ผมสั้น-ผิวแทน-คมเข้ม! ฉีกลุคสวยมั่นจนเข้าตากรรมการอย่างจัง ท่ามกลางสาวสวยทั่วประเทศ ถูกการันตีชัยชนะผ่านความสวย-ทัศนคติ-ความมั่นใจ-ความเป็นตัวเอง! “เฟิร์น เกษรา วัฒนสังข์” คว้าแชมป์ไทยซูเปอร์โมเดลคนล่าสุดของประเทศไทย พ่วงรางวัลโฟโตจีนิค โมเดล แถมด้วยรางวัลสาวมั่นใจใส่ใจสุขภาพ เจ้าตัวภูมิใจ..สาวผิวแทนก็แซ่บได้!!
จาก “ฝัน” สู่ “รันเวย์”
ท่ามกลางเหล่าผู้เข้าประกวดกว่า 20 คน ต่างพกพาความสวย-ความมั่นใจ ในแบบของตัวเองสู่เวทีระดับประเทศ Thai Super Model 2018 ทว่า หนึ่งสาวผู้โดดเด่นด้วยลุคผมสั้น-ผิวแทน-คมเข้ม “เฟิร์น เกษรา วัฒนสังข์” วัย 21 ปี ฉายแววความสวย-มั่นใจ จนเตะตากรรมการคว้าตำแหน่งชนะเลิศมาครองได้สำเร็จ!
“ก่อนหน้านี้ไม่คิดไว้เลยนะคะว่าจะได้ตำแหน่ง (ยิ้ม) เพราะเพื่อนๆ ทั้ง 20 คนก็มีความสวยในแบบของตัวเองกันทั้งนั้นเลย ส่วนเฟิร์นก็ทำเต็มที่ ไม่ได้คาดหวังอะไร เพราะไม่อยากให้ความคาดหวังมันมากดดันตัวเราเองด้วย
จริงๆ ที่ตั้งใจมาประกวด Thai Super Model 2018 เพราะเฟิร์นเห็นเวทีนี้มาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว ได้ติดตามมานานแล้วค่ะ ด้วยความที่เพื่อนแนะนำให้มาด้วย เฟิร์นก็เลยลองมาประกวดดู ตอนที่มาก็ไม่ได้บอกพ่อแม่ด้วยนะคะ ไม่ได้บอกใครเลย (หัวเราะ)
ก่อนจะมาประกวดเวทีจริง เฟิร์นก็ศึกษาการเดินแบบอยู่เหมือนกันนะคะ ศึกษาการเดินแบบของพี่ๆ พอได้เข้ารอบมา 20 คน เฟิร์นก็ได้เรียนรู้จากคุณครูอุ๋มเรื่องทักษะต่างๆ ส่วนไอดอลด้านการเดินแบบที่ชื่นชอบ คือ พี่อุ๋ม-อาภาศิริ และ พี่ลูกเกด-เมทินี ค่ะ
นี่เป็นเวทีแรกเลยค่ะที่ตัดสินใจมาประกวด สิ่งที่ประทับใจจากการเข้ามาอยู่ตรงนี้ อย่างแรกเลยคงเป็นเรื่องของมิตรภาพค่ะ เราได้เรียนรู้ประสบการณ์ต่างๆ รู้สึกประทับใจมาก”
สายตาของความภาคภูมิใจสะท้อนให้เห็นผ่านบทสนทนา เธอเล่าว่าก่อนหน้านี้ได้ค้นพบความชอบด้านการเดินแบบมาจากการที่รุ่นพี่ชักชวนให้ไปช่วยเดินแบบให้ในช่วงที่เธอเรียนอยู่มัธยมปลาย จากวันนั้นจึงเป็นสิ่งที่ทำให้เธอทำตามความฝันในสายอาชีพนางแบบมาตลอดจนถึงตอนนี้
