เวลานี้ คงไม่มีใครน่าสงสารเท่ากับ "อีเย็น" ในละครนางทาสเวอร์ชั่น 2559 อีกแล้ว เพราะนอกจากความเป็นบ่าวที่ชีวิตแสนรันทด ถูกเฆี่ยน ถูกตีจนเจียนตาย ยังเป็นงานหินของนักแสดงที่จะต้องรับเล่นในบทนี้ เพราะเวอร์ชั่นเก่ารุ่น "ตุ๋ย-มนฤดี ยมาภัย" ได้สร้างมาตรฐานเอาไว้สูงมาก
ไม่แปลกที่ "อีเย็น" เวอร์ชั่น "แยม-มทิรา ตันติประสุต" จะถูกกระแสถล่มด่า บ้างก็บอกว่าไม่สวย เล่นไม่ถึงบท หรือบางคนก็บอกว่าอีเย็นทำไมเอ็งพูดไม่ชัด
ทว่า ท่ามกลางกระแสวิจารณ์ ก็มีหลายกำลังใจ และคำชื่นชมทยอยเข้ามา โดยเฉพาะคาแรกเตอร์ที่ "แยม" สามารถเล่นออกมาในแบบฉบับของตัวเอง พร้อมๆ กับการติเพื่อก่อในเรื่องของการพูดที่แม้จะไม่ค่อยชัด แต่ก็ดีขึ้นในฉากหลังๆ เช่นเดียวกับฉากดรามาบีบน้ำตาที่เรียกคะแนนความสงสารจากผู้ชมคนดูจนค่อยๆ เปิดโอกาสให้เธอได้แสดงฝีไม้ลายมือกับบทบาทการแสดงที่ถูกปรามาสไว้ตั้งแต่แรก
กระแสเริ่มดี "อีเย็น" ยิ้มได้
"ดีใจที่ตอนนี้กระแสเริ่มดีขึ้นค่ะ" เสียงหวานๆ ของนางเอกสาวบอกผู้สัมภาษณ์ตรงหน้าด้วยแววเป็นประกาย ก่อนจะกลับมาเศร้าหมองเมื่อพูดถึงกระแสก่อนหน้านี้ "แยมโดนเยอะเลยค่ะ เพราะก่อนหน้านี้ ละครมันปูเรื่องมาตลอด หลายคนดูแล้วอาจรู้สึกว่าทำไมมันเนิบๆ แต่หลังจากละครมีความเข้มข้น และมีฉากดรามาบีบน้ำตาเข้ามาก็เรียกคะแนนความน่าสงสารได้มากขึ้นค่ะ" สีหน้า และแววตากลับมาเป็นประกายอีกครั้ง
แม้คนดูบางกลุ่มจะยังไม่ปลื้มกับละครเรื่องนี้ แต่หลังจากเริ่มมีกระแสดีๆ เข้ามา เธอเผยยิ้ม และบอกว่า "แฮปปี้ค่ะ ทำให้แยม และนักแสดงคนอื่นๆ รวมไปถึงทีมงานหายเหนื่อยขึ้นเยอะเลยค่ะ ซึ่งผิดกับตอนแรกที่ออกอากาศ โอ้โห! โดนถล่มเละ ตอนนั้นก็ซึมๆ นิดนึงนะคะ ส่วนตัวไม่ได้มองตัวเองว่าเก่งอยู่แล้ว แยมเป็นคนที่พัฒนาได้นะ (ทำตาแป๋วๆ) ส่วนพ่อกับแม่ที่ดูอยู่ ท่านก็ติเหมือนกันค่ะว่า แยมยังพูดไม่ชัด แต่ก็ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก"
เมื่อถามถึงการนั่งดูละครในฐานะคนดูคนหนึ่ง "รู้สึกอย่างไรเวลาได้นั่งดูตัวเองเล่นเป็นอีเย็นในจอโทรทัศน์" เป็นคำถามที่ "แยม" ทำท่าครุ่นคิด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาตอบว่า "บางครั้งหนูก็ขัดตาอีเย็นเหมือนกันนะคะ (หัวเราะ) บางฉากหน้าอีเย็นมันดูแปลกๆ ทำไมต้องขมวดคิ้วแบบนั้น หรือทำหน้าแบบนี้ แต่บางจังหวะอีเย็นก็แสดงได้ดีนะ (ยิ้ม) โดยเฉพาะฉากหลังๆ นี่น้ำตามาได้ดีมาก (หัวเราะ)
อย่างฉากแสดงอารมณ์ตอนถูกเฆี่ยน หนูก็แฮปปี้นะ แต่ที่ประทับใจคือ ฉากที่ท่านเจ้าคุณมาล็อกขาแล้วก็เดินออกไป ซึ่งภาพตัดมาที่น้ำตาของอีเย็นกำลังไหลออกมา นี่แหละ อีเย็น มันต้องแบบนี้สิ (ตบเข่าตัวเองฉาดใหญ่)" เธอเล่าด้วยน้ำเสียงเหมือนกำลังอินกับตัวละครที่ตัวเองเล่น
"อีเย็น" ทำไมเอ็งพูดไม่ชัด
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ปัญหาในการเล่นละครของ "แยม" คือการพูดไม่ชัด แต่หลายๆ เรื่องที่ผ่านมาคงไม่หนักเท่ากับบท "อีเย็น" ที่นอกจากจะต้องถ่ายทอดชีวิตของบ่าวที่แสนรันทดแล้ว การออกเสียงคำพูดให้ชัดเจน คือเรื่องที่คอละครคาดหวังจนมีการนำไปเปรียบเทียบกับเวอร์ชั่นรุ่น "กบ สุวนันท์" แม้ตอนแรกคนดูยังไม่ยอมรับ แต่เมื่อได้เห็นการพูด การแสดงก็ต้องชื่นชมในฝีมือ
"ตอนเล่นละครเรื่องแรกนี่แย่กว่านี้อีกค่ะ" เธอบอกถึงปัญหาการพูดที่ตัวเธอเองก็รู้ดี "แยมถูกด่าเรื่องนี้มาตลอด ซึ่งตัวแยมเองก็พยายามฝึกพูดให้ชัดนะคะ อย่างเรื่องนางทาสแยมก็ทำการบ้านอย่างหนัก ด้วยความที่แยมเติบโตในต่างประเทศ (เมืองโกลด์โคสต์ ประเทศออสเตรเลีย) คนที่นั่นเขาพูดจาเร็ว และมักจะรวบคำ แยมคงชินมาจากตรงนั้นด้วยค่ะ แต่แยมก็พยายามอยู่นะคะ พยายามที่จะพูดให้มันช้าๆ พูดให้เหมือนคนไทยมากที่สุด
พูดจบก็เล่าให้ฟังถึงการได้กลับไปย้อนดูละครเรื่องเก่าๆ ที่ตัวเองเล่น "เออเนอะ ไม่ชัดจริงๆ ด้วย” เธอบอก "แต่พอมาดูเรื่องหลังๆ มันก็ชัดขึ้นจริงๆ นะ" นางเอกสาวเผยถึงพัฒนาการที่ดีขึ้น ซึ่งทุกวันนี้นอกจากพยายามพูดให้ช้าๆ ชัดๆ แล้ว ยังบริหารปากด้วยการอ้าปากให้กว้างขึ้นด้วย นั่นแสดงให้เห็นถึงความพยายามที่ตัวเธอเองก็ไม่ได้มองข้าม
"ตอนถ่ายละครเรื่องนางทาส แยมเคยถามผู้ใหญ่เหมือนกันนะคะ ผู้ใหญ่ก็โอเค ดีขึ้น แต่ทำไมมันออกมาแล้วแบบ...มันยังไม่ชัดอ่ะ (ทำหน้าเซ็งๆ) แยมก็หงุดหงิดตัวเองนิดนึงนะว่า ทำไมมันยังไม่ชัดสักที แต่วันนี้แยมก็ทำเต็มที่แล้วนะ" พูดจบก็ทิ้งท้ายติดตลกในทำนองนี้ว่า "อีกสัก 10 ปี หนูก็คงอาจจะพูดได้ชัดขึ้น" จากนั้นก็หัวเราะยาว
Positive Thinking
สำหรับกระแสที่มีเข้ามา โดยเฉพาะกระแสถล่มด่า แน่นอนว่ามันทำให้กำลังใจของเธอหดหายไปไม่น้อย แต่ด้วยความที่ชอบอ่านหนังสือเกี่ยวกับจิตวิทยา, ความคิดของมนุษย์ รวมไปถึงหนังสือฮาวทูเกี่ยวกับการคิดบวก อย่างเล่มที่อ่านล่าสุด "40 ideas for Positive Thinking" ทำให้เธอมีวัสดุชั้นดีในการสร้างพลังบวกให้แก่ตัวเอง
"แยมชอบอ่านหนังสือประเภทนี้ค่ะ อ่านแล้วก็ได้อะไรเยอะเลยค่ะ อย่างอาชีพแยม เราไม่สามารถทำให้ทุกคนชอบแยมได้หมด คนที่ไม่ชอบ แยมก็น้อมรับในคำติชม และนำไปปรับปรุง หากมีอะไรหนักๆ เข้ามาก็พยายามคิดบวกเยอะๆ ค่ะ ถ้าคิดบวกทุกอย่างมันก็จะดีเอง"
ไม่ถามไม่ได้ถึงกระแสหนักๆ ที่เข้ามาบั่นทอนหัวใจ หากมีละครย้อนยุค หรือแนวพีเรียดเข้ามาอีก เธอยังจะรับเล่นหรือไม่ และนี่คือคำตอบในน้ำเสียงที่มุ่งมั่นของเธอ "ถ้ามีโอกาสดีๆ เข้ามา แยมก็รับเล่นค่ะ ซึ่งแน่นอนว่า แยมก็ต้องพัฒนาฝีมือการแสดงให้มันดียิ่งๆ ขึ้นไปอีก" เธอบอก และเผยต่อไปถึงบท "อีเย็น" ในเรื่องนางทาสที่ตอนรับเล่นก็ไม่ได้คิดอะไร แต่คนที่ตกใจจนต้องกุมขมับก็คือคุณแม่
"พอแม่รู้ก็ตกใจค่ะ เพราะแม่เคยดูมาก่อน และรู้ว่ามันดังแค่ไหน จากนั้นก็ถามแยมว่า แยมจะเล่นไหวเหรอ บทอีเย็นมันยากมากเลยนะ ซึ่งแม่จะเป็นห่วงในเรื่องบทมากกว่า แต่พอตัดสินใจที่จะเล่น แม่ก็ให้กำลังใจด้วยคำว่า สู้ๆ (ยิ้ม)"
พูดจบก็นึกถึงความสตรองของคุณแม่ขึ้นมา และเล่าว่า "แม่เป็นคนสตรองมากค่ะ (เน้นเสียงให้ดูสตรอง) แยมได้ความสตรองจากแม่มาเยอะเหมือนกันค่ะ นอกจากนั้นยังเป็นคนที่ดุ แต่ไม่ค่อยตีลูก ส่วนคุณพ่อ แยมจะเรียกพ่อว่าวิกิพีเดีย เวลาทำการบ้าน หรือจะถามเรื่องใดเรื่องหนึ่งจากพ่ออย่างเรื่องประวัติศาสตร์พ่อก็จะตอบได้หมด"
ละครไทยในสายตา "อีเย็น"
พูดถึงละครไทย ปฏิเสธไม่ได้ว่า ถูกวิพากษ์วิจารณ์มาหลายยุคหลายสมัย ทั้งความสมจริงตั้งแต่นางเอก เธอจะสวยไปไหน หน้าเต็มขนตาเด้งแม้เวลาเข้านอน หรือความสมจริงที่ผิดจุดอย่าง "กอด-จูบ-ลูบ-ไซ้" รวมไปถึงฉากการแพทย์ที่ไม่สมจริง แถมยังเคยสร้างความเข้าใจผิดมาแล้วหลายเรื่อง
"ละครไทยก็คือละครไทยค่ะ ละครเกาหลีก็คือละครเกาหลี ละครไทยจีนก็คือละครจีน ซึ่งมันมีความแตกต่างกันไปในแต่ละชาติ อย่างละครไทยคือจะมีความชัดเจนทุกอย่างไม่ว่าจะเสียง แอกติ้ง การแสดงออกทางอารมณ์ของตัวละคร แต่ขึ้นชื่อว่าละครอย่างน้อยๆ มันจะสอดแทรกข้อคิดหลายอย่าง โดยเฉพาะการทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว
ส่วนตัวอยากให้ทุกคนดูละครด้วยความบันเทิง แต่บางครั้งละครก็อาจทำให้คนดูคล้อยตาม ยกตัวอย่างฉากตบตีกันเพื่อแย่งผู้ชาย บางคนมองว่าแบบนี้สิถูก ทั้งที่จริงๆ แล้วไม่ควรทำ เพราะสุดท้ายคนที่ตบตีเพื่อแย่งผู้ชายก็ไม่ได้ดี ดังนั้น แยมอยากให้ดูละครแล้วมีสติ ซึ่งแยมเชื่อว่าคนดูหลายคนฉลาด รู้ว่าอะไรทำได้หรือไม่ได้ในชีวิตจริง"
ไม่เคยมองตัวเองว่าสวย
หากใครได้อ่านบทสัมภาษณ์ตามสื่อต่างๆ คงจะทราบกันดีว่า หลังเข้าสู่วงการด้วยละครจักรๆ วงศ์ๆ แยมก็ย้ายมาอยู่ช่อง 3 ได้รับโอกาสก้าวขึ้นมาเป็นนักแสดงนำ ก่อนขยับขึ้นแท่นมาเป็นนางเอกของช่อง 3 ด้วยวัยเพียง 17 ปี แต่น้อยคนนักจะรู้ถึงที่มาของการเป็นนางเอกของเธอ
"พี่ชุ-ชุดาภา จันทเขตต์ ผู้จัดละคร เห็นแยมในนิตยสารดิฉัน และอยากรู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใครจนมาพบว่าเป็นนักแสดงช่อง 3 พอดี จากนั้นก็ให้โอกาสแยมได้เป็นนางเอกในละครของพี่ชุเรื่องไฟรักเพลิงแค้น ซึ่งแยมรักพี่ชุมาก เพราะพี่ชุจะคอยเป็นห่วง และสอนแยมอยู่ตลอด ทั้งในเรื่องการแสดง และการใช้ชีวิตในวงการบันเทิง"
ส่วนกระแสละคร "นางทาส" ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ โดยเฉพาะ "อีเย็น" ตัวละครที่ถูกมองว่าไม่สวยบ้างล่ะ เล่นไม่ดีบ้างล่ะ พูดไม่ชัดบ้างล่ะ เธอบอกว่า "พี่ชุบอกไม่เป็นไร แยมเล่นโอเคแล้ว แยมไม่ต้องห่วงเรื่องพวกนี้" ก่อนจะเผยต่อไปถึงตัวเธอเองที่ไม่เคยคิดว่าสวยเลย
"แยมอาจจะเป็นนางเอกที่ขี้เหร่ที่สุดในช่องแล้วมั้งคะ" นางเอกสาวพูดติดตลก แต่ก็แฝงไปด้วยน้ำเสียงน้อยใจ "ตื่นขึ้นมามองตัวเองในกระจกก็ไม่เคยมองตัวเองว่าสวยนะคะ ส่วนมากจะส่องกระจกแล้วบอกกับตัวเองว่า ทำไมใต้ตาดำจังเลย คิ้วก็ไม่มี (หัวเราะ) ดังนั้นถ้าใครมาถามเรื่องความสวย แยมก็จะบอกไปว่า แยมไม่เคยคิดว่าตัวเองสวยเลยค่ะ" นางเอกสาวเผย
ถามถึงไอดอลในการแสดง "พลอย-เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์" คือคำตอบของเธอ "เคยเจอกันในงาน แต่ไม่เคยเข้าไปบอกพี่พลอยว่า หนูชอบพี่มาก เพราะพี่เขาดูดุๆ (หัวเราะ) ส่วนตัวชอบพี่พลอยมานานแล้วค่ะ เพราะรู้สึกว่าพี่เขาสวย และมีความเป็นตัวของตัวเองสูง แยมก็เหมือนกัน แยมก็เลยรู้สึกว่า คนเรามันต้องเป็นแบบนี้ เป็นตัวของตัวเอง"
ปัจจุบัน แยมกำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 3 คณะศิลปศาสตร์ อินเตอร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ส่วนอนาคตในวงการบันเทิงