xs
xsm
sm
md
lg

นางงามสปอร์ตเกิร์ล "นิโคล" สุดยอดสาวไทยในแอลเอ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


2 ปีที่แล้วหากใครยังจำกันได้ สาวไทยจากลอส แองเจลิสสร้างชื่อเสียงให้แก่ "ไทยแลนด์" ด้วยการกวาดรางวัลสำคัญจากเวทีนางงาม "มิสเอเชียยูเอสเอ 2014" หลายรางวัล ตั้งแต่มิสทีนเอเชียยูเอสเอ, ชุดประจำชาติยอดเยี่ยม, นางงามบุคลิกยอดเยี่ยม

แม้จะมีสื่อไทยหลายสำนักทำข่าวของเธอ แต่ยังไม่เคยมีสื่อไหนล้วงลึกไปถึงชีวิต และมุมคิดของสาวลูกครึ่งไทย จีน อเมริกันคนนี้เลย กระทั่งเธอเดินทางมาเที่ยวประเทศไทยกับคุณแม่ ทีมงาน M-lite จึงไม่พลาดที่จะคว้าตัวมานั่งพูดคุยจนได้รู้แง่มุมชีวิตที่ต้องบอกว่าไม่ธรรมดาจริงๆ

"นิโคลไม่ใช่คนป็อปปูลาร์ในโรงเรียนเท่าไรค่ะ จะไม่ใช่แบบ..โห! ฉันเป็นถึงนางงามเลยนะ โห! ฉันเป็นคนสวยมากๆ แบบนั้นไม่ใช่นิโคลเลยค่ะ นิโคลจะเป็นคนเงียบๆ อยู่ในพื้นที่ของตัวเอง ถ้าจะตามหานิโคลต้องไปหาที่สนามฟุตบอลค่ะ (หัวเราะ) เพราะนิโคลซ้อมกีฬาอยู่ที่นั่น"

นิโคล หรือ นิโคลรีน-พิชาภา ลิมศนุการณ์ ในวัย 17 ปี เริ่มต้นเล่าถึงชีวิตหลังได้รับตำแหน่งที่ใครหลายคนรู้จักในฐานะ "มิสทีนเอเชียยูเอสเอ" แต่เธอก็ยังเป็นคนเดิม และยังคงทำหน้าที่ลูกสาว เพื่อน และการเป็นหัวหน้าทีม 'คัลเลอร์การ์ด' อย่างมุ่งมั่น และตั้งใจ ซึ่งเธอบอกว่า ชีวิตตอนนี้ให้ความสำคัญอยู่ 4 เรื่องคือ ครอบครัว การเรียน กิจกรรมช่วยสังคม และการทุ่มเทฝึกซ้อมคัลเลอร์การ์ด ซึ่งเป็นหนึ่งในกีฬาที่ใช้การแข่งขันระดับประเทศ


เป็นนางงามเพราะแม่ดัน


ก่อนจะไปลงลึกถึง "คัลเลอร์การ์ด" ไม่ถามไม่ได้ถึงเส้นทางนางงามที่ทราบมาว่า มีคุณแม่เป็นเจ๊ดันอยู่เบื้องหลัง แถมยังเป็นติวเตอร์ส่วนตัวให้อีกด้วย




เธอหันไปมองผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างๆ แล้วพูดขึ้นมาว่า "นี่เลยค่ะ คุณแม่หนูเอง (ยิ้ม) คุณแม่มีความชอบในเรื่องนี้ค่ะ ตอนสมัยสาวๆ แม่ชอบประกวด คุณแม่ก็เลยเป็นเจ๊ดันค่ะ (หัวเราะ) พอหนูอายุได้ 15 ปี คุณแม่ก็ให้ไปประกวดเวทีมิสทีนไทยแลนด์ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ไปเพราะหนูต้องกลับมาเรียนค่ะ ถ้าตัดสินใจไป คงกลับมาเรียนไม่ทัน ซึ่งหนูให้ความสำคัญกับการเรียนมากๆ

