เสียวสันหลังวาบ! ถูกพนักงานเอไอเอสเจาะข้อมูลส่วนตัวลึกยิ่งกว่าลึก ค้นพิกัด ตามรอยโทรศัพท์ออกมาเป็นนาทีต่อนาที เพื่อใช้ข้อมูลตรงนี้ไปแลกเงินหลักแสนจากผู้มีอิทธิพล โชคดีเหยื่อไหวตัวทันเพราะพลเมืองดีส่งพรายมากระซิบบอก พร้อมแนบหลักฐานการใช้โทรศัพท์ตลอด 1 ปีที่ถูกเจาะ งานนี้ไม่มียอมความง่ายๆ เพราะต้องการยุติระบบอันหละหลวมของค่ายมือถือ ขายข้อมูลลูกค้าให้เงามืดในสังคมอย่างไร้การตรวจสอบ เหมือนผลักให้เหยื่อไปอยู่ในเงื้อมมือของมัจจุราชโดยไม่มีความมั่นใจใดๆ มอบให้เลย...
เสี่ยงต่อชีวิต สิทธิพิเศษสำหรับคุณ!!
[พยายามแชตคุยเพื่อสอบถามความคืบหน้ากับเจ้าหน้าที่]
“หมดความเชื่อมั่น!!! พนักงานบริษัท AIS ถือวิสาสะขโมยข้อมูลลูกค้าไปให้บุคคลภายนอก ไม่โดนเองไม่รู้” คำบอกเล่าจากกระทู้นี้เพียงกระทู้เดียว เล่นเอามุมมืดๆ เบื้องหลังกิจการโทรคมนาคมแดงฉานไปทั่วประเทศ เมื่อได้ทราบข้อเท็จจริงที่ว่าพนักงานระดับไม่เล็กในนั้น รับเงินครั้งละเป็นแสนจากผู้มีอิทธิพล เพื่อแลกกับข้อมูลการใช้โทรศัพท์ทั้งหมดในระบบของคนที่ว่าจ้างอยากได้
เหยื่อรายนี้ไม่คาดคิดว่าเรื่องราวการขุดค้นข้อมูลเหล่านี้จะมีจริง กระทั่งได้มาเจอจังๆ กับตัว พร้อมหลักฐานโต้งๆ ที่แนบมาให้จากผู้หวังดี เป็นไฟล์ excel ข้อมูลบันทึกการโทร.เข้า-ออก รวมถึงพิกัดสถานที่ ณ จุดที่เหยื่อกำลังใช้โทรศัพท์ดำเนินการสนทนาอยู่ด้วย เรียกได้ว่าสามารถรู้ความเคลื่อนไหวทุกอย่างได้ ไม่ต่างจากการติดเครื่องจีพีเอสเพื่อสะกดรอยเลยทีเดียว
ที่น่าตกใจคือ สายจากวงในผู้หวังดี สืบจนได้ข้อมูลมาประเคนให้ว่า มีบุคคลผู้บงการจ่ายปึกแบงก์หน้าๆ ให้พนักงานคนนี้ถึงคราวละเป็นแสน เพื่อแลกกับการเจาะข้อมูลเกี่ยวกับเหยื่อรายนี้ และที่น่าตกใจมากกว่านั้นคือ รายนี้ไม่ใช่เพียงรายเดียวที่ถูกจ้างให้แฝงตัวมาล้วงข้อมูล แต่ยังมีรายอื่นๆ ที่ถูกกระทำโดยไม่รู้ตัวเป็นเวลาหลายปีแล้ว
[ข้อมูลเชิงลึกละเอียดมาก จนเห็นแล้วยังกลัวแทน...]
นักสืบเฉพาะกิจเหล่านี้จะส่งข้อมูลทุกอย่างให้ผู้ว่าจ้างด้วยวิธีอันรวดเร็ว ถ้าอยากรู้ว่าคนชักใยอยู่เบื้องหลังรายนี้คือใคร ทำไมต้องมาตามเจาะข้อมูลเชิงลึกคนคนนึงกันขนาดนี้ด้วย เหยื่อสาวผู้ตั้งกระทู้ในพันทิป ผู้ไม่ประสงค์จะออกนามรายนี้ ก็พอจะได้คำตอบแล้วว่าน่าจะมีอยู่เพียงคนเดียวที่จะทำ
“สามีของดิฉันทำอาชีพเกี่ยวกับการออกแบบตกแต่งภายใน และที่ผ่านมาได้รับทำงานให้กับลูกค้ารายหนึ่ง ซึ่งทราบภายหลังว่าเป็นผู้มีอิทธิพล ต่อมาการทำงานได้เกิดปัญหา และทำให้ทีมงานต่างๆ ที่มาทำงานร่วมกัน ไม่ว่าจะมาจากไหน มาจากใคร ใครแนะนำมา ล้วนแล้วแต่ไม่มีใครสามารถทำงานต่อได้ตลอดรอดฝั่ง ทุกคนล้วนหนีไป หายไป หรือเงียบไป ติดต่อไม่ได้
สามีดิฉันก็ได้พยายามประคับประคองผ่อนหนักผ่อนเบาและยอมอดทน เพื่อหวังให้การทำงานสำเร็จลุล่วง อดทนอยู่เป็นเวลาหลายปี ครอบครัวก็กล้ำกลืนฝืนทน แต่งานก็ไม่มีทีท่าว่าจะจบ ปัญหาต่างๆ ก็เกิดขึ้นอยู่ตลอด ต่างจากลูกค้าคนอื่นๆ อย่างมาก ดิฉันและสามี และรวมถึงครอบครัวของดิฉันเคยได้รับการข่มขู่ 'เอาชีวิต' มาแล้วจากผู้มีอิทธิพลคนนี้ และได้ทำการแจ้งความไปก่อนหน้านี้แล้ว
อีกทั้งตัวดิฉันเองก็เคยโดนส่งคนมาเดินตามข่มขู่ถึงที่ทำงาน (มีหลักฐานเป็น VDO จากกล้องวงจรปิด) และดิฉันก็ได้แจ้งความไว้แล้วเช่นกัน ความทุกข์ความอึดอัดที่เกิดขึ้น มันทำให้ครอบครัวของดิฉัน ต้องทิ้งบ้าน ไม่สามารถอยู่ที่เดิมได้ และต้องออกมาดิ้นรนเพื่อหนีให้พ้นจากอิทธิพลของคนที่กล่าวถึง
ขอให้ทุกท่านเข้าใจถึงความทุกข์ของดิฉันว่า การโดนข่มขู่คุกคามจนกระทั่งไม่สามารถอยู่บ้านตัวเองได้นั้น มันสาหัสแค่ไหน และเมื่อไม่นานมานี้ ดิฉันได้รับข้อมูลต่างๆ จาก 'ผู้หวังดี' ซึ่งผู้หวังดีคนนี้ ก็เป็น...ของผู้มีอิทธิพลรายนั้น ส่งข้อมูลต่างๆ ให้ดิฉัน ซึ่งมันทำให้ดิฉันตกใจและหวาดกลัวมากยิ่งขึ้น
เพราะมันเป็นข้อมูลของดิฉัน ของสามี ของแม่ ของลูก ของญาติทุกคน ภาพถ่าย และข้อมูลอื่นๆ มากมาย รวมถึงข้อมูลการว่าจ้าง 'พนักงานคนหนึ่งของ AIS' ให้สืบค้นข้อมูลของดิฉัน
ดิฉันทราบชื่อของพนักงานคนนั้น รู้ว่าทำงานที่ AIS สำนักงานใหญ่ ดิฉันให้ผู้ใหญ่ที่เคารพ ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล และพบว่าเป็นความจริงดังที่ผู้หวังดีแจ้งกับดิฉัน การที่บริษัทใหญ่อย่าง AIS นิ่งเฉย และไม่ดำเนินการใดๆ ทั้งๆ ที่ดิฉันแจ้งเรื่องเข้าไปเกือบจะทุกช่องทางที่ AIS มีให้ เรื่องก็ยังเงียบ แล้วมันจะสร้างความเชื่อมั่นได้อย่างไรคะ
ในเมื่อบริษัท AIS มีระบบที่หละหลวม สามารถให้พนักงานทำงานให้แก่เงินค่าจ้างจากผู้มีอิทธิพล เพื่อจะสืบข้อมูลของใคร ดูข้อมูลของใครยังไงก็ได้แบบนี้ ความปลอดภัยของดิฉันและครอบครัว อยู่ที่ไหน!!? หรือพนักงานคนนั้นจะใหญ่โตมากใน AIS ถึงได้ช่วยกันถ่วงเวลากันจังคะ ขอให้เป็นตัวคุณหรือญาติของพวกคุณบ้าง จะนิ่งเฉยแบบนี้ไหมคะ??
ไม่แน่ว่าวันนึงข้อมูลของพวกท่านอาจจะไปอยู่ในมือใครที่ไม่ชอบท่านก็เป็นได้ และ AIS ก็จะเฉย ไม่สนไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น... ดิฉันเป็นลูกค้า AIS ถึงแม้จะไม่นาน เพียง 5 ปี แต่ความเชื่อมั่นต่างๆ มันสูญสลายไปหมดแล้วค่ะ”
โทษแต่พนักงาน ยังไม่มีมาตรการความปลอดภัยระบบ...
“จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น บริษัทได้ทำการตรวจสอบแล้วพบว่าพนักงานมีเจตนากระทำผิดจริง โดยอาศัยอำนาจหน้าที่กระทำผิดกฎข้อบังคับในเรื่องนโยบายความปลอดภัยข้อมูลของลูกค้า ซึ่งเอไอเอสให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง
พนักงานที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง จะไม่สามารถเข้าไปดูหรือตรวจสอบรายละเอียด และส่งให้ผู้ที่ไม่ใช่เจ้าของเลขหมายได้อย่างเด็ดขาด จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เอไอเอสได้พิจารณาให้พนักงานคนดังกล่าว พ้นสภาพทันทีและจะมีการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป”
ภายหลังเรื่องราวดังกล่าวกลายเป็นประเด็นเดือด ทางเจ้าของเครือข่ายสัญญาณมือถือที่ยังไม่เคยออกมาแสดงความรับผิดชอบอย่างจริงจังที่ไหน ก็เร่งออกมาผ่านประกาศบนกระทู้ที่กำลังถูกจับตา พร้อมกับย้ำชัดครั้งว่าได้จัดการส่วนไหนไปแล้วบ้าง และนี่คือคำยืนยันจาก วิไล เคียงประดู่ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส งานประชาสัมพันธ์ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส
“เอไอเอสของเรามีมาตรการที่เข้มงวด และได้ให้ความสำคัญกับกฎข้อบังคับในเรื่องนโยบายความปลอดภัยของข้อมูลลูกค้าอย่างสูงสุดมาโดยตลอด สำหรับกรณีดังกล่าว บริษัทได้ทำการตรวจสอบแล้ว พบว่าพนักงานมีเจตนากระทำความผิดจริง โดยอาศัยอำนาจหน้าที่ กระทำผิดกฎข้อบังคับ ในเรื่องนโยบายความปลอดภัยของข้อมูลลูกค้า โดยบริษัทได้พิจารณาให้พนักงานคนดังกล่าวพ้นสภาพทันที และได้แจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว
อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นทางบริษัทยังไม่ทราบเหตุจูงใจการกระทำของพนักงานรายดังกล่าว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และการดำเนินการทางกฎหมาย และขอยืนยันว่าบริษัทจะเอาผิดพนักงานที่มีเจตนาทุจริตให้ถึงที่สุด”
อ่านข้อความข้างต้นดูแล้ว เหมือนทุกอย่างจะจบลงด้วยดี แต่สำหรับเหยื่อที่ถูกขายข้อมูลความปลอดภัยของชีวิตให้แก่อริแบบนี้ บอกเลยไม่มีวันจบง่ายๆ และจะดำเนินการทางคดี เพื่อให้เป็นบทเรียนสำคัญ ให้เครือข่ายมือถือไม่ว่าค่ายไหนๆ หัดรู้จักมีกฎเหล็กและสร้างระบบรองรับที่รัดกุมกว่านี้ ถึงตอนนั้น ต่อให้จะมีคนแฮกข้อมูลเก่งแค่ไหน แต่ความปลอดภัยก็จะยังคงอยู่ไปได้อีกนาน แต่ดูเหมือนว่าจะยังไม่เห็นวี่แววระบบที่ปลอดภัยอย่างว่าเลย ถ้าวัดจากคำให้สัมภาษณ์ของเหยื่อฝ่ายชาย ที่บอกไว้ผ่านรายการ "ข่าวข้น คนเนชั่น"
“ในครั้งแรก ผมแจ้งทางคอลเซ็นเตอร์ เขาตอบกลับผมมาว่าไม่สามารถดำเนินการใดๆ ได้ ให้ผมไปแจ้งความของผมเอง ครั้งต่อมา ภรรยาผมก็เลยไปแจ้งเรื่องที่เอไอเอสชอป ไปตามเรื่องกับคนที่ส่งเรื่องไป ผ่านไป 4-5 วัน พบว่าไม่มีความคืบหน้าอะไรเลย ไม่มีใครติดต่อกลับมา
จนสุดท้าย ผมคิดว่าถ้าจะปล่อยเรื่องให้เงียบแบบนี้ คงไม่เป็นผลดีต่อตัวเรา ผมก็เลยตัดสินใจโพสต์ข่าวนี้ให้ทางสื่อโซเชียลฯ ได้รับทราบ และในวันรุ่งขึ้นก็ได้รับแจ้งจากทางเอไอเอสครับว่า ได้ไล่พนักงานคนนั้นออกแล้ว
มาถึงตอนนี้ ผมกับภรรยาก็ยังไม่ได้เรียกร้องอะไรเลยครับ เท่าที่ได้พูดคุยกับทางผู้บริหารของเอไอเอส เขาก็ไม่มีความชัดเจน ความคืบหน้า หรืออะไรสักอย่าง มีแต่บอกว่าจะช่วยจ่ายค่าโทรศัพท์ให้ ผมก็บอกว่าไม่เป็นไรครับ ค่าโทรศัพท์ผมมีปัญญาจ่ายเอง
ผมแค่ตั้งใจจะเรียกร้องความถูกต้องให้แก่ผู้ใช้บริการค่ายมือถือ ไม่ใช่เฉพาะกับเอไอเอสนะครับ จะดีแทค หรือจะทรู ก็ตามแต่ ผู้ใช้บริการจะต้องได้รับความปลอดภัยและเชื่อมั่นได้ว่าข้อมูลของเรา ซึ่งเป็นสามัญชนบุคคลธรรมดาจะปลอดภัย
ถามว่าเราจะมั่นใจได้อย่างไรว่า จู่ๆ วันนึงผู้มีอิทธิพลก็จ้างพนักงานเอไอเอสสักนึง เพื่อเอาข้อมูลของเราไปทำประโยชน์อะไรบางอย่าง ซึ่งเราก็วางใจไม่ได้เลย ผมจึงอยากให้มันเกิดความชัดเจนอะไรสักอย่างขึ้นเพื่อสร้างความยุติธรรมให้แก่ผู้บริโภคต่อจากนี้”
ไม่มีสัญญาณความปลอดภัยจากเลขหมายที่ท่านเรียกในขณะนี้... มีเพียงคำแก้ต่างจากฝ่ายผู้ดูแลภาพลักษณ์องค์กรเท่านั้น ที่ออกมาขับเคลื่อนครั้งล่าสุดโดยการขอนัดพูดคุยกับทางเหยื่อ ที่เหมือนจะยิ่งทำให้ “ความเชื่อใจ” ที่พังอยู่แล้ว ฟื้นกลับคืนมาไม่ได้อีกเลย...
“ทาง AIS กล่าวแค่ว่า ได้ไล่พนักงานคนนั้นออกไปแล้ว และจะปรับปรุงระบบให้ดีขึ้น... จบ ใช่ค่ะ!! จบง่ายๆ แบบนี้แหละค่ะ โดยทั้ง 4 ท่าน พยายามอธิบายให้ดิฉันและสามีฟังว่า เรามีการตรวจสอบที่ดี ระบบของเราดี พนักงานผิดและได้ไล่ออกแล้ว บลาๆๆๆ ดิฉันและสามีนั่งทนฟังได้สักพัก ก็คิดว่าทนไปมากกว่านี้ไม่ไหวแล้ว ไม่ได้จริงใจในการแก้ปัญหาให้แก่ตัวดิฉันและสามีเลย แม้แต่นิดเดียว
เขาพยายามจะโยนความผิดไปให้พนักงาน และอธิบายความเลิศเลอของระบบการตรวจสอบภายในของ AIS ถ้ามันเป็นอย่างที่พวกคุณว่ามาจริงๆ ข้อมูลของดิฉันและคนอื่น ๆ จะหลุดออกมาแบบนี้เหรอคะ? ดิฉันถามกลับและได้แต่ความเงียบ ความว่างเปล่า
ดิฉันเสียใจ และผิดหวังต่อท่าทีของ AIS ในครั้งนี้เป็นอย่างมาก ดิฉันโกรธจนตัวสั่น จนสามีต้องเอามือมาจับเข่าดิฉันเอาไว้ ขอแรงเพื่อนๆ เลยค่ะ ดิฉันจะขอเป็นตัวแทนของลูกค้า AIS ทุกคน ต่อสู้เพื่อทวงถามความยุติธรรม และดิฉันจะต่อสู้ทุกช่องทาง
หากกระทู้นี้จะเงียบ จะตกไป ดิฉันก็จะตั้งใหม่ และจะต่อสู้กับความชั่ว ความอยุติธรรม และอิทธิพลเถื่อนทั้งหลายที่จะถาโถมเข้ามาหาดิฉันหลังจากวันนี้ ขอให้ตัวดิฉันทำมันได้ด้วยเทอญ... หากดิฉันจะต้องมีอันเป็นไป ขอให้ผลกรรมนี้ส่งผลถึงผู้กระทำอย่างสาสม...”
ข่าวโดย ผู้จัดการ Live
ขอบคุณข้อมูล: pantip.com/topic/35589452
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754