xs
xsm
sm
md
lg

พิษสวาทกันทั้งเมือง! "นุ่น-วรนุช ภิรมย์ภักดี"

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ถือเป็นละครกระแสแรงจริงๆ สำหรับ "พิษสวาท (บทประพันธ์: ทมยันตี ออกอากาศทางช่อง one 31)" ที่ #พิษสวาทกระหึ่มโซเชียล และ #พิษสวาทกันทั้งเมืองจนเป็นเครื่องพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่า ไม่ต้องตบตี แย่งสามีชาวบ้านก็สามารถดึงดูดความสนใจคนดูได้

ไม่เพียงแต่ชั้นเชิงในการกำกับแล้ว ฝีไม้ลายมือของนักแสดง โดยเฉพาะนักแสดงนำอย่าง "นุ่น-วรนุช ภิรมย์ภักดี" ที่ไม่ว่าจะเล่นบท "อุบล" นางรำหลวงในราชสำนักสมัยกรุงศรีอยุธยา หรือบทหญิงสาวลึกลับ "สโรชินี" ก็ชวนสะกดอารมณ์ได้ทุกฉาก

#พิษสวาทกันทั้งเมือง


ไม่แปลกที่ "นุ่น" จะถูกพูดถึงอย่างมากบนสื่อโซเชียลฯ ทั้งบทนางรำที่มีกิริยาอ่อนช้อย น้ำเสียงอ่อนหวาน พอสลับบทมาเป็นดรามาในร่าง "สโรชินี" ก็สวย ดุ กระแทกกระทั้นได้อย่างแสบทรวง ถึงขนาดมีคนตั้งกระทู้ชื่นชมกันเลยว่า ทั้งสองบทนี้ ต้อง "นุ่น วรนุช" เท่านั้น 
ทางด้านผู้กำกับ "สันต์ ศรีแก้วหล่อ" ก็เอ่ยปากชมออกสื่อด้วยเหมือนกัน

"...นุ่นเป็นนักแสดงระดับมือต้นๆ ของวงการอยู่แล้ว เคยร่วมงานด้วยกันจากละครอีสา รวีช่วงโชติ ซึ่งเป็นนักแสดงที่เก่งมาก..."






เมื่อ M-Lite ได้มีโอกาสพูดคุยกับนางเอกสาว และถามเจ้าตัวถึงกระแสที่ใครหลายคนชื่นชมว่าเล่นดี และเหมาะสมกับบทนี้มากนั้น นุ่นพูดด้วยท่าที และน้ำเสียงถ่อมตนว่า "นุ่นก็ไม่ได้เก่งไปกว่าใครนะ นุ่นแค่ตั้งใจทำหน้าที่นักแสดงให้ดีที่สุดเท่านั้นเองค่ะ" คำพูดสั้นๆ แต่เผยให้เห็นจิตสำนึกในบทบาท และหน้าที่ของตัวเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่นางเอกสาวยึดมั่นมาตลอด

"รู้สึกดีมากๆ ที่ทุกคนมองเห็นว่าเรามีศักยภาพเพียงพอในการเล่นบทนี้ คือตอนที่นุ่นได้รับบทมา จริงๆ คือเหนื่อย อ่านบทแล้วเหนื่อยเลย (หัวเราะ) แต่ด้วยความที่เราเป็นนักแสดง เราก็ต้องทำในสิ่งที่เราได้รับมอบหมายให้มันดีที่สุด" นุ่นเผย

สำหรับเรื่องนี้ หลายคนอาจจะเคยได้ยิน ได้ฟังจากบทสัมภาษณ์หลายๆ สื่อว่านุ่นปฏิเสธรับเล่นไปหลายครั้ง แต่เพราะมีผู้หญิงใส่ชุดไทยมาเข้าฝันเธอจึงตัดสินใจรับเล่น และนี่คือสิ่งที่นางเอกสาวได้โพสต์เอาไว้ในอินสตาแกรม @nuneworanuch ถึงภาพความฝันในคืนวันนั้น

"เรื่องราวเมื่อก้าวผ่านประตูโบสถ์ของวังหน้าแห่งนี้ ได้พบผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งมีความสำคัญต่อแผ่นดินไทยเป็นผู้หญิง ในชุดไทยห่มสไบสีทอง ที่สวยสง่า ไม่อยากแม้แต่จะละสายตา ผู้หญิงคนนั้นเดินลงบันไดจากชั้นที่สองแล้วผ่านหน้าไป...จากในฝันครั้งนั้นเป็นจุดเริ่มต้นที่ได้สัมผัสถึงพลังงานของพี่บัว ผู้เป็นเจ้าของเรื่องราวโสมเฝ้าทรัพย์ในคืนวันที่อยุธยาเสียกรุง"


ดังนั้น ด้วยความเชื่อว่าถูกเลือกให้มารับเล่นบทนี้ นุ่นจึงบูชา "คุณอุบล" ด้วยดอกบัวทุกครั้งในวันที่ถ่ายทำเพื่อให้การทำงานราบรื่น ไร้อุปสรรค




"ถามว่ามีเรื่องราวอาถรรพ์อะไรไหม ส่วนตัวนุ่นมองว่าไม่ได้มีอะไรน่ากลัวนะ เป็นพลังงานดีๆ เป็นพลังงานบวกที่เรารู้สึกได้ว่า โอเค เรารู้นะ คือตัวละครทุกตัว ทุกเรื่อง ไม่ใช่แค่เฉพาะเรื่องนี้ การสวมบทเป็นใครนั้น เราต้องรู้ว่าพลังงานเขาใหญ่มากๆ นะ ดังนั้นจงตั้งใจเล่นให้เข้าถึงบทบาทเพื่อถ่ายทอดพลังเหล่านั้นไปถึงคนดู

หม่อมหลวงพันธุ์เทวนพ เทวกุล หรือหม่อมน้อย เคยสอนนุ่นว่า ถ้าศรัทธาในพลังงานดีๆ มันก็จะส่งผ่านโทรทัศน์ไปยังคนดูได้ นี่คือสิ่งที่หม่อมพูดกับนุ่น อย่างฉากปีศาจแห่งการทำนาย มันเป็นอะไรที่มหัศจรรย์จริงๆ นะ หรืออีกหลายเรื่องๆ อย่างทองเนื้อเก้า บทยาวๆ เหมือนกัน แต่พอ 5 4 3 2 1 ปุ๊บ ความกังวลมันหายไปหมดเลย เรื่องพิษสวาทก็เหมือนกัน 5 4 3 2 1 ปุ๊บ เดินเข้าฉากแล้วมันก็รำได้ไปตามนั้น คือนุ่นเชื่อ และศรัทธาในตัวละครทุกคน เวลาเล่น เราจึงอิน"


แน่นอนว่า เรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งบทบาทที่ท้าทายสำหรับเธอมาก ทั้งบทที่ยาว และการแสดงที่ต้องใช้สีหน้า และดวงตาเพื่อถ่ายทอดทุกอารมณ์ออกมาให้ชัดที่สุด


"มีความยากตรงบทที่ยาวมาก (ลากเสียงยาว) ค่ะ นุ่นเจอคนเขียนบท นุ่นก็จะแบบ...พี่บทยาว (ลากเสียงยาว) จัง ซึ่งนอกจากบทแล้ว คำพูดทุกคำมีความหมายหมด ยิ่งต้องรับบทเป็นคนที่มีความแค้นสะสมยาวนาน 200 กว่าปี ซึ่งข้างในเราก็คิดอยู่ตลอดเวลา แต่มันยากตรงแสดงออกมาว่าจะถ่ายทอดให้คนดูเชื่อได้อย่างไร ซึ่งนุ่นก็ทำการบ้านเยอะค่ะ และพยายามทำออกมาให้น่าเชื่อที่สุดทั้งสีหน้า และแววตา"




เมื่อถามว่าชอบฉากไหนมากที่สุด "ฉากทุกฉากมีความหมายกับนุ่นหมดเลยนะ" เธอบอก "ชอบตั้งแต่ฉากแรกไปจนถึงฉากสุดท้ายเลยค่ะ แม้บางฉากจะถ่ายทำยากแต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี ที่สำคัญคือ พี่สันต์ (สันต์ ศรีแก้วหล่อ) ผู้กำกับ เก่งมาก (ลากเสียงยาว) พี่ป้อง (ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์) พระเอกของเรื่อง เราก็มีความคุ้นเคย มีความไว้ใจกันอยู่แล้ว รวมไปถึงนักแสดงคนอื่นๆ ที่ทุ่มเท และตั้งใจกันมากๆ ค่ะ"

กระแสดีดี๊ สามีดูแล้วปลื้ม!


พิษสวาทกันไปทั่วบ้านทั่วเมือง ไม่ถามไม่ได้ถึงสามีสุดที่รัก "ต๊อด-ปิติ ภิรมย์ภักดี" ว่า "พิศวาส" ในการแสดงของภรรยาคนนี้มากน้อยแค่ไหน


"เขาชอบมากค่ะ เขาชอบมากๆ (ยิ้ม) เขาบอกกับนุ่นว่า มันเป็นละครที่ดีเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว ถ้าโปรโมตดีๆ ไปเมืองนอกได้เลยนะ โดยเขาให้เหตุผลว่า เรื่องนี้เป็นละครที่สะท้อนความเป็นไทย และเป็นความเชื่อของคนไทยที่ทุกวันนี้หลายพื้นที่ก็ยังทำกันอยู่ เช่น พิธีกรรมนอนโลงสะเดาะเคราะห์ ซึ่งหลายคนเชื่อว่าสามารถต่อชีวิตให้ยืนยาวได้ เป็นหนึ่งความเชื่อของคนไทย มันคือความเป็นไทย มันคือไทยแลนด์




ส่วนบทบาทการแสดงของตัวนุ่น เขาก็ไม่ได้พูดอะไรนะคะ (หัวเราะ) ไม่ค่อยได้ชมสักเท่าไร ซึ่งเอาจริงๆ เขาเป็นคนกลัวผี เขาเลยไม่ค่อยได้ดู แต่เขาก็จะได้ยิน ได้ฟังกระแสของเราจากคนนั้น คนนี้บ้าง เคยมีเพื่อนสนิทบอกกับเขาว่า เดี๋ยววันนี้จะรอดูละคร ติดละครมากๆ เขาก็บอกเวอร์ (หัวเราะ) ซึ่งมันก็ตลกดี"

แล้วเคยนั่งดูละครที่ตัวเองเล่นไหม อย่างเรื่องพิษสวาท เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่บท และชุด "ปัง" มากๆ "นุ่นยังไม่ได้ดูตัวเองเล่นเรื่องพิษสวาทแบบจริงๆ จังๆ สักที" เธอบอก "เคยดูย้อนหลังบ้างในบางฉาก หรือบางทีก็นั่งดูในร้านอาหาร ไม่เคยได้มีโอกาสนั่งดูที่บ้านเลย ซึ่งจริงๆ นุ่นชอบนั่งดูที่บ้านมากกว่านะ เพราะไม่มีคนมากวน บางทีดูกับเพื่อนเดี๋ยวก็มีมากวน มาเล่น (หัวเราะ) แต่เวลาที่นุ่นเล่นละครแล้วมานั่งดูที่ตัวเองเล่น ความรู้สึกมันคนละแบบกันกับคนดูทั่วไปเลยค่ะ เพราะเราทั้งเป็นคนดู และเป็นคนที่อยู่ในฉากนั้นด้วย มันจึงนั่งดูไปด้วย แล้วก็ลุ้นตามไปด้วยว่า คนดูจะชอบมั้ย ซึ่งมันลุ้นมากจริงๆ ค่ะ"


เอาอยู่ทุกบท ถ้าเป็นนุ่น วรนุช


ถึงวันนี้ "พิษสวาท" เดินเรื่องมาถึงครึ่งเรื่องแล้ว แม้ในเรื่องจะสื่อออกมาในเรื่องความรักที่เป็นพิษร้าย แต่สำหรับผู้ชมคนดู แล้ว "นุ่น วรนุช" คือนางเอกที่น่า "พิศวาส" คนหนึ่ง เพราะไม่ว่าจะรับเล่นบทไหนก็ปัง และเอาอยู่ทุกบท ยิ่งเป็นบทที่เกี่ยวกับนาฏศิลป์ นางรำด้วยแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึง




"นุ่นไม่ได้เจ๋งกว่าใครเลยค่ะ (น้ำเสียงถ่อมตน) เป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง นักแสดงคนหนึ่งที่ตั้งใจทำงาน แล้วก็อยากให้งานออกมาได้รับการตอบรับที่ดี เพราะนุ่นมีอาชีพหลักเป็นนักแสดง แค่นั้นจริงๆ ถามว่าทุกวันนี้ประสบความสำเร็จในอาชีพนี้หรือยัง นุ่นเองก็ยังตอบไม่ได้ ซึ่งนุ่นเองก็ไม่รู้ว่ามันจะไปได้อีกแค่ไหน แต่ถามว่าทุกวันนี้ แฮปปี้มากค่ะ (น้ำเสียงสดใส) แฮปปี้กับงานของตัวเองค่ะ"

ดังนั้น ตลอดเส้นทางสายบันเทิงที่ยาวนานเกือบ 20 ปี การได้เล่นละคร คือความสุขที่สุด เพราะเป็นงานที่รัก และศรัทธามากที่สุด แต่ลึกๆ ก็เกิดความกังวลด้วยเหมือนกันว่า การแต่งงาน และอายุที่เพิ่มมากขึ้น (ปัจจุบันอายุ 35 ปี) อาจมีผลต่อการทำงานในวงการบันเทิง


"นุ่นคิดมาตลอดว่า อาชีพนักแสดงของเมืองไทย ถ้าอายุมากขึ้น งานก็อาจจะน้อยลง จริงๆ ก็เตรียมใจมาตั้งแต่ตอนแต่งงานแล้วค่ะ ว่างานคงน้อยลง กระแสตอบรับของแฟนๆ ก็คงน้อยลงตามไปด้วย ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติที่เราเห็นเป็นวัฏจักร แต่พอหลังแต่งงาน นุ่นกลับมาเล่นละคร สิ่งพวกนั้นมันหายไปแล้ว คนไม่ได้สนใจว่าคุณจะแต่งงาน มีครอบครัว




ส่วนตัวรู้สึกดีใจที่แฟนละครยังคอยติดตามผลงานของนุ่น คนไม่ได้รู้สึกว่า แต่งงานแล้วเล่นละครไม่ได้ (หัวเราะ) คือตอนนี้ตราบใดที่ยังมีโอกาส นุ่นก็คงทำงานในวงการบันเทิงควบคู่ไปกับการทำธุรกิจ อย่างตอนนี้นุ่นมีโรงเรียนสอนรำชื่อว่า 'นาฏก' เปิดมาเป็น 10 ปีแล้วค่ะ มีร้านอาหารแสบแซ่บ ร้านแซ่บบาร์ รถห้องน้ำ ร้านก๋วยเตี๋ยวเป่าปาก (นิ่งคิด) ซึ่งก็มีหลายอย่างอยู่ค่ะ แต่นุ่นไม่ได้ทำคนเดียวนะ นุ่นทำกับเพื่อนๆ"

ละครไทยในสายตา "นุ่น"


"ถ้าถามนุ่นนะคะ ละครไทยก็มีการพัฒนาขึ้นเยอะนะ ซึ่งนุ่นก็ตอบไม่ได้ว่ามันจะมีการพัฒนาไปยังไงอีก แต่มันก็จะมีเปลี่ยนแปลงไม่ว่าจะเป็นระบบการออกอากาศ ในเรื่องของคนดู อินเทอร์เน็ต และโลกโซเชียลฯ ที่มันเข้ามา ดังนั้นเมื่อโลกเปลี่ยน ละครไทยก็ต้องเปลี่ยนตาม


ดังนั้น สำหรับนุ่น ละครไทยดีๆ มีเยอะค่ะ แม้ส่วนตัวจะดูซีรีส์เกาหลีด้วย แต่ก็มีทั้งเรื่องที่ชอบ และไม่ชอบเหมือนกัน ส่วนใหญ่นุ่นเองก็จะได้ยินแต่เรื่องที่ดังๆ (หัวเราะ) แล้วก็หามานั่งดู อย่างของไทยเองก็มีผู้กำกับเก่งๆ เยอะค่ะ ตัวนุ่นเอง นุ่นโชคดีที่ได้เจอผู้กำกับเก่งๆ คนร่วมงานเก่งๆ และเขารู้ว่าคนดูก็เก่ง ดังนั้นคนละครต้องพัฒนางานของตัวเองให้ทันคนดู"


ทั้งในฐานะนักแสดงคนหนึ่ง นอกจากละครไทยที่ต้องทันโลก ทันกระแสคน รวมไปถึงสื่อใหม่ๆ แล้ว การพัฒนางานของนักแสดงเองก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรหยุดนิ่ง ถึงบทจะคล้ายกันในบางเรื่อง แต่ด้วยอายุของตัวเอง หรือวันเวลาที่มันผ่านไป มันคือความท้าทายใหม่ๆ เสมอ




เมื่อถามถึงความชอบในเวลาที่ไม่ได้ทำงาน ดูแลครอบครัว ซีรีส์เกาหลีดีๆ สักเรื่อง คือความสุขในช่วงเวลาผ่อนคลายของเธอ "ใช่ค่ะ ดูซีรีส์ค่ะ (หัวเราะ) เพราะชอบพล็อต ชอบนักแสดง คือบางเรื่องนี่พล็อตดีมากค่ะ แล้วก็ดีอย่างหนึ่งคือ เวลานักแสดงที่เราเห็น เขาว่ากันว่า ไม่รู้จริงหรือเปล่านะคะ นักแสดงก็จะเป็นเหมือนฟรีแลนซ์ มีบริษัทดูแล สามารถไปเล่นช่องนั้นช่องนี้ได้ มันเลยทำให้คนดูได้เห็นอะไรใหม่ๆ"

"เบา" ถ้ารู้จัก "ปล่อยวาง"


แน่นอนว่า การเป็นบุคคลสาธารณะ สิ่งหนึ่งที่มีมากกว่าคนทั่วไปก็คือ "สิ่งรบกวน" โดยเฉพาะประเด็นข่าวที่มีทั้งดี และไม่ดีเข้ามา เช่นเดียวกับ "นุ่น" จากประสบการณ์ที่ผ่านๆ มา มีหลายเรื่องที่ต้องรู้จักปล่อยวาง เพื่อให้ชีวิตก้าวไปข้างหน้า และบรรลุเป้าหมายต่างๆ


"ปัญหามันมีอยู่ในทุกอาชีพค่ะ นุ่นก็ผ่านมาเยอะนะคะ ทั้งข่าวดีบ้าง มีการเขียนถึงไม่ดีบ้าง คือมันเป็นเรื่องธรรมดาค่ะ เราห้ามเขาไม่ได้ แต่เราต่างหากที่รู้ตัวเองว่า เราเป็นยังไง และกำลังทำอะไรอยู่ โชคดีที่นุ่นมีคนรอบๆ ข้างเข้าใจ นุ่นจึงไม่เอาเรื่องพวกนี้มาทำลายกำลังใจนุ่น และสิ่งที่ทำได้คือ ต้องให้กำลังใจคนอื่นๆ ด้วย" พูดจบก็เล่าให้ฟังถึงความน่ารักของบรรดาพี่ๆ น้องๆ สื่อมวลชนที่ช่วงหลังๆ มานี้ โฟกัสเรื่องงานมากกว่าเรื่องส่วนตัว




"ช่วงนี้ดีใจค่ะที่พี่ๆ น้องๆ นักข่าว โฟกัสเรื่องงานมากกว่าเรื่องส่วนตัว เพราะนุ่นเคยมีโมเมนต์แบบนี้ตอนที่นุ่นไปงานหนังที่ฝรั่งเศส ตอนนั้นหนังเรื่องเฉิ่มได้ไปออกที่นั่น คือนักข่าวไม่ถามถึงข่าวในด้านลบเลย เขาโฟกัสไปที่เรื่องงานอย่างเดียว คือนุ่นดีใจมากที่เราไปทำงาน แล้วก็ถูกถามแต่เรื่องงานจริงๆ มันมีกำลังใจ และดีใจที่คนยังเห็นความสำคัญของเราในการทำงาน และศักยภาพที่เรามี"

ชีวิตคู่ฉบับสะใภ้เบียร์สิงห์


ปิดท้ายกับประเด็นความรัก แม้จะมีหลายกระแสเข้ามาบั่นทอนชีวิตคู่ แต่สองคู่ชีวิต "นุ่น-ต๊อด" ก็ดูแลต้นรักกันเป็นอย่างดี โดยศรีภรรยาบอกผ่านทีมงาน M-Lite ว่า ทุกวันนี้ใช้ชีวิตคู่อยู่บนพื้นฐานของความเข้าใจ เรียนรู้ซึ่งกันและกัน ตลอดจนสนับสนุนเกื้อกูลกัน


"ต่างคนต่างมีหน้าที่ของตัวเองค่ะ คุณต๊อดก็ทำงานประจำ ส่วนนุ่นก็มีงานของนุ่น คือมันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เรารู้จักกันแล้ว เพราะฉะนั้น หลังแต่งงานจะให้มาเปลี่ยนให้นุ่นไปทำงานออฟฟิศก็คงจะเป็นไปไม่ได้ (หัวเราะ) ส่วนหลักในการใช้ชีวิตคู่ง่ายๆ เลยคือ ให้เกียรติกัน ทำวันนี้ให้ดีที่สุด แค่นั้นเองค่ะ เรามองกันแค่นี้ เราไม่ได้มองไปไกล เพราะเราก็ไม่ได้รู้อนาคตค่ะ เดี๋ยวกลางเดือนนี้คุณต๊อดก็จะไปแข่งรถที่เซี่ยงไฮ้ นุ่นก็จะไปเป็นกำลังใจให้เขา เพราะนุ่นมองว่า กำลังใจคือสิ่งสำคัญที่ทุกคู่ควรมีให้กันในทุกๆ เรื่อง" นางเอกนุ่นเผย





ด้วยความศักยภาพที่ "นุ่น" มี การย้อนกลับไปค้นหายังสถานที่ที่สร้างเธอขึ้นมาอย่าง "ครอบครัว" จึงเป็นอีกหนึ่งความน่าสนใจว่า สภาพครอบครัวและการอบรมเลี้ยงดูแบบใดที่สามารถสร้างให้คนๆ หนึ่งสามารถมายืนอยู่ได้ ณ จุดนี้

"นุ่นจำได้ว่าตอนเด็กๆ แม่ดุมาก (เสียงสูงลากยาว) เข้มงวดมาก ที่บ้านนุ่นมีพี่น้อง 5 คน คนที่ 1 2 3 เป็นผู้หญิง 4 กับ 5 เป็นผู้ชาย เพราะเขาอยากได้ผู้ชาย ตอนเด็กๆ นุ่นซนค่ะ คุณพ่อหวงมาก ไม่ยอมให้ออกไปเล่นนอกบ้านเลย ทุกคนก็จะรู้กิตติศัพท์ว่าคุณพ่อบ้านนี้หวงลูกมาก (หัวเราะ) ซึ่งไม่ใช่เฉพาะผู้หญิง ลูกผู้ชายด้วยค่ะ เวลามีกิจกรรมการละเล่นอย่างสงกรานต์ คนมักจะไปเล่นกันนอกบ้านสนุกสนาน แต่บ้านนุ่นก็จะไม่ให้ออกไปเล่น จะฉีดน้ำเล่นกันเองในบ้าน


แม้ที่บ้านจะดุ แต่เราก็เป็นครอบครัวที่อยู่กันแบบอบอุ่น ไม่ได้ร่ำรวยอะไรมาก เราพี่น้องจะรู้จักแบ่งปันกัน รักกันมาก แต่พ่อกับแม่ก็ดุมาก (หัวเราะ) ตอนแรกท่านก็ไม่ยอมให้นุ่นเล่นละคร เพราะอยากให้เรียน นอกจากนั้นก็จะสอนให้ลูกๆ ทุกคนรู้จักเข้าวัด ทำบุญตั้งแต่เด็กๆ แม้จะไม่มีคำสอนตายตัว แต่ลูกๆ ทุกคนรู้ดีว่า การเป็นคนดีมันเป็นยังไง หรืออะไรถูก อะไรผิด ตรงนี้พวกเราจะรู้กันดีค่ะ"




ดังนั้น การได้เป็น "นุ่น วรนุ่น" ที่วางตัวดี และรู้จักพัฒนาตัวเองจนขึ้นมาเป็น "นักแสดงเจ้าบทบาท" แถวหน้าของเมืองไทย ปฏิเสธไม่ได้ว่า ครอบครัวคือผู้อยู่เบื้องหลังทั้งวิธีคิด และทักษะการใช้ชีวิต โดยเฉพาะการสอนให้ลูกๆ ทุกคนอยู่ในกรอบของความดีงาม

"นุ่นก็ถือว่าโชคดีกว่าคนอื่นๆ ที่ครอบครัวเราอยู่กันพร้อม มีพ่อ มีแม่ มีพี่ มีน้อง ซึ่งนุ่นเติบโตมาในครอบครัวที่เลี้ยงดูนุ่นมาอย่างดีค่ะ และนุ่นก็โชคดีที่ได้มีโอกาสร่วมงานกับผู้กำกับ นักแสดงที่เก่งๆ หลายท่าน ทำให้นุ่นได้เรียนรู้ และนำมาสอน หรือพัฒนาตัวเองให้ดียิ่งขึ้น"

เรื่อง : ปิยะนันท์ ขุนทอง
ภาพ : ขอบคุณภาพประกอบจากอินสตาแกรม @nuneworanuch, DanNeramit




มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram

"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!


และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754



กำลังโหลดความคิดเห็น