หลังจากนั้นคุณแม่ก็เสนออีกว่าลองไปประกวดมิสสงกรานต์ในวัดไทยดูมั้ย แต่วันที่ประกวด หนูแข่งกีฬาพอดีก็เลยพลาดไปอีก คุณแม่ก็เลยให้ไปลองเวทีมิสไทยนิวเยียร์ ยูเอสเอ (การประกวดเทพีสงกรานต์ในงานไทยนิวเยียร์เดย์ สงกรานต์เฟสติวัล) ผลปรากฎว่า หนูได้ตำแหน่ง จนได้ขึ้นไปประกวดบนเวทีใหญ่อย่าง 'มิสเอเชียยูเอสเอ' หนูก็ได้เป็นมิสทีนเอเซียยูเอสเอ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการประกวด มิสเอเชียยูเอสเอ ประจำปี 2014 โดยเวทีนี้จะมีการประกวด 3 ตำแหน่งด้วยกันค่ะ คือ มิสเอเชียยูเอสเอ, มิสซิส เอเชียยูเอสเอ และมิสทีนเอเชียยูเอสเอ"


ด้านคุณแม่ผู้อยู่เบื้องหลัง พูดเสริมขึ้นว่า "ถนนหลังบ้าน แม่จะเขียนชอล์กเป็นตารางเสมือนเวทีให้ลูกสาวได้ฝึกเดินค่ะ (หัวเราะ) มีผ้า มีอุปกรณ์มาให้ฝึกเดิน พร้อมกับลิสต์คำถามเป็นร้อยๆ เพื่อให้นิโคลได้ฝึกตอบ และด้วยความโชคดีของเรา บังเอิญเราได้เทรนเนอร์ดีด้วย นั่นก็คือคุณใหญ่ อักษราภัค เกตุทอง แห่งร้านเดอะภูเขา ซึ่งเขาเป็นผู้ออกแบบชุดประจำชาติ ที่ชื่อว่ายุทธหัตถนารีให้กับน้องนิโคลด้วย กระทั่งได้รับรางวัล The Costume Designer of the year หรือรางวัลนักออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยมมาครอง"




อย่างไรก็ดี นอกจากชุดประจำชาติที่แสดงถึงความเป็นไทย และความแข็งแกร่งแล้ว เธอยังแสดงให้ทุกคนเห็นถึงความฉลาดในรอบตอบคำถามด้วย

"ตอนนั้นบนเวที นิโคลได้คำถามที่ว่า อะไรที่ทำให้เราแตกต่างจากคนอื่น นิโคลก็ตอบไปว่าการเลี้ยงดูของพ่อแม่ค่ะ คุณแม่จะสอนนิโคลว่า ถ้าอยากได้อะไรเราก็ต้องพยายาม หรือถ้าไม่อยากให้คนอื่นปฎิบัติตัวกับเราอย่างไร เราก็อย่าไปปฏิบัติตัวแบบนั้นกับเขา เหมือนใจเขาใจเราอ่ะค่ะ


นอกจากนั้น คุณแม่สอนยังสอนด้วยว่า ทำอะไรต้องทำให้ดีที่สุด อย่างนิโคลอยากเรียนกีตาร์ แม่บอกว่า ถ้าเรียนๆ เลิกๆ แม่ไม่ให้เรียนนะ แต่ต้องเรียนให้ถึง 1 ปี ชอบ หรือไม่ชอบก็ค่อยว่ากันอีกที นี่คือสิ่งที่คุณแม่สอนค่ะ จากตรงนั้นก็เลยทำให้นิโคลทำอะไรต้องทำให้ดี ไม่ใช่ทำครึ่งๆ กลางๆ ส่วนคุณพ่อเป็นฝ่ายสนับสนุนค่ะ (หัวเราะ) คอยไปรับส่ง และเตรียมอาหารมาให้กินก่อนซ้อม เพราะสงสารลูกที่กินแฮมเบอร์เกอร์ทุกวัน วันหยุดก็ออกไปเที่ยว ไปพักผ่อนด้วยกัน แต่หลังๆ ไม่ค่อยได้ไปค่ะ เพราะว่านิโคลซ้อมหนักมากค่ะ"


ทั้งนี้ หลังจากได้รับตำแหน่ง "มิสทีนเอเชียยูเอสเอ" กิจกรรมช่วยเหลือสังคมก็มีเข้ามามากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอให้ความสนใจมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว


"ตั้งแต่เป็นนางงาม นิโคลได้ทำงานสังคมเยอะค่ะ นิโคลมีความสุขมากที่ได้ทำกิจกรรมช่วยเหลือสังคม ไม่ว่าจะเป็นโครงการของมูลนิธิขาเทียมในสมเด็จพระศรีนครินทรา บรมราชชนนี หรือโครงการที่นิโคลคิดขึ้นมาเองอย่าง Love Nepal เมื่อครั้งเกิดแผ่นดินไหว นิโคลเอาทุนของตัวเองไปทำปากกา ทำเสื้อขายเพื่อเอาเงินไปบริจาค ตอนนั้นได้มาแสนกว่าบาท ได้ใบเกียรติบัตรจากประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา บารัค โอบามา ด้วย"



นอกจากนั้น เมื่อปีที่ผ่านมา เธอยังใช้เงินส่วนตัวทำปฎิทินรูปตัวเองออกจำหน่าย โดยมีคุณโสภารัตน์ พอลลาด หนึ่งในสมาชิก โรตารี่เวสเชสเตอร์ของอเมริกา เป็นผู้ดำเนินการ และร่วมบริจาคเพื่อนำรายได้ไปให้กับเด็กนักเรียนโรงเรียนมัธยมฯ ในจังหวัดอุดรธานี

ปัจจุบัน นอกจากทำกิจกรรมเพื่อสังคม เรื่องเรียนยังเป็นสิ่งที่เธอให้ความสำคัญมาก "ตอนนี้กำลังจะเข้าเรียนพยาบาลที่ Citrus College เพราะสนใจเรื่องระบบร่างกายตั้งแต่เด็กแล้ว จากนั้นคุณแม่ก็คุยๆ กับนิโคลว่า ถ้าอายุ 19 ปี อาจจะกลับมาเมืองไทยเพื่อลองประกวดมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์สดูค่ะ แต่ตอนนี้เอาเรื่องเรียนก่อน เรื่องนั้นค่อยว่ากันค่ะ (หัวเราะ) อีก 2 ปีค่ะ ยังพอมีเวลา ไม่รีบๆ (ยิ้ม)"


นางงามสปอร์ตเกิร์ล


"นางงามสำหรับนิโคล ไม่ต้องเพอร์เฟกต์อยู่ตลอดเวลา เราก็คือมนุษย์คนหนึ่งเหมือนกัน แต่คุณสมบัตินางงามต้องมีความรับผิดชอบ และมีใจอยากช่วยเหลือคนอื่น รู้จักพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา จะต้องไม่หยุดอยู่ที่เดิม ดังนั้น นางงามต้องเป็นผู้หญิงทันสมัย เก่งได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งใคร" เป็นคำนิยาม "นางงาม" ในความหมายของนิโคลที่ให้ความสำคัญกับความเก่ง ความสามารถมากกว่ารูปลักษณ์ภายนอก


"หนูเป็นผู้หญิงมีความรับผิดชอบ มุ่งมั่นตั้งใจ แล้วก็...เป็นผู้หญิงไม่เยอะค่ะ (หัวเราะ) เป็นคนเข้าถึงง่าย เพื่อนๆ ก็เลยเข้าหาเยอะ อีกอย่างนิโคลชอบกีฬาแบบเอ็กซ์สตรีมค่ะ จะให้ไปขี่มอเตอร์ไซค์ก็ยังได้เลยนะ (หัวเราะ) สนุกดีค่ะ ปัจจุบันนิโคลให้ความสนใจ และเต็มที่กับคัลเลอร์การ์ดอยู่ค่ะ ซึ่งเป็นสิ่งที่ควบคู่กับวงโยธวาทิต" เธอบอก และขยายความต่อไปถึงกิจกรรมประเภทนี้




"ปกติแล้วกิจกรรมประเภทนี้จะการใช้ธงเป็นหลัก หรืออาจจะใช้คู่ไปกับอุปกรณ์อื่นๆ เช่น ปืน ดาบ ซึ่งจะช่วยเพิ่มในเรื่องของสีสัน และการเคลื่อนไหวต่างๆ ไปกับจังหวะของเพลงที่นักดนตรีเล่น ตอนนี้นิโคลเป็นกัปตันทีม 3 ปีซ้อนแล้วค่ะ แต่กว่าจะขึ้นมาได้ ต้องเจอแรงกดดันทั้งตัวเอง และคนอื่นๆ พอสมควร"

เธอบอกว่า เป็นกัปตันทีม ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย เพราะมีคนอื่นที่อยากเป็นเหมือนกัน ดังนั้นจึงต้องพัฒนาตัวเองให้เก่งอยู่ตลอดเวลา


"คนที่ได้ขึ้นมาเป็นกัปตันทีม ต้องมีการทดสอบค่ะ แล้วเขาจะให้คนในทีม รวมไปถึงครูโหวตเลือก และนิโคลก็ได้เป็นค่ะ ตอนนี้เป็นมา 3 ปีซ้อนแล้วค่ะ ซึ่งไม่เคยมีใครได้เป็น 3 ปีซ้อน แต่มันกดดันมากเลยนะคะ นิโคลต้องพัฒนาตัวเองตลอดเวลา พลาดไม่ได้เลย ถ้าพลาดจะถูกจับผิดทันที ซึ่งแรกๆ ก็ถูกมองเหมือนกันว่า ยูเป็นใคร ยูไม่เหมาะที่จะมาเป็น หรือยูเป็นกัปตันภาษาอะไร ยังหาเงินเข้าทีมไม่ได้เลย"


ทำให้ทุกวันนี้ "นิโคล" ต้องฝึกซ้อมอย่างหนัก "ต้องสตรองค่ะ (หัวเราะ)" เธอบอก "จะมาทำตัวอ่อนแอไม่ได้เด็ดขาด การเป็นกัปตันทีม ต้องทำให้ได้ทุกอย่าง และต้องทำให้คนอื่นเก่งด้วย ถ้าเกิดใครต้องการความช่วยเหลือ เราต้องช่วยได้ ถ้าเราทำไม่เป็น ช่วยไม่ได้ คนในทีมก็จะหมดศรัทธา เพราะฉะนั้น ท่าอะไรที่มันยากๆ กัปตันต้องทำได้หมด แม้จะฝึกหนักจนเจ็บตัวบ้างก็ต้องอดทนค่ะ


ส่วนตัวนิโคลชอบทำอะไรที่คนอื่นทำไม่ค่อยได้อยู่แล้ว ชอบท้าทายตัวเอง ไม่ชอบอยู่นิ่งค่ะ อย่างการเล่นคัลเลอร์การ์ด แม้จะเคยคิ้วแตก จมูกหัก แต่ก็ไม่เป็นไรค่ะ อย่างน้อยๆ ก็สอนให้รู้จักระมัดระวังจะได้ไม่กลับไปซ้ำรอยเดิมอีก ถ้าไม่เกิดแผลก็จะไม่ได้เรียนรู้ นิโคลคิดแค่นี้ค่ะ"




เมื่อถามถึงวิธีเอาชนะใจคนในทีม เธอบอกว่า "ต้องฟังคนอื่นด้วย เรื่องนี้สำคัญมากค่ะ เราจะสั่งอย่างเดียวไม่ได้ ต้องทำให้เขาเข้าใจด้วย ถ้าเขาทำไม่ได้ โอเค เรามาฝึกกัน ซึ่งมันจะไม่ใช่หัวหน้าสั่งลูกน้อง แต่จะออกไปทางผู้นำในฐานะพี่สอนน้อง เพื่อนสอนเพื่อนมากกว่า พูดง่ายๆ ก็คือ กัปตันคือผู้แปะกาวให้คนในทีมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และเก่งไปด้วยกัน ไม่ใช่สั่งๆ อย่างเดียว แบบนั้นไม่ใช่คุณสมบัติของกัปตัน"

ถึงวันนี้ นอกเหนือจากการเรียน และการฝึกซ้อมอย่างหนักแล้ว หากมีเวลาว่างๆ เธอจะพยายามนอนให้มากที่สุด เพราะต้องพักฟื้นร่างกายให้มีพลังในวันต่อๆ ไป นอกจากนั้นจะพยายามออกไปทำกิจกรรมเพื่อสังคม เพราะรู้สึกดีทุกครั้งที่ได้เป็นผู้ให้และผู้รับในเวลาเดียวกัน


"กิจกรรมช่วยเหลือสังคมเป็นส่วนหนึ่งในการเก็บคะแนนก็จริง เพราะมันมีผลต่อการเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย ถ้าเรียนเก่งอย่างเดียวเขาไม่เอานะคะ ต้องช่วยเหลือสังคมควบคู่ไปด้วย ซึ่งการได้ลงไปเป็นผู้ให้ ทำให้นิโคลเห็นคุณค่าในตัวเอง อย่างครั้งหนึ่งนิโคลจำได้เลยว่า โห! เราทำการ์ดให้คนชรา เขาแฮปปี้มาก ซึ่งการเป็นผู้ให้มันดีแบบนี้นี่เอง ทั้งสำหรับเขา และสำหรับเรา"


ไม่หลุดกรอบมารยาทไทย




อย่างไรก็ดี แม้จะเกิด และเติบโตที่เมืองนอก แต่ด้วยความที่มีคุณยาย และคุณแม่เป็นคนไทย ทำให้ "นิโคล" ถูกเลี้ยงดูทั้งแบบฝรั่ง และแบบไทย โดยเฉพาะเรื่องมารยาทไทยที่จะให้ความสำคัญมาก โดยคุณแม่บอกว่า "ไม่อยากให้ลูกมั่นใจในตัวเองมากเกินไปจนกลายเป็นคนไม่เคารพผู้ใหญ่ ก้าวร้าว"

"ทั้งคุณแม่ และคุณยายจะเคร่งเรื่องมารยาทมากๆ ค่ะ โดยเฉพาะมารยาทไทย ไปมาลาไหว้ เจอผู้ใหญ่ต้องนอบน้อม มือไม้อ่อน คือเป็นการเลี้ยงดูแบบผสมค่ะ ให้อิสระในการคิด แต่ก็ต้องไม่หลุดกรอบความดีงามในแบบของไทยด้วย นี่คือสิ่งที่บ้านนิโคลให้ความสำคัญมาตลอดค่ะ"


ปิดท้าย เมื่อถามถึงความรัก "ไม่มีใครกล้าจีบหนูหรอกค่ะ" นิโคลเอ่ยขึ้นทันที "นิโคลไม่ได้เหมือนผู้หญิงอเมริกันที่มีคิ้ว มีขนตายาวๆ คือ..เป็นผู้หญิงธรรมดามากๆ (ลากเสียงยาว) ไม่ค่อยชอบแต่งหน้าด้วยค่ะ เพราะต้องซ้อมกีฬา ตอนนี้ก็มีแค่เพื่อนค่ะ สำหรับนิโคลแล้ว ความรักไม่ใช่ทุกสิ่งค่ะ คือ เราต้องเป็นผู้หญิงที่เก่งก่อน ส่วนเรื่องแฟนค่อยตามมา ซึ่งถ้ามีก็ต้องเกื้อหนุนกัน ไม่ใช่ฉุดกันลงค่ะ"


เรื่อง : ปิยะนันท์ ขุนทอง

ภาพ : ศิวกร เสนสอน




มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram

"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!


และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754



กำลังโหลดความคิดเห็น