“ก่อนหน้านี้ เฟิร์นได้มีโอกาสเดินแบบบ้าง แต่ยังไม่ได้เป็นทางการ ส่วนตัวชอบการเดินแบบและอยากเป็นนางแบบอยู่แล้ว จริงๆ เฟิร์นค้นพบตัวเองว่าชอบการเดินแบบตั้งแต่ ม.6 แล้วค่ะ ได้มีโอกาสเดินครั้งแรกจากการชวนของรุ่นพี่มหา’ลัย ตอนนั้นรู้สึกเลยว่าชอบการเดินแบบ ชอบการแต่งตัว แต่งหน้า-ทำผม เรารู้สึกสนุกที่ได้ทำตรงนั้น”
หลังจากที่คว้ารางวัลมาถึง 3 รางวัล! ทั้ง ตำแหน่งไทยซูเปอร์โมเดลคนล่าสุดของประเทศไทย, รางวัลโฟโตจินิค โมเดล และ รางวัลสาวมั่นใจ ใส่ใจสุขภาพ เธอยอมรับกับเราว่าความรู้สึกหลังจากที่ได้ตำแหน่งเปลี่ยนไปอย่างมาก โดยเฉพาะเรื่องการวางตัวให้เหมาะสมกับตำแหน่ง ถือเป็นเรื่องที่สำคัญและท้าทายสำหรับเธอทีเดียว
“ความรู้สึกเปลี่ยนไปเยอะเลยนะคะหลังจากที่ได้รางวัล เมื่อก่อนเฟิร์นจะเด็กๆ แก่นๆ แต่พอเราได้ตำแหน่งมา เราต้องคิดแล้วว่า พรุ่งนี้เราจะทำยังไงและทำตัวแบบไหน เพราะการทำงานในวงการบันเทิง เราจะต้องทำตัวให้ดีและเหมาะสม มันก็ต้องมีการวางแผน ต้องมีสติให้มากขึ้น ทั้งการคิด พูด หรือแสดงออก ต้องคิดก่อนทำ
สิ่งสำคัญของการเข้ามาอยู่ในวงการบันเทิง อย่างแรกเลยเฟิร์นคิดว่าการวางตัว การนอบน้อมเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าเรากิริยาไม่ดี มารยาทไม่ดี มันก็ไม่ได้รับโอกาสจากใคร มันเหมือนเป็นความประทับใจแรกอย่างหนึ่งนะคะ”
เมื่อถามถึงความโดดเด่นของสาวเฟิร์นที่ทำให้ถูกอกถูกใจคณะกรรมการ จนทำให้เธอได้คว้าตำแหน่งไทยซูเปอร์โมเดลไปครอง เธอเล่าว่าเป็นเพราะความมั่นใจในตัวของตัวเอง ความมีเอกลักษณ์ และทัศนคติที่ทำให้คว้าชัยชนะครั้งนี้มาได้
“อาจเป็นเพราะว่าเฟิร์นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเองด้วยหรือเปล่านะคะ (ยิ้ม) เช่น คนอื่นๆ มีผมยาว แต่เฟิร์นผมสั้น ซึ่งเหตุผลก็คือเฟิร์นรู้สึกมั่นใจกว่าผมยาว มันเป็นเอกลักษณ์และดูเก๋ (หัวเราะ) อีกอย่างคือเฟิร์นมีผิวสีด้วย มีความมั่นใจในตัวเอง ความเป็นตัวของตัวเองของเฟิร์นเลยทำให้ชนะใจกรรมการด้วยค่ะ
จริงๆ แล้ว ถ้าวันนั้นชื่อที่ประกาศออกมาไม่ใช่ชื่อเฟิร์น เฟิร์นก็ไม่ถอดใจนะคะ ถ้าผู้ใหญ่มีโอกาสให้เราได้เดินแบบ เราก็จะไปทำหน้าที่ ไปทำตามความฝันต่อไป เฟิร์นยังอยากเป็นนางแบบอยู่ เพราะฉะนั้นเราต้องไม่ท้อ”
“ไกด์นำเที่ยว” ก็ชอบ “นางแบบ” อาชีพก็ใช่!
นอกเหนือจากอาชีพนางแบบ อีกหนึ่งความฝันที่เธอมีความตั้งใจอยากทำ นั่นคือ การเป็นไกด์นำเที่ยวยังสถานที่ต่างๆ นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอตัดสินใจมาเรียนที่ คณะมนุษยศาสตร์ สาขาการจัดการอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
“ที่เลือกเรียนสาขานี้เพราะว่าสนใจและอยากเป็นไกด์ด้วยค่ะ เฟิร์นชอบท่องเที่ยวอยู่แล้วด้วย แต่ละที่ แต่ละภาค แต่ละจังหวัด มันจะมีความแตกต่างกันไปนะคะ อย่างภาคใต้มีทะเล ภาคเหนือมีภูเขา มันมีความสวยงามตามธรรมชาติที่ทำให้เรารู้สึกว่าอยากเดินทางไปท่องเที่ยว
ตอนอยู่มหา’ลัย เฟิร์นจะเป็นสายกิจกรรมอยู่แล้วค่ะ(หัวเราะ) ส่วนมากจะเป็นการเดินถือป้ายของสาขา หรือล่าสุดที่เป็นกีฬาสีของมหา’ลัย เฟิร์นก็ได้ถือป้ายมหา’ลัย เราจะมาสายกิจกรรมมากกว่า
สมมติถ้าเฟิร์นไม่ได้ไทยซูเปอร์โมเดล ที่คิดไว้เฟิร์นก็อาจจะทำอาชีพนางแบบกับอาชีพไกด์ควบคู่กันไป แต่พอมาได้โอกาสตรงนี้แล้ว เฟิร์นก็ต้องเลือกว่าเราจะเป็นไกด์หรือจะทำสายบันเทิงให้เต็มที่”
หากพูดถึงแรงบันดาลใจที่ทำให้เธออยากทำอาชีพไกด์ คงเกิดขึ้นจากการที่ชอบท่องเที่ยว ชอบพูด ชอบแชร์ประสบการณ์ให้คนอื่นๆ ฟัง ซึ่งหนึ่งในความตั้งใจของเธอคือการเที่ยวทั่วไทยให้ครบทุกจังหวัด เพราะเมืองไทยยังมีสถานที่อันซีนให้ได้ไปค้นพบอีกมากมาย
“แรงบันดาลใจที่ทำให้เฟิร์นอยากเป็นไกด์มาจากความชอบท่องเที่ยวอย่างเดียวเลยค่ะ (หัวเราะ) ชอบพูด ชอบบอกประสบการณ์ให้กับลูกทัวร์ของเรา เฟิร์นอยากแนะนำสถานที่ต่างๆ ให้เขาได้รู้ จริงๆ ถ้ามีโอกาส เฟิร์นก็อยากเที่ยวในไทยให้ครบทุกที่เลยนะคะ
สถานที่ที่ชอบที่สุด มีทริปพิเศษที่ได้ไปหมู่เกาะสุรินทร์ จ.พังงา ซึ่งเป็นทะเลที่สวยที่สุดที่เฟิร์นเคยไปมา ทำให้เรารู้สึกประทับใจมาก ถ้ามีโอกาสคงต้องไปอีกค่ะ เป็นสถานที่ที่ชอบมาก (ยิ้ม)”
ในฐานะที่เธอเป็นนักศึกษาสาขาวิชาการท่องเที่ยวและชื่นชอบการท่องเที่ยว เธอกล่าวทิ้งท้ายถึงผู้ที่เดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ด้วยว่า อยากให้ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์กันมากขึ้น รวมถึงปฏิบัติตามกฎ-ระเบียบของสถานที่ต่างๆ เพื่ออนุรักษ์ธรรมชาติให้คนรุ่นหลังได้ท่องเที่ยวชื่นชมไปนานๆ
