม่ก็สอนมาดีค่ะ แม่ก็สอนมาตั้งแต่เด็กๆ เพราะว่าเรื่องเรียนจะเป็นอะไรก็ได้ เป็นคนดี ขอให้เรียนจบ จะเป็นแบบนี้มากกว่า ครอบครัวก็คอยซัพพอร์ตตลอด”
กตัญญูรู้คุณ ที่มาของความสำเร็จ
“ความกตัญญูก็สำคัญ เพราะพ่อแม่ก็เลี้ยงเรามาตั้งแต่เล็กๆ ท่าน 2 คนก็เสียเงินไปกับเราเยอะมาก เราก็อยากตอบแทนจากน้ำพักน้ำแรงที่เราหามาได้”
น้องเนสตี้ให้ความสำคัญกับความกตัญญูเป็นอย่างมาก แม้จะฮอตเป็นกระแสจนมีรายได้เข้ามาไม่ขาดสาย แต่เพราะคุณแม่สอนมาโดยตลอดว่าไม่ควรฟุ่มเฟือย เงินที่ได้ส่วนหนึ่งน้องเนสจึงเก็บเอาไว้ใช้กันในครอบครัว
[คุณแม่]
[คุณพ่อ]
จนกระทั่งมีโอกาสสร้างบ้านใหม่หลังโต มูลค่ากว่า 800,000 บาท เป็นการตอบแทนบุญคุณคุณพ่อคุณแม่ด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง
“คุณแม่ก็จะเป็นคนดูแลการเงินทุกอย่าง ตอนนี้ก็สร้างบ้าน 1 หลัง รีโนเวตบ้านหลังเก่า ซื้อรถ 1 คัน แล้วก็มีซื้อของใช้อื่นๆ ในบ้าน รายได้แต่ละเดือนมันบอกไม่ถูกค่ะว่าเท่าไหร่ อย่างที่หนูบอกคุณแม่เป็นคนเก็บเงิน กว่าจะได้บ้านหลังนี้ก็เก็บไม่นานค่ะ เก็บมาไม่ถึงปี สัก 5-6 เดือน
เริ่มมีคนรู้จักในวงการบันเทิงไม่ถึงครึ่งปี หนูก็สร้างบ้านหลังนี้ได้เลย พร้อมซื้อรถ รีโนเวทบ้านหลังใหม่ แล้วก็ซื้อที่ดินเก็บไว้ด้วย แล้วก็มีซื้อวัวมาเลี้ยง 30 ตัว สร้างโรงวัวด้วยค่ะ คือหนูสร้างเยอะมาก คือโรงวัวหนูทำถึง 400,000-500,000 บาท ทำเป็นฟาร์มเลยค่ะ”
ทุ่มเทให้ทั้งการเรียน การทำงานก็ไม่ทิ้ง กว่าบิวตี้บล็อกเกอร์เด็กชื่อดังวัย 13 ปี จะประสบความสำเร็จได้ขนาดนี้ ก็ต้องแลกมาด้วยความขยัน อดทน แม้จะเหนื่อยสายตัวแทบขาดแต่เพื่อครอบครัวก็พร้อมที่จะทำ
“ความรับผิดชอบก็ต้องเยอะ อย่างถ้าทำงานผิดนิดเดียวก็ต้องถ่ายใหม่หมดเลย กว่าจะได้ไปแต่ละคลิปก็เหนื่อยเหมือนกันค่ะ
สิ่งที่หนูทำสำเร็จได้จนถึงทุกวันนี้ มีบ้าน มีรถ อาจจะเป็นเพราะงานที่หนูชอบทำ แล้วทำเต็มที่กับเขา งานก็เลยออกมาดี ความสำเร็จมันก็เลยตามมา
งานที่รับส่วนใหญ่ที่รับก็จะเป็นรีวิวเครื่องสำอางค่ะ แต่ว่าไม่รับพวกกินแล้วขาว ทาแล้วขาวหนูไม่เอาเลยหนูกลัวมาก ตกลงกับที่บ้านเลยว่าไม่เอานะ”
ไม่เพียงเท่านี้เน็ตไอดอลคนดังยังเคยถูกเชิญจากแบรนด์เครื่องสำอางยี่ห้อดังเมืองไทย ให้โกอินเตอร์ไปเดินเฉิดฉายพรมแดงที่เมืองกวางโจว ประเทศจีน
“ไปจีนเมื่อปีที่แล้ว ปีนี้ก็ไปเดินแบบที่ลาวให้กับ Laos Super Model 2019 หนูไปเป็นตัวแทนของ Cathy Doll หนูเป็นพรีเซ็นเตอร์อยู่ค่ะ”
นอกจากนี้ น้องเนสตี้ยังมีความฝันที่ตั้งใจแน่แน่ไว้ 2 อย่าง ที่อยากจะทำให้สำเร็จ นั่นก็คือ การเป็นแอร์โฮสเตส และการลงประกวดมิสทิฟฟานี่
“ความฝันต่อไปจริงๆ หนูอยากเป็นแอร์โฮสเตส เพราะว่าหนูบินบ่อย บินเข้ากรุงเทพฯ ทุกอาทิตย์ จนหนูซึมซับ หนูจำจนพูดได้เหมือนแอร์โฮสเตสแล้วค่ะ
การประกวดมิสทิฟฟานี่ก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่อยากทำค่ะ อย่างที่หนูบอกค่ะถ้าหนูจะเป็นมิสทิฟฟานี่หนูก็ต้องตัด แอร์โฮสเตสเพราะหนูต้องบินทุกวันงานมันก็จะขัดแย้งกัน
ในใจตอนนี้หนูก็บอกไม่ถูกค่ะว่าอยากเป็นอะไรมากกว่ากัน ต้องโตกว่านี้ก่อน เพราะหนูยังตัดสินใจตอนนี้ยังไม่ได้ค่ะ”
ท้ายนี้เน็ตไอดอลคนดังยังฝากถึงคนที่ยึดตัวเองเป็นไอดอลหรือแรงบันดาลใจทั้งในเรื่องการเรียนและการทำงาน ขอให้ทำเต็มที่ในสิ่งที่ตัวเองรักแค่นั้นก็ถือว่าพอแล้ว
“ก็อยากให้พี่น้องๆ นะคะชอบที่ตัวเองเป็นยังไง ชอบทำอะไรก็ทำค่ะ ค้นคว้าหาตัวเองให้เจอ แล้วก็ทำสิ่งที่ตัวเองชอบทำให้เต็มที่ค่ะ”
ขอบคุณภาพ เฟซบุ๊ก : เนสตี้ สไปร์ทซี่
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **