ขึ้นชื่อว่า "ความรู้สึก" ย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา เช่นเดียวกับความรู้สึก "รัก" ที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ไม่ได้คงอยู่ตลอดไป...คือความจริงที่ "ตุ๊กตุ่น-รจเลข สุรกานต์โกศล" อดีตภรรยา "ตั้ม-สุธน บู่สามสาย” หรือ "ตั้ม เดอะสตาร์ 10" รู้ซึ้งแก่ใจดี หลังฝ่ายชายออกมาแถลงข่าวทั้งน้ำตา ยอมรับผิดนอกใจ พร้อมกับคำวาทกรรมย่ำยีหัวใจเมีย "เอาลูกไม่เอาแม่"
"...ผู้ใหญ่เคยเตือนก่อนหน้านี้แล้ว เราพูดมาตลอดกับตั้ม เราเป็นคนที่ใช้ความรัก และหัวใจในการตัดสิน เราไม่ค่อยใช้สมอง ซึ่งอันนี้มันก็แย่ มันมีทั้งข้อดี และข้อเสีย ซึ่งข้อเสียคือถ้าเราใช้สมองมันคงจะคิดถึงองค์ประกอบหลายๆ อย่าง เช่น พื้นฐานทางครอบครัว อายุ ว่ามันเหมาะสมกันมั้ย คนเราสร้างครอบครัวกัน มันเหมาะสมกันมั้ย
ถ้าเราใช้สมองในการเลือกคนที่จะมาเป็นพ่อของลูก ความรักก็จะเป็นอีกแบบ ซึ่งตอนนั้นเราพูดว่าเราจะไม่เสียใจ แต่วันนี้เราเสียใจ แต่เราก็ยังยิ้มได้ เพราะมันเป็นสิ่งที่เราเลือกเองตั้งแต่แรก และวันนี้สิ่งที่เราได้รับคือมีลูกที่น่ารักสองคน (เฌอตาร์กับมาตฤณ) มันคือความสุขสูงสุดของเราแล้ว และก็พร้อมยอมรับการตัดสินใจในอดีตที่ผ่านมาว่าฉันเป็นคนเลือกเอง...."
เป็นคำพูดของคุณแม่ลูกสองที่เคยให้สัมภาษณ์ถึงการตัดสินใจในอดีตที่ไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขอะไรได้ แต่หลังจากผ่านมรสุมข่าวมาจนถึงวันนี้ แม้จะฟังเพลงรักไม่หวานเหมือนเคย ทว่ามนุษย์แม่วัย 30 กว่าๆ ก็พยายามมองโลกในแง่ดีด้วยการมองเห็นวันพรุ่งนี้มากกว่าที่จะจมอยู่กับอดีต และเชื่อว่าคนเรายังสร้างสิ่งที่ดีกว่าให้เกิดขึ้นได้เสมอ
"ชีวิตต้องเดินไปข้างหน้าค่ะ ช่วงนี้ก็ (ลากเสียงยาว) ดูแลลูกๆ ค่ะ ไม่ค่อยได้นอนเต็มอิ่มสักเท่าไร (ยิ้มเหนื่อยๆ) แต่จริงๆ แล้ว เรื่องการดูแลลูกมันก็เป็นชีวิตประจำวันของตุ่นที่ต้องทำอยู่แล้วค่ะ ชีวิตตอนนี้ก็ทำงาน เลี้ยงลูกค่ะ หลักๆ เลยตุ่นต้องให้นมแม่กับลูกคนเล็ก (มาตฤณ ลูกชายวัย 5 เดือน) ทุกๆ 3 ชั่วโมง แล้วก็ต้องตื่นขึ้นมาปั๊มนมให้ลูกทุกๆ 3 ชั่วโมงค่ะ" คุณแม่ลูกสองเริ่มต้นเล่า
นอกจากเวลานอนที่ไม่ค่อยพอแล้ว เธอยังเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ว่า "ยังนอนไม่หลับเพราะสาเหตุอื่นๆ ด้วยค่ะ" พูดจบมนุษย์แม่ท่านนี้ก็หัวเราะกลบเกลื่อนความเหนื่อยล้า แต่ดวงตากลับฉายแววแห่งความเศร้าออกมาอย่างปิดไม่มิด
ชีวิตมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร
ปฏิเสธไม่ได้ว่า เส้นทางชีวิตของ "มนุษย์" เต็มไปด้วยสิ่งที่คาดเดาไม่ได้ ความทุกข์มักเข้ามาทักทายโดยไม่ทันให้เราได้ตั้งตัว เช่นเดียวกับเรื่องร้ายๆ และอุปสรรคในระหว่างทางของ "มนุษย์แม่" ท่านนี้ที่ไม่คาดคิดว่าชีวิตจะมาถึงจุดนี้
"มีบางคนบอกตุ่นว่า อยู่ๆ ก็ถูกยัดเยียด 2 สถานะมาให้แล้วแต่จะเลือก ระหว่าง 'เมียหลวง' กับ 'ซิงเกิลมัม' (เว้นช่วง) เออก็จริงเนอะ นั่งเลี้ยงลูกอยู่ดีๆ อ้าว! มีอีก 2 สถานะใหม่เข้ามาซะงั้น (ยิ้มแห้งๆ) ส่วนตัวมองว่า...ชีวิตมันก็ต้องเป็นไปค่ะ เราต้องมองไปข้างหน้า ชีวิตมันไม่ได้อยู่ที่อดีต ดังนั้น หลังจากนี้คงต้องวางแผนชีวิตให้ดีๆ และต้องทำให้มันดีกว่าวันนี้ให้ได้"
เมื่อถามลำดับความสำคัญในชีวิตตอนนี้มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร นี่คือสิ่งเธอพยายามอธิบาย และไล่เรียงให้ฟัง
"ตุ่นมีพี่ผู้ใหญ่ที่เคารพรักหลายท่าน ซึ่งมีธรรมะนำทาง ตุ่นได้รับคำแนะนำว่า ให้ลองลำดับความสำคัญในชีวิตออกมา แล้วดูว่าอะไรที่เรากำลังทำอยู่ ณ ปัจจุบัน เราทำสิ่งนั้นได้ดีแล้วหรือยัง เราให้ความสำคัญกับบทบาทหน้าที่ของเราอันไหนบ้าง หลังจากได้ฟัง ตุ่นก็นั่งลิสต์ นั่งเขียน อย่างแรกตุ่นให้ความสำคัญกับบทบาทของความเป็นแม่ เพราะแน่นอนตุ่นเป็นคุณแม่ลูกสอง ซึ่งบทบาทนี้ตุ่นไม่ได้อวยตัวเอง แต่ตุ่นมั่นใจว่าตุ่นไม่บกพร่องในเรื่องนี้
ถัดมา คือบทบาทลูกของแม่กับบทบาทภรรยาของสามี ลำดับความสำคัญตรงนี้ ตอนแรกก็ถัดกันไปมา ไม่มั่นใจว่าอันไหนสำคัญมากน้อยกว่ากัน เพราะบางทียอมรับว่าหลงลืมคุณแม่ เนื่องจากไปดูแลสามีเสียมาก ในขณะเดียวกันก็หลงลืมสามี เนื่องจากไปดูแลคุณแม่มากเกินไป หรือบางทีก็หลงลืมทั้งสองคน เนื่องจากเอาเวลาไปดูแลลูกมากเกินไป ซึ่งลูก ตุ่นให้เต็มที่มาตลอดค่ะ
ถึงวันนี้นอกจากลูกๆ แล้ว บทบาทลูกของแม่คือสิ่งที่ตุ่นให้ความสำคัญรองลงมา ไม่ว่าแม่อยากกินอะไร ทำอะไร ตุ่นเต็มที่ค่ะ ตุ่นตามใจเขา ส่วนสามีได้เป็นอดีตไปแล้ว ตุ่นก็ปล่อยค่ะ ก่อนหน้านี้ก็ปล่อยนะคะ (ยิ้ม) ไม่ใช่มาเกิดเรื่องแล้วจึงปล่อย ตอนที่เป็นคู่กัน ตุ่นก็ปล่อยให้เขามีอิสระในการทำงานและการใช้ชีวิต จนบางคนบอกตุ่นว่า เธอให้อิสระเขามากไป ซึ่งจริงๆ แล้วตัวเขาเองน่าจะรู้ดีที่สุดค่ะว่าเป็นยังไง เพราะอะไร วันนี้ชีวิตตุ่นไม่ได้เปลี่ยนนะ แต่ชีวิตเขาที่เปลี่ยน"
กลับมาทำไมถ้าไม่รักกันแล้ว
หลังมรสุมข่าวค่อยๆ หายไป ถามว่าอีกฝ่ายติดต่อกลับมาบ้างหรือเปล่า "เขายังติดต่อมาอยู่ค่ะ" เธอบอก ก่อนจะเผยต่อไป
"เขาอยากเจอลูก อยากคุยกับลูก ซึ่งในบทบาทพ่อ ตั้มเขารักลูกนะ เรื่องนี้ตุ่นรู้ดี บางทีตุ่นก็ให้เฟซไทม์คุยกับลูกๆ เพราะอย่างไรก็ตาม ลูกต้องมีความสุขที่สุด ลูกเป็นอันดับหนึ่ง ในเมื่อพ่อยังคงรักลูกๆ ของเขา พ่อเขายังอยากคุยกับลูกๆ ของเขา ตุ่นในฐานะแม่ก็ต้องมอบโอกาสให้ลูกๆ ของตุ่นได้มีความสุข แต่ในส่วนของตุ่นกับเขา โอเค เราขอยังไม่เจอคุณนะ"
ส่วนอนาคตถ้าอีกฝ่ายอยากกลับมา "ถ้ากลับมาแบบคนไม่มีใจก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะต้องกลับมา" ตุ่นบอกด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ก่อนส่งสารถึงอีกฝ่ายด้วยความเป็นห่วง "ตุ่นอยากบอกให้เขามีสติ สติในการคิดว่าแท้จริงแล้วตัวตั้มต้องการอะไรในชีวิต เพราะตัวตุ่นเอง ตุ่นมีจุดมุ่งหมายแล้ว ทุกวันนี้ตุ่นมีความสุขที่ได้อยู่กับลูกๆ ที่น่ารักทั้งสองคน เหนื่อยหน่อยแต่ก็มีความสุข ซึ่งก็โชคดีด้วยคะที่มีคุณแม่ พี่เลี้ยง และเพื่อนๆ คอยมาช่วยกันดูแลลูกๆ ทั้งสองคน"
โหมดชีวิต "มนุษย์แม่ตุ่น"
ปรับโหมดดรามาเข้ามาสู่โหมดของการเป็น "มนุษย์แม่" แม้ลูกๆ จะไม่ได้ทำให้ความเหนื่อยน้อยลง แต่ลูกๆ ก็ทำให้เหนื่อยอย่างมีความสุข
"ทุกๆ เช้า ตุ่นต้องทำกับข้าวให้ลูกๆ กินค่ะ ส่วนวันว่างๆ ก็พาไปเล่นเครื่องเล่นในห้าง หรือไม่ก็พาไปเที่ยวสวนสัตว์ ซึ่งตอนอยู่กับตั้ม ตุ่นจะบอกให้เขาพาไปบ่อยๆ ด้านสไตล์การเลี้ยงลูก ตุ่นจะให้อิสระนะ ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก ขอให้มีความสุขในการเล่น การเรียน และไม่หลุดกรอบความดีงาม อย่างลูกสาวคนโต (เฌอตาร์) ตอนนี้ 2 ขวบ 3 เดือน เริ่มเข้าเนิร์สเซอรี่ แต่ช่วงนี้ให้หยุดไปก่อน เพราะก่อนหน้านี้ไม่สบายค่ะ ติดไวรัสอาร์เอสวีลงปอดจนต้องแอดมิดเข้าโรงพยาบาล
