วันๆ อุทิศชีวิตอยู่หน้าคอมพ์ ใช้ชีวิตกินดื่ม สะสมอาการปวดเมื่อยเรื้อรัง ไมเกรนรุมเร้า หวัดภูมิแพ้คืบคลาน จนผลักดันให้ สองสาวทำงานคู่นี้ ต้องถอดรองเท้าส้นสูง หันมาใส่ผ้าใบออกวิ่งทุกเย็นหลังเลิกงาน
คนหนึ่งเป็นถึงระดับผู้บริหารในโรงงานรถญี่ปุ่นชื่อดัง อุ้ง-ปุณยนุช ปรัชญานิพนธ์ กลายเป็นนักวิ่งตัวแทนบริษัทไปแข่งที่ญี่ปุ่น สุขภาพแข็งแรงขึ้น รูปร่างผอมเพรียว กินมากเท่าไรก็ไม่อ้วน ระบบเผาผลาญไขมันเริ่ด ผันตัวเองเป็นนักกรีฑาสมัครเล่นล่ารางวัลทั้งในและต่างประเทศ
อีกคนดีกรีวิศวกรหญิง และนักเขียนเรื่องอาหาร นุ่น-อาจารี เกียรติเฟื่องฟู ออกวิ่งไม่ฟินพอ แซ่บทั้งว่ายน้ำและปั่นจักรยาน พาตัวเองบินไปแข่งถึงสนามต่างประเทศสุดโหด ไม่หวั่นน้ำทะเลเย็นเฉียบ ทางภูเขาลาดชันเว่อร์ กลายเป็นนักไตรกีฬาสาวสุดอึด
สาวสองคนต่างที่มาต่างที่ทำงาน แต่มาเจอกันเพราะรักอยากเล่นกีฬาอย่างถูกต้องและจริงจังเธอทั้งสองร่วมกันสร้างเพจ รองเท้าสองคู่ นอกจากให้ข้อมูลความรู้ในเรื่องการวิ่ง-ว่าย-ปั่น ยังสร้างแรงบันดาลใจแก่มนุษย์ออฟฟิศมากมาย กระตุ้นให้อยากลุกขึ้นมาออกกำลังกาย
>>อะไรเป็นแรงผลักดันให้ลุกขึ้นมาวิ่งออกกำลังกาย
นุ่น: อีกหนึ่งงานที่ทำเป็นสายอาหาร ต้องทานเยอะ ไม่ได้ออกกำลังกาย ก็อึดอัด อีกส่วนที่สำคัญคือ แฟนเป็นนักกีฬารักบี้ เขาออกกำลังกายสม่ำเสมอ ชวนไปวิ่งตลอด ใช้เวลาประมาณ 6 ปีกว่าจะทำให้เราออกกำลังกายได้
เคยเล่นโยคะ เคยวิ่งเปาะแปะไปเรื่อย แต่พอวิ่ง outdoor เริ่มสนุก มีเสียงนก เสียงธรรมชาติ เพลินดีค่ะ ทีนี้ก็วิ่งจริงจัง กลายเป็นว่าเยอะกว่าแฟนอีก ตอนนี้เล่นไตรกีฬา เขาก็ชอบ เข้ามาเล่นด้วย
อุ้ง: เดิมทีเคยวิ่งมานานแล้ว ตามคุณแม่ไปวิ่งออกกำลังกาย แต่พอมาทำงานก็ไม่ได้ออกกำลังกายเลย เพราะออฟฟิศอยู่ไกลถึงบางบ่อ เป็นบริษัทญี่ปุ่นทำงานแปดโมงเช้าถึงห้าโมงเย็น และอาจต้องมี overtime ต่ออีกตามสไตล์บริษัทญี่ปุ่น เลิกประมาณสองทุ่ม กลับบ้านก็เหนื่อย ปรากฎว่าเป็นออฟฟิศซินโดรม มีไมเกรนถึงขนาดอาเจียน ต้องไปหาหมอฉีดยา หมอแนะนำว่าต้องออกกำลังกายบ้างนะ ไม่ใช่วันๆ นั่งอยู่หน้าคอมพ์
รู้สึกทรมานมาก ปวดหัวทุกวันเหมือนมีอะไรมาบีบ ไม่ไหวแล้ว ต้องลุกขึ้นไปออกกำลังกายแล้ว เลยหากีฬาที่เหมาะกับตัวเอง และเหมาะกับทำงาน จึงวิ่ง เพราะเคยวิ่งอยู่แล้ว
แต่ก่อนวิ่งในสวนสาธารณะ แต่ครั้งนี้วิ่งบนลู่ไฟฟ้าที่ออฟฟิศ หลังสองทุ่มก็ไปวิ่งที่ฟิตเนสของบริษัท ไม่ถึงกับวิ่งทุกวัน วิ่งประมาณ 3 วันต่ออาทิตย์ เสาร์อาทิตย์ก็ไปวิ่งที่สวนสาธารณะ
>>จุดหักเหอะไรที่ทำให้วิ่งอย่างจริงจัง
อุ้ง: บริษัทมีแข่งวิ่งประจำปี เพื่อคัดตัวแทนไปแข่งที่ญี่ปุ่น ความที่วิ่งบนลู่บ่อยๆ ความเร็วก็โอเค เลยอยากลองไปแข่งคัดเลือก ปรากฎว่าติด บริษัทหาโค้ชมาให้เพื่อฝึกซ้อมเตรียมตัว เริ่มวิ่งมินิครั้งแรกจากการไปญี่ปุ่นนี่แหล่ะค่ะ
ไม่ได้รางวัลนะคะ แต่ได้เห็นคนญี่ปุ่นวิ่งเก่งมาก ทุกวันนี้มีคนบอกอุ้งวิ่งเร็ว หนูบอกไปดูสาวญี่ปุ่นสิวิ่งโหดจริงๆ ใส่กางเกงหลวมๆ เสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ๆ วิ่งแบบ speed น่ากลัวมาก
จากวิ่งมินิ 3 กม.ครั้งนั้นก็เริ่มสนุก วิ่งมาเรื่อย
นุ่น: ตอนทุกคนเริ่มต้นก็วิ่งเรื่อยเปื่อย เร็วบ้าง ช้าบ้าง แต่พอเริ่มจริงจัง อยากพัฒนาศักยภาพของตัวเอง ก็ต้องมาดูแล้วว่าตอนนี้เราวิ่งยังไง หาข้อมูล อ่านอินเตอร์เน็ตก่อน วิ่งยังไงไม่เหนื่อยมาก เพราะตอนแรกเหนื่อยมากทุกครั้ง อ๋อ วิ่งเร็วเกินไป จริงๆ แล้ว การวิ่งมีหลายระดับมากเลย ก่อนวิ่งต้องวอร์มอัพ เริ่มเรียนรู้มากขึ้นเรื่อยๆ
>>ตกหลุมรักกีฬาชนิดนี้เลย
อุ้ง: อุ้งชอบวิ่งค่ะ มีความสุขกับความเร็วกับการแข่งขัน วิ่งเร็วๆ ถึงวิ่งมาราธอน ก็อยากพัฒนาความเร็วไปเรื่อยๆ ชอบเห็นตัวเองวิ่งได้เร็วขึ้น ตอนเห็นเวลาลดลงเรื่อยๆ จะแฮปปี้มาก
นุ่น: นุ่นว่าไตรกีฬาเป็นวงจรที่พอดี ว่ายน้ำเหมือนได้วอร์มอัพร่างกาย พอร่างกายพร้อม ปั่นจักรยานต่อ ปั่นเสร็จก็วิ่ง
ชอบกีฬาทั้งสามอย่าง แต่ในความรู้สึกที่ปั่นจักรยาน คือ วันไหนที่เหนื่อยมากๆ ก็ยังปั่นได้ ลมพัดปะทะใบหน้า มีความสุขได้ผ่อนคลาย ได้เคลื่อนที่ไปในบรรยากาศวิวแปลกใหม่ ได้เปลี่ยนเส้นทาง ขึ้นเขาบ้างลงเนินบ้าง วันนี้อยากไปตรงนี้ ขี่จักรยานไปได้เห็นหมดเลย
>>ทำไมชอบเดินสายแข่งขันล่ารางวัลแข่งทั้งในประเทศและต่างประเทศ
อุ้ง: อยู่ในโตโยต้าไทยแลนด์ เหมือนวิ่งเร็วสุดในบรรดาผู้หญิงของโตโยต้า เออ ฉันวิ่งเร็วแล้ว แต่พอไปออกงาน เจอคนวิ่งเร็วกว่า ก็มีความรู้สึกอยากกลับมาซ้อมมาพัฒนาตัวเอง
มีความสุขทุกครั้งที่ได้แข่ง ถ้วยรางวัลเป็นเหมือนกำลังใจแต่พลาดรางวัลก็บ่อยนะคะ ประเด็นคือ อุ้งไม่ได้มุ่งไปที่ถ้วยฯ ถ้างานไหนได้รางวัล แต่วิ่งแย่ ตัวเองจะรู้ว่าที่ชนะไม่ใช่เพราะวิ่งดี แต่เพราะไม่ได้เจอคู่แข่งเก่งๆ แต่ถ้าสนามไหน เวลาดี แต่ไม่ได้ถ้วยฯ ก็รู้สึกภูมิใจ เพราะรู้อยู่ว่าได้แข่งกับระดับหัวกะทิแนวหน้า
ถ้าวิ่งเฉยๆ เหมือนไม่มีแรงผลักดัน นักวิ่งหลายคนเป็นโรคติดงานวิ่ง เวลาออกงานวิ่ง จะได้เจอคนเก่งเยอะ พยายามเรียนรู้นำมาพัฒนาตัวเอง เปลี่ยนจากวิ่งเพื่อสุขภาพ มาวิ่งเพื่อท้าทายตัวเอง
นุ่น: แข่งวิ่งมาราธอนครั้งแรกมีแผนไปจอมบึงในเดือนมกราคม 2559 ก็ซ้อมมาตลอด ทีนี้ปรากฏว่าช่วงธันวาคมต้องไปประชุมงานที่ฮาวาย พอไปเห็นโฮโนลูลูมาราธอน เดินเข้าไปสมัครเลยวันเสาร์ แข่งวันอาทิตย์ เป็นมาราธอนครั้งแรกที่ประทับใจมาก ทีมงานจัดดีมาก บรรยากาศสนุก อากาศดี วิวสวย ถือว่าเป็นการแข่งวิ่งมาราธอนครั้งแรกและแข่งในต่างประเทศด้วย
>>คุณนุ่นเพิ่งกลับมากจากการแข่งขันไตรกีฬาที่ปูซาน สนามนั้นโหดอย่างไร
นุ่น: เป็นการแข่งจักรยานที่โหดสุดที่เคยเจอเพราะเป็นเขาตลอดทางเลย ไปถึงวันแรกซ้อมไม่มีปัญหา แต่พอวันที่สองฝนตกแต่เช้า หมอกลง มองไม่เห็นจุดหมายที่ต้องว่ายน้ำไป และน้ำเย็นมาก พอถึงคอร์สจักรยาน ทางขึ้นลงตลอด ที่สำคัญ เวลาลงก็ขึ้นชันโค้งหักศอกทันทีเลย
>>เคยประสบอุบัติเหตุหรือบาดเจ็บจากการแข่งขันมั้ย
นุ่น: อุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้เสมอ ยิ่งจักรยาน เกิดอันตรายมากกว่ากีฬาวิ่ง
วิ่งบาดเจ็บที่ตัวเรา แต่จักรยานมีหลายปัจจัยมาก อาจมีบุคคลที่ 3 หรือตอนปั่นจักรยานลงเขา ต้องระวังตัวมากๆ สมมติเวลาลงเขาเร็วๆ ก็จะไม่ลงมาสุดตัว เผื่อเบรกเอาไว้ด้วย ต้องมีสติมากๆ ต้องดูแลความปลอดภัยของตัวเองมากๆ เพราะอยากเล่นกีฬาไปนานๆ
สนามในเมืองไทยที่ยาก เคยเจอที่ลากูน่า ภูเก็ต เพราะเป็นภูเขา ทางปั่นเป็นเนินตลอด แต่ว่าตอนว่ายน้ำ ทะเลน้ำใสสวยมาก
เคยเจอแมงกะพรุนไฟที่หัวหิน ไม่เคยรู้มาก่อนว่าตัวเองแพ้กะพรุนมากขนาดนั้น ว่ายกลับเข้าฝั่งได้แต่ตอนขึ้นจากน้ำไม่มีแรงเดิน ตัวบวม ต้องรีบไปโรงพยาบาลเลย ทุกวันนี้ยังมีแผลเป็น คือ การว่ายน้ำในทะเลมันเสี่ยง ทีนี้เมื่อรู้ว่าแพ้แล้ว ก็ต้องกินยาแก้แพ้กันไว้ก่อน
อุ้ง: นักวิ่งหลายคนมีข้อเสียคือ ใจร้อน บางคนวิ่งมินิ 10 กม. ออกจากงานปุ๊บไปฮาลฟ์มาราธอน 20 กม. และอีก 2-3 งานปุ๊บไปมาราธอน 42 กม. มาแนวนี้ย่อมบาดเจ็บ
การวิ่ง 42 กม. กล้ามเนื้อต้องแข็งแรง เพราะในการวิ่งต้องใช้กล้ามเนื้อค่อนข้างหนัก
อุ้งโชคดีที่เริ่มในช่วงกีฬาวิ่งยังไม่บูม ช่วงสองปีแรกอุ้งวิ่งมินิอย่างเดียวเลย ค่อยเป็นค่อยไป แล้วไปวิ่งฮาลฟ์หนึ่งปี ก่อนฟูลมาราธอน ไปทีละขั้น และฝึกอย่างสม่ำเสมอ อุ้งจึงไม่ค่อยเจออาการบาดเจ็บ
หลายคนคิดว่าการวิ่งนั้นง่าย ใครๆ ก็วิ่งได้ ซึ่งจริงๆ มันก็ง่าย แต่วิ่งให้ถูกต้องน่ะยาก
การลงเท้า การแกว่งแขน มีส่วนหมดเลยค่ะ บางคนแกว่งแขนสูงไป ไหล่ยกสูงตลอดเวลา มันก็เกร็งไหล่ เจ็บหลัง หรือการมอง บางคนเงยหน้าวิ่ง ก็จะเจ็บต้นคอลามลงมาถึงกระดูกแกนกลาง คือ ทุกอย่างมีหลักที่เหมาะสม
เวลาวิ่ง มองไปในระยะ 30 เมตรข้างหน้าพอ ลงเท้ายังไงไม่ให้บาดเจ็บ ไม่กระเทือนหัวเข่า ก่อนวิ่งควรยืดเหยียดยังไงเพื่อให้ร่างกายพร้อมใช้งาน ไม่ใช่อยู่ดีๆ ปุ๊บมาถึงสนามแล้วลงไปวิ่งเลย
การแข่งก็เหมือนกัน ในหนึ่งเดือนลงแข่งมากสุด 2 งานพอ เพราะเวลาแข่ง จะลงเต็มเหนี่ยว แข่งแล้วควรพักสักหนึ่งสัปดาห์เพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นฟู อีกสัปดาห์เป็นช่วงเวลาของการซ้อม ดีที่สุดเดือนละงานแข่งจะดีมาก เลือกที่ชอบจริงๆ และเอาเวลามาพัฒนาตัวเอง
นุ่น: คนเล่นกีฬาอย่าง ไตรกีฬา ต้อง Endurance training (ฝึกความอึด) ฝึกซ้อมกล้ามเนื้อ เรื่องโภชนาการสำคัญมาก
ถ้าออกกำลังกายนาน 8-9 ชั่วโมงติดต่อกัน ต้องเติมสารอาหารให้ร่างกาย มันจะมีโปรแกรม ขึ้นจากว่ายน้ำไปปั่นจักรยาน บางคนเตรียมเจลเตรียมถั่วหรืออาหารอะไรแล้วแต่พกมา ใส่กระเป๋าไว้หรือแปะไว้ที่จักรยาน ก็จะทานทุก 45 นาที หรือ 1 ชม. และมีเกลือแร่สลับกับน้ำเปล่า กินน้ำเปล่าอย่างเดียวไม่ดีเพราะขาดเกลือแร่ เป็นตะคริวได้
การต้องอยู่บนจักรยานหลายชั่วโมงมาก ต้องซ้อมมาก่อนให้ร่างกายเคยชินด้วย ต้องซ้อมบริคเทรนนิ่ง (Brick training) คือ การปั่นจักรยานแล้วออกมาต่อด้วยการวิ่ง ถ้าไม่ซ้อมมาก่อนขาจะอ่อนแรง วิ่งไม่ออกเลย หรือว่ายน้ำแล้วขึ้นมาปั่นจักรยาน ทำไงให้เร็วที่สุด บางคนกระโดดขึ้นมาไปใส่รองเท้าบนจักรยานเลย ไตรกีฬามีเทคนิครายละเอียดเยอะมาก ซึ่งทำให้สนุกมาก
อุ้ง: ตอนนี้เทรนด์วิ่งเทรล (Trail Running) กำลังมา วิ่งเข้าไปในป่า แต่ไม่ใช่ป่าอนุรักษ์นะคะ เป็นป่าที่ให้เข้าไปวิ่งได้ มีความท้าทาย ปีนเขาลงเขา ต้องใช้ทักษะมากกว่าวิ่งบนพื้นราบ อย่างอุ้งไปงานเขาประทับช้าง ราชบุรี ปกติที่นี่วิ่งค่อนข้างง่าย แต่ช่วงที่ไปแข่งฝนตก 3 วันติดกัน ดินเละ ตอนปีนลื่นมากค่ะ ต้องระวังมาก แต่สนุกดีค่ะ เพราะบางครั้งนักวิ่งมีอาการเบื่อวิ่งถนน
นักวิ่งเทรลต้องมีมารยาทในการวิ่ง อย่าทิ้งขยะระหว่างทาง คือ เวลาวิ่งบนถนน ค่าสมัครวิ่งรวมกับค่าทำความสะอาดแล้ว มีคนคอยเก็บขยะแก้วน้ำให้ แต่วิ่งเทรลอยู่ในป่านั้นทำความสะอาดยาก นักกีฬาต้องช่วยกันไม่ทิ้งขยะ เป็นมารยาทในการวิ่ง
>>คิดจะไปถึงระดับโอลิมปิคมั้ย สนามแข่งขันที่ใฝ่ฝันต้องพาตัวเองไปให้ได้คือ
นุ่น: ไม่ค่ะ เป็นแค่สมัครเล่น ชอบออกกำลังกาย ชอบซ้อม การแข่งขันเป็นการพิสูจน์ศักยภาพการซ้อม แข่งกับตัวเอง ไม่ได้แข่งกับใคร แข่งกับเวลาของตัวเอง อุ้ย เวลาเป็นไงบ้าง ซ้อมมาแล้วได้เวลาแบบนี้ ความเร็วแบบนี้ พัฒนาขึ้นนิดนึง ก็ดีใจแล้ว หรือบางครั้งได้เวลาแบบนี้แต่ยังไม่พอใจ เพราะรู้สึกซ้อมขนาดนี้ น่าจะทำเวลาได้ดีกว่านี้
ไตรกีฬา Ironman ที่ปูซาน (ว่ายน้ำ 1.9 กม.,ปั่น 90 กม., วิ่ง 21 กม.) ถือว่าครึ่งทางแล้ว ใฝ่ฝัน Ironman World ที่ฮาวายค่ะ เพราะฮาวายเป็นแหล่งรวมนักกีฬาที่เก่งที่สุดของโลก บรรยากาศระดับเวิล์ดคลาส เหมือนได้ไปแข่งโอลิมปิค
อุ้ง: อุ้งก็ไม่คิด อุ้งยังยืนยันว่าเป็นพนักงานบริษัท การวิ่งเหมือนมาเติมเต็มชีวิต
ถ้าเป็นพนักงานบริษัทอย่างเดียว วันธรรมดาไปออฟฟิศทำงาน เสาร์อาทิตย์ไปช้อปปิ้ง ชีวิตก็วนอยู่อย่างนี้ แต่เดี๋ยวนี้เหมือนมีเป้าหมายที่มากกว่าแค่ทำงานออฟฟิศ ทำให้ชีวิตมีสีสันมีความตื่นเต้น เจอคนที่ชอบอะไรเหมือนเรา อย่างพี่นุ่น คุยกันถูกคอ ชอบกีฬาเหมือนกัน ได้เพื่อนใหม่ๆ ที่ไม่ใช่มีแค่เพื่อนทำงาน หรือเพื่อนสมัยเรียน
>>จากที่คุณอุ้งวิ่งมา 4 ปี คุณนุ่นไตรกีฬามา 2 ปี ปัจจุบันสุขภาพเป็นอย่างไร
นุ่น: ไม่เป็นหวัดมานานมากแล้ว ไม่เป็นภูมิแพ้เลย กลับมามีชีวิตสดใส รู้สึกสดชื่น จากเมื่อก่อนต้องเขียนคอลัมน์ของ Food Stylist ด้วย ต้องรู้จักไวน์หลายๆ ชนิด ต้องชิมไวน์ชิมอาหารเยอะ ดินเนอร์ดื่มเสร็จก็นอน ตื่นไปทำงาน วนอยู่อย่างนี้ ร่างกายไม่แข็งแรง เป็นหวัดง่าย ใช้ชีวิตแบบนี้หนักเข้า ใต้ตาดำ แต่พอออกกำลังกายปุ๊บ ปรากฎว่าตอนนี้แข็งแรง ใต้ตาดำหายเลย
อุ้ง: ยังเป็นไมเกรนบ้างนิดหน่อย แต่ไม่หนักเหมือนเมื่อก่อน เพราะสาเหตุไมเกรนมีรายละเอียดเยอะ การใช้ชีวิตอีก ตราบใดยังใช้ชีวิตทำงานหน้าจอคอมพ์ ก็ยังไม่หายขาดง่ายๆ
>>ไม่กลัวขาใหญ่ ไม่กลัวผิวคล้ำดำเสียเหรอ
อุ้ง: เมื่อก่อนอุ้งขาใหญ่กว่านี้อีก แต่พอมาวิ่ง ขากระชับเล็กลง ส่วนเรื่องความขาว ผู้หญิงทุกคนอยากขาว ไม่อยากดำ เมื่อก่อนอุ้งขาวมาก เป็นหมีขาวเลย แต่พอมาออกกำลังกาย ความสุขที่ได้รับ มันสนุกมากกว่าการต้องมานั่งกังวลกลัวแดดกลัวดำ
สาวๆ กลัวขาใหญ่ กลัวเรื่องผิว ซึ่งความกลัวทำให้พลาดสิ่งดีๆ ไป พลาดความสุขที่มากกว่าขาเรียวผิวขาว
4 ปีที่ออกกำลังกายมา อุ้งกินหนักกว่าเดิมอีก เพราะซ้อมหนักต้องการพลังงานเยอะ แต่น้ำหนักลดไป 5 กก. และเฟิร์มขึ้น เปลี่ยนจากไขมัน 1กก. เป็นกล้ามเนื้อ 1 กก. ไม่โยโย่ด้วย
นุ่น: พอออกกำลังกาย กลับมีความสุขกับการทานมากขึ้น การออกกำลังกายช่วยควบคุม ตั้งแต่วันแรกที่ออกกำลังกายจนบัดนี้ 2 ปี น้ำหนักคงที่ 52 กก. แต่เฟิร์ม ลำตัวกระชับเล็กลง
ต้องทากันแดด ไตรฯโดนแดดมากกว่าวิ่ง ว่าย-ปั่นเสร็จก็สิบโมงสิบเอ็ดโมง มันร้อนมาก ไม่ใช่กลัวดำ แต่ระยะยาวอาจเป็นมะเร็งผิวหนังได้ ดังนั้นต้องกันแดดไว้
>>อุทิศเวลาให้กับการซ้อมการแข่ง ออกไปช้อปปิ้งแบบผู้หญิงทั่วไปมั้ย
นุ่น: ช้อปปิ้งออนไลน์ (หัวเราะ)
อุ้ง: ช้อปแต่ของกีฬา มีรองเท้ากีฬามากกว่ารองเท้าส้นสูงอีก คือ จะมีเหตุผลของตัวเอง คู่นี้วิ่งเทรล คู่นี้วิ่งถนน แต่ละแบบถูกออกแบบเพื่อใช้งานต่างกัน เป็นความสุขค่ะ เสียเงินตรงนี้ได้สุขภาพ ไม่ต้องเสียเงินให้กับหมอ
นุ่น: เดี๋ยวนี้สินค้ากีฬาออกแนวแฟชั่นเก๋ๆ เยอะ มันเป็นการซื้อสุขภาพอย่างหนึ่ง เพราะทุกวันนี้คนเราชอบไปซื้ออะไรที่ไม่จำเป็นกับชีวิต ยังซื้อกันได้เลย แต่ของพวกนี้ช่วยเราออกกำลังกาย นำมาใช้พัฒนาร่างกายตัวเอง อาจมีราคานิดนึง แต่ในระยะยาว…คุ้ม
>>ทั้งสองเจอกันได้อย่างไร มีแรงจูงใจอะไรในการสร้างเพจเฟซบุ๊ก “รองเท้าสองคู่”
อุ้ง: อุ้งกับพี่นุ่นคนละสายกัน อุ้งเป็นสายชอบแข่ง ชอบความเร็ว พี่นุ่นแนวชอบพัฒนาตัวเอง จริงๆ เป็นเฟรนด์กันในเฟซอยู่แล้ว แต่ไม่ค่อยได้เจอกัน มาเจอกันในค่ายอบรมพัฒนาเรื่องการวิ่ง
