MGR Online - ลีลาชีวิตของหนุ่มใหญ่วัยดึก ที่ตกเป็นกระแสข่าวถูกวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมไทยอย่างกว้างขวางเวลานี้เป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ อดีต ผบ.ตร. หรือ “คุณชายแดง” บุรุษผู้มีรูปร่างสูงใหญ่ รสนิยมเริดหรูร่ำรวยทั้งฐานะ ชื่อเสียง ด้วยอุปนิสัยประจำตัวจัดอยู่ในประเภท “ช่างมันฉันไม่แคร์” เขาจึงมักตกเป็นข่าวเมาท์ ข่าวนินทากาเลให้ได้หมั่นไส้กันอยู่เสมอๆ
เช่นในอดีตสมัยเป็นผู้หมวดใหม่มาทำงานสถานีตำรวจพระประแดง สมุทรปราการ ร.ต.ต.สันต์ ศรุตานนท์ โชว์ฐานะมีอันจะกินด้วยการขับรถยนต์โรลส์รอยซ์มูลค่าหลายสิบล้านไปเข้าเวร
ท่านร่ำรวยมาจากไหน!? คำตอบก็คือครอบครัว “ศรุตานนท์” จัดอันดับเป็นตระกูลคหบดีเก่า ไม่ว่าจะเป็นสายนายกระสันต์ ศรุตานนท์ และคุณแม่ประยงค์ หรือ พล.ต.อ.กระเษียร ศรุตานนท์ อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ ผู้เป็นลุงซึ่งต่อมาขยับฐานะเป็นพ่อบุญธรรม ก็ล้วนร่ำรวยมีที่ดินย่านสุขุมวิทหลายสิบไร่
ยิ่งมีฉากสุดท้ายของชีวิตในตำแหน่ง “ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ” คำถามว่า “คุณชายแดง” รวยมาจากไหน มีทรัพย์สมบัติมากเพียงใด คงไม่จำเป็นต้องถามกันให้เมื่อยตุ้มอีกต่อไป
รอบปีที่ผ่านมา อดีต ผบ.ตร.สูงยาวเข่าดี ตกเป็นข่าวอื้อฉาวอยู่บ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการรุกที่ ส.ป.ก.แถวอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ปลูกคฤหาสน์หรูมูลค่านับร้อยล้าน และถูกรัฐบาลตรวจยึดโดยมีแนวโน้มว่าจะต้องทำลายทิ้งเพื่อคืนความอุดมสมบูรณ์ให้กับสภาพผืนป่า
ปฏิบัติการครั้งนี้ แม้อดีตนายตำรวจใหญ่จะเก็บตัวเงียบไม่ออกมาโต้แย้งอะไร แต่บุคคลใกล้ชิดทราบกันดีว่าสุดแสนเสียดาย เพราะ “อาณาจักรล็อกเคบิน” หรือคฤหาสน์ปากช่องนั้น คือบ้านแสนรักอีกหลังหนึ่งต่อจากบ้านบางปะกง และบ้านสุขุมวิท ...กว่าจะมาเป็นสวรรค์บนดิน ต้องใช้เวลานานหลายปีในการพัฒนาออกแบบสุดยอดเหนือจินตนาการ จนนักเขียนประจำนิตยสารดังต้องบรรยายออกมาว่านี่คือวิมานที่สัมผัสได้...ความเขียวขจีของแมกไม้นานาพรรณบนเนื้อที่ 250 ไร่ ท่ามกลางแวดล้อมธรรมชาติที่จัดให้เป็นแหล่งรวมโอโซนติดอันดับ 1 ใน 7 ของโลก เพียงแค่นั่งรถผ่านรั้วเข้ามาก็พบไม้โค้งเหมือนจะบอกว่า นี่คือเส้นทางสวรรค์ที่ถูกชะลอมาไว้บนผืนดิน...สรรพเสียงอื้ออึงสูงต่ำของบรรดาสัตว์ต่างๆ ที่เข้ามาอาศัยแทบนึกไม่ออกเลยว่า ที่นี่เคยเป็นไร่ข้าวโพดที่ถูกเนรมิตให้เป็นผืนป่าย่อมๆ ดั่งสวรรค์.....
