“ยุวเรต ใช้นามสกุล ศรุตานนท์ ถูกต้องตามกฎหมายเรียบร้อยแล้วครับ” ยิ่งคำยืนยันออกมาจากปาก “พล.ต.อ.สันต์” เองแบบนี้ ยิ่งส่งให้กระแสต้าน “น้องเรต” หญิงสาวคนสนิท เรื่องการขอใช้นามสกุลพระราชทานร่วมแรงขึ้นไปอีก เพราะนอกจากจะไม่ใช่ญาติ ไม่ได้รับการรองรับในสถานะบุตรบุญธรรมแล้ว ยังไม่ได้รับการยินยอมใดๆ จาก “คุณหญิงเกิดศิริ” ภรรยาถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งยังไม่ได้หย่าขาดกันอีกต่างหาก สังคมตั้งคำถามหนักมากเรื่อง “ความเหมาะสม” และคำว่า “ถูกต้องตามกฎหมาย” ว่ามีมาตรฐานอยู่ที่ตรงไหนกัน!!?
รู้กฎหมาย... อนุมัติ “น้องเรต” ใช้นามสกุลพระราชทาน
"ตั้งแต่เช้า ตั้งแต่งานที่บ้าน มีคนถามผมหลายคนว่า "ยุวเรต" นามสกุล "ศรุตานนท์" แล้วหรือ ขอชี้แจงว่าใช่แล้วครับ ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ผมต้องเรียนให้ทุกท่านทราบตรงกัน อันแรกว่าไม่ใช่ “จดทะเบียนสมรส” นะครับ เพราะผมเป็นนักกฎหมายอยู่แล้ว ถ้าจดทะเบียนซ้อน ผมรู้ว่าเป็นโฆษียกรรม แล้วก็ผิดกฎหมายด้วย ทำไม่ได้
อันที่สอง จะจดเป็น “บุตรบุญธรรม” ก็จะไม่ได้ เพราะต้องให้ภรรยาเซ็นด้วย เลยคิดว่าจะตอบแทนที่เขาดูแลเรามายังไงดี ผมก็เลยขอให้ใช้นามสกุลร่วม
พอดีเจเนอเรชันก่อนหน้าผมตายไปหมดแล้ว เหลือผมอาวุโสที่สุดแล้ว ผมก็เลยขอ แล้วก็เพิ่งรู้ว่ายากจริงๆ ครับ นามสกุลพระราชทาน ต้องผ่านคณะกรรมการเยอะแยะว่ามีความเหมาะสมไหม กว่าจะได้มา ต้องมีการประชุมกันปีละ 3-4 ครั้ง จนได้มา ตอนนี้ก็ถูกต้องตามกฎหมายเรียบร้อย ถึงได้ใช้นามสกุลศรุตานนท์"
พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) หรือ “คุณชายแดง” ประกาศคลี่คลายข้อกังขาทั้งหมดเอาไว้ในงานเลี้ยงฉลองวันเกิดครบรอบ 72 ปีที่เพิ่งผ่านมา ซึ่งมีผู้ถ่ายคลิปวิดีโอและนำมาเผยแพร่ กระทั่งส่งให้คลิปที่มีชื่อว่า "ท่านสันต์ ศรุตานนท์ กล่าวถึงเรื่องนามสกุล คุณยุวเรต ศรุตานนท์ ในงานวันเกิดครบรอบ 72 ปี" กลายเป็นคลิปสุดฮอต ติดอันดับแฮชแท็ก "#1 on Trending" บนยูทิวบ์ และเป็นคลิปยอดนิยมติดอันดับล่าสุดอยู่ในตอนนี้
แน่นอนว่าภายในคลิปร้อนนั้น ย่อมปรากฏหญิงสาวเจ้าของประเด็นอยู่เคียงข้างกาย รวมถึงผู้ใหญ่ระดับบิ๊กอีกหลายท่านเป็นสักขีพยานความสุขในวันรื่นเริง ขณะที่ฝ่ายชายผู้ยังไม่ได้รับสถานะโสดประกาศด้วยท่าทีทีเล่นทีจริง ฝ่ายหญิงก็หัวเราะรับ รวมถึงซบอกและสวมกอดด้วยท่าทีปลื้มปีติกับการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้...
การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่สังคมจับตามอง การเปลี่ยนแปลงที่ทำให้ “ยุวเรต กังสถาน” ถูกจดจำใหม่ในนาม “ยุวเรต ศรุตานนท์” ในแบบที่ไม่ต้องแคร์สายตาใครอื่นอีกต่อไป แม้แต่ฝั่งภรรยาผู้ยังไม่ได้หย่าขาดอย่าง “คุณหญิงเกิดศิริ ศรุตานนท์” เองก็ตาม
ย้อนกลับไปก่อนหน้า ก่อนที่จะมีการประกาศอนุมัติใช้นามสกุลอย่างเป็นทางการครั้งล่าสุดนี้ ผู้ติดตามความเคลื่อนไหวของเหล่าแวดวงชนชั้นสูง จะพบเห็นหญิงสาวสวยคนหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้ชิดเคียงข้าง อดีต ผบ.ตร.มาโดยตลอด กระทั่งฝ่ายชายออกมาเปิดตัว “ความสัมพันธ์ต่างวัย” ต่อสื่อมวลชน ชื่อของ “น้องเรต” จึงถูกเรียกขานมากขึ้นเรื่อยๆ
โดยภาพในอินสตาแกรมของเธอ @yuwared_sarutanond ที่มักจะโพสต์ความเคลื่อนไหวต่างๆ นานาในรูปแบบ “กิจกรรมคู่” ทั้งเดินควงคู่ในอีเวนต์, เล่นโยคะด้วยท่าแนบแน่น, ออกทริปท่องเที่ยวหวานชื่น, โอบกอดแสดงความสัมพันธ์ที่ชัดเจน ฯลฯ จนส่งให้คนในสังคมเหมารวมไปแล้วว่า ฝ่ายชายได้หย่าขาดจากคู่สมรสไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
กระทั่งมีหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงที่ออกมาจาก “คู่สมรสถูกต้องตามกฎหมาย” จึงได้ทราบว่า “คุณหญิงเกิดศิริ ศรุตานนท์” ยังคงมีสิทธิทุกอย่างในฐานะคู่สมรสอย่างเต็มที่ และไม่เคยคิดที่จะหย่าขาดในความสัมพันธ์นี้แม้แต่ครั้งเดียว
เกียรติและศักดิ์ศรีของ “คู่สมรสตามกฎหมาย”
[ภาพอดีต คู่สมรสถูกต้องตามกฎหมาย คุณหญิงเกิดศิริ-พล.ต.อ.สันต์]
“กรณีข่าวการหย่าระหว่างดิฉันกับ พล.ต.อ.สันต์ ไม่เป็นความจริง และดิฉันไม่เคยคิดที่จะหย่า” คือคำยืนยันอย่างชัดเจนจาก “คู่สมรสตัวจริง” อย่างคุณหญิงเกิดศิริ ที่ตัดสินใจออกหนังสือ “ชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีข่าวการหย่าของ พล.ต.อ.สันต์ และ คุณหญิงเกิดศิริ ศรุตานนท์” แก่สื่อมวลชนอย่างเป็นทางการ เพื่อขอพื้นที่นำเสนอความจริงให้สังคมหายคลางแคลงใจ
“ความจริงคือ ดิฉันกับ พล.ต.อ.สันต์ ยังคงสถานภาพสมรส และปัจจุบันยังพักอาศัยอยู่ในบ้านเดียวกัน ตามเอกสารสำเนาทะเบียนสมรส และสำเนาทะเบียนบ้านที่แนบ
หากมีเอกสารหรือข่าวอื่นๆ ที่แสดงว่า ดิฉันกับสามีหย่าขาดจากกัน ถือว่าเป็นการแอบอ้างหรือเป็นเอกสารปลอม และหากมีผู้อื่นแสดงตนว่าเป็นคู่สมรส หรือแสดงเอกสารการจดทะเบียนสมรสกับสามีของดิฉัน ถือเป็นการแอบอ้างหรือจดทะเบียนสมรสซ้อน มีความผิดตามกฎหมาย”