นุ่น: ก็คุยกันถูกคอ เออ น้องอุ้งคนนี้เก่งเรื่องวิ่ง ส่วนนุ่นเป็นไตรฯ ว่าย-ปั่น-วิ่ง เราทั้งสองเห็นว่ามีคนอยากออกกำลังกายแต่ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง เพราะตอนพวกเราเริ่มต้น ก็ไม่รู้วิธีว่าจะต้องฝึกตัวเองยังไง ลองมาทำอะไรให้สาวออฟฟิศธรรมดาๆ เหมือนเราที่อยากพัฒนาการวิ่ง หรือใครอยากพัฒนาเรื่องไตรกีฬา ว่าทุกคนสามารถทำได้ โดยไม่จำเป็นต้องเป็นนักกีฬา เพื่อนๆ คนไหนที่รักการออกกำลังกายก็สามารถทำได้
อุ้ง: อยากทำให้เป็นเรื่องเป็นราว เพราะปกติเราสองคนก็มักโพสต์เรื่องวิ่งเรื่องส่วนตัวในเพจส่วนตัวอยู่แล้ว แต่ไม่สามารถจัดประเภทได้ ถ้าอุ้งทำเพจเป็นเรื่องวิ่งอย่างเดียว ถึงจุดหนึ่งมันจะตัน เพราะการทำเพจต้องมีความเคลื่อนไหวตลอดเวลา พี่นุ่นอารมณ์ไตรกีฬา เลยรู้สึกว่าร่วมกันดีกว่า สร้างเพจเลยล่ะกัน
>>เห็นมีสินค้าบางตัวเข้ามาหา
อุ้ง: มีบ้างค่ะ แต่ถ้า push เรามาก เราก็ไม่ชอบ อาชีพหลักคือ ทำงานบริษัทค่ะ เลี้ยงตัวเองด้วยเงินเดือนบริษัท พี่นุ่นมีงานประจำ และยังเป็นเจ้าของธุรกิจอพาร์ตเมนต์ ไม่ได้ทำเพจเพื่อแสวงหาเงิน ถามว่าเข้ามาเรารับมั้ย ก็รับบ้าง ที่ไม่บังคับเราจนเกินไป
นุ่น: เราสองคนเหมือนกัน อยากให้คนมาอ่านแล้วได้แรงบันดาลใจอยากเล่นกีฬา
>>ช่วยแนะนำคนทำงานออฟฟิศที่กำลังคิดขยับตัวออกกำลังกาย
นุ่น: เข้าใจสาวออฟฟิศ เพราะเป็นคนไม่ยอมออกกำลังกายมาก่อนเหมือนกัน คือ ก้าวแรกมันยาก ดังนั้นหาอะไรที่ตัวเองชอบก่อน ไม่ชอบวิ่ง รู้สึกกระแทก ก็ไปลองโยคะ ลองว่ายน้ำ กิจกรรมอะไรที่ทำแล้วรู้สึกสบาย เออ ทำได้ เอนจอยกับมัน แล้วมีความสุข ค่อยๆ ทำ ค่อยๆ เพิ่มไป
อยากให้ออกกำลังกายด้วยเหตุผลเพื่อสุขภาพ อย่ามองว่าฉันผอมแล้ว เทรนด์สาวออฟฟิศตัวบางๆ อดอาหาร ไม่ทานแป้ง ไม่ทานข้าวเลย ไม่ออกกำลังกายด้วย กินแต่ผักผลไม้ ซึ่งทำให้ร่างกายไม่แข็งแรง
อุ้ง: การออกกำลังกายเหมือนเอาเวลาพักผ่อนมาออกกำลังกาย เพราะฉะนั้นทำอะไรที่ชอบที่รัก ก็จะทำได้ง่าย ไม่จำเป็นต้องวิ่ง บางคนชอบโยคะ บางคนชอบว่ายน้ำ อย่างพี่นุ่นชอบจักรยานมากกว่าวิ่งอีก ทำอะไรก็ได้ที่ตัวเองชอบ แล้วจะทำได้นาน ไม่ฝืน ไม่บังคับตัวเอง
