สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระราชปณิธานว่า ความสุขของราษฎรคือความสุขของพระองค์ และตลอดระยะเวลา 70 ปี ที่ทรงตามรอยเบื้องพระยุคลบาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้แก่พสกนิกร ทรงทุ่มเทพระวรกาย พระวิริยอุตสาหะ เพื่อให้ราษฎรอยู่ดีกินดี
แม้วันนี้สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จะมิได้เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมเยียนราษฎรเฉกเช่นสมัยก่อน ด้วยทรงพระประชวร และมิได้ทรงปรากฏพระวรกายให้ประชาชนชาวไทยได้ชื่นชนพระบารมีเลยในระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา
แต่ทว่าพวกเราคนไทยยังคงคิดถึงแม่หลวงของพวกเรามาก และในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 12 สิงหาคม พ.ศ.2559 ไม่ว่าจะเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง หรือคนธรรมดาสามัญ ต่างโพสต์ผ่านโลกโซเชียลฯ แชร์ประสบการณ์ถึงความประทับใจ ที่เคยเข้าเฝ้าฯ พระองค์ท่านแม้เพียงเศษเสี้ยวนาทีแต่ยังคงตราตรึง รู้สึกอบอุ่น เป็นพลังชีวิตมาถึงทุกวันนี้ รวมทั้งเรื่องราวอันแสนยากลำบากตรากตรำ ที่น้อยคนนักจะรู้
ดี้-นิติพงษ์ เรื่องราวประทับใจที่ไม่เคยบอกใคร
นักแต่งเพลงชื่อดัง ดี้-นิติพงษ์ ห่อนาค เล่าถึงความประทับใจในวัยเด็กที่ได้เคยเข้าเฝ้าฯ แม่ของแผ่นดิน ผ่านเฟซบุ๊ก Nitipong Honark ซึ่งยอดไลค์พุ่งปรี๊ด ยอดแชร์กระจาย
“เมื่อสี่สิบกว่าปีที่แล้ว วัดทุกวัดที่ต้องมีการยกช่อฟ้าอุโบสถใหม่ในประเทศไทยเรานี้ ผู้ที่จะเป็นผู้กดปุ่มยกช่อฟ้าไปติดบนยอดอุโบสถ มีพระองค์เดียวเท่านั้น คือ พระเจ้าอยู่หัว..และตามเสด็จด้วยพระราชินี และพระเจ้าลูกยาเธอ พระเจ้าลูกเธอ...
ตอนนั้นฉันอายุประมาณสิบสองขวบ ได้ยินข่าวว่าในหลวงจะเสด็จฯ มาพร้อมพระราชินี ที่วัดแถว ๆ อำเภอบ้านหมี่ มายกช่อฟ้า ฉันก็ชวนเพื่อนนั่งรถไปเลย จากอำเภอเมืองฯ ไปถึงบ้านหมี่นี่ก็ไกลมากสำหรับเด็กสิบสองขวบ หลายสิบกิโลอยู่....
มีที่นั่งกับพื้นตามรายทางที่จะเสด็จฯ มีเชือกกั้น ฉันก็ได้ไปอยู่แถวหน้าเชือกกั้นกับเพื่อน
ถึงเวลาเสด็จฯ...ในหลวงก็เสด็จฯ มาตามลาดพระบาท มีพระราชปฏิสันถารกับชาวบ้านสองข้างทางเดิน
ในเวลานั้น ฉันเป็นเด็กพิการนิดหน่อย ตาซ้ายเสีย ใส่ตาปลอมพลาสติก แต่ยังดูไม่เรียบร้อย ตาโปนออกมาผิดปกติ ดูผิดสังเกตมาก
ในหลวงเสด็จพระราชดำเนินผ่านไปปฏิสันถารกับราษฎรอีกฝั่งของทางเดิน. ส่วนสมเด็จพระราชินีนาถ สังเกตเห็นฉัน ว่าฉันไม่ปกติ จึงทรงหยุด...แล้วทรุดพระวรกายลงนั่ง ทอดพระเนตรมาที่ฉัน
'ตาเป็นอะไรจ๊ะ'
'ตาเสียครับ' ในเวลานั้นฉันตอบฉลาดกว่านี้ไม่ได้เลย
ในเวลาเดียวกันนั้น พระธิดา เจ้าฟ้าสิรินธรกับเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ ก็ทรงย่อพระองค์ลงขนาบซ้ายขวาพระมารดา แล้วทอดพระเนตรมาที่ฉันคนเดียว
'ชอบเรียนหนังสือไหม' พระราชินีทรงถามเด็กชายอายุสิบสอง
'ชอบครับ'
'ดีละ...ตั้งใจเรียนให้เหมือนลูกสาวฉันสองคนนี้นะ จะได้เรียนให้เก่งๆ'
แล้วทั้งสามพระองค์ก็ทรงลุกขึ้น ตามเสด็จพระราชดำเนินในหลวงต่อไป
จำพระเนตรแห่งเมตตาได้ ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้ จนผ่านไปสี่สิบปีกว่า จากเด็กบ้านนอก มาถึงวันที่เติบโตเป็นที่ยอมรับ ก็ได้รับเชิญไปดูโขนพระราชทาน เมื่อหลายปีมานี่เอง บัตรเชิญที่ได้รับอยู่ตรงแถวติดกับทางเสด็จพระราชดำเนิน ก็จะได้เข้าเฝ้าฯ ใกล้ชิด เวลาเสด็จฯ ผ่านที่นั่งของฉัน ซึ่งอยู่สูงกว่าทางเดิน ก็คือ ที่นั่งของฉันต้องสูงกว่า เวลาท่านเสด็จฯ ผ่านที่นั่งของฉัน. ท่านจะอยู่ต่ำกว่า
แล้วพระราชินีท่านก็เสด็จพระราชดำเนินผ่านที่นั่งของฉันที่สูงกว่า แล้วเงยพระพักตร์มาแย้มพระสรวลให้ ในระยะไม่เกินสองเมตร ฉันตัวลีบที่สุดเท่าที่จะลีบได้แล้ว แต่จำได้เลยว่า นี่คือ รอยแย้มพระสรวลแห่งเมตตา ภาพเดียวกันกับที่ฉันเคยได้รับตอนเมื่อสี่สิบปีก่อนนั้น ไม่ต่างกันเลย...”
สมเด็จพระนางเจ้าฯ ต้องทรงตรากตรำพระวรกาย
พร้อมเล่าอีกเรื่องที่ไม่ค่อยมีใครรู้กันนัก
“อีกเรื่องคือเรื่องเล่าจากปากของท่านผู้หญิงที่เป็นนางสนองพระโอษฐ์ คนไทยกี่คนจะรู้ว่า พระราชินีทรงต้องกระโดดจากเฮลิคอปเตอร์ ที่สูงเกือบสองเมตรเหนือพื้นดิน เพราะหญ้าในป่ามันสูง จนเฮลิคอปเตอร์ลงไม่ได้ เพื่อจะไปช่วยพวกผู้อพยพ ในฐานะองค์สภานายิกาสภากาชาดไทย
เห็นที่ทรงต้องดูดีงาม เพื่อรักษาภาพราชินีของคนไทย ด้วยเสื้อผ้าอาภรณ์ไทย แต่มีคนไทยไม่มากหรอก ที่จะรู้ว่าพระแม่ราชินีของเรานี่ ทรงสมบุกสมบัน ทรงลำบากอะไรที่เราไม่เคยรู้เลย อยากให้คนไทยได้รู้เสียจริง ให้รู้ว่า เรามีพระราชินีที่เมื่อถึงเวลาสง่างามก็สง่างาม เมื่อถึงเวลาที่ต้องกระโดดลงจากเครื่องบินก็ทรงทำ ถึงเวลาที่ทำงานหนักก็ต้องทำ...”
ตลอดเวลาหลายทศวรรษที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ เสด็จพระราชดำเนินเคียงข้างพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไปทรงเยี่ยมเยียนพสกนิกรตามท้องถิ่นต่างๆ ทั่วประเทศนั้น ต้องลำบากตรากตรำพระวรกาย ใช้พาหนะตามแต่สภาพของท้องถิ่น ต้องทรงพระดำเนินโดยพระบาทขึ้นเขาสูง ข้ามลำห้วยเป็นระยะทางไกล
สมเด็จพระนางเจ้าฯ เคยรับสั่งกับผู้ติดตามและนักข่าวที่ตามเสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐาน ในเรื่องของการแพ้ ว่าทรงแพ้ท่อไอเสียรถยนต์มากเหลือเกิน
"ใน 2 ชั่วโมงนี่ มันบวมขึ้นมาหมดเลย อย่างรองเท้านี่คับ กลายเป็นกัด เดินไม่ไหว รองเท้านี่เปลี่ยนไซส์เรื่อยเลย ที่ตัดมานี่ใส่ไม่ได้ เดินไม่ไหว รองเท้าโตขึ้นเรื่อยๆ อย่างที่เท้านี่ ถ้ากดลงไป บุ๋มไม่ขึ้นเลย แต่ก่อนนี้นิ้วฉันไม่เป็นอย่างนี้ นิ้วนี่แตก ข้อนี่ใหญ่..."