ถึงแม้การส่งหนังสือชี้แจงครั้งนี้ จะได้รับการตอบรับจากฝ่ายชายเป็นคลิปชี้แจงการเปลี่ยนนามสกุลให้แก่หญิงสาวคนสนิทอย่างเป็นทางการ คล้ายต้องการประกาศว่า “ช่างมันฉันไม่แคร์” และยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ออกมาจากคุณหญิงเกิดศิริออกมาอีกเลย
แต่อย่างน้อย จากความเคลื่อนไหวในครั้งนี้ก็จุดประเด็นให้ผู้คนส่วนใหญ่ร่วมแสดงความเห็นอกเห็นใจต่อ “คู่สมรสถูกต้องตามกฎหมาย” กันอย่างล้นหลาม หลายรายเป็นเดือดเป็นร้อนแทน ถึงขนาดตรงเข้าถล่มอินสตาแกรม @yuwared_sarutanond ของน้องเรตอย่างหนักหน่วง จนส่งให้ฝ่ายที่เคยแสดงออกว่าไม่แยแส ทนกระแสสังคมไม่ไหว ต้องเปลี่ยนการตั้งค่าอินสตาแกรมจาก “สาธารณะ” เป็น “ส่วนบุคคล” แทน
นอกจากนี้ ยังมีมือดีตรงเข้าป่วนข้อมูลประวัติของ “สันต์ ศรุตานนท์” ในวิกิพีเดีย (th.wikipedia.org) เว็บไซต์รวบรวมข้อมูลในรูปแบบสารานุกรมเสรี ซึ่งอนุญาตให้ผู้ใช้ทุกคนเข้าไปร่วมแก้ไขได้ โดยมีผู้เข้าไปแก้ไขในส่วนประวัติคู่สมรสหลายต่อหลายครั้งหลังเกิดประเด็นร้อนนี้ขึ้น
มีทั้งแก้ไขข้อมูลอัปเดตล่าสุดว่า คู่สมรสคือ “คุณหญิง เกิดศิริ ศรุตานนท์ (ไม่ได้หย่า) และ ยุวเรต ศรุตานนท์ (เมียเก็บ)” จากนั้นก็ถูกปรับแก้เป็น คู่สมรสคือ “คุณยุวเรต ศรุตานนท์” กระทั่งล่าสุด เขียนไว้ว่าคู่สมรสที่ถูกต้องคือ “คุณหญิงเกิดศิริ ศรุตานนท์ (2520-ปัจจุบัน)” ซึ่งขณะนี้ทางระบบได้เซตระบบให้เฉพาะผู้ลงทะเบียนเท่านั้นจึงจะแก้ไขข้อมูลได้แล้ว หลังถูกก่อกวนจนมีเนื้อหาพาดพิงบุคคลในประเด็นร้อนนี้
[มีมือดี เข้าไปก่อกวนแก้ไขข้อมูลใน วิกิพีเดีย หลายครั้ง]
แม้ก่อนหน้าจะปิดอินสตาแกรมส่วนตัวไป ขณะเกิดดรามาหนักมาก น้องเรตได้อัปโหลดอินสตาแกรมตอบโต้สังคมเอาไว้ภาพหนึ่ง เป็นภาพต้นหูกระจง พร้อมคำบรรยายว่า “ต้นหูกระจงควรปลูกให้ห่างจากตัวบ้าน #จบนะคะ” ซึ่งถูกตีความกันไปต่างๆ นานา
[โพสต์เรื่อง "ต้นหูกระจง" แฝงนัยตามมุก]
แต่หากใครได้ดู “เดี่ยว 11” ทอล์กโชว์ของ โน้ส-อุดม แต้พานิช จะทราบว่าคือประโยคฮิตจากมุกที่เจ้าพ่อเดี่ยวไมโครโฟนแนะนำเอาไว้ว่า เอาไว้ใช้เมื่ออยากตัดบทเรื่องราวดรามาหนักหน่วงที่เกิดขึ้น สะท้อนให้เห็นว่าเจ้าตัวอยากจบ ไม่อยากเป็นเป้าของสังคมอีกต่อไปแล้ว แต่ดูเหมือนว่าเรื่องราวต่างๆ จะยังไม่จบลงง่ายๆ...
มีหลายฝ่ายส่งแรงเชียร์ให้คุณหญิงเกิดศิริลุกขึ้นมาอาศัยช่องทางของกฎหมายฟ้องร้องบ้าง เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของตนเอง ในกรณีที่ฝ่ายชายไม่ใช่ชายโสด ยังไม่ได้หย่าขาดกัน แต่มีพฤติการณ์ส่อไปในเชิงชู้สาวกับบุคคลอื่น โดยมีการอ้างถึงข้อกำหนดที่ทางสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการะบุเอาไว้ ดังนี้
“...สามีจะเรียกค่าทดแทนจากผู้ซึ่งล่วงเกินภริยาไปในทำนองชู้สาวก็ได้ และภริยาจะเรียกค่าทดแทนจากหญิงอื่นที่แสดงตนโดยเปิดเผยเพื่อแสดงว่าตนมีความสัมพันธ์กับสามีในทำนองชู้สาวก็ได้ ถ้าสามีหรือภริยายินยอมหรือรู้เห็นเป็นใจให้อีกฝ่ายหนึ่งกระทำการตามมาตรา 1516 (1) หรือให้ผู้อื่นกระทำการตามวรรคสอง สามีหรือภริยานั้นจะเรียกค่าทดแทนไม่ได้
มาตรา 1524 ถ้าเหตุแห่งการหย่าตามมาตรา 1516 (3) (4) หรือ (6) เกิดขึ้นเพราะฝ่ายผู้ต้องรับผิดชอบก่อให้เกิดขึ้น โดยมุ่งประสงค์ให้อีกฝ่ายหนึ่งไม่อาจทนได้ จึงต้องฟ้องหย่าอีกฝ่ายหนึ่งมีสิทธิได้รับค่าตอบแทนจากฝ่ายที่ต้องรับผิด...”
อีกหนึ่งเสียงที่น่าสนใจ ที่ตั้งคำถามเกี่ยวกับกรณีอื้อฉาวครั้งนี้ไว้ คือความคิดเห็นของ "ป้ามล" หรือ “ทิชา ณ นคร” ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน (ชาย) บ้านกาญจนาภิเษก ต้นแบบแม่พิมพ์ของชาติ ครูผู้เปลี่ยนชีวิตเด็กต้องโทษให้กลายเป็นคนดีของสังคม ซึ่งได้โพสต์ภาพข่าว "สันต์ แจงเองนามสกุล ยุวเรต" ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว "Thicha Nanakorn" พร้อมแนบคำพูดฝากตั้งคำถามเกี่ยวกับความยุติธรรมในกรณีเอาไว้ว่า...
"เจ้าหน้าที่ตำรวจ มักตั้งข้อหาผู้อยู่ในเหตุการณ์ที่เป็นความผิดตามกฎหมายว่า "ร่วมกัน..." คำถามที่พลเมืองอย่างเราอยากรู้คือ บุคคลในภาพรวมกันกระทำความผิดตามกฎหมาย...ใช่หรือไม่"
...ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะต้องให้ใครเป็นคนมาตอบคำถามนี้ให้กระจ่างกันไป แต่ไม่ว่าคำตอบที่ได้จะ “ใช่” หรือ “ไม่” เชื่อว่าผู้ถูกสังคมตั้งคำถามใส่ น่าจะ “รู้อยู่แก่ใจ” ตนเอง...
ข่าวโดย ผู้จัดการ Live
ขอบคุณภาพ: อินสตาแกรม @yuwared_sarutanond และ mahtem.com
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754