ส่วนลูกชายคนเล็ก (มาตฤณ) ตอนนี้ก็ 5 เดือนแล้วค่ะ มีคุณแม่ เพื่อนๆ คอยช่วยเลี้ยงบ้าง ตุ่นเองเวลาไปทำงานก็จะหอบเครื่องปั๊มนมไปด้วย เพื่อนๆ ที่ทำงานก็จะรู้กันว่า ที่หายๆ ไป มันไปปั๊มนม อื๊ดๆๆๆ (ทำเสียงตอนปั๊มนม) แต่ช่วงนี้น่าเศร้าใจมากค่ะ เพราะช่วงที่ผ่านมาเครียกหนักมาก เครียดจนน้ำนมมันน้อยลงมาก (ลากเสียงยาว) แต่ก่อนปั๊มได้ 6-7 ออนซ์ต่อครั้ง ตอนนี้เหลือแค่เพียง 2-3 ออนซ์ ซึ่งมันลดลงมาแบบ..มากๆ จนทำให้มาตฤณต้องเริ่มเสริมนมชง
จริงๆ ตั้งใจให้ลูกกินนมแม่ไปจนถึงประมาณ 9 เดือน หรือประมาณสิ้นปีนี้ กลายเป็นว่า 5 เดือนเองอ่ะ เราต้องเริ่มมาเสริมนมชงในเดือนที่ 6 เพราะตามปกติแล้วการให้นมแม่น้อยสุดสัก 6 เดือนก็ยังดี แต่ตอนนี้ก็ไม่รู้จะทำยังไง เราก็พยายามเต็มที่แล้ว"
เมื่อถามว่าเป็นคุณแม่ขาโหดไหม "ตีค่ะ แล้วก็มีลงโทษด้วยค่ะ" เธอเน้นเสียงหนักบ่งบอกให้เห็นเลยว่า เป็นคุณแม่ที่ดุไม่น้อย "วิธีลงโทษก็มีเข้ามุมค่ะ อย่างตอนนี้ลูกสาวคนโตเริ่มเถียงเป็นละ เริ่มโต้แย้งกับทุกอย่าง ถ้าตีเขาจะไม่ค่อยเจ็บ ซึ่งเขาเป็นคนบอกเองนะ (หัวเราะ) ดังนั้น ถ้าบอกแล้วไม่ฟัง ไม่ๆๆๆๆ อย่างเดียวทั้งๆ ที่พูดในเชิงบวกก็แล้ว อะไรก็แล้ว
การเชิญไปเข้ามุมคือวิธีการลงโทษโดยไม่ต้องตีค่ะ (เป็นการแยกเด็กไปอยู่ตามลำพังโดยไม่ได้รับความสนใจ และไม่มีกิจกรรมใดๆ ประมาณ 1-2 นาที แต่ยังคงต้องอยู่ในสายตาของพ่อแม่) ก็ใช้ได้ผลดีนะ โดยเฉพาะกับลูกสาวที่เริ่มเข้าใจคำสั่งง่ายๆ ได้แล้ว ทุกวันนี้ เฌอตาร์เริ่มรู้แล้วว่า การเข้ามุมคือการลงโทษ
วันนั้นเพื่อนตุ่นมาบ้าน แล้วก็อุ้มสุนัขมาด้วย พอมันเห่าเสียงดัง และทำท่าขู่เฌอตาร์ ลูกสาวก็พูดขึ้นมาทันทีเลยว่า นายนิสัยไม่ดี นายไปเข้ามุมเลย (หัวเราะ) หรือถ้าน้องชายของเขาร้องไห้ เฌอตาร์ก็จะบอกด้วยน้ำเสียงดุๆ ว่า มาตฤณ เข้ามุม" คุณแม่ลูกสองนั่งยิ้มให้ลูกสาวที่ยืนมองอย่างไร้เดียงสาอยู่ตรงหน้า แต่ลึกๆ ก็กังวลอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะวิธีการสื่อสารกับลูกในวันที่ไม่มีคุณพ่อนอนอยู่เคียงข้าง
"...ตุ่นห่วงความรู้สึกลูก คิดไว้คร่าวๆ คือ ต้องบอกลูกว่าพ่อแม่เรารักกันนะ ในวันที่หนูเกิดมา ถึงวันนี้พ่อกับแม่ไม่ได้อยู่ด้วย แต่ไม่ได้หมายความว่า พ่อกับแม่ไม่รักหนูนะ..." คือคำพูดตอนหนึ่งที่เธอได้เคยให้สัมภาษณ์เอาไว้
เน้นเรียนอย่างมีความสุข
พูดถึงลูกสาวคนโต ไม่ถามไม่ได้ถึงการเลือก "โรงเรียน" ให้ลูก เธอบอกว่า แม้ส่วนตัวจะอยากให้ลูกๆ เข้าศึกษาในโรงเรียนนานาชาติ เพราะเล็งเห็นความสำคัญของภาษาอังกฤษ แต่ตอนนี้หลังจากประเมินตัวเองแล้วคงไม่น่าจะสู้ไหว
"ตุ่นมีลูก 2 คน ค่าใช้จ่ายทุกอย่างต้องคูณสอง ถ้าให้ลูกเรียนนานาชาติ เราต้องประเมินถึงอนาคตข้างหน้าด้วยว่าไหวหรือเปล่า สำหรับตุ่นตอนนี้เอาที่ตุ่นไหวดีกว่า ในอนาคตถ้ามีเงินมากพอก็ค่อยให้ลูกไปเรียนเสริมในเรื่องของภาษาก็ได้
สำหรับโรงเรียนที่อยู่ในใจตอนนี้ก็มีโรงเรียนอมาตยกุลค่ะ ซึ่งอยู่ใกล้ๆ บ้าน เดี๋ยวสักช่วงเดือนตุลาคมนี้ ตุ่นจะให้ลูกสาวไปจับฉลาก และลองเขียนยื่นความประสงค์เอาไว้ ส่วนที่อื่นๆ ก็มองไว้เหมือนกัน แต่หลักในการพิจารณา และเลือกโรงเรียนให้ลูก ตุ่นไม่ได้เน้นวิชาการอะไรนะ แค่อยากให้ลูกเรียนอย่างมีความสุขไปพร้อมๆ กันด้วย"
ตั้งเป้าทำธุรกิจ หาเงินเลี้ยงลูก
ด้วยความที่เป็นคุณแม่ลูกสอง และมีคุณแม่ที่ต้องดูแลอีกหนึ่งท่าน รายได้จากการเป็นพิธีกร ผู้ประกาศข่าวอย่างเดียวคงไม่น่าจะเพียงพอ
บทบาทของเธอที่โดดเด่น เคียงคู่พิธีกรหนุ่มผิวเข้มในรายการ Motoring onair ทางช่อง News1
"ตอนนี้หน้าที่หลักๆ ตุ่นเป็น ผู้ประกาศข่าว และพิธีกรรายการ Motoring onair ทางช่อง News1 ค่ะ แต่ตอนนี้คงต้องคิดทำอย่างอื่นด้วย เพราะรายได้จากทางเดียวมันก็คงไม่พอ อนาคตอยากทำธุรกิจเกี่ยวกับสินค้าเด็กนะ ที่มองๆ ไว้อยากนำเข้าสติกเกอร์กันยุงสำหรับเด็ก เพราะมองจากลูกเราแล้วแบบ..โอ้ย! โดนยุงกัด ตุ่มแดงๆ ขึ้นเต็มไปหมด ตอนนี้ก็พยายามหาอยู่ว่าอะไรที่มันใช้แล้วดี หรืออีกอย่างที่ดูไว้ก็จะเป็นน้ำมันหอมระเหยค่ะ แต่ก็ต้องหาของดีๆ ถ้ายังไม่เจอ ตุ่นก็ไม่กล้าที่จะทำ"
ส่วน "งานแสดง" เธอบอกว่า ยินดีมากๆ ถ้าผู้ใหญ่ให้โอกาส "ถ้ามีโอกาสได้เล่นละครอีก คงต้องเคาะสนิทกันนานเลยอ่ะ (หัวเราะ) เดี่ยวนะ กี่ปีแล้วอ่ะ (ทำท่านับ) โห! นานอยู่นะ คือถ้ามีใครติดต่อให้เล่นละครอีก ก็ทำนะ (ยิ้ม) คือตอนนี้ สถานการณ์แบบนี้ ทุกอย่างที่ทำแล้วได้เงินมาเลี้ยงลูก ตุ่นเอาหมด เพราะเด็กสองคนต้องใช้เงินอีกเยอะ
ดังนั้น อะไรที่ยังพอเป็นความสามารถของตุ่น แล้วตุ่นทำได้ ตุ่นรับหมดค่ะ อย่างตอนตั้มอยู่ก็ช่วยๆ กันค่ะ แต่ตอนนี้เขาไม่อยู่แล้วตุ่นก็ต้องเป็นเสาหลักของบ้าน ส่วนตัวตั้ม ตุ่นคิดว่าเขาก็คงจะช่วยนะ เพราะตั้มรักลูกมาก"
ความรักยังสวยงามเสมอ
ปิดท้ายกับมุมมองความรักที่แม้จะผ่านมรสุมชีวิตรักมาไม่นาน แต่ "ความรัก" ยังคงสวยงามสำหรับเธอเสมอ
"ทุกวันนี้ก็ยังมองความรักเป็นสิ่งสวยงามเหมือนเดิมนะ เพราะความรักมันไม่จำเป็นต้องรักแบบหนุ่มสาวเสมอไป มันเป็นความรักของแม่ที่มีต่อลูก นี่ไง (ก้มลงไปโอบกอดลูกสาวที่วิ่งมาเล่นด้วย) ความรักของตุ่นในวันนี้ มีความสุขจะตายหรือความรักของลูกที่มีต่อแม่ หรือต่อให้วันนี้สถานะของคนที่เราเคยรักมากมันเปลี่ยนแปลงไป เราก็ยังมีความรักให้แก่เพื่อนมนุษย์ได้
ดังนั้น สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับให้ได้ก็คือ ความรักมันก็หมดไปเป็นธรรมดาตามวันและเวลา ซึ่งความรักมันแปรสภาพไปเรื่อยๆ อยู่แล้ว ถ้าวันนี้ยังมัวแต่ไปตัดพ้อว่า ทำไมชีวิตฉันต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ ทำไมชีวิตฉันต้องมาเป็นแบบนี้ เราก็จะจมอยู่กับอดีต และความทุกข์ตรงนั้น
สำหรับตุ่น ความรักของเขาอาจจะมาผิดที่ผิดเวลา แต่ความรักของตุ่นยังคงอยู่ที่เดิม และตุ่นก็มีความสุขของเราได้ เท่านั้นเองค่ะ แม้บางช่วงบางเวลาจะมีห้วงของความคิดถึงสอดแทรกเข้ามาเป็นระยะๆ มันก็เป็นเรื่องปกติของคนที่เคยอยู่ร่วมกันมา สิ่งเดียวที่เราต้องมีคือสติค่ะ สติจะช่วยให้เราเดินหน้า และใช้ชีวิตต่อไปได้
แม้สีหน้ายังดูอ่อนล้าจากสงครามปัญหาที่ถาโถมเข้ามา แต่ก็เผยให้เห็นแววตาสุกใสเป็นประกาย เต็มไปด้วยทัศคติที่มองโลกในแง่บวก และนี่คือเหตุผลว่าทำไมเธอถึงฟื้นตัวจากเรื่องแย่ๆ ได้ไว "ความแกร่งตุ่นได้มาจากแม่เลยค่ะ" เธอบอก "แม่เลี้ยงตุ่นมาด้วยความเหนื่อยมากๆ สองคือตุ่นเป็นคนคิดบวก ด้วยพื้นฐานแล้วตุ่นชอบเป็นที่ปรึกษารับฟังปัญหาจากคนอื่นๆ ตุ่นก็เลยรู้สึกว่าตุ่นไม่ได้ทุกข์อยู่คนเดียว บางครั้งปัญหาของใครบางคนมันแย่กว่าเราหลายเท่าเลยนะ ตุ่นเลยรู้สึกว่า ชีวิตเรายังดีกว่าใครอีกหลายคน