ทว่าก็ยังทรงยืนหยัด หาได้ทรงยอมแพ้หรือกลัวความลำบากใดๆ ไม่ พระองค์ท่านเคยตรัสไว้ว่า การตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเยี่ยมเยียนราษฎร ทำให้ยิ่งนานวันความจงรักภักดีก็มีมากขึ้น ได้รู้จักประชาชนของพระองค์มากขึ้น
ชาวเน็ตแซ่ซ้อง คิดถึงพระองค์มาก
ราวกับสเตตัสของดี้-นิติพงษ์ ช่วยกระตุ้นให้ประชาชนชาวเน็ตจำนวนมากต่างพากันหลั่งไหลโพสต์เล่าประสบการณ์ส่วนตัวที่เคยเข้าเฝ้าฯ และซาบซึ้งประทับใจในองค์สมเด็จพระราชินีนาถของเรา
“อ่านข้อความของพี่ดี้แล้วน้ำตาไหล ในฐานะที่เป็นคนไทยคนหนึ่งเรารู้ซึ้งถึงพระราชกรณียกิจที่หนักหนาของทุกพระองค์ดีในช่วงอายุที่ผ่านๆ มา เรารู้ว่าทุกพระองค์ทรงลำบากและเหน็ดเหนื่อยกับพระราชกรณียกิจต่างๆ เพื่อคนไทยแค่ไหน...
เราเองก็เช่นกันเคยได้รับพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น เมื่อสิบปีที่แล้วขณะที่ทั้งสองพระองค์เสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานเสด็จฯ มาอยู่ที่หัวหิน ช่วงเวลานั้นเราได้คลอดลูกสาวฝาแฝดออกมาและลูกสาวก็เป็นโรคหัวใจพิการตั้งแต่กำเนิดทั้งสองคนโดยในขณะนั้นไม่มีผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจเด็กประจำโรงพยาบาล ครั้นพอพระองค์ทรงทราบเรื่องนี้ พระองค์ทรงรับลูกสาวทั้งสองคนของเราเป็นคนไข้ในพระบรมราชูปถัมภ์ให้แพทย์ที่ตามเสด็จตรวจ ดูแลการรักษาพยาบาลทุกอย่างจวบทุกวันนี้ 11 ปีแล้ว เป็นพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นที่ทรงมีต่อครอบครัวเรา พวกเราคนไทยทุกคนได้รับพระมหากรุณาธิคุณไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในแผ่นดินไทย”
“วันนั้นสักสี่สิบปีมาแล้ว ท่านเสด็จฯ มาที่วัดพระแก้ว ท่านไขหน้าต่างรถพระที่นั่ง.โบกมือให้แก่เด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ถนนหน้าพระลาน ยังความปลาบปลื้มติดตาตรึงใจอยู่มิรู้คลาย ขอทรงพระเจริญ”
“อ่านแล้วน้ำตาซึมเลยค่ะ เคยเฝ้ารับเสด็จทั้งสองพระองค์และพระบรมวงศานุวงศ์ในระยะใกล้มาหลายครั้งแล้ว น้ำตาไหลออกมาเองทุกครั้ง คงเรียกว่าเป็นความปลื้มปีติ และความตื้นตันใจ ขอทั้งสองพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน”
“อายุสูงวัยแล้ว ติดตามพระราชกรณียกิจของพระองค์ท่านมาตลอด วัยเด็กบ้านอยู่ใกล้ที่พักของผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานีเขาสร้างพระตำหนักในจวนผู้ว่าเป็นที่ประทับแรมได้มีโอกาสเฝ้าพระองค์ท่าน...”