“อยากให้คนไทยทุกคนรักษากฎระเบียบค่ะ เพราะไม่ว่าไปสถานที่ใดจะมีกฎระเบียบ เช่น ห้ามจับ ห้ามถ่าย ยกตัวอย่างเลย เฟิร์นจะเห็นคนไทยหรือต่างชาติบางคนดำน้ำดูปะการัง แต่เอามือไปจับ ไปถ่ายรูปใกล้ๆ แบบนี้ไม่ควรมากๆ
เพราะปะการังกว่าจะฟอกตัวเป็นปะการังได้ก็ใช้เวลานานนะคะ เลยอยากให้รักษากฎระเบียบ เพื่อเป็นการรักษาธรรมชาติที่สวยงามให้อยู่กับเราไปนานๆ”
“ท้อได้ แต่อย่าเลิก”
“ท้อได้ แต่อย่าเลิก เหมือนกับการที่เรารู้สึกท้อ มันท้อได้นะ แต่ต้องอย่าเลิกทำในสิ่งที่เราฝันหรือสิ่งที่เราชอบ บางอย่างมันท้อก็จริงว่า สิ่งๆ นี้เราทำไม่ได้จริงๆ แต่เราต้องตั้งสติและกลับมาทำมันใหม่ อย่าเลิกเด็ดขาด”
หนึ่งโค้ดคำพูดเท่ๆ จากสาวเฟิร์นที่ยึดใช้ในการดำเนินชีวิตมาโดยตลอด เธออธิบายถึงคำพูดข้างต้นนี้ให้ฟังว่าเคยรู้สึกท้อใจจากบางสิ่งที่ตั้งใจทำ แต่ไม่ได้ผลตอบกลับมาอย่างที่คาดคิดเอาไว้ แต่ท้ายที่สุดความพยายามจะไม่ทำให้ใครต้องผิดหวัง เธอยืนยันกับตัวเองว่าจะไม่ท้อใจในสายอาชีพนางแบบอย่างแน่นอน
“ตอนนั้น เฟิร์นไปแคสงานโฆษณาตัวหนึ่ง แล้วเราไม่ได้จริงๆ มันไม่ใช่ทางของเราจริงๆ เราก็ท้อแล้ว แต่พอมาเจอสิ่งที่ใช่จริงๆ นั่นก็คือ การเดินแบบ ตอนนั้นเฟิร์นรู้สึกเลยว่า เราจะไม่ยอมแพ้กับการเดินแบบเป็นอันขาด เราจะทำให้เต็มที่ให้ดีที่สุด
จริงๆ เฟิร์นเป็นคนกลัวการประกวดมากเลยนะคะ เป็นคนที่เวลาตื่นเต้นแล้วจะทำอะไรไม่ถูก เป็นคนสมาธิไม่ดี เฟิร์นคิดอยู่นานมากนะคะ หลายปีเหมือนกันกว่าที่จะตัดสินใจมาประกวด แต่เฟิร์นพยายามข้ามผ่านความกลัวตรงนั้นมาให้ได้ ด้วยการคิดถึงอนาคตว่า
เราต้องได้นะ เราต้องทำได้ ทำให้เต็มที่ มีพลังกับมันให้เต็มที่ และจะไม่มาเสียใจภายหลังว่า รู้แบบนี้เราทำแบบนี้ดีกว่า มันไม่สามารถแก้ไขอะไรได้แล้ว ฉะนั้นตอนนั้นเราต้องทำให้ดีที่สุด และอย่าถอดใจกับมันง่ายๆ”
แน่นอนว่าหลังจากที่ได้รับรางวัลการประกวดไทยซูเปอร์โมเดล เธอยอมรับว่ามีทั้งกระแสเชิงบวกและเชิงลบ ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาของสังคมออนไลน์ที่มีการวิจารณ์กันอย่างอิสระ แต่เธอมองว่าคำวิจารณ์ด้านบวกก็จะนำมาเป็นกำลังใจในการทำงาน ส่วนคำวิจารณ์ด้านลบจะนำมาไตร่ตรองและปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น
