นาทีนี้คงไม่มีประเด็นข่าวไหนร้อนแรงและถูกพูดถึงอย่างหนาหูเท่ากับการที่ สมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทย ออกแถลงการณ์ปลด “อนุชัย ศรีจรูญพู่ทอง” พ้นจากสมาชิก หลังแอบอ้างถ่ายภาพในหลวง รัชกาลที่ ๙ ในงานพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติ ๖๐ ปี
โดยแถลงการณ์ฉบับนี้ถูกโพสต์ขึ้นเมื่อวันที่ 21 ธ.ค. 59 ผ่านเฟซบุ๊ก The Royal Photographic Society of Thailand (RPST) ของทางสมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้มีการออกแถลงการณ์ เรื่อง ให้สมาชิกขาดจากสมาชิกภาพ ดังนี้
ด้วยปรากฏหลักฐานเป็นที่แน่ชัดว่า นายอนุชัย ศรีจรูญพู่ทอง สมาชิกสมาคม ประเภทสมาชิกตลอดชีพ ได้ทำการนำไฟล์ภาพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จออกมหาสมาคม ณ สีหบัญชร พระที่นั่งอนันตสมาคม ในงานพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติ ๖๐ ปี ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 49 ถ่ายโดย นายรชฏ วิสราญกุล จำนวนหลายไฟล์ไปตกแต่งเป็นภาพใหม่ โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าของภาพ อีกทั้งยังได้ใส่ชื่อตัวเองในภาพ เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ และนำภาพนั้นไปเผยแพร่ในสื่อหลายประเภท หลายโอกาส ให้สัมภาษณ์ต่อสาธารณชนว่าภาพนั้นเป็นของตัวเอง
คณะกรรมการบริหารสมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทยฯ ได้พิจารณาเรื่องนี้ในการประชุมเมื่อวันที่ 21 ธ.ค.59 เห็นว่าการกระทำของ นายอนุชัย เป็นการกระทำที่มิบังควร อีกทั้งยังเป็นการเจตนากระทำผิดกฎหมายและจริยธรรม เป็นพฤติกรรมที่เป็นที่รังเกียจของสังคม และนำความเสื่อมเสียมาสู่สมาคมอย่างยิ่ง
อาศัยตามข้อบังคับสมาคม ฉบับแก้ไขใหม่ พ.ศ. 2558 จึงมีมติเอกฉันท์ให้ นายอนุชัย ขาดจากสมาชิกภาพของสมาคม นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
** ผลงานมาสเตอร์พีซ ที่ (คนอื่น) เป็นเจ้าของ
ภาพต้นเรื่อง
ถูกชื่นชมถึงผลงานการถ่ายภาพสวยๆ ที่ประชาชนชาวไทยทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่าช่างเป็นภาพที่ถูกบันทึกเอาไว้ได้อย่างงดงาม ถึงขนาดถูกส่งต่อแพร่หลายในสื่อต่างๆ มากมาย สำหรับภาพในหลวง รัชกาลที่ ๙ ในงานพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติ ๖๐ ปี ที่ อนุชัย ศรีจรูญพู่ทอง ศิลปินช่างภาพชาวไทยที่มีความเชี่ยวชาญด้าน Digital Camera บอกว่า ภาพนี้ตนเองเป็นเจ้าของภาพและเป็นผู้ลั่นไกชัตเตอร์เองกับมือ จนถูกเชื้อเชิญให้ไปออกรายการโทรทัศน์ และสิ่งพิมพ์ต่างๆ มากมาย เพื่อเล่าย้อนถึงวินาทีความประทับใจในการได้รับเกียรติบันทึกภาพประวัติศาสตร์นี้
แต่แล้วความภาคภูมิใจในผลงานมาสเตอร์พีซชิ้นเอกของอนุชัย เกิดขึ้นได้ไม่ทันไร ก็มีกระแสข่าวออกมาว่า “ภาพถ่าย” ชิ้นนั้น มิได้เกิดจากการตั้งใจถ่ายภาพของเขา แต่เป็นฝีมือการรัวชัตเตอร์ของ อ.รชฏ วิสราญกุล ช่างภาพมากฝีมืออีกท่านหนึ่ง ที่เป็นเจ้าของภาพถ่ายตัวจริงเสียงจริง