“ทรงพระเจริญ ไม่เคยมีโอกาสได้เข้าเฝ้าใกล้ชิดเลยค่ะ บุญไม่ถึงค่ะ แต่แม่ที่เสียไปแล้วได้ไปเข้าเฝ้าอย่างใกล้ชิดที่สวนจิตรวันเฉลิมพระชนมพรรษาของทั้งสองพระองค์ ก็ปลื้มปิติมากกลับมาเล่าให้ลูกฟังอย่างพี่เล่าเลย แค่ได้ห็นรอยแย้มพระสรวลกับทรงโบกพระหัตถ์ให้ด้วยพระมหากรุณาธิคุณต่อพสกนิกรของพระองค์ท่าน”
“น้ำตาซึม สมัยเด็กพอจำความได้เขาว่าในหลวงเสด็จมายกช่อฟ้าวัดแถวบ้าน ผมไปเข้าเฝ้ารับเสด็จพระองค์ท่านด้วย ผมจำได้แค่นี้แต่รู้ว่าในหลวงท่านเสด็จมาลำปาง
คนไทยในวัย 40 ปีขึ้นไป ล้วนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าทุกหัวค่ำเมื่อออกข่าวราชสำนักทางโทรทัศน์ ต้องเห็นภาพทั้งสองพระองค์เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรในชนบททุกวันทั่วทุกภูมิภาค
“ทันได้เห็นพระราชกรณียกิจของทั้ง 2 พระองค์มาตั้งแต่จำความได้ สมัยทีวีและภาพข่าวหนังสือพิมพ์ยังเป็นขาวดำ ทุกอย่างแจ่มชัดและฝังแน่นในความทรงจำมาตลอดค่ะ เสียดายแทนเด็กรุ่นใหม่ที่ไม่ได้เห็น”
“ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน จำได้ว่าสมัยเด็กดูข่าวตอนสองทุ่ม ในหลวง ดึงสายสิญจน์ยกช่อฟ้า พระราชินีจะทรงอยู่ข้างรับต่อจากในหลวง และท่านทั้งสองพระองค์จะเสด็จในถิ่นทุรกันดารบ่อยมาก จนเป็นภาพชินตา ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะข้าพระพุทธเจ้า”
“ตั้งแต่เล็กจนโต เริ่มดูทีวีเป็น เห็นข่าวเสด็จออกประกอบพระราชกรณียกิจแทบทุกวัน ยังแอบคิดเลยค่ะว่า สองพระองค์แทบจะไม่เคยมีวันหยุดเลย ทรงพระเจริญค่ะ"
ชาวไทยจำนวนไม่น้อยคิดถึงรอยแย้มพระสรวลอันเปี่ยมไปด้วยพระเมตตาของแม่หลวง
“ยังจำรอยแย้มพระสรวลสมเด็จพระนางเจ้าฯ เมื่อครั้งเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรจากพระองค์ท่านได้ไม่รู้ลืมค่ะ เปี่ยมด้วยพระเมตตา สมแล้วกับที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯเคยตรัสไว้ว่านี่แหละรอยยิ้มของฉัน"
“ใช่เลยค่ะ เวลาที่ท่านแย้มพระสรวลผ่านหน้าเราท่านจะไม่แย้มพระสรวลเฉยๆ นะคะ ท่านจะส่งสายพระเนตรมาที่เราตรงๆ เลยค่ะ ณ เวลานั้นความรู้สึกของเราคือรักท่านสุดหัวใจ ตื้นตันและภูมิใจที่ได้รับรอยยิ้มจากพระองค์ อย่างน้อยๆครั้งหนึ่งเราก็ได้อยู่ในสายพระเนตรของพระองค์ ขอพระองค์ทรงพระเจริญ”
เชื่อว่า หลายคนแค่ได้ยินเพลงสรรเสริญพระบารมีก่อนดูหนังในโรงภาพยนตร์ น้ำตาก็เอ่อล้นแล้ว
“ซาบซึ้งจริงๆ ทุกครั้งที่ได้อ่านได้เห็นเรื่องราวของทั้งสองพระองค์ แม้แต่เพลงสรรเสริญพระบารมี จะต้องน้ำตาคลอทุกครั้ง ด้วยซาบซึ้ง ด้วยรับรู้ถึงพระเมตตาของพ่อหลวงแม่หลวงของเรา..”
“ได้เห็นข่าวในราชสำนัก ซึ่งเป็นข่าวใหม่เพราะเป็นงานที่ท่านทรงทำทุกวัน ทำให้รับรู้ได้ถึงความเหนื่อยยากของพระองค์ท่าน ในวันนี้พ่อแม่ของเราท่านทรงชราภาพ ไม่ได้แปลว่าความดีงามจะเสื่อมสลายไป กลับตราตรึงในใจพวกเราคนไทยทุกคนเสมอมา ขอพระองค์ทรงพระเจริญ ขอพระองค์ทรงเป็นมิ่งขวัญของคนไทยตลอดชั่วกาลนาน”
“ทุกวันนี้คิดถึงทั้งสองพระองค์มาก อยากให้ท่านทรงมีพระพลานามัยแข็งแรง ทรงพระเกษมสำราญ สวดมนต์ถวายท่านทุกวัน อยากได้เฝ้าชมพระบารมีอีก”
ขอทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก FB: Nitipong Honark, trueplookpanya.com
ขอบคุณภาพจาก photoontour8.com
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754