“สิ่งสำคัญคือพยายามมองโลกในแง่ดีไว้ให้มากที่สุด ไม่ว่าใครจะพูดหรือปฏิบัติสิ่งไม่ดีกับเรา จริงๆ แล้วตั้งแต่วันที่ผลประกาศออกมา ก็จะมีผลตอบรับที่ดีบ้าง ไม่ดีบ้าง แต่เราก็เดินทางสายกลาง จะฟังในสิ่งที่ดี ส่วนสิ่งที่ไม่ดีเราก็ปรับปรุงแก้ไขต่อไป
เฟิร์นก็คิดว่าต้องรับมือให้ได้นะคะ เพราะเขาก็มีสิทธิ์ที่จะวิจารณ์เรา เราอาจจะมีทั้งคนที่ชอบเรา ไม่ชอบเรา ส่วนสิ่งที่ไม่ชอบตรงไหน เราจะนำมาปรับปรุงให้มันดีขึ้น
แต่วิธีที่จะโพรเทคความรู้สึกเราเวลาที่เจอคำวิจารณ์แง่ลบมากๆ อย่างแรกเลย เราไม่ต้องไปเสพสิ่งที่เขาว่าหรือวิจารณ์เรานานเกินไป ไม่จมปรักอยู่กับมัน และทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด
หรือถ้ามีอุปสรรค อย่างเรื่องการเรียน หรือเรื่องไม่สบายใจ เฟิร์นจะปรึกษาคุณแม่นะคะ ถ้ามีเวลาว่างก็ชอบดูหนัง ฟังเพลง มันช่วยผ่อนคลายเราได้ด้วยเหมือนกัน ส่วนหนังที่ชอบดูก็เป็นหนังแนวโรแมนติก-ดรามา หรือโรแมนติก-คอมเมดี้ ค่ะ
วงการบันเทิงอาจจะไม่เหมือนอย่างที่คิดไว้เมื่อตอนเด็ก อย่างเด็กๆ เฟิร์นจะคิดว่ามีแต่คนสวย-หล่อ แต่พอมาจุดนี้จริงๆ เท่ากับเราเริ่มจากศูนย์ เราต้องพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ จนกว่าที่เราจะเป็นเหมือนดาราที่เราชื่นชอบ เฟิร์นบอกกับตัวเองว่าห้ามท้อ ต้องสู้ ไม่ว่าจะเจอเรื่องอะไรก็ตาม ท้อได้ แต่อย่าเลิกทำในสิ่งที่เราตั้งใจ”
ผิวเข้ม-ตาคม-แทนสกิน..ก็แซ่บได้!
อีกหนึ่งแอคทิวิตี้ที่เธอบอกกับเราคือการไปทะเลและชื่นชอบการอาบแดด เห็นได้จากรูปภาพในอินสตาแกรมส่วนตัวของเธอในชุดทูพีช อวดหุ่นแซ่บท้าลมแดดที่ชายหาด เราจึงอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมเธอถึงชอบแทนสกิน ขณะที่ผู้หญิงบางคนชอบให้ตัวเองมีผิวขาวมากกว่าผิวแทนเข้ม
“ส่วนตัวแล้วเฟิร์นชอบผิวแทนเพราะมันดูแตกต่างจากคนทั่วๆ ไปนะคะ เพราะส่วนใหญ่จะมีผิวขาวกัน เวลาเรามีผิวแทนเราจะรู้สึกว่ามันแตกต่าง เฟิร์นชอบความแตกต่างไม่เหมือนใคร ซึ่งกิจกรรมที่เฟิร์นชอบเวลาได้ไปทะเลคือการ ดำน้ำ อาบแดด
เฟิร์นชอบผิวแทน เพราะรู้สึกว่ามันดูขึ้นกล้องและดูมีความสากล ส่วนค่านิยมเรื่องผิวขาวเท่านั้นถึงสวย จริงๆ เฟิร์นว่าแล้วแต่คนชอบนะคะ บางคนชอบผิวขาว บางคนชอบผิวแทน แต่เฟิร์นก็ไม่แคร์คำพูดว่าทำไมตัวดำจัง เพราะมันแล้วแต่สไตล์ของคนมากกว่า
