กระโดดตัดหน้าคนเดินเท้า, แทรกตัวสไลด์ลงแนวบันไดเลื่อน, กระโจนขึ้นเหยียบหลังคารถกลางไฟแดง ฯลฯ กลุ่มเกรียน 4 นายลงมือก่อกวนคนเมือง เพื่อแลกกับความมันแนวไม่กลัวเจ็บตัว ไม่ห่วงเสี่ยงตาย สร้างสไตล์ “ฟรีรันนิ่งฉบับเกรียน” ประกาศลั่นอยากเป็น “แก๊งบ้า-จัญไรประจำประเทศไทย!!” เดือดร้อนถึงฝั่ง “กูรูฟรีรันนิ่ง” ตัวจริง ออกโรงเตือนสังคมแยกให้ออก อย่าเหมารวม “นักกีฬาสายเสี่ยง” ไปกับ “แก๊งกวนเมืองสุดยี้” ที่ป่วนจนไม่น่าให้อภัย
[คลิปเกรียน ต้นเหตุของการวิจารณ์อย่างหนักในสังคม]
ขุดวีรกรรม “2 แก๊งสุดเกรียน” ผสานพลังร่วมป่วนเมือง!!
[เมื่อ “แก๊งพาจิต (Phajit)” กับ “แก๊งโอสเลต (Oslate)” มาเจอกัน]
"เมื่อแก๊งเจ็บตัว กับแก๊งลั่นมาเจอกัน มันก็จะเป็น “แก๊งจัญไรของประเทศไทย” ไปเลย เราเป็นช่องแบบใหม่ สไตล์การเจ็บตัว คือเจ็บตัวแบบไม่มีเฟก ประเทศไทยยังไม่มีใครบ้าอย่างนี้!!”
นี่คือคำพูดที่เด็กหนุ่มแก๊ง “Oslate” ทั้ง 4 นาย ให้ไว้ผ่านคลิปวีรกรรมเกรียนของพวกเขา ที่ขณะนี้มีผู้ชมเพื่อเข้าไปด่าแล้วกว่า 1.2 ล้านวิว แชร์เพื่อกัดจิกอีกกว่า 7,000 ครั้ง จากพฤติกรรมสุดห่ามรบกวนสาธารณชน ด้วยการตั้งโจทย์สนองความอยากโชว์ระหว่างเพื่อนร่วมก๊วนเอาไว้ว่า "เมื่อความเกรียน เจอกับความเจ็บตัว จะเป็นยังไง เราจะเจ็บตัวหรือขาหักกันหรือเปล่า ลองไปดูหน่อย"
[กระโดดเอาหัวมุดโถส้วม]
กระโดดเอาหัวมุดโถส้วม, เด้งเป้าใส่ต้นไม้รูปกระต่ายกลางแยกไฟแดง, นอนเล่นบนบันไดเลื่อนกลางห้างฯ Terminal21, เล่นสไลเดอร์ตรงบันไดเลื่อนของรถไฟฟ้าใต้ดิน, วิ่งตัดทางคนเดิน กระโดดข้ามพุ่มไม้โชว์ทักษะสตันต์, กระโดดข้ามรั้วเหล็ก พุ่งกระโจนเข้าไปในพงหญ้า ท่ามกลางผู้คนพลุกพล่าน, กระโดดปีนขึ้นหลังคาทางเข้าอาคารรถไฟฟ้าใต้ดิน เพื่อโชว์ความเกรียน ฯลฯ
[ท่าพร้อมระวัง ก่อนวิ่งไปป่วนผู้คน สไลด์ลงมาบนบันไดเลื่อน]
ทั้งหมดคือ “วีรกรรมเกรียน” สุดหฤโหดหลากรูปแบบที่เกิดขึ้น เพื่อสนองความต้องการโชว์ของเด็กหนุ่มทั้ง 4 นาย และเพื่อบันทึกภาพเก็บเอาไปตัดคลิป เผยแพร่ในช่องทางออนไลน์ ซึ่งมีผู้คนจำนวนหนึ่งกดติดตามพวกเขาเอาไว้ โดยหนึ่งในพฤติกรรมที่ถูกวิจารณ์เละจนกลายเป็นประเด็นร้อนที่สุดก็คือ “การฟรีรันนิ่งบนหลังคารถ” ของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตนั่นเอง
[การฟรีรันนิ่งปลอมๆ บนหลังคารถของผู้อื่น โดยไม่ได้รับอนุญาต]
จากคลิปจะเห็นว่ามีผู้ชายคนหนึ่ง วิ่งเข้าไปหาคันรถบนท้องถนน แล้วกระโดดปีนเหยียบขึ้นหลังคา ทำแบบนี้ต่อเนื่องกันไปกับรถถึง 3 คัน ก่อกวนการจราจรกลางแยกอโศก ก่อนกระโจนลงมาจากหลังคา เหยียบลงบนพื้นถนน แล้วข้ามถนนช่วงไฟเขียวอย่างกะทันหัน จนเกือบถูกขบวนรถมอเตอร์ไซค์ชน
ทั้งหมดนี้คือวีรกรรมของหนึ่งในสมาชิกแก๊ง “Oslate” ซึ่งทราบชื่อภายหลังว่าคือ วันเฉลิม เปรมเกษม คนเดียวกับที่เป็นคนโพสต์คลิปผ่านเฟซบุ๊ก “Wanchalerm Permasem” จนกลายเป็นประเด็นเดือด และยังเป็นคนเดียวกันนี้เองที่ออกมาให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ “ล้อมวงข่าว” เอาไว้ ด้วยสีหน้าระรื่น คล้ายไม่รู้สึกสำนึกใดๆ โดยได้บอกเล่าที่มาที่ไปของการทำคลิปเอาไว้ว่า เพียงแค่ต้องการทำเพื่อคลายเครียดกับกลุ่มเพื่อนเท่านั้นเอง
[เด้งเป้าใส่ต้นไม้รูปกระต่ายกลางแยกไฟแดง]
"ทำเป็นงานอดิเรกครับ อยู่บ้านมันเครียดๆ เศร้าๆ เราก็เลยหาอะไรทำหน่อย คลายเครียด จุดประสงค์คืออยากให้ตำรวจวิ่งไล่ครับ (ยิ้ม) ไม่กลัวเลย เหมือนเราวิ่งสตันต์ สนุกดี ทำคลายเครียดกับเพื่อนกันสมัยเรียน 4 คน แค่เล่นสนุกครับ พอมีอารมณ์อยากสนุกก็ชวนกันไป... ก็มีขอโทษนิดหน่อยครับในเฟซบุ๊ก"
ถึงแม้ทางวันเฉลิมจะให้สัมภาษณ์พร้อมรอยยิ้มเอาไว้ว่า เป็นคลิปแรกที่ทำวีรกรรม “ฟรีรันนิ่งฉบับเกรียน” ฝากเอาไว้แบบนั้น แต่เมื่อลองย้อนกลับไปดูหลายๆ คลิปบนช่อง "PHAJIT พาจิต" บน youtube จะเห็นว่า ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาและผองเพื่อนหน้าเดิมๆ ก๊วนนี้ เล่นแผลงๆ ทำตัวป่วนเมือง แต่เกิดขึ้นมาหลายต่อหลายคลิปแล้ว เพื่อตอบโจทย์นิยามช่องที่ได้ตั้งเอาไว้
[นอนเล่นบนบันไดเลื่อนกลางห้างฯ Terminal21]
"ทำอะไรก็ได้ที่คนดีๆ เขาไม่คิดจะทำกัน นิยามช่อง ถ้าคุณเป็นอีกคนที่ชอบ ความเกรียน บ้า เรื่องกล้าแสดงออกจิตๆ ติดตามช่องเราไว้สิครับ มันจะมีให้คุณดูทุกสัปดาห์"
[กระโดดข้ามรั้วเหล็ก พุ่งกระโจนเข้าไปในพงหญ้า ท่ามกลางผู้คนพลุกพล่าน]
เมื่อลองตามไปขุดวีรกรรมที่ก๊วนกวนเมืองกลุ่มนี้เคยทำผ่านคลิปบนโลกออนไลน์ จะพบว่าเกิดขึ้นจากการร่วมป่วนด้วยกัน ระหว่าง 2 แก๊งหลักๆ อย่างสม่ำเสมอคือ “แก๊งพาจิต (Phajit)” กับ “แก๊งโอสเลต (Oslate)” ตรงกับคำพูดที่สมาชิกได้ให้ไว้ในคลิปว่า ทั้ง 2 แก๊งได้เจอกันบ่อยๆ จึงถือเป็นช่องลูกพี่ลูกน้องกันเลยทีเดียว
[วิ่งตัดทางคนเดิน กระโดดข้ามพุ่มไม้โชว์ทักษะสตันต์]
ที่น่าสนใจคือ ล่าสุด ณัฐดนัย สถิตรชานนท์ หนึ่งในสมาชิกกลุ่ม Oslate ถึงกับทนพฤติกรรมความเกรียนของเพื่อนๆ ไม่ไหว ขอออกมาประกาศลาออกจากแก๊ง เพราะจุดยืนขัดแย้งกัน จากเดิมทีเคยคุยกันไว้ว่า จะสร้างคลิปฮาๆ เพื่อให้เกิดรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของผู้คน แต่กลับกลายเป็นสร้างความรู้สึกยี้อย่างในตอนนี้แทน
[ยังมีวีรกรรมอีกหลากหลายรูปแบบ ที่ทั้ง 2 แก๊ง สลับกันสร้างเอาไว้]
“ก่อนหน้านี้ก็สร้างขึ้นมาเพื่อเล่นสนุกกันครับ เพื่อสร้างรอยยิ้ม สร้างเสียงหัวเราะ แต่คุยกันไว้ว่าเราจะไม่เล่นที่อันตราย หรือทำให้คนอื่นเสียหาย แต่พอผมมาเห็นคลิปนี้ก็รู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่งครับ ก็บอกเขาว่ามันไม่เหมาะสมนะ ไม่ดีนะ อย่าไปทำ แล้วถ้าเกิดเจ้าทุกข์เขามาร้องเรียน จะเสียหาย แต่ว่าเขาก็ไม่สำนึกครับ คนที่ไม่สำนึกคือคนที่ปีนรถ ส่วนคนที่สำนึกก็คือเจ้าของรายการ”
“ฟรีรันนิ่งฉบับเกรียน” ทำลายภาพ “คนวงการตัวจริง”
[กระโดดปีนเหยียบขึ้นหลังคา ทำแบบนี้ต่อเนื่องกันไปกับรถถึง 3 คัน]
“ถึงแม้ว่า “ฟรีรันนิ่ง” จะทำมาเพื่อโชว์ performance และอาจจะแฝงไปด้วยทักษะเสี่ยงๆ แต่มันก็ไม่เคยถูกนำมาเป็นเครื่องมือในการระราน หรือทำให้คนอื่นเดือดร้อนอยู่ดี ถ้าทำแล้วสร้างความเสียหายให้แก่ทรัพย์สิน, บุคคล และสถานที่ ยังไงผมก็มองว่ามันไม่ใช่กีฬาประเภทไหนเลย แต่แค่คนกลุ่มนึงที่ “สร้างปัญหาให้คนอื่น” แค่นั้นเลยครับ ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่านั้น มันคือ “การเล่นแผลงๆ” ของเด็กกลุ่มนึงเท่านั้นเอง”
[การฟรีรันนิ่งปลอมๆ บนหลังคารถของผู้อื่น โดยไม่ได้รับอนุญาต]
ซุ้ง-สุวิโรจน์ ลีลาประชากุล ผู้ร่วมก่อตั้ง "The Movement Playground" โรงเรียนสอนพาคัวร์ (หลักสูตรฝึกการเคลื่อนไหว เป็นกีฬาสายเดียวกับฟรีรันนิ่ง) และยิมด่านอุปสรรคแห่งแรกแห่งเดียวในประเทศไทย ช่วยวิเคราะห์พฤติกรรมของกลุ่มเกรียนที่เกิดขึ้นในคลิป ตามคำขอของทางทีมข่าว ผู้จัดการ Live ผ่านปลายสาย
ย้ำชัดว่าถึงแม้ก๊วนป่วนจะอ้างว่าตัวเองเล่น “ฟรีรันนิ่ง” กระโดดข้ามสิ่งกีดขวาง กระโจนขึ้นหลังคารถ อย่างที่หลายๆ คนเห็นในคลิปก็ตาม แต่แท้จริงแล้ว กลับเป็นได้แค่ “ฟรีรันนิ่งจอมปลอม” ที่สร้างภาพลบให้แก่คนวงการตัวจริงเท่านั้นเอง
[ก่อนกระโจนลงมาจากหลังคารถ ข้ามถนนช่วงไฟเขียวอย่างกะทันหัน จนเกือบถูกขบวนรถมอเตอร์ไซค์ชน]
“ถ้าให้พิจารณาจากท่าทางและการกระโดดในคลิปแล้ว ดูออกเลยว่าเป็นการปีนและกระโดดของคนที่ไม่ได้เล่นกีฬา หรือไม่ได้เป็นนักกีฬาจริงๆ ไม่ว่าจะเรื่องความแข็งแรง, ท่าทางพื้นฐาน, การวางมือ-วางเท้า ฯลฯ ไม่ได้เกี่ยวข้องหรือใกล้เคียงกับคนที่เล่นกีฬาประเภทนี้เลยแม้แต่นิดเดียว อย่างจังหวะที่จะกระโดดขึ้น ถ้าเป็นนักกีฬา อย่างน้อยๆ ก็จะต้องสามารถที่จะก้าวขึ้นและลงได้อย่างมั่นใจ ต้องเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่ว ฉับไว และมีประสิทธิภาพ
ถามว่าผลของการเคลื่อนไหว ของคนที่ไม่ได้เป็นนักกีฬาจริงๆ จะสร้างความเสียหายให้แก่ทรัพย์สินต่างๆ ได้มากกว่าคนที่เล่นเป็นจริงๆ ไหม อันนี้อาจจะต้องพิจารณากันจากลักษณะของพื้นรองเท้า, น้ำหนักการเหยียบ, การไถล-การครูด ฯลฯ หลายองค์ประกอบครับ แต่ผมมองว่าคนที่เป็นนักกีฬาน่าจะมีความสามารถในการเซฟทรัพย์สินได้มากกว่า เพราะรู้หลักในการวางน้ำหนักว่า จะต้องผ่อนแรงหรือออกแรงในจุดไหน
[กระโดดปีนขึ้นหลังคาทางเข้าอาคารรถไฟฟ้าใต้ดิน เพื่อโชว์ความเกรียน]
ส่วนเรื่องความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นกับกลุ่มออกมาทำอะไรแผลงๆ ครั้งนี้ ถ้าดูจากในคลิปก็ถือว่ามีท่าที่จะทำให้เสี่ยงอันตรายได้มากมาย เช่น ท่าเอาหัวในส้วมก็อันตรายมาก เป็นท่าที่ไม่ควรทำ ไม่ว่าจะเป็นนักกีฬาหรือไม่ใช่ หรือท่าการปีนขึ้นสิ่งของต่างๆ ก็อันตรายอยู่แล้วครับ ถ้าไม่ใช่คนที่เคยเรียนการเคลื่อนไหวที่ถูกต้องมา”
จุดที่สำคัญที่สุด ยิ่งไปกว่าการใช้ท่วงท่าที่ถูกต้องของคนที่ได้เรียนหลักสูตรการเคลื่อนไหวร่างกายมา ก็คือเรื่อง “จิตสำนึกของผู้เล่น” ที่จะต้องเคารพสิทธิส่วนบุคคล และสิทธิส่วนรวมในสถานที่สาธารณะด้วย “สิ่งที่จะเน้นย้ำตลอด ไม่ใช่แค่เพื่อพัฒนาความสามารถทางด้านร่างกายอย่างเดียว แต่จะครอบคลุมไปถึงการพัฒนาความสามารถทางด้านจิตใจด้วย คืออย่างน้อยๆ ต้องเคารพตัวเองและเคารพผู้อื่น”
[เล่นสไลเดอร์ตรงบันไดเลื่อนของรถไฟฟ้าใต้ดิน]
“พฤติกรรมที่มีอยู่ในคลิปของคนกลุ่มนั้น ยังไงก็ไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็น “ฟรีรินนิ่ง” อยู่ดีครับ ถ้าให้เทียบง่ายๆ กับการเล่น “ฟุตบอล” ถ้ามีเด็กคนนึงเขาเตะฟุตบอลในสนาม และเล่นฟุตบอลตามกติกาที่กำหนด มันก็เรียกได้ว่าเป็นฟุตบอล แต่ถ้าเขาเอาลูกฟุตบอลมาเตะอัดใส่ซุ้มที่ตั้งอยู่กลางถนน เตะใส่คนขายของ มันก็คงเรียกว่าเป็นการเล่นฟุตบอลไม่ได้แล้ว แต่แค่เป็นการเอาอุปกรณ์ 1 ชิ้นที่เรียกว่าฟุตบอล มาใช้เตะแค่นั้นเอง
และไม่ว่าเขาจะเตะด้วยท่าทางที่เหมือนหรือไม่เหมือนนักกีฬาฟุตบอลก็แล้วแต่ แต่สุดท้ายแล้ว พฤติกรรมการเล่นและการแสดงออกของเขา มันก็ไม่ใช่กีฬาที่เรียกได้ว่าเป็น “ฟุตบอล” อยู่ดี เพราะฉะนั้น ถ้าอ้างว่าเล่นกีฬาชนิดหนึ่ง แล้วสร้างความระรานให้แก่คนอื่นๆ ผมก็มองว่ามันไม่ใช่การเล่นกีฬา ก็ต้องดูที่บริบท ดูที่เจตนาหลักของคนทำด้วย
ผมมองว่าในทุกสังคมมีทั้งกลุ่มที่ดีและไม่ดี แต่ในฐานะที่ผมทำเรื่องกีฬาพาคัวร์ ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับฟรีรันนิ่ง ก็เห็นว่าถ้าเป็นคนที่อยู่ฝั่งนักกีฬาจริงๆ ผมว่าทุกคนเขาเคารพกฎกติกา จะไม่มีการไปดูถูกคนอื่น หรือการพยายาม show off ว่าเราเก่ง เพราะคนที่อยู่สายกีฬาจะค่อนข้างถ่อมตัว จะรู้ว่าเมื่อไหร่ที่ควรโชว์ เพราะเราต้องการเป็นตัวอย่างที่ดี ทั้งในด้านการพัฒนาร่างกายและจิตใจไปพร้อมๆ กัน แน่นอนว่าจะไม่มีใครอยากไประรานหรือรบกวนคนอื่นอยู่แล้วครับ
สำหรับคนที่อาจจะมองคนเล่นพาคัวร์หรือฟรีรันนิ่ง ไปในเชิงลบๆ ไปแล้ว จากคลิปของกลุ่มนี้ออกมาครั้งนี้ ผมก็คงได้แค่หวังว่าทุกคนจะเข้าใจ ส่วนคนที่สนใจจะทำอะไรแบบนี้ อย่างแรกเลยคืออยากให้แยกให้ออกว่า เราอยากเป็นนักกีฬาเพื่อพัฒนาตัวเอง และช่วยเหลือผู้อื่นหรือเปล่า ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้น เราก็ต้องมีจิตสำนึกที่ดี และส่งต่อความคิดดีๆ รอบๆ ตัวได้ ไม่ว่าจะเป็นเด็กที่ไม่มั่นใจในตัวเอง ไม่มีความสุขกับการออกกำลังกาย กีฬาจะช่วยได้แน่นอน ถ้าเล่นให้ถูกที่ ถูกทาง ถูกเวลา
ส่วนกลุ่มที่เล่นแผลงๆ ก็ขอฝากเรื่องความปลอดภัยส่วนบุคคล ทั้งตัวคนที่เล่นเอง และคนที่อยู่รอบตัว ขอให้มีจิตสำนึกที่ดีต่อกัน ผมเชื่อว่าคนเราจะมีภาพคำว่า “จิตสำนึก” ที่ชัดเจนไปในทิศทางเดียวกันว่าควรจะเป็นแบบไหน ก็อยากให้ทุกคนยึดเอาไว้ว่า เราอยู่ในสังคมเดียวกัน ก็ต้องมีกฎกติกา ดังนั้น สิ่งไหนที่ตอบตัวเองได้ว่าไม่ดี ก็อย่าทำเลย”
[อีกหลากวีรกรรม ในช่อง "PHAJIT พาจิต" บน youtube นำเสนอเอาไว้]
[โฉมหน้าของ ผู้สร้างคลิปป่วนทั้ง 4 นาย]
[คลิปเกรียน ต้นเหตุของการวิจารณ์อย่างหนักในสังคม]
[ตัวอย่าง "ฟรีรันนิ่ง" และ "พาคัวร์" ในต่างประเทศ ส่วนใหญ่จะพยายามเล่นในที่ที่ไม่รบกวนสาธารณชน หรือพื้นที่โล่งเท่านั้น]
ข่าวโดย ผู้จัดการ Live
เกรียนอันตรายสไตล์เจ็บตัว!! “ฟรีรันนิ่งจอมปลอม” กระโดดเหยียบรถ-สไลด์บันไดเลื่อน-เล่นป่วนจนคนต้องยี้ [มีคลิป]
กระโดดตัดหน้าคนเดินเท้า, แทรกตัวสไลด์ลงแนวบันไดเลื่อน, กระโจนขึ้นเหยียบหลังคารถกลางไฟแดง ฯลฯ กลุ่มเกรียน 4 นายลงมือก่อกวนคนเมือง เพื่อแลกกับความมันแนวไม่กลัวเจ็บตัว ไม่ห่วงเสี่ยงตาย สร้างสไตล์ “ฟรีรันนิ่งฉบับเกรียน” ประกาศลั่นอยากเป็น “แก๊งบ้า-จัญไรประจำประเทศไทย!!” เดือดร้อนถึงฝั่ง “กูรูฟรีรันนิ่ง” ตัวจริง ออกโรงเตือนสังคมแยกให้ออก อย่าเหมารวม “นักกีฬาสายเสี่ยง” ไปกับ “แก๊งกวนเมืองสุดยี้” ที่ป่วนจนไม่น่าให้อภัย
ขุดวีรกรรม “2 แก๊งสุดเกรียน” ผสานพลังร่วมป่วนเมือง!!
"เมื่อแก๊งเจ็บตัว กับแก๊งลั่นมาเจอกัน มันก็จะเป็น “แก๊งจัญไรของประเทศไทย” ไปเลย เราเป็นช่องแบบใหม่ สไตล์การเจ็บตัว คือเจ็บตัวแบบไม่มีเฟก ประเทศไทยยังไม่มีใครบ้าอย่างนี้!!”
นี่คือคำพูดที่เด็กหนุ่มแก๊ง “Oslate” ทั้ง 4 นาย ให้ไว้ผ่านคลิปวีรกรรมเกรียนของพวกเขา ที่ขณะนี้มีผู้ชมเพื่อเข้าไปด่าแล้วกว่า 1.2 ล้านวิว แชร์เพื่อกัดจิกอีกกว่า 7,000 ครั้ง จากพฤติกรรมสุดห่ามรบกวนสาธารณชน ด้วยการตั้งโจทย์สนองความอยากโชว์ระหว่างเพื่อนร่วมก๊วนเอาไว้ว่า "เมื่อความเกรียน เจอกับความเจ็บตัว จะเป็นยังไง เราจะเจ็บตัวหรือขาหักกันหรือเปล่า ลองไปดูหน่อย"
กระโดดเอาหัวมุดโถส้วม, เด้งเป้าใส่ต้นไม้รูปกระต่ายกลางแยกไฟแดง, นอนเล่นบนบันไดเลื่อนกลางห้างฯ Terminal21, เล่นสไลเดอร์ตรงบันไดเลื่อนของรถไฟฟ้าใต้ดิน, วิ่งตัดทางคนเดิน กระโดดข้ามพุ่มไม้โชว์ทักษะสตันต์, กระโดดข้ามรั้วเหล็ก พุ่งกระโจนเข้าไปในพงหญ้า ท่ามกลางผู้คนพลุกพล่าน, กระโดดปีนขึ้นหลังคาทางเข้าอาคารรถไฟฟ้าใต้ดิน เพื่อโชว์ความเกรียน ฯลฯ
ทั้งหมดคือ “วีรกรรมเกรียน” สุดหฤโหดหลากรูปแบบที่เกิดขึ้น เพื่อสนองความต้องการโชว์ของเด็กหนุ่มทั้ง 4 นาย และเพื่อบันทึกภาพเก็บเอาไปตัดคลิป เผยแพร่ในช่องทางออนไลน์ ซึ่งมีผู้คนจำนวนหนึ่งกดติดตามพวกเขาเอาไว้ โดยหนึ่งในพฤติกรรมที่ถูกวิจารณ์เละจนกลายเป็นประเด็นร้อนที่สุดก็คือ “การฟรีรันนิ่งบนหลังคารถ” ของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตนั่นเอง