ตรงนี้หรือเปล่าที่ทำให้ตุ่นได้เห็นความทุกข์ต่างๆ และเรียนรู้จากความทุกข์เหล่านั้นมาพอสมควร เมื่อมาเจอกับตัวเองยอมรับว่าแกว่งนะ แต่ก็พยายามบอกตัวเองเหมือนกับที่บอกคนอื่นๆ ว่า นิ่งให้ได้ รักตัวเองให้มาก ไอจีตอนนี้ก็มีกลุ่มคนหัวอกเดียวกันเข้ามาปรึกษา ตุ่นเองก็เข้าไปตอบค่ะ อย่างน้อยๆ ก็ได้แลกเปลี่ยน และช่วยให้เขาได้พ้นทุกข์"
สุดท้ายแล้ว แม้มันยากที่จะลืมอดีต แต่ความพยายามมองโลกในแง่ดีด้วยการมองเห็นวันพรุ่งนี้มากกว่าที่จะจมอยู่กับอดีต คือสิ่งที่ "ตุ่น-รจเลข สุรกานต์โกศล" ย้ำเตือนตัวเองอยู่ตลอดเวลา และเชื่อว่าความรัก (ของลูกๆ) จะช่วยเยียวยาหัวใจที่เจ็บช้ำให้ดีขึ้นได้ในเร็ววัน
เรื่อง : ปิยะนันท์ ขุนทอง
ภาพ : ศิวกร เสนสอน และขอบคุณภาพประกอบจากอินสตาแกรม @tuk_toon
***ลิงก์ข่าวที่เกี่ยวข้อง
(ชมคลิป) “ตุ่น” ทรุด! ร่ำไห้ หลัง “ตั้ม” เปิดใจเอาลูกไม่เอาแม่ กร้าวอดีตผัวอย่าคิดพรากลูก
ประวัติส่วนตัว
ชื่อ-นามสกุล : รจเลข สุรกานต์โกศล
ชื่อเล่น : ตุ๊กตุ่น
อายุ : 38 ปี
การศึกษา : จบการศึกษาจากปริญญาตรีนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ และปริญญาโท คณะนิเทศศาสตร์ สาขานิเทศศาสตร์ธุรกิจ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิต
ผลงาน :
- เข้าวงการตั้งแต่ปี 2540 จากการชักชวนของโมเดลลิ่ง โดยเริ่มถ่ายโฆษณาและภาพนิ่งของสินค้าต่างๆ
- เดินแบบถ่ายแบบ เล่นมิวสิกวิดีโอ รวมไปถึงงานละครและภาพยนตร์เรื่องแม่เบี้ย
(ละครเรื่องแรกคือ สาวฮอตหนุ่มเฮ้ว ทางช่อง 3 ตามมาด้วยละครเรื่องไฟล้างไฟ ทางช่อง 3 และละครเรื่องผ้าขี้ริ้วห่อดิน ทางช่อง 3)
- พิธีกรรายการ ป.ล. รักเมืองไทย
- ผู้ประกาศข่าวแจ้งรายการและข่าว 9 บริการทางช่อง 9 อสมท.
- ปัจจุบันเป็นผู้ประกาศข่าว และพิธีกร Motoring Onair ทางช่อง News1
สถานภาพ : คุณแม่ลูกสอง
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754