หลังโดนลูบคมด้วยข้อหา “รวยแล้วไม่เคยพอ” พล.ต.อ.สันต์ ตกเป็นข่าวโด่งดังชั่วในเวลาข้ามคืน (อีกครั้ง) เมื่อสื่อออนไลน์ทุกสำนักเสนอข่าว-ภาพสังคม “หวือหวา” ระหว่างอดีตนายตำรวจคนดัง กับ น.ส.ยุวเรต กังสถาน ทั้งในงานเลี้ยงและไลฟ์สไตล์ในท่วงจังหวะ-ลีลาต่างๆ เรียกว่าแม้แต่วัยราวพ่อกับลูกแต่สุดหวานแหวว จนหลายคนต้องอิจฉา
มีคำถามตามมาว่า ตกลงแล้วคุณชายแดง กับน้องเรต คบหากันในฐานะอะไร เป็นสามีภรรยาหรือเป็นเพียง “คู่กิ๊ก”... แต่การเปิดตัวสุดสวีตแบบนี้ตีความเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากเป็นรักต่างวัย เมื่อเชื่อกันอย่างนี้บรรดาผู้สอดรู้ยังข้องใจไปอีกว่า แล้วคุณหญิงเกิดศิริ ศรุตานนท์ ภรรยาถูกต้องตามกฎหมายเอาไปไว้ตรงไหน เลิกรา-หย่าร้างกันไปหรือยัง
เพียงไม่กี่วันหลังจากภาพคู่รักต่างวัยออกมาแสดงโยคะดัด ส่งผลให้บรรดาขาเมาท์ ต้องตื่นเต้นกันยกใหญ่เมื่อมีเอกสารสำคัญฉบับหนึ่งจากคุณหญิงเกิดศิริ ร่อน ไปยังสำนักข่าวต่างๆ โดยชี้แจงทำความเข้าใจว่า... “กรณีข่าวการหย่าร้างระหว่างดิฉันกับ พล.ต.อ.สันต์ ไม่เป็นความจริง และดิฉันไม่เคยคิดที่จะหย่า ความจริงดิฉันกับ พล.ต.อ.สันต์ ยังคงสถานภาพสมรส และปัจจุบันยังพักอาศัยอยู่ในบ้านเดียวกันตามเอกสารสำเนาทะเบียนสมรสและทะเบียนบ้านที่แนบ...หากมีเอกสารหรือข่าวอื่นที่แถลงว่า ดิฉันกับสามีหย่าขาดกันถือว่าเป็นการแอบอ้าง หรือเป็นเอกสารปลอม....หากมีผู้อื่นแสดงตนว่าเป็นคู่สมรส หรือแสดงเอกสารการจดทะเบียนสมรสกับสามีของดิฉัน ถือเป็นการแอบอ้างหรือจดทะเบียนสมรสซ้อนมีความผิดตามกฎหมาย…”
งานเข้าล่ะสิ!!??
จากข่าวน่าอิจฉาระเป็นเรื่องเป็นราว เป็นข้อกฎหมายใกล้ตัวให้คนไทยได้ศึกษากันซึ่งทีมข่าวอาชญากรรม MGR ออนไลน์ขอใช้โอกาสนี้นำข้อกฎหมายเกี่ยวข้องมาประกอบ เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องแก่บรรดาขาเมาท์ทั้งหลาย
ประเด็นถกเถียงหาก พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ ให้ “น้องเรต” เปลี่ยนนามสกุลจากกังสถาน มาเป็นศรุตานนท์ สามารถทำได้ในช่องทางใดบ้าง....1. จดทะเบียนรับเป็นบุตรบุญธรรม...มาตรา 1598/25 ผู้จะรับบุตรบุญธรรมหรือผู้จะเป็นบุตรบุญธรรม ถ้ามีคู่สมรสอยู่ต้องได้รับความยินยอมจากคู่สมรสก่อน ในกรณีที่คู่สมรสไม่อาจให้ความยินยอมได้หรือไปเสียจากภูมิลำเนา หรือถิ่นที่อยู่และหาตัวไม่พบเป็นเวลาไม่น้อยกว่าหนึ่งปี ต้องร้องขอต่อศาลให้มีคำสั่งอนุญาตแทนการให้ความยินยอมของคู่สมรสนั้น... คำตอบตรงไปตรงมา คือ ถ้าคุณหญิงเกิดศิริ ยอม “น้องเรต” ก็สามารถเปลี่ยนนามสกุลได้ ในฐานะบุตรบุญธรรม
ประเด็นต่อไปคือ การจดทะเบียนสมรส แน่นอนว่าตำรวจใหญ่อย่าง พล.ต.อ.สันต์ ซึ่งเคยเป็นผู้นำองค์กรที่ใช้กฎหมายบังคับย่อมทราบดีว่า ไม่สามารถกระทำได้ ยิ่งคุณหญิงเกิดศิริแสดงท่าทีออกมาชัดเจนว่าไม่เคยคิดหย่า ยังอยู่ร่วมชายคาเดียวกัน แถมยังตั้งกำแพงไว้ว่าหากมีใครแสดงเอกสารการหย่า หรือทะเบียนสมรส รวมทั้งอื่นๆ ให้ถือว่าเอกสารปลอม หรือเป็นการจดทะเบียนสมรสซ้อนมีความผิดตามกฎหมาย...ฟันธงได้เลยว่าช่องทางนี้คุณชายแดงไม่ทำแน่ๆ
แต่ พล.ต.อ.สันต์ ก็คือ พล.ต.อ.สันต์...เป็นบุรุษที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง ยิ่งเกิดกระแสกดดัน จนเป็นความท้าทายเขาอาจจะเลือกช่องทางนี้ก็เป็นได้...อย่างไรก็ตาม ในประเด็นอื่นๆ ซึ่งน่าสนใจไม่แพ้กันเมื่อสถานภาพยังไม่ใช่ชายโสด ยังคงมีภรรยาเป็นตัวตน แถมมีใบทะเบียนสมรส พฤติการณ์ส่อในทางชู้สาวระหว่าง พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ กับ น.ส.ยุวเรต กังสถาน หากคุณหญิงเกิดศิริ จะอาศัยช่องทางของกฎหมายฟ้องร้อง เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีและเรียกค่าเสียหายจะได้หรือไม่
ประเด็นนี้น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง โดยสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการะบุไว้ว่า....สามีจะเรียกค่าทดแทนจากผู้ซึ่งล่วงเกินภริยาไปในทำนองชู้สาวก็ได้ และภริยาจะเรียกค่าทดแทนจากหญิงอื่นที่แสดงตนโดยเปิดเผยเพื่อแสดงว่าตนมีความสัมพันธ์กับสามีในทำนองชู้สาวก็ได้....ถ้าสามีหรือภริยายินยอมหรือรู้เห็นเป็นใจให้อีกฝ่ายหนึ่งกระทำการตารมมาตรา 1516 (1) หรือให้ผู้อื่นกระทำการตามวรรคสอง สามีหรือภริยานั้นจะเรียกค่าทดแทนไม่ได้
มาตรา 1524 ถ้าเหตุแห่งการหย่าตามมาตรา 1516 (3) (4) หรือ (6) เกิดขึ้นเพราะฝ่ายผู้ต้องรับผิดชอบก่อให้เกิดขึ้นโดยมุ่งประสงค์ให้อีกฝ่ายหนึ่งไม่อาจทนได้ จึงต้องฟ้องหย่าอีกฝ่ายหนึ่งมีสิทธิได้รับค่าตอบแทนจากฝ่ายที่ต้องรับผิด
แต่สำหรับกรณีคุณแดง อดีตนายตำรวจคนดังและสาวต่างวัย จะลงเอยอย่างไร...วิบากกรรมผู้เป็นเจ้าของฉายา “บิ๊กขี้หลี”จึงขึ้นอยู่กับคุณหญิงเกิดศิริ ศรุตานนท์ ภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากเพียงคนเดียว !!??