จากคลิปจะเห็นว่ามีผู้ชายคนหนึ่ง วิ่งเข้าไปหาคันรถบนท้องถนน แล้วกระโดดปีนเหยียบขึ้นหลังคา ทำแบบนี้ต่อเนื่องกันไปกับรถถึง 3 คัน ก่อกวนการจราจรกลางแยกอโศก ก่อนกระโจนลงมาจากหลังคา เหยียบลงบนพื้นถนน แล้วข้ามถนนช่วงไฟเขียวอย่างกะทันหัน จนเกือบถูกขบวนรถมอเตอร์ไซค์ชน
ทั้งหมดนี้คือวีรกรรมของหนึ่งในสมาชิกแก๊ง “Oslate” ซึ่งทราบชื่อภายหลังว่าคือ วันเฉลิม เปรมเกษม คนเดียวกับที่เป็นคนโพสต์คลิปผ่านเฟซบุ๊ก “Wanchalerm Permasem” จนกลายเป็นประเด็นเดือด และยังเป็นคนเดียวกันนี้เองที่ออกมาให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ “ล้อมวงข่าว” เอาไว้ ด้วยสีหน้าระรื่น คล้ายไม่รู้สึกสำนึกใดๆ โดยได้บอกเล่าที่มาที่ไปของการทำคลิปเอาไว้ว่า เพียงแค่ต้องการทำเพื่อคลายเครียดกับกลุ่มเพื่อนเท่านั้นเอง
"ทำเป็นงานอดิเรกครับ อยู่บ้านมันเครียดๆ เศร้าๆ เราก็เลยหาอะไรทำหน่อย คลายเครียด จุดประสงค์คืออยากให้ตำรวจวิ่งไล่ครับ (ยิ้ม) ไม่กลัวเลย เหมือนเราวิ่งสตันต์ สนุกดี ทำคลายเครียดกับเพื่อนกันสมัยเรียน 4 คน แค่เล่นสนุกครับ พอมีอารมณ์อยากสนุกก็ชวนกันไป... ก็มีขอโทษนิดหน่อยครับในเฟซบุ๊ก"
ถึงแม้ทางวันเฉลิมจะให้สัมภาษณ์พร้อมรอยยิ้มเอาไว้ว่า เป็นคลิปแรกที่ทำวีรกรรม “ฟรีรันนิ่งฉบับเกรียน” ฝากเอาไว้แบบนั้น แต่เมื่อลองย้อนกลับไปดูหลายๆ คลิปบนช่อง "PHAJIT พาจิต" บน youtube จะเห็นว่า ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาและผองเพื่อนหน้าเดิมๆ ก๊วนนี้ เล่นแผลงๆ ทำตัวป่วนเมือง แต่เกิดขึ้นมาหลายต่อหลายคลิปแล้ว เพื่อตอบโจทย์นิยามช่องที่ได้ตั้งเอาไว้
"ทำอะไรก็ได้ที่คนดีๆ เขาไม่คิดจะทำกัน นิยามช่อง ถ้าคุณเป็นอีกคนที่ชอบ ความเกรียน บ้า เรื่องกล้าแสดงออกจิตๆ ติดตามช่องเราไว้สิครับ มันจะมีให้คุณดูทุกสัปดาห์"
เมื่อลองตามไปขุดวีรกรรมที่ก๊วนกวนเมืองกลุ่มนี้เคยทำผ่านคลิปบนโลกออนไลน์ จะพบว่าเกิดขึ้นจากการร่วมป่วนด้วยกัน ระหว่าง 2 แก๊งหลักๆ อย่างสม่ำเสมอคือ “แก๊งพาจิต (Phajit)” กับ “แก๊งโอสเลต (Oslate)” ตรงกับคำพูดที่สมาชิกได้ให้ไว้ในคลิปว่า ทั้ง 2 แก๊งได้เจอกันบ่อยๆ จึงถือเป็นช่องลูกพี่ลูกน้องกันเลยทีเดียว
ที่น่าสนใจคือ ล่าสุด ณัฐดนัย สถิตรชานนท์ หนึ่งในสมาชิกกลุ่ม Oslate ถึงกับทนพฤติกรรมความเกรียนของเพื่อนๆ ไม่ไหว ขอออกมาประกาศลาออกจากแก๊ง เพราะจุดยืนขัดแย้งกัน จากเดิมทีเคยคุยกันไว้ว่า จะสร้างคลิปฮาๆ เพื่อให้เกิดรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของผู้คน แต่กลับกลายเป็นสร้างความรู้สึกยี้อย่างในตอนนี้แทน
“ก่อนหน้านี้ก็สร้างขึ้นมาเพื่อเล่นสนุกกันครับ เพื่อสร้างรอยยิ้ม สร้างเสียงหัวเราะ แต่คุยกันไว้ว่าเราจะไม่เล่นที่อันตราย หรือทำให้คนอื่นเสียหาย แต่พอผมมาเห็นคลิปนี้ก็รู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่งครับ ก็บอกเขาว่ามันไม่เหมาะสมนะ ไม่ดีนะ อย่าไปทำ แล้วถ้าเกิดเจ้าทุกข์เขามาร้องเรียน จะเสียหาย แต่ว่าเขาก็ไม่สำนึกครับ คนที่ไม่สำนึกคือคนที่ปีนรถ ส่วนคนที่สำนึกก็คือเจ้าของรายการ”
