หงายเงิบกันทั้งประเทศ เมื่อคดีเด็กสาวม.6 โรงเรียนดังถูกฉุด กลายเป็นเรื่องโอละพ่อ เข้าตำรา "เด็กเลี้ยงแกะ" กุเรื่องทำวุ่นวายไปทั้งบาง คนหน้าแตกจะใครล่ะ ผอ.ไง ลงไลน์เตือนภัยด้วยความหวังดี ที่แท้ฉุนครูหนุ่มบ่นเรื่องไลน์ แม้จะปัดเรื่องปมชู้สาว แต่สายเผือกโซเชียลฯ ยังไม่เลิกตั้งข้อสังเกต ล่าสุดผอ.สั่งย้าย และตั้งกรรมการสอบสวนแล้ว
"ครูใจดี" กับ "เด็กเลี้ยงแกะ"
"เด็กเลี้ยงแกะ" ไม่ได้มีแต่ในนิทาน ล่าสุดเด็กสาวม.6 โรงเรียนดังเมืองนนท์ กุเรื่องถูกฉุดขึ้นรถจนตกเป็นข่าวฮือฮา สร้างความหวาดกลัวให้แก่คุณครู และบรรดาผู้ปกครองในย่านนั้นจนผอ.โรงเรียนต้องส่งข้อความเตือนภัยเข้ามาในไลน์กลุ่ม เพื่อแจ้งให้คุณครูทุกคนได้ทราบว่ามีเหตุการณ์ที่ต้องช่วยกันระวัง และดูแลเด็กนักเรียนในสังกัด
ด้านตำรวจก็ปฏิหน้าที่ตามล่ากันให้วุ่น หลังพ่อแม่เด็กพาเด็กเข้าแจ้งความ พร้อมกับเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟัง โดยอ้างว่าถูกคนร้ายเป็นชายจำนวน 3 คนฉุดขึ้นรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีดำ ขณะเดินอยู่ที่บริเวณศาลากลางหลังเก่า ท่าน้ำนนทบุรี
สุดท้ายทำทุกฝ่ายหงายเงิบ เพราะความจริงไม่ได้ถูกฉุดตามที่แจ้งความ เป็นเพียงการทะเลาะกันระหว่างเด็กสาวกับครูหนุ่มเรื่องเล่นไลน์เท่านั้น
เรื่องนี้ ครูผู้เป็นเจ้าของรถมิตซูบิชิ รุ่นปาเจโร่ สีดำคันเกิดเหตุ ที่ถูกกล่าวอ้างว่าเป็นรถฟอร์จูนเนอร์ ชี้แจงผ่านสื่อว่า ปกติจะมาโรงเรียนกับลูกศิษย์รายนี้ทุกวัน ปัจจุบันรับส่งมาได้ 1 ปีแล้ว เพราะไม่อยากให้เด็กเสียเงินเยอะ อีกทั้งพ่อแม่ของเด็กก็รู้เรื่องนี้แล้ว
ส่วนในวันเกิดเหตุนั้น เด็กได้ขึ้นรถที่จุดนัดพบ คือ หน้าร.ร.ศรีบุญยานนท์ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับหน้าศาลากลางใดๆ ทั้งสิ้น หลังจากขับมาตามปกติก็มีการบ่นกรณีเล่นไลน์มาตลอดทาง เพราะเป็นห่วงว่าจะเสียสายตา ทำให้เด็กเกิดความรำคาญใจ และขอลงจากรถ จนมาถึงจุดกลับรถเด็กก็ได้เปิดประตูลงทันที และในจังหวะนั้นจึงใช้มือจับแขนเด็กแล้วไปจอดรถตรงจุดที่กล้องจับภาพไว้ได้ ก่อนจะยอมรับว่า สนิทกับเด็กจริง แต่ไม่ได้เป็นแฟนกัน
เมื่อถามเหตุผลว่าทำไมเด็กไปแจ้งความนั้น ครูหนุ่มบอกว่า อาจจะรำคาญที่บ่นเรื่องการเล่นไลน์ แต่ไม่รู้ด้วยเหตุผลอะไรทำให้เกิดเป็นเรื่องบานปลาย
เรารู้กันอยู่สองคน!
แน่นอนว่า นอกจากกรณี "เด็กเลี้ยงแกะ" ที่หลายคนวิพากษ์วิจารณ์กันแล้ว ยังมีการตั้งข้อสังเกตถึงความสัมพันธ์ระหว่างครูหนุ่มกับนักเรียนสาวคู่นี้ โดยส่วนหนึ่งมองว่า ถ้าไม่ใช่เรื่องชู้สาว การที่ครูเตือน เด็กจะต้องเชื่อฟัง เพราะอาศัยรถครูไปโรงเรียน แต่กรณีนี้ไม่เชื่อฟัง แถมยังแสดงอาการรำคาญและขอลงจากรถ ในขณะที่บางส่วนมองว่า ความจริงคือสิ่งที่ทั้งสองคนรู้ซึ้งกันดี
ด้านผู้อำนวยการโรงเรียน ให้สัมภาษณ์ว่า ทางรมต.กระทรวงศึกษาธิการ และเลขาธิการ สพฐ.ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก ซึ่งมีนโยบายแน่ชัดระหว่าง "ครูกับนักเรียน" ดังนั้น จะต้องดำเนินการทางวินัยและตามระเบียบอย่างเคร่งครัดพร้อมกับให้ความเป็นธรรม โดยเบื้องต้นจะมีการย้ายไปช่วยราชการที่เขต และจะตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป
อย่างไรก็ดี เรื่องราวความรักที่เกินคำว่าครูและศิษย์ ยังคงเป็นประเด็นถกเถียงถึงความเหมาะสมกันอยู่ไม่น้อย ทั้งฝ่ายที่ยังมองว่า หากเกินเลยไปในทางชู้สาวหรือคนรักย่อมไม่มีความเหมาะสม ไม่ว่าจะในหรือนอกเครื่องแบบ ในขณะที่บางคนมองว่า รักกันได้แต่ต้องรอเวลาที่เหมาะสม เพื่อให้เกิดภาพความรักที่แสดงออกอย่างถูกที่ และรักกันอย่างถูกทาง
คลี่ปมปัญหา "เด็กเลี้ยงแกะ"
กลับมาที่ประเด็น "เด็กเลี้ยงแกะ" เรื่องใหญ่ที่น่าเป็นห่วงในสังคมไทย เพราะไม่เพียงแต่กรณีนี้ หากใครจำกันได้กับข่าวที่กลายเป็นเรื่องโกหกเมื่อหนูน้อยวัย 8 ขวบ ตะโกนขอความช่วยเหลือเพื่อนจมน้ำจนชาวบ้านโล่แจ้งหน่วยกู้ภัยประดาน้ำเร่งออกค้นหากันให้วุ่น สุดท้ายกลายเป็นเรื่องโกหก พบเด็กยังอยู่กับพ่อแม่ดีจนชาวบ้านตั้งฉายาให้ว่า "เด็กเลี้ยงแกะ"
เขียนถึงเรื่องนี้ ชวนให้นึกย้อนกลับไปอ่านบทความที่ "นพ.กัมปนาท ตันสิถบุตรกุล" จิตแพทย์ชื่อดังเคยให้สัมภาษณ์เอาไว้ โดยในครั้งนั้น จิตแพทย์ท่านนี้ บอกว่า การโกหกส่วนใหญ่ของเด็กอาจจะมีเหตุผลบางประการ เช่น เกรงว่าจะถูกทำโทษเมื่อทำผิด กลัวพ่อแม่จับได้จึงจำเป็นต้องโกหก ซึ่งต้องพิจารณาถึงสาเหตุหลักว่า เพราะอะไรเด็กถึงไม่ไว้ใจพ่อแม่เวลาทำสิ่งที่ไม่เหมาะสมลงไป
ส่วนการสร้างมาตรการลงโทษแบบแก้ไขที่ปลายเหตุ มักใช้ไม่ได้ผล เพราะเด็กจะถูกมองเป็นเด็กไม่ดี และมองตัวเองด้อยคุณค่าลงไปได้ และเมื่อโตขึ้น เด็กจะมีพฤติกรรมร่วมกับการโกหกอีกหลายอย่าง จนกลายเป็นเด็กมีปัญหาในที่สุด
ขณะที่ลูกวัยรุ่น จิตแพทย์คนเดียวกันบอกว่า ปัญหาการโกหกส่วนใหญ่ มาจากการคบเพื่อน และอาจชักจูงไปทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง จึงพยายามหาวิธีการหลบหลีกด้วยการโกหก แม้จะจับได้บ้าง ไม่ได้บ้าง แต่การถูกตำหนิยิ่งทำให้สถานการณ์ของปัญหาการโกหกแย่ลง ลูกวัยรุ่นจะยิ่งหายจากครอบครัวมากขึ้น
นอกจากนี้ เด็กที่มีความเจ็บป่วยทางด้านจิตเวช เช่น เด็กที่มีปัญหาเรื่องสติปัญญาบกพร่อง มีปัญหาเรื่องภาษา เด็กที่ป่วยเป็นโรคจิต ซึ่งบางครั้งดูเหมือนพูดเรื่องที่ไม่จริง ตามความคิดที่เกิดขึ้นในโลกส่วนตัวจากการที่มีสติปัญญาบกพร่องอยู่แล้ว หรือเด็กที่มีปัญหาทางอารมณ์ เช่น โรคซึมเศร้า อาจจะไม่ได้แสดงออกทางอารมณ์ แต่จะมาแสดงออกทางพฤติกรรม เช่น พูดโกหก หนีเรียน ลักขโมย เป็นต้น
อย่างไรก็ดี เพื่อเป็นข้อแนะนำกับพ่อแม่ผู้ปกครองถึงการช่วยลูกไม่ให้เป็นเด็กเลี้ยงแกะ จิตแพทย์ชื่อดังได้ให้แนวทางไว้ดังนี้
1. สร้างความไว้วางใจกับลูก เพื่อเวลาที่ลูกทำผิด หรือ ทำสิ่งไม่ดีลงไป ลูกจะได้ปรึกษา แทนที่ลูกจะกลัวความผิด และใช้วิธีการโกหก
2. ไม่ควรตำหนิ หรือดุด่าลูกเมื่อลูกทำความผิด แต่ควรใช้เหตุผลพูดคุยกัน เพราะบางทีการที่เด็กถูกตำหนิ อาจจะทำให้เด็กมีพฤติกรรมชอบโกหก และบางครั้งพฤติกรรมเหล่านั้นก็อาจจะรุนแรงมากยิ่งขึ้น
3. ไม่ควรจับผิดลูกมากจนเกินไป เพราะจะทำให้ลูกรู้สึกเหมือนเป็นนักโทษ เช่น บางครั้ง ลูกกลับบ้านดึก แม่ก็จะคอยซักถาม จับผิดว่า "ลูกไปไหนมา ไปทำอะไร" ซึ่งบางทีลูกอาจจะแค่ไปร้องคาราโอเกะกับเพื่อน แต่การที่พ่อแม่ซักถามเหมือนไม่ไว้ใจลูก และไต่สวนเหมือนเป็นผู้กระทำความผิด เด็กอาจจะใช้วิธีการโกหก เพื่อให้พ่อแม่หยุดซักถาม เพื่อหลบหลีกสถานการณ์ต่างๆ
4. หลีกเลี่ยงการลงโทษเมื่อลูกทำผิด หรือจับโกหกได้ เพราะยังมีทางออกที่ดีกว่าวิธีการลงโทษ เช่น พูดจาเพื่อทำความเข้าใจ เพราะการลงโทษ เป็นการแก้ไขที่ปลายเหตุ ส่วนสาเหตุที่แท้จริงอาจเกิดจากเหตุผลบางประการของลูกซึ่งจะต้องทำการพูดคุยกัน ซึ่งถ้าหากเด็กทำผิดแล้ว กลัวการถูกทำโทษ เด็กอาจใช้วิธีการโกหกเพื่อให้พ้นความผิดก็ได้ หากปล่อยไว้นานๆ ก็จะเริ่มติดเป็นนิสัยไปจนโต
5. พยายามสังเกตว่าลูกมีอาการป่วยทางจิต เช่น โรคซึมเศร้า บกพร่องทางสติปัญญา หรือมีปัญหาเรื่องภาษาหรือไม่ และควรทำความเข้าใจกับเด็กเหล่านี้ ซึ่งบางทีการที่เด็กโกหกอาจไม่ได้ตั้งใจ แต่เป็นเพียงเพราอาการป่วย ทางที่ดีควรรีบพบจิตแพทย์เพื่อทำการรักษาอาการทางจิตเหล่านี้ ไม่เช่นนั้นอาจส่งผลเสียต่อเด็ก เช่น คิดฆ่าตัวตาย เป็นต้น
...เรื่องนี้ ถ้ามองให้เป็นเรื่องเล็กก็คงไม่เป็นไร แต่ถ้าพฤติกรรมชอบโกหกสะท้อนถึงอาการป่วยทางจิต คงต้องรีบเยียวยา เพราะหากโตเป็นผู้ใหญ่จนมีหน้าที่การงานที่ดี หรือเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง แต่ยังไม่ทิ้งลายชอบเลี้ยงแกะ อาจส่งผลกระทบต่อตัวเด็ก สังคม และประเทศชาติได้
ขอบคุณภาพจาก pixabay.com
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754