"ถ้าแม่อยู่คงภูมิใจในตัวลูก" คือสิ่งที่ผู้เป็นพ่อบอกกับ "อาร์ม" 1 ใน 5 ฮีโร่วัยโจ๋ที่เปิดใจหลังนั่งเฝ้าเงินเกือบครึ่งแสนกับเพื่อนๆ หน้าตู้เอทีเอ็มจนได้รับเสียงชื่นชมไปทั่วประเทศ แม้วันนี้แม่ไม่อยู่แล้ว แต่คำสอน "อะไรที่ไม่ใช่ของเราก็อย่าไปเอาของเขามา" ยังจำขึ้นใจ บอกความดีเริ่มต้นง่ายๆ จากตัวเรา หมั่นทำดีให้เป็นเรื่องปกติ ด้านผอ.แก่นนครวิทยาลัย ยืนยันอีกเสียง เด็กกลุ่มนี้เก่งและดี มีหัวใจเพื่อมวลชน เตรียมยกย่องเชิดชูหน้าเสาธง
แห่ชื่นชม "5 โจ๋" ฮีโร่เอทีเอ็ม
ท่ามกลางกระแสข่าวฆาตกรรมฆ่าหั่นศพสุดสะเทือนขวัญ ยังมีข่าวดีๆ ให้ชื่นใจ แม้เรื่องเงินไม่เข้าใครออกใคร แต่ไม่ใช่สำหรับเด็กกลุ่มนี้ เพราะหลังจากพบเงินสด 41,000 บาทกระจายอยู่บริเวณหน้าตู้เอทีเอ็มที่จังหวัดฉะเชิงเทรา พวกเขาตัดสินใจนั่งล้อมวงเฝ้าเงินเพื่อรอเจ้าของโดยไม่คิดจะเอาไปเป็นของตัวเองแต่อย่างใด
สำหรับนักเรียนกลุ่มนี้ เป็นนักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนแก่นนครวิทยาลัย ประกอบด้วย นายกรวิชญ์ พรมตาไก้, นายธัชธรรม วงศ์ชารี, นางสาวณิชมน นฤดีศรีอุทัย, นางสาวรัชนีกร จุ๊ยกุดแคน และนางสาวจุฑามณี สารภี โดยกรวิชญ์ หรือโอมอายุ 18 ปีเป็นผู้พบเห็นเงินเป็นคนแรก เขาเล่าว่า หลังกลับจากเที่ยวที่เกาะกูด จ.ตราดกับเพื่อนๆ ก็แวะมาหาพ่อที่ จ.ฉะเชิงเทรา โดยในช่วงค่ำของวันนั้นได้พากันเดินออกจากบ้านเพื่อไปหามื้อเย็นกิน กระทั่งมาพบเงินหล่นอยู่หน้าตู้เอทีเอ็มจำนวนเกือบครึ่งแสนจึงตัดสินใจนั่งเฝ้าพร้อมรีบโทร.แจ้งตำรวจในทันที
แน่นอนว่า เรื่องนี้กลายเป็นข่าวที่ใครหลายคนให้ความสนใจ โดยเฉพาะคนในโลกออนไลน์ที่แห่เข้ามาชื่นชมเด็กๆ กลุ่มนี้เป็นจำนวนมาก
ด้วยความน่าสนใจนี้ ทีมข่าวผู้จัดการ Live จึงได้ติดต่อไปยังเด็กๆ กลุ่มนี้ และได้มีโอกาสพูดถึงกับ "อาร์ม-ธัชธรรม วงศ์ชารี" 1 ใน 5 ฮีโร่เอทีเอ็ม โดยเขาเปิดใจถึงเรื่องราวทั้งหมด รวมไปถึงการเลี้ยงดูในครอบครัวที่เป็นอีกหนึ่งความน่าสนใจว่า สภาพครอบครัวและการอบรมเลี้ยงดูแบบใดที่สามารถสร้างคน ๆ หนึ่งให้เติบโตขึ้นมาโดยไม่หลุดกรอบความดีงาม และมีหัวใจที่น่ายกย่องเช่นนี้
ไม่กล้าจับเงิน กลัวติดลายนิ้วมือ
"พวกผมเห็นเงินหล่นแล้วก็ไม่กล้าจับกันครับ" อาร์มเริ่มต้นเล่า ก่อนจะให้เหตุผลที่ใครหลายสงสัยว่าทำไมไม่เก็บเงินขึ้นมานับ "พวกผมเห็นเงินหล่นอยู่เยอะมาก มีทั้งแบงก์ 500 แบงก์ 1,000 จึงไม่อยากเสี่ยงหยิบขึ้นมานับ เพราะกลัวว่าจะเป็นเงินร้อน เราก็กลัวจะมีรอยนิ้วมือ สรุปก็คือ ไม่จับ ไม่ยุ่งดีกว่า" และนั่นจึงเป็นจุดเฉลยของภาพข่าวที่ชวนกันนั่งล้อมเงินอยู่ข้างๆ ตู้เอทีเอ็มเพื่อรอเจ้าของมาเก็บเอาไป
"ตอนนั่งเฝ้าเงินกันอยู่ ก็มีคนเดินมากดเงินนะครับ" อาร์มเสริมขึ้น "ผมว่าเขาก็คงงงๆ ว่าพวกนี้มานั่งทำอะไรกัน แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรนะ พอเห็นว่าพวกผมนั่งเฝ้าเงินกันอยู่ก็เดินไปกดตู้อื่นแทน ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานเจ้าหน้าที่ที่โทร.ไปแจ้งเหตุก็มากันพอดีครับ
พวกผมโทร.ไป 191 แต่มันโอนสายไปกรุงเทพฯ ซึ่งทางกทม.ก็ช่วยประสานงานโดยให้เบอร์แจ้งเหตุที่จ.ฉะเชิงเทรามา หลังจากโทร.ไปสักพัก กู้ภัยมาก่อน ตามมาด้วยนักข่าว และตำรวจตามมาทีหลัง ต่อมาเกือบๆ ครึ่งชั่วโมงก็มีเจ้าของเงินชาวมอญมาแสดงตัวขอรับเงินคืน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบแล้วว่าทำหล่นจริง จากนั้นเจ้าของเงินก็มอบเงินเพื่อเป็นสินน้ำใจให้แก่พวกผม"
4,000 บาทคือเงินที่เจ้าของเงินมอบให้เด็กๆ กลุ่มนี้ โดย "อาร์ม" เป็นตัวแทนเผยว่า จริงๆ แล้วไม่อยากรับเพราะทำโดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน สุดท้ายหาทางออกให้เงินจำนวนดังกล่าวนี้ด้วยการนำไปบริจาคให้สมาคมสงเคราะห์การกุศลฉะเชิงเทราทั้งหมดเพื่อซื้อโลงศพให้กับศพที่ไร้ญาติ
"เงินจำนวนนั้น พวกผมไม่ได้อยากรับ แต่ไม่รู้จะปรึกษาใครจึงรับเอาไว้ก่อน จากนั้นก็ปรึกษาแอดมินเพจเรารักแปดริ้ว เขาก็แนะนำให้เอาไปทำบุญ พวกผมก็ตั้งใจจะทำบุญโลงศพกันอยู่แล้ว จึงนำเงินทั้งหมดไปบริจาคทำบุญโลงศพ ตรงนี้เราได้บุญด้วย เขาก็จะได้บุญด้วย"
"อาร์ม" ความภูมิใจของพ่อแม่
ไม่ถามไม่ได้ถึงความรู้สึกของที่บ้าน โดยเฉพาะพ่อกับแม่หลังจากทราบข่าวอันน่าชื่นใจนี้ "คุณพ่อก็ชื่นชมครับ ส่วนคุณแม่ผมเสียไปแล้ว คุณพ่อบอกว่าถ้าแม่ยังอยู่แม่คงดีใจ" ก่อนจะเล่าย้อนกลับไปถึงการเลี้ยงดูในครอบครัว ซึ่งเป็นอีกมุมหนึ่งที่ใครหลายคนอยากรู้
"ที่บ้านผมเป็นข้าราชการหมดเลย พ่อผมเป็นครู ปัจจุบันเกษียณแล้ว ทุกวันนี้ผมอยู่กับพ่อ เพราะแม่ผมเสียไปแล้ว หลักๆ ที่พ่อกับแม่สอนผมคือ การเป็นคนดี ช่วยเหลือสังคม อะไรที่ไม่ใช่ของเราก็อย่าไปเอาของเขา นอกจากนั้นยังดูแลผมดีในทุกๆ เรื่อง" อาร์มเล่า
เช่นเดียวกับพ่อแม่ของอีก 4 คนที่เชื่อว่าเสียงชื่นชมจากสังคมในครั้งนี้จะทำให้คนเป็นพ่อแม่ในฐานะ "ผู้สร้าง" ยิ้มกว้างไม่ใช่น้อย
อย่างไรก็ดี แม้ "อาร์ม" และกลุ่มเพื่อนจะตกเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วประเทศจนมีคนยกย่องว่าเป็นฮีโร่ หรือยกให้เป็นไอดอลของเด็กรุ่นใหม่ เรื่องนี้ เขากล่าวขอบคุณทุกๆ เสียงที่ชื่นชม ก่อนจะเผยสั้นๆ ว่า "เราทุกคนควรหมั่นทำความดีให้เป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวัน ผมไม่ใช่ฮีโร่อะไรหรอกครับ ผมแค่ทำความดี ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ผมทำอยู่แล้ว ความดีคือเรื่องง่ายๆ คืออะไรก็ได้ที่ช่วยเหลือผู้อื่น และสังคม อย่างผมกับเพื่อนๆ เราเคยทำโครงการสำนักรักบ้านเกิด ช่วยกันระดมทุนหาทุนการศึกษา หาของไปให้ตามโรงเรียนต่างๆ"
เด็กเก่งเด็กดีศรี "แก่นนคร"
ปิดท้ายกับอีกด้านชีวิตในโรงเรียนของเด็กๆ กลุ่มนี้ ผู้อำนวยการโรงเรียนแก่นนครวิทยาลัย "วีระเดช ซาตา" ให้การยืนยันว่า เด็กทั้ง 5 คน แม้เพิ่งจะสำเร็จการศึกษา และเตรียมเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย แต่ระหว่างศึกษาเล่าเรียนอยู่ในรั้วแห่งนี้พวกเขาเป็นนักกิจกรรม และช่วยเหลือโรงเรียนมาตลอด
"ผมภูมิใจในตัวเด็กๆ ทั้ง 5 คน ซึ่งไม่เพียงแต่กรณีนี้ ยังมีเด็กอีกหลายๆ คนที่ทำดี แต่ไม่ได้เป็นข่าว ซึ่งผมชื่นใจแทนพ่อแม่ของเด็กทุกคน อย่างกรณีนี้ คนขอนแก่นก็โทร.มา บอกว่าดีจังเลยเนอะผอ. ก่อนหน้านี้จังหวัดเราก็ดังในเรื่องไม่ดี แต่เรามีเด็กกลุ่มนี้มาจุดประเด็นในเรื่องการทำความดีขึ้นมา โดยระหว่างที่พวกเขาศึกษาเล่าเรียนอยู่ที่นี่ เด็กๆ ทั้ง 5 เป็นนักกิจกรรม ทำประโยชน์ให้แก่โรงเรียนหลายๆ เรื่อง
หนึ่งในนั้นคือการเป็นคณะกรรมการนักเรียน ซึ่งพวกเขามีภาวะผู้นำ มีหัวใจคุณธรรม และหัวใจจิตอาสา อย่างครั้งนี้ สิ่งที่ผมชื่นชมนอกจากนั่งเฝ้าเงินรอเจ้าของแล้ว ยังมีใจเป็นผู้ให้ด้วยการนำเงินสินน้ำใจจากเจ้าของเงินจำนวน 4,000 บาทไปต่อยอดโดยนำไปบริจาคให้สมาคมสงเคราะห์การกุศลฉะเชิงเทราทั้งหมด ซึ่งเป็นดับเบิลความดีที่พวกเขาทำ และคนแปดริ้วก็ลงข่าวชื่นชมกันเป็นจำนวนมาก
เช่นเดียวกับชาวจังหวัดขอนแก่น รวมไปถึงคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานโรงเรียนแก่นนครวิทยาลัย สมาคมผู้ปกครองและครูแก่นนครวิทยาลัย สมาคมนักเรียนเก่าแก่นนครวิทยาลัย คณะครู-นักเรียนโรงเรียนแก่นนครวิทยาลัยต่างแสดงความชื่นชมยินดีกับเด็กๆ ทั้ง 5 คน ล่าสุดเตรียมยกย่องเชิดชูหน้าเสาธงเพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่รุ่นน้องต่อไป" ผู้อำนวยการโรงเรียนแก่นนครวิทยาลัยทิ้งท้าย
ขอบคุณภาพจากโรงเรียนแก่นนครวิทยาลัย และแฟนเพจเรารักแปดริ้ว Welove8riew.com
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754