“ฟรีรันนิ่งฉบับเกรียน” ทำลายภาพ “คนวงการตัวจริง”
“ถึงแม้ว่า “ฟรีรันนิ่ง” จะทำมาเพื่อโชว์ performance และอาจจะแฝงไปด้วยทักษะเสี่ยงๆ แต่มันก็ไม่เคยถูกนำมาเป็นเครื่องมือในการระราน หรือทำให้คนอื่นเดือดร้อนอยู่ดี ถ้าทำแล้วสร้างความเสียหายให้แก่ทรัพย์สิน, บุคคล และสถานที่ ยังไงผมก็มองว่ามันไม่ใช่กีฬาประเภทไหนเลย แต่แค่คนกลุ่มนึงที่ “สร้างปัญหาให้คนอื่น” แค่นั้นเลยครับ ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่านั้น มันคือ “การเล่นแผลงๆ” ของเด็กกลุ่มนึงเท่านั้นเอง”
ซุ้ง-สุวิโรจน์ ลีลาประชากุล ผู้ร่วมก่อตั้ง "The Movement Playground" โรงเรียนสอนพาคัวร์ (หลักสูตรฝึกการเคลื่อนไหว เป็นกีฬาสายเดียวกับฟรีรันนิ่ง) และยิมด่านอุปสรรคแห่งแรกแห่งเดียวในประเทศไทย ช่วยวิเคราะห์พฤติกรรมของกลุ่มเกรียนที่เกิดขึ้นในคลิป ตามคำขอของทางทีมข่าว ผู้จัดการ Live ผ่านปลายสาย
ย้ำชัดว่าถึงแม้ก๊วนป่วนจะอ้างว่าตัวเองเล่น “ฟรีรันนิ่ง” กระโดดข้ามสิ่งกีดขวาง กระโจนขึ้นหลังคารถ อย่างที่หลายๆ คนเห็นในคลิปก็ตาม แต่แท้จริงแล้ว กลับเป็นได้แค่ “ฟรีรันนิ่งจอมปลอม” ที่สร้างภาพลบให้แก่คนวงการตัวจริงเท่านั้นเอง
“ถ้าให้พิจารณาจากท่าทางและการกระโดดในคลิปแล้ว ดูออกเลยว่าเป็นการปีนและกระโดดของคนที่ไม่ได้เล่นกีฬา หรือไม่ได้เป็นนักกีฬาจริงๆ ไม่ว่าจะเรื่องความแข็งแรง, ท่าทางพื้นฐาน, การวางมือ-วางเท้า ฯลฯ ไม่ได้เกี่ยวข้องหรือใกล้เคียงกับคนที่เล่นกีฬาประเภทนี้เลยแม้แต่นิดเดียว อย่างจังหวะที่จะกระโดดขึ้น ถ้าเป็นนักกีฬา อย่างน้อยๆ ก็จะต้องสามารถที่จะก้าวขึ้นและลงได้อย่างมั่นใจ ต้องเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่ว ฉับไว และมีประสิทธิภาพ
ถามว่าผลของการเคลื่อนไหว ของคนที่ไม่ได้เป็นนักกีฬาจริงๆ จะสร้างความเสียหายให้แก่ทรัพย์สินต่างๆ ได้มากกว่าคนที่เล่นเป็นจริงๆ ไหม อันนี้อาจจะต้องพิจารณากันจากลักษณะของพื้นรองเท้า, น้ำหนักการเหยียบ, การไถล-การครูด ฯลฯ หลายองค์ประกอบครับ แต่ผมมองว่าคนที่เป็นนักกีฬาน่าจะมีความสามารถในการเซฟทรัพย์สินได้มากกว่า เพราะรู้หลักในการวางน้ำหนักว่า จะต้องผ่อนแรงหรือออกแรงในจุดไหน
ส่วนเรื่องความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นกับกลุ่มออกมาทำอะไรแผลงๆ ครั้งนี้ ถ้าดูจากในคลิปก็ถือว่ามีท่าที่จะทำให้เสี่ยงอันตรายได้มากมาย เช่น ท่าเอาหัวในส้วมก็อันตรายมาก เป็นท่าที่ไม่ควรทำ ไม่ว่าจะเป็นนักกีฬาหรือไม่ใช่ หรือท่าการปีนขึ้นสิ่งของต่างๆ ก็อันตรายอยู่แล้วครับ ถ้าไม่ใช่คนที่เคยเรียนการเคลื่อนไหวที่ถูกต้องมา”
