เป็นข่าวฮอตมหากาพย์มาหลายสัปดาห์ จนวินาทีนี้ก็ยังเป็นที่สนใจจับตาของสังคม สำหรับ “วันทนีย์ หยกวิริยะกุล” หรือที่เรียกกันว่า “คุณหญิงไก่” แต่ตอนนี้แม้สื่อเองพากันเรียก “นังไก่” บ้าง “อีไก่” บ้าง ไฮโซสาวใหญ่ที่แจ้งความทำลูกจ้างติดคุกมาแล้วหลายราย
ตอนแรกนึกว่าเป็นเรื่องนายจ้างกับลูกจ้าง แต่ต่อมาโดนขุดคุ้ยแฉหลักฐาน เปิดโปงขยายประเด็นไปเรื่องค้ามนุษย์ แจ้งความเท็จ และความผิด ม.112...
จริงๆ แล้ว เจ๊ไก่นางนี้ไม่ธรรมดาเลย หากเป็นเซเลบตัวแม่ จองพื้นที่ขึ้นข่าวหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์มาแล้วตั้งแต่เมื่อ 30 ปีก่อน
โร่ฟ้องสื่อตั้งแต่อายุ 29 ปี “เมียร้องถูกผัว ส.ส.ไถ”
ข้อมูลระบุตามข่าวสมัยปี 2530 ว่า
“หญิงสาวคนหนึ่งอ้างตัวว่าชื่อ นางวันทนีย์ เดชเสน อายุ 29 ปี เป็นภรรยา นายวิสันต์ เดชเสน ส.ส. ยโสธร พรรคก้าวหน้า และเป็นเจ้าของรถทัวร์ วิ่งระหว่างกรุงเทพฯ-มุกดาหาร...มาร้องทุกข์ที่สำนักงานหนังสือพิมพ์แห่งหนึ่งว่าถูก ส.ส. ยโสธร วัย 27 ปี สามีข่มขู่ หมิ่นประมาท และพยายามฆ่า
นางวันทนีย์ได้เล่าเรื่องราวของตนเองและนายวิสันต์ว่ารู้จักกันปีที่แล้ว โดยนายวิสันต์เป็นผู้ติดต่อขอพบเพื่อเจรจาร่วมเส้นทางเดินรถเข้าด้วยกัน ...แต่ผลการเจรจาสองครั้งธุรกิจไม่สามารถตกลงกันได้ นายวิสันต์กลับเปลี่ยนท่าทีไปในทางชู้สาว ขอพาไปเที่ยว ขอมานอนค้างที่บ้านคลองจั่นวิลล่าของตน จนในที่สุดความสัมพันธ์เกินเลย ฝ่ายชายจึงได้พาไปจดทะเบียนสมรสที่สำนักงานเขตดุสิต เมื่อวันที่ 31 ต.ค. 2529 และอยู่กินกันที่บ้านของตนเรื่อยมา
นางวันทนีย์เล่าต่อไปว่า วันรุ่งขึ้นหลังจากจดทะเบียนสมรสกันแล้ว นายวิสันต์ได้พูดกับตนว่า ส.ส. เขามีรถเบนซ์ขี่กันทั้งนั้น อยากได้รถเบนซ์ 230 อี ราคาเกือบ 2 ล้านบาท จึงพากันไปดู แต่ปรากฏว่าในช่วงเวลานั้นรถรุ่นนี้ขาดตลาด จึงไม่ได้ซื้อ ต่อมานายวิสันต์ได้เอาเอกสารบัญชีเงินฝากมาให้ดูว่าเป็นหนี้ธนาคารอยู่หลายล้านบาทจากการหาเสียง ในช่วงเวลานั้น ตนได้ให้เงินนายวิสันต์ไปหลายครั้งรวมแล้วล้านกว่าบาท ครั้งล่าสุดนายวิสันต์ขอเงินซื้อบ้าน 6-7 ล้านบาท พอดีกับมีคนหลายคนมาเตือนตนว่า ให้ดูพฤติกรรมของนายวิสันต์ให้ดี ตนจึงไม่ให้ นายวิสันต์จึงหายหน้าหายตาไปเมื่อประมาณสองเดือนก่อน
นางวันทนีย์กล่าวต่อไปว่า ตนคิดว่านายวิสันต์หลอกลวง จึงได้ขอหย่า มีการติดต่อนายวิสันต์ให้หย่าหลายครั้ง นางวันทนีย์ได้อ้างชื่อ นายเสกสรร แสนภูมิ ส.ส. สุรินทร์ พรรคก้าวหน้าช่วยติดต่อให้ด้วย ในขณะเดียวกันตนก็ได้ทราบว่านายวิสันต์ได้ไปเที่ยวพูดกับ ส.ส. หลายคนว่าตนเป็นหัวหน้าแก๊งค์รถทัวร์ มี พ.ต.อ. หนุนหลัง เป็นเมียน้อยเขาแล้วมาหลอกให้จดทะเบียนสมรสด้วย นางวันทนีย์ได้อ้างด้วยว่า มี ส.ส. คนหนึ่งบอกกับตนว่า นายวิสันต์เคยพูดว่า กำลังตามฆ่านางวันทนีย์ เพราะนางวันทนีย์จะทำนายวิสันต์ก่อนจึงจำเป็นต้องทำ
นางวันทนีย์กล่าวว่าในที่สุดเมื่ออาทิตย์ที่แล้วก็ติดต่อนายวิสันต์ได้ นายวิสันต์บอกว่าจะหย่าให้ แต่ต้องไปหย่าที่ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ ในวันศุกร์ที่ 13 ก.พ. ที่ผ่านมา ตนได้เดินทางไปพร้อมกับนายเสกสรร ไปรอนายวิสันต์อยู่จนถึงเที่ยงไม่เห็นนายวิสันต์มาก็ขับรถกลับ ในระหว่างเดินทางกลับสวนทางกับนายวิสันต์จึงได้ขับรถกลับไปอีก พบนายเสกสรรดักอยู่กลางทางบอกให้ตนรีบหนีเพราะนายวิสันต์จะยิง พอดีกับนายวิสันต์มาถึงพร้อมด้วยตำรวจนอกเครื่องแบบสองคนและมือปืนอีกสองคน ตนจึงขับรถหนีออกมาจึงถูกยิงตามหลังมาถูกไฟท้ายแตก
นางวันทนีย์เล่าต่อว่าตนได้หลบมาอยู่ที่วัดๆ หนึ่งจนเย็น จึงได้ไปที่ สภ.อ.เมืองสุรินทร์ แล้วขอตำรวจคุ้มครองเดินทางกลับมากรุงเทพฯ หลังจากที่ปรึกษา ส.ส. หลายคนแล้ว จึงคิดว่าตนจะร้องเรียนเรื่องนี้ พร้อมด้วยหลักฐานต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรในวันจันทร์นี้ พร้อมกันนั้นก็ได้มอบให้ทนายไปแจ้งความดำเนินคดีที่สุรินทร์แล้ว ส่วนตนก็ฟ้องต่อศาลข้อหาพยายามฆ่า หมิ่นประมาทและฟ้องหย่าด้วย
ผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อนายวิสันต์ เดชเสน ส.ส.ยโสธร เพื่อขอทราบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ นายวิสันต์ได้เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังถึงเรื่องราวระหว่างตนกับนางวันทนีย์ มีข้อความขัดแย้งกันเกือบทุกเรื่อง ตั้งแต่วันที่นางวันทนีย์อ้างตัวว่าเป็นลูกสาวของนายปิติ ตั้งวิริยกุล เจ้าของรถทัวร์ดังกล่าว ขอพบเพื่อเจรจาธุรกิจกัน...”
ซึ่งเป็นหนังคนละม้วนกันเลย ผู้จัดการ Live ขอยกมาเพียงบางส่วน
“นายวิสันต์กล่าวว่า "ตนต้องการจะดูว่าผู้หญิงคนนี้จะมาไม้ไหน จึงยอมจดทะเบียนสมรสด้วย และคิดว่าจดทะเบียนไปเฉยๆ ไม่มีอะไร จดได้ก็หย่าได้ ...ตนไม่อยากพูดเรื่องนี้แต่ถ้าอยากรู้ประวัติความเป็นมาของผู้หญิงคนนี้ก็ให้ไปค้นที่ทะเบียนประวัติอาชญากร"
ดัง! โยงเครื่องราชฯ “ฆ่าตัวตายแต่ไม่ตาย”
จากคดีตุ๋นเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ด้วยการทำหลักฐานการบริจาคปลอม เพื่อประกอบการทำเรื่องขอพระราชทานเครื่องราชฯ เดินทางมาถึงจุดโยงใยผู้เกี่ยวข้องจำนวนมากรวมถึง “กิมเอ็ง แซ่เตียว” หรือ “ดวงฤทัย จารุจินดา” ซึ่งว่ากันว่าเป็นพี่สาวของเจ๊ไก่ ซึ่งเธอเป็นผู้แจ้งความต่อกองปราบฯ เอง
สื่อต่างๆ ขุดคุ้ยความเป็นมาของวันทนีย์ ที่พัวพันแนบแน่นคนดังวงการเมือง วงการตำรวจ การตกเป็นจำเลยเช็คเด้ง 1 ล้านบาท และอื่นๆ รวมถึงกรณีบริจาคเงินให้บิ๊กกองทัพ ที่โด่งดังในเวลานั้น
“วันทนีย์กินยาตาย ที่บ้านเลขที่ 100 / 113 ม.คลองจั่นวิลล่า 2 ถนนสุขาภิบาล 1 แขวงคลองกุ่ม บางกะปิ กทม. เนื่องจากเสียใจที่อ่านข่าวพบว่า นายทหารระดับพล.อ.คนหนึ่ง ให้สัมภาษณ์ว่าไม่เคยพูดว่าจะให้ความคุ้มครองวันทนีย์ ที่ออกมาแจ้งความในคดีดังกล่าวแต่อย่างใด จึงกินยาแวเลียมเข้าไปเกินขนาด” เนื้อข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์วันที่ 22 พ.ค. 2530 ระบุต่อว่า
“แต่สุดท้ายวันทนีย์อาการปลอดภัย คนรับใช้ได้นำตัวส่งคลินิก ให้น้ำเกลือแล้วกลับมาพักผ่อนที่บ้าน ก่อนเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลวิภาวดี”
แล้วเธอก็ให้สัมภาษณ์ต่อมาว่า ตัดสินใจฆ่าตัวตาย เพราะได้อ่านหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งลงข่าวโจมตีให้ตนเสียหาย ประกอบกับพล.อ..ให้สัมภาษณ์เรื่องการบริจาคเงินของตนในทำนองว่าเมื่อนำเช็คไปขึ้นเงินแล้วไม่รู้จะมีปัญหาหรือไม่ และยังกล่าวด้วยว่า ไม่เคยพูดว่าจะให้การคุ้มครองใคร เมื่อรวมเหตุการณ์เหล่านี้เข้าด้วยกันแล้วคิดท้อแท้ขึ้นมาทันที ไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้ว
ตนไม่มีชนักติดหลังหรือปัญหาอะไรทั้งสิ้นสำหรับเรื่องการบริจาคเงิน 500,000 บาท หมอหยองได้ชวนไปงานของพล.อ.ดังกล่าว ตนคิดจะบริจาคเงินให้การกุศล 100,000 บาท ซึ่งหมอหยองบอกว่าจะบริจาคด้วย 400,000 บาทเป็นเงินรวม 500,000 บาท ขอให้ตนเขียนเช็คมอบให้กับพล.อ... เงิน 400,000 บาทจะนำมาเข้าบัญชีภายหลังตนจึงไม่ได้ลงวันที่ในเช็ค
ต่อมาพล.อ.ดังกล่าว ให้คนนำเช็คไปให้หมอหยองลงวันที่เป็นวันที่ 22 พฤษภาคมซึ่งก็ถึงกำหนดแล้วในวันนี้ แต่คนถือเช็คจะไปเบิกเงินไม่ได้หรอก เพราะตนจะแจ้งไปยังธนาคารกรุงไทยไม่ให้จ่ายเงิน
“ในธนาคารกรุงไทย เงินของดิฉันฝากไว้ประมาณล้านกว่าบาท เมื่อเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นทำให้เกิดความคิดไม่อยากบริจาคทำบุญกับ พล.อ...” นางวันทนีย์กล่าว
ส่วนกรณีที่มีข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์บางฉบับว่ามีสามีหลายคนนั้น นางวันทนีย์กล่าวว่า อายุของตนไม่ได้มากมายอะไร เอาเวลาที่ไหนไปมีแฟนหรือสามีเป็นร้อย หนังสือพิมพ์อยากจะลงก็ลงไปล้วนไม่จริงทั้งสิ้น
นางวันทนีย์เผยว่า หลังจากนางดวงฤทัยได้ประกันตัวไปแล้ว วันรุ่งขึ้นตนได้โทรศัพท์ไปหาที่บ้าน นางดวงฤทัยไม่ได้โกรธที่ตนแจ้งความจับ
ผู้สื่อข่าวถามว่า นางดวงฤทัยขอร้องให้ถอนแจ้งความหรือไม่ ดวงฤทัยไม่พูด แกบอกว่าให้ไก่พิจารณาเองว่าดีแค่ไหน และยังบอกด้วยว่า พี่ไม่เคยด่าเธอเลยนะ นางวันทนีย์ซึ่งมีชื่อเล่นว่า 'ไก่' กล่าวและย้ำว่าตอนนี้ยังไม่คิดจะถอนแจ้งความเพราะต้องการให้เรื่องไปพิสูจน์กันในชั้นศาลว่าใครอยู่ในขบวนการต้มตุ๋นเครื่องราชอิสริยาภรณ์บ้าง
ดังอีก! จัดงานแต่งหรูเวอร์ สร้างภาพคุณหญิงใจบุญ
เห็นได้ว่าชื่อ “วันทนีย์” หรือ “ไก่” เป็นที่รู้จักต่อสาธารณชนตั้งแต่ปี 2530 และต่อมาชื่อเธอก็ปรากฏออกหนังสือพิมพ์รายวันเป็นประจำ ในฐานะคนรวยใจบุญ ชอบทำบุญทำทาน แจกเงินแจกทอง
งานวิวาห์ของเธอกับ ร.ต.อ.ชิดชัย แสงอรุณ เมื่อค่ำวันที่ 11 เมษายน 2535 ณ โรงแรมเซ็นทรัลฯ สุดมโหฬารเว่อร์วัง ร่ำลือกันว่าเจ้าภาพลงทุนไป 3 ล้านบาท มีการว่าจ้างออร์แกไนซ์มาจัดให้เลิศหรูอลังการ โดยก่อนงานแต่ง เจ้าสาวแจ้งกับนักข่าวว่า พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ กับคุณหญิงพันธุ์เครือ ยงใจยุทธ จะมาเป็นประธานในงานฉลองมงคลสมรส
นสพ.ผู้จัดการรายสัปดาห์เมื่อปี 2535 เคยนำเสนอเรื่องราวของเธอว่า ชื่อของวันทนีย์ หรือคุณหญิงไก่ โด่งดังเพราะมีชื่อเสียงจากการแจกเงินให้คนจน และผู้ทุกข์ยากเดือดร้อน เธอจะแจกเงินเป็นกระสอบ โดยเริ่มแจกตั้งแต่ 500 บาทขึ้นไป จนถึงเลข 6 หลัก โดยเฉพาะจังหวัดพิษณุโลก เธอแจกระห่ำ เพราะแฟนหนุ่ม “สารวัตรชิดชัย” เป็นตำรวจอยู่ที่ สภ.เมืองพิษณุโลก
ครั้งหนึ่งเธอไปร้านขายมอเตอร์ไซค์ในตัวเมืองพิษณุโลก แล้วซื้อมอเตอร์ไซค์มา 4 คัน เตรียมแจกคนแถวนั้น เพียงแค่ตอบคำถามว่า “รู้จักฉันมั้ย” ถ้าตอบโดนใจเธอ ก็เอามอเตอร์ไซค์ไปขี่เลย ชาวบ้านที่ได้รับความเมตตาจากเธอ จึงเรียกขานเธอว่า “คุณหญิงไก่”
นักข่าวถามเธอว่าเอาเงินมาจากไหน ถึงได้แจกบ้าเลือดขนาดนั้น เธอบอกว่าได้มาจากส่วนแบ่งการเสี่ยงโชค เนื่องจากมีความสนิทสนมกับเสี่ยเล้ง-เจริญ พัฒนดำรงจิตต์
เสี่ยเล้ง เป็นมหาเศรษฐีเมืองขอนแก่น ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นนักเสี่ยงโชคตัวพ่อ
เธอให้สัมภาษณ์ว่าคบหากับเสี่ยเล้งแบบพ่อกับลูก ทุกครั้งที่เสี่ยเล้งไปต่างประเทศ ก็จะพาเธอไปด้วยเสมอ เพราะเธอมีญาณวิเศษ ที่มองเห็นตัวเลข จึงทำให้เสี่ยเล้งมีโชค
เธอจึงนำเงินส่วนแบ่งมาแจกจ่ายชาวบ้าน และช่วงนั้นเสี่ยเล้งเข้ามารับบทเป็นนายทุนให้พรรคความหวังใหม่ ของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ตอนเธอจะแต่งงาน เสี่ยเล้งจึงอาสาเชิญบิ๊กจิ๋วกับคุณหญิงหลุยส์ มาเป็นประธานงานฉลองมงคลสมรสแต่พอถึงวันงานจริง บิ๊กจิ๋วกับคุณหญิงไม่มาปรากฎตัว รวมถึงตัวเสี่ยเล้งก็ไม่มาร่วมงาน
“จะขอลาตาย เปรียบเหมือนละครชีวิต ถึงจุดสูงสุดแล้ว มีชีวิตต่อไปก็ไม่มีประโยชน์ แจกเงินกี่กระสอบ คนจนก็ไม่หมดเสียที ขอลาตายเพื่อให้คนกราบไหว้เยี่ยงโพธิสัตว์กวนอิม” เธอขึ้นเวทีกล่าวในวันที่ 17 เมษายน 2535 และอธิบายกับสื่อถึงเหตุที่บิ๊กจิ๋วไม่มางานวิวาห์เธอ เพราะช่วงนั้นการเลือกตั้ง ส.ส.เพิ่งผ่านไปหยกๆ บิ๊กจิ๋วผิดหวังที่พรรคความหวังใหม่ไม่ได้อันดับหนึ่ง จึงไม่อยากปรากฏตัวให้สื่อเห็น
นี่คือฉากชีวิตอันแสนดรามาโชกโชนในรอบ 30 ปีที่ผ่านมา ทว่าปีนี้เบื้องหลังด้านมืดของคุณหญิงบ่าวตั้งกำลังเริ่มถูกขุดคุ้ย ไม่ว่าจะเรื่องแจ้งความเท็จ อดีตทนายประจำตัวออกมาแฉ คนขับรถคนสนิทหายตัวไป มีนายตำรวจเกี่ยวข้อง หรือกระทั่งเรื่องจดทะเบียนแต่ง-หย่า 7 ครั้ง เปลี่ยนชือหลายนาม จิตไม่ปกติ ฯลฯ
บัดนี้กองปราบฯ แจ้งข้อหา "หญิงไก่" หรือ "มณตา หยกรัตนกาญ" หรือ "วันทนีย์" หรือ "สุชาดา หยกวิริยะกุล" พาชี้จุดเกิดเหตุในคอนโดมิเนียมย่านประชานิเวศน์ ก่อนคุมตัวฝากขัง
สำหรับความผิดมาตรา112 เนื่องจากมีการสอบสวน พบคำให้การแอบอ้างตัวเป็นคุณหญิง ซึ่งเป็นตำแหน่งพระราชทาน รวมทั้งให้คนรับใช้ ใช้คำราชาศัพท์ที่ไม่เหมาะสมกับตัวเธอ
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754