ดังนั้น ผู้หญิงที่สวยสำหรับเฟิร์น คือ ต้องเป็นผู้หญิงที่มีความมั่นใจในตัวเอง มีทัศนคติที่ดี มีความสดใสประกายออกมา เราถึงจะดูว่าเขาสวยและมีความเซ็กซี่นะ”
“แล้วสำหรับเฟิร์นคิดว่าตัวเองเป็นผู้หญิงเซ็กซี่หรือเปล่า” เราโยนคำถามไปทางเธอ “สำหรับเฟิร์นเหรอคะ (ครุ่นคิด) หนูคิดว่าหนูเป็นผู้หญิงเซ็กซี่ค่ะ (หัวเราะ) อาจเพราะตาสวย
แต่การแต่งตัวของเฟิร์นที่ชอบจริงๆ จะเป็นแนวสบายๆ ลุยๆ เสื้อยืด กางเกงยีนส์แบบสตรีท จะไม่มีความเป็นผู้หญิงเลย (หัวเราะ) ถ้ามีเวลาส่วนตัวก็จะแต่งตัวแบบที่เฟิร์นชอบ แต่ถ้าไปงานหรือไปข้างนอกก็แต่งตัวตามความเหมาะสมค่ะ”
หากให้พูดถึงนิยามความเป็นตัวเองสำหรับสาวเฟิร์น เธอจำกัดความกับเราสั้นๆ ว่า “เป็นผู้หญิงที่หน้านิ่งแต่ตลก” จนหลายคนอาจคิดว่าเธอหน้าดุ แต่จริงๆ แล้วเธอเฟรนลี่มากๆ และอยากให้ทำความรู้จักกับทุกๆ คน
“เฟิร์นเป็นคนที่หน้านิ่งและคนไม่สามารถทำความรู้จักกับเฟิร์นได้เลย เพราะเวลาที่เราหน้านิ่งแล้วคนจะกลัว (หัวเราะ) จริงๆ เราก็อยากบอกทุกคนว่าเราสามารถคุยได้นะคะ และเป็นคนตลกมากด้วย อยากให้ทุกคนมาทำความรู้จักกับเฟิร์น
แม้บางทีหน้าของเฟิร์นอาจจะดูนิ่งๆ เงียบๆ ไปบ้าง แต่จริงๆ แล้วเป็นคนตลก ชอบพูด ชอบคุย กับทุกคนค่ะ(ยิ้ม) หลังจากนี้ เฟิร์นก็คงต้องดูแลเรื่องบุคลิกภาพให้มากขึ้น ทั้งการพูด การวางตัว ยิ้มให้มากขึ้น เพราะยิ้มอาจทำให้คนอยากรู้จัก เฟิร์นมากขึ้นก็ได้ค่ะ” (ยิ้ม)
แม่ = ฮีโร่ประจำบ้าน
“คุณแม่เป็นซิงเกิลมัมค่ะ แม่ทำงานหนักหาเงินเลี้ยงลูกทั้งสองคนมาตลอด ตั้งแต่โตมาจำความได้เราจะเห็นแม่ทำงานหนักเพื่อเฟิร์นกับน้องตลอด ปัจจุบันแม่ก็ยังทำงานหาเงินอยู่ เฟิร์นเลยคิดว่านี่แหละคือความเก่งของแม่ จริงๆ ที่มีทุกวันนี้ก็เพราะแม่ แม่ส่งเสริมเราทุกอย่างเลย”
แม้ครอบครัวของเธอจะไม่ได้สมบูรณ์แบบ แต่เธอก็ยอมรับกับเราถึงความไม่สมบูรณ์แบบตรงนั้นว่า ไม่ได้ทำให้ความอบอุ่นระหว่างครอบครัวห่างหายไปจากกันและกันได้ แม่ยังคงเป็นคนที่ดูแลครอบครัวและเป็นผู้หญิงแกร่งในสายตาเธอเสมอ
“พ่อกับแม่ของเฟิร์น หย่าร้างกันแล้ว เฟิร์นจะสนิทกับแม่มากที่สุดค่ะ คุณแม่เขาจะมีความวัยรุ่นอยู่ เขาจะตามเราทัน เวลาที่เราพูดอะไรนิดๆ หน่อยๆ เขาจะเข้าใจแล้ว เหมือนเป็นเพื่อน คุยกันได้ทุกเรื่อง
แต่ถ้าเรื่องไหนที่ถ้าแม่รู้แล้วไม่สบายใจ เฟิร์นก็จะเลี่ยงๆ ที่จะบอก แต่ไม่โกหก เพราะแม่ไม่ชอบให้คนโกหก ส่วนตัวเฟิร์นเองก็ไม่ชอบให้ตัวเราเองโกหกด้วยเหมือนกัน บางอย่างก็จะพูดตรงๆ กับแม่
เฟิร์นกับแม่จะคนละบุคลิกเลยนะคะ แม่จะเป็นคนที่เงียบๆ ไม่ค่อยพูด แต่เฟิร์นจะเป็นคนที่รู้สึกแล้วพูด มันอาจจะไม่ดีตรงที่เรารู้สึกแล้วพูดออกมาเลย มันอาจจะไม่ได้ไตร่ตรอง ส่วนที่เหมือนกันกับแม่คงเป็นที่ความตลก เล่นมุกขำๆ ที่เหมือนกัน
โดยก่อนหน้านี้ เฟิร์นรับงานเดินแบบบ้าง อาจจะได้เงินเล็กๆ น้อยๆ แต่ เฟิร์นก็สามารถเก็บเงินมาซื้อของที่เราอยากได้ และไม่เป็นภาระให้กับแม่ได้ ส่วนเงินรางวัลที่ได้จากเวทีนี้ก็จะให้แม่เก็บไว้ค่ะ เฟิร์นจะช่วยดูแลครอบครัวด้วย อยากให้แม่สบายค่ะ”
หากย้อนกลับไปช่วงวัยเด็กของเธอไม่ได้ราบรื่นสวยงามเท่าไหร่นัก เธอเล่าว่าตอนเด็กมักถูกล้อเลียนอยู่บ่อยครั้ง จนทำให้เธอขาดความมั่นใจอย่างหนัก แต่เธอได้เปลี่ยนแปลงตัวเอง หันมาสนใจ-ใส่ใจตัวเองมากขึ้น จนกลายเป็นผู้หญิงที่มีความสวยและความมั่นใจในแบบที่เธอเป็นอยู่ในตอนนี้
“ตอนเด็กๆ เฟิร์นเป็นคนขี้เหล่นะ ตัวดำ ฟันเหยิน คนจะชอบล้อว่าฟันเหยิน เฟิร์นจะไม่มีความมั่นใจในตัวเองเลยสักอย่าง แต่พอโตมาได้จัดฟันและโครงหน้า รูปร่างก็เปลี่ยนไปตามวัย ด้วยความที่เห็นดาราคนดัง เราก็อยากสวยเหมือนเขา จึงทำให้เราดูแลตัวเอง เริ่มแต่งหน้า สะสมเครื่องสำอาง รู้สึกว่าตัวเองมาไกลเหมือนกันนะคะ
ส่วนวีรกรรมวัยเด็กคือเป็นเด็กชอบแกล้งคนค่ะ (หัวเราะ) เฟิร์นมีน้องสาวก็จะชอบแกล้งน้อง เคยแกว่งเปลให้น้องจนน้องตีลังกาลงจากเปล (หัวเราะ) ตอนเด็กๆ ก็แสบอยู่เหมือนกัน”
อย่างที่บอกว่าแม่คือฮีโร่ประจำบ้านของเธอ หากไม่มีแม่ เธอคงไม่มีวันนี้ได้ ซึ่งอีกหนึ่งคำสอนที่แม่มักบอกเธอเสมอคือการไม่ยอมแพ้ที่จะทำตามความฝัน และสิ่งนี้เองที่ทำให้เธอกลายเป็นไทยซูเปอร์โมเดลคนล่าสุดของประเทศไทย
“แม่จะสอนเฟิร์นเสมอว่า ทุกๆ วันให้ทำเพื่ออนาคต แล้วก็อย่ายอมแพ้ที่จะทำตามความฝัน อย่างเช่นการที่มาประกวดเวทีนี้ เราเริ่มจากศูนย์มาแบบไม่มีอะไรเลย แต่เรามีความพยายามความตั้งใจทำมันให้เต็มที่ แม่บอกเสมอว่าไม่ต้องคิดว่าทำเพื่อให้แม่ดีใจ คิดว่าทำเพื่ออนาคตที่ดีของตัวเอง”
เรื่อง พิมพรรณ มีชัยศรี
ภาพ ธัชกร กิจไชยภณ