จุดที่สำคัญที่สุด ยิ่งไปกว่าการใช้ท่วงท่าที่ถูกต้องของคนที่ได้เรียนหลักสูตรการเคลื่อนไหวร่างกายมา ก็คือเรื่อง “จิตสำนึกของผู้เล่น” ที่จะต้องเคารพสิทธิส่วนบุคคล และสิทธิส่วนรวมในสถานที่สาธารณะด้วย “สิ่งที่จะเน้นย้ำตลอด ไม่ใช่แค่เพื่อพัฒนาความสามารถทางด้านร่างกายอย่างเดียว แต่จะครอบคลุมไปถึงการพัฒนาความสามารถทางด้านจิตใจด้วย คืออย่างน้อยๆ ต้องเคารพตัวเองและเคารพผู้อื่น”
“พฤติกรรมที่มีอยู่ในคลิปของคนกลุ่มนั้น ยังไงก็ไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็น “ฟรีรินนิ่ง” อยู่ดีครับ ถ้าให้เทียบง่ายๆ กับการเล่น “ฟุตบอล” ถ้ามีเด็กคนนึงเขาเตะฟุตบอลในสนาม และเล่นฟุตบอลตามกติกาที่กำหนด มันก็เรียกได้ว่าเป็นฟุตบอล แต่ถ้าเขาเอาลูกฟุตบอลมาเตะอัดใส่ซุ้มที่ตั้งอยู่กลางถนน เตะใส่คนขายของ มันก็คงเรียกว่าเป็นการเล่นฟุตบอลไม่ได้แล้ว แต่แค่เป็นการเอาอุปกรณ์ 1 ชิ้นที่เรียกว่าฟุตบอล มาใช้เตะแค่นั้นเอง
และไม่ว่าเขาจะเตะด้วยท่าทางที่เหมือนหรือไม่เหมือนนักกีฬาฟุตบอลก็แล้วแต่ แต่สุดท้ายแล้ว พฤติกรรมการเล่นและการแสดงออกของเขา มันก็ไม่ใช่กีฬาที่เรียกได้ว่าเป็น “ฟุตบอล” อยู่ดี เพราะฉะนั้น ถ้าอ้างว่าเล่นกีฬาชนิดหนึ่ง แล้วสร้างความระรานให้แก่คนอื่นๆ ผมก็มองว่ามันไม่ใช่การเล่นกีฬา ก็ต้องดูที่บริบท ดูที่เจตนาหลักของคนทำด้วย
ผมมองว่าในทุกสังคมมีทั้งกลุ่มที่ดีและไม่ดี แต่ในฐานะที่ผมทำเรื่องกีฬาพาคัวร์ ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับฟรีรันนิ่ง ก็เห็นว่าถ้าเป็นคนที่อยู่ฝั่งนักกีฬาจริงๆ ผมว่าทุกคนเขาเคารพกฎกติกา จะไม่มีการไปดูถูกคนอื่น หรือการพยายาม show off ว่าเราเก่ง เพราะคนที่อยู่สายกีฬาจะค่อนข้างถ่อมตัว จะรู้ว่าเมื่อไหร่ที่ควรโชว์ เพราะเราต้องการเป็นตัวอย่างที่ดี ทั้งในด้านการพัฒนาร่างกายและจิตใจไปพร้อมๆ กัน แน่นอนว่าจะไม่มีใครอยากไประรานหรือรบกวนคนอื่นอยู่แล้วครับ
สำหรับคนที่อาจจะมองคนเล่นพาคัวร์หรือฟรีรันนิ่ง ไปในเชิงลบๆ ไปแล้ว จากคลิปของกลุ่มนี้ออกมาครั้งนี้ ผมก็คงได้แค่หวังว่าทุกคนจะเข้าใจ ส่วนคนที่สนใจจะทำอะไรแบบนี้ อย่างแรกเลยคืออยากให้แยกให้ออกว่า เราอยากเป็นนักกีฬาเพื่อพัฒนาตัวเอง และช่วยเหลือผู้อื่นหรือเปล่า ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้น เราก็ต้องมีจิตสำนึกที่ดี และส่งต่อความคิดดีๆ รอบๆ ตัวได้ ไม่ว่าจะเป็นเด็กที่ไม่มั่นใจในตัวเอง ไม่มีความสุขกับการออกกำลังกาย กีฬาจะช่วยได้แน่นอน ถ้าเล่นให้ถูกที่ ถูกทาง ถูกเวลา
ส่วนกลุ่มที่เล่นแผลงๆ ก็ขอฝากเรื่องความปลอดภัยส่วนบุคคล ทั้งตัวคนที่เล่นเอง และคนที่อยู่รอบตัว ขอให้มีจิตสำนึกที่ดีต่อกัน ผมเชื่อว่าคนเราจะมีภาพคำว่า “จิตสำนึก” ที่ชัดเจนไปในทิศทางเดียวกันว่าควรจะเป็นแบบไหน ก็อยากให้ทุกคนยึดเอาไว้ว่า เราอยู่ในสังคมเดียวกัน ก็ต้องมีกฎกติกา ดังนั้น สิ่งไหนที่ตอบตัวเองได้ว่าไม่ดี ก็อย่าทำเลย”
ข่าวโดย ผู้จัดการ Live