ถึงขนาดพี่น้องที่เคารพรักและผู้ที่ชื่นชอบในผลงานการถ่ายภาพของ อ.รชฏ อดทนรอต่อความนิ่งเงียบของ อ.รชฎ ไม่ไหว ต่างตบเท้าออกโรงมาปกป้อง และโพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊กเพื่อชี้แจงถึงความจริง เนื่องจากรับไม่ได้กับการที่เห็น อ.รชฎ ถูกแอบอ้างเป็นเจ้าของภาพและนำรูปไปใช้ ดังเช่น ตุลย์ หิรัญญลาวัลย์ ได้โพสต์ข้อความเผ็ดร้อนผ่านเฟซบุ๊ก Tul Hirunyalawan ว่า
“ในฐานะช่างภาพสามัญสำนึกขั้นพื้นฐานคือการไม่ไปแอบอ้างหรือนำเอาภาพของบุคคลอื่นมาอวดอ้างว่าตนเป็นผู้บันทึกและยิ่งเป็นภาพประวัติศาสตร์ที่เชื่อว่าคนไทยทุกคนเคยเห็นหรือมีไว้เทิดทูนบูชา ยิ่งเป็นการไม่สมควรด้วยประการทั้งปวง ตัดสินใจโพสต์ข้อความนี้เพราะต้องการให้คนในวงการถ่ายภาพ หรือบุคคลทั่วไปได้ทราบว่า "อ.รชฏ วิสราญกุล เป็นผู้บันทึกภาพประวัติศาสตร์ภาพนี้" โดยในจุดที่ถ่ายภาพประวัติศาสตร์ดังกล่าวนั้น ไม่มีบุคคลผู้ที่แอบอ้างว่าเป็นผู้บันทึกอยู่เลยด้วยซ้ำ
น่าสลดใจที่คนที่มีคุณูปการต่อสังคมต่อวงการถ่ายภาพกลับถูกรังแกจากผู้ที่เอาตัวเอาหน้าไปออกสื่อและพูดอย่างหน้าตาเฉยว่าตนเป็นผู้บันทึก(คิดได้ไง) กี่ครั้งกี่หนแล้วที่คนนี้เอาเรื่องแนวนี้มาแอบอ้างว่าได้รับการแต่งตั้งได้รับความไว้วางใจแต่เพียงผู้เดียว เพื่อเอาดีเข้าตัว คนดีๆที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ยังถูกรังแก ในอนาคตผู้ที่บันทึกอาจจะถูกปรามาสว่า เอารูปของคนที่ไม่ได้บันทึกมาแอบอ้างว่าเป็นของตัวเองก็เป็นได้ แล้วนับประสาอะไรกับคนปกติธรรมดาอย่างเราๆ จะอ้าปากพูดอะไรได้
ช่วยส่งต่อๆ กันไปนะครับอย่างน้อยรูปที่พวกเราเห็นกันทั้งประเทศจะได้ทราบว่า อ. รชฏ วิสราญกุล เป็นผู้บันทึก และอย่ามาอ้างว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือทำไปเพราะเทิดทูนสถาบัน “เพราะนั่นไม่ใช่ เจตนาที่ทำนั้นทุจริตและไร้จริยธรรมอย่างชัดเจน” ลองไปย้อนดูในสื่อต่างๆ ดูนะครับ หาได้ไม่ยากเลย กล้าทำก็ต้องยอมรับผลของการกระทำนะครับ ดูลายน้ำที่มุมล่างซ้ายซิครับ หรือเราจะนิ่งเฉยกันต่อไปครับ”
** อ.รชฏ ชัดเจน รูปนี้ผม “ไม่ยอม”
การเป็น “ช่างภาพ” และได้รับความชื่นชมในผลงานถือว่าประสบความสำเร็จในอาชีพช่างภาพแล้ว ทว่าการได้รับเกียรติให้เป็นส่วนหนึ่งของช่างภาพที่มีโอกาสได้บันทึกรูปภาพประวัติศาสตร์ในเหตุการณ์สำคัญอย่างงานพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติ ๖๐ ปี ในหลวง รัชกาลที่ ๙ นับเป็นบุญวาสนาที่ไม่ใช่จะเกิดขึ้นกับใครง่ายๆ ยิ่งรูปถ่ายที่เกิดจากความตั้งใจ ทุ่มเท เมื่อบันทึกภาพออกมาแล้วเกิดเป็นภาพที่ทุกคนชื่นชอบ แต่จู่ๆ กลับถูกคนอื่นนำไปแอบอ้างว่าเป็นผลงานตนเอง เป็นใครก็คงยอมไม่ได้ เช่นเดียวกับ อ.รชฏ ได้พูดผ่านคลิปวิดีโอบนเฟซบุ๊กที่ถูกอัปโหลด โดย นายวิชัย เจาวัฒนา เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 59 ที่ผ่านมาว่า
“หลังจากได้ทราบเรื่องราวต่างๆ จากเพื่อนๆ และได้มีโอกาสเจอกับอนุชัยในงานหนึ่งเมื่อต้นเดือนธ.ค. ที่ผ่านมา และเป็นเขาที่เดินเข้ามาคุยกับผมก่อน ผมจึงเอ่ยปากบอกว่า รูปนี้เป็นรูปของผม ผมจำได้ ผมแน่ใจ แล้วคุณเอาไปออกสื่อทั้งหนังสือพิมพ์ ทั้งทีวี สื่อต่างๆ ผมบอกเลยว่ารูปนี้ผมยอมไม่ได้ ผมพร้อมไปพิสูจน์ในศาล ไม่ว่ายังไงรูปนี้ผมก็ไม่ยอม ต้องทำความจริงให้ปรากฏ พร้อมกับบอก คุณทำอะไรอยู่กับใจ คุณต้องแก้ไขให้ถูกต้อง เพราะคุณยังมีโอกาสแก้ไขให้ถูกต้อง ผมบอกกับเขาว่าช่วงนี้โปรโมชันนะ ถ้าคุณจะแก้ไขยังมีเวลาอยู่ แต่นี่เมื่อวานนี้ยังไปออกรายการโทรทัศน์ ดังนั้นผมไม่ยอมแน่นอน”