อยากให้รักตัวเองมากๆ ทุกวันนี้คนเราใช้ร่างกายเยอะมาก แต่เราไม่เคยหันมาฟังเสียงของร่างกายตัวเองเลยว่าเป็นยังไง อย่าปล่อยจนวันหนึ่งร่างกายร้องออกมาดังๆ ต้องเข้าโรงพยาบาล ไม่ไหวแล้ว
*ประวัติส่วนตัว*
ชื่อ อาจารี เกียรติเฟื่องฟู (นุ่น)
อายุ 36 ปี
การศึกษา ปริญญาตรี ด้านวิศวกรรมอุตสาหการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, ปริญญาโท ด้านเศรษฐศาสตร์และแผนพลังงาน สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT-Asian Institute of Technology)
อาชีพ ข้าราชการ-นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ กระทรวงพลังงาน
ผลงานเด่น
- ไตรกีฬา Ironman 70.3 ปูซาน เกาหลีใต้ 2016 ด้วยสถิติ 7:30:10 (ชั่วโมง)
- ไตรกีฬา ลากูน่า ภูเก็ต 2015 ด้วยสถิติ 4:56:20 (ชั่วโมง)
- ฟูลมาราธอน โตเกียว 2016 ด้วยสถิติ 4:36:50 (ชั่วโมง)
- วิ่งเทรล Northface 2016 นครราชสีมา ด้วยสถิติ 8:39:55 (ชั่วโมง)
- ฟูลมาราธอน โฮโนลูลู ฮาวาย 2015 ด้วยสถิติ 5:09:25 (ชั่วโมง)
ชื่อ ปุณยนุช ปรัชญานิพนธ์ (อุ้ง)
อายุ 34 ปี
การศึกษา ปริญญาตรี คณะเศรษฐศาสตร์ และปริญญาโท สาขาLogistics จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
อาชีพ พนักงานเอกชน-รองผู้จัดการ ดูแลอะไหล่บริการ บริษัท Toyota Motor Asia Pacific Engineering & Manufacturing
สถิติที่ดีที่สุด 10 km. = 45 นาที, 21.1 km = 1.40 ชม., 42.195 km. = 3.36 ชม.
ผลงานเด่น
- ตัวแทนจากโตโยต้าประเทศไทย ไปแข่งวิ่งประเภททีมที่โตโยต้าประเทศญี่ปุ่น
- ถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ อันดับที่ 5 ระยะมาราธอน 42.195 กม. หญิง รุ่นอายุ 30-39 ปี งาน Bangkok marathon 2015
- ถ้วยพระราชทานอันดับที่ 2 จากพระหัตถ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี ระยะ 16 กม หญิง รุ่นอายุ 30-39 ปี งานเขาชะโงก ประจำปี 2014 และ 2015
- ถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี Overall หญิง ระยะ 21.1 km. งาน Human run 2016
- ถ้วยชนะเลิศอันดับที่ 3 ระยะ 42.195 กม. หญิง รุ่นอายุ 30-39 ปี งาน Laguna Phuket International Marathon ปี 2015 และ 2016
เรื่อง ผู้จัดการ Lite
สัมภาษณ์ เกิดศิริ
ภาพ พลภัทร วรรณดี
ขอบคุณภาพบางส่วนจาก FB: รองเท้าสองคู่
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754