** เมื่อคลื่นลูกใหญ่ถาโถม “อนุชัย”
สำหรับความคืบหน้าล่าสุด เมื่อผู้สื่อข่าวขอต่อสายตรงไปยัง "อนุชัย" เจ้าตัวยังไม่ขอให้รายละเอียดใดๆ โดยให้เหตุผลว่ายังไม่พร้อมให้ข้อมูลเพิ่มเติม เนื่องจากเพิ่งทราบความเคลื่อนไหวเรื่องการให้ออกจากการเป็นสมาชิกภาพของ "สมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์" เมื่อคืนวันที่ 21 ธ.ค.ที่ผ่านมานี้เอง
อย่างไรก็ตาม อนุชัยได้เคยชี้แจงต้นเหตุความผิดพลาดที่เกิดขึ้นเอาไว้แล้ว ตั้งแต่เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยโพสต์ลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว "Anuchai Secharunputong" เพื่อขอโทษเจ้าของภาพตัวจริงอย่างเป็นทางการ ด้วยใจความดังนี้
"ขอชี้แจงครับ ในช่วงที่ผ่านมามีสื่อทั้งหนังสือพิมพ์และรายการทีวี มาขอสัมภาษณ์เรื่องการทำงานของผม หลังจากสัมภาษณ์ผม ผมและน้องที่ทำงาน ได้ส่งรูปประกอบการสัมภาษณ์ มีรูปหนึ่งอาจทำให้เข้าใจคลาดเคลื่อนได้ ซึ่งในเวลาขณะนั้น (10 ปีที่แล้ว) ผู้ใหญ่ที่ให้โอกาสผมทำงาน ได้ให้ผมตกแต่งพระรูปนี้ให้สวยงาม
ซึ่งใช้ไฟล์ภาพมากกว่า 1 ไฟล์ รวมถึงไฟล์ภาพของผมด้วย เสร็จแล้วก็ส่งให้ผู้ใหญ่ท่านนั้นไปเผยแพร่ เวลาผ่านมา 10 ปี ผมไม่อาจค้นไฟล์ภาพได้อย่างชัดเจน ทั้งที่ผมในเวลานั้น ผมเป็นคนอาสารวบรวมไฟล์ เขียนซีดีแจกให้ช่างภาพทุกคน เพราะ HD (Hard Disk) ที่ผมเก็บงานดังกล่าวเสียหาย จนภาพนี้ออกสื่อ
มีพี่ที่ผมนับถือมาตลอด ท้วงติงว่าไฟล์ดังกล่าวเป็นของพี่เขา เพื่อไม่อยากให้มีบรรยากาศของความขัดแย้งในห้วงเวลานี้ โดยเฉพาะกับพระรูปนี้ ผมจึงประกาศว่า ภาพนี้ผมเป็นผู้ตกแต่งให้สวยงาม และไฟล์ภาพเป็นของ "พี่รชฏ วิสราญกุล" เพื่อสื่ออื่นๆ ที่ไปดาวน์โหลดมาใช้ จะได้ข้อมูลที่ถูกต้อง
สุดท้ายขอกราบขอโทษในความผิดพลาดในครั้งนี้ด้วยครับ ตลอดจน พี่รชฎ วิสราญกุล ครับ"
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวผู้เคยเดินทางไปสัมภาษณ์อนุชัยในช่วงหลังการเสด็จสวรรคตของในหลวงรัชกาลที่ ๙ รายงานว่า หลังจากพูดคุยให้สัมภาษณ์เรียบร้อยแล้ว ได้มีการพูดคุยกันเรื่องการขอไฟล์ภาพถ่ายด้วยฝีมือตนเองเพื่อขอมาเผยแพร่ในสื่อ ขณะนั้นทางอนุชัยพยายามหาไฟล์ภาพในคอมพิวเตอร์สักพักใหญ่ๆ แต่หาโฟลเดอร์ภาพที่ต้องการยังไม่พบ เนื่องจากมีปัญหาเรื่องการจัดเก็บไฟล์ภาพบางอย่าง จึงขอส่งไฟล์ฝีมือภาพถ่ายของตนให้ผู้สื่อข่าวทางระบบออนไลน์ในภายหลัง
กระทั่งปรากฏออกมาเป็นภาพที่ได้รับการอนุมัติให้เผยแพร่ได้ตามที่เห็นในสื่อ และกลายมาเป็นประเด็นร้อนเรื่องการแอบอ้างภาพและผิดลิขสิทธิ์อันเนื่องมาจากความผิดพลาดในการจัดระบบคอมพิวเตอร์ในกรณีล่าสุด ทั้งนี้อาจมีการชี้แจงเพิ่มเติมออกมาจากฝั่งผู้ถูกกล่าวหาในภายหลัง เมื่อมีข้อมูลที่ชัดเจนและพร้อมให้สัมภาษณ์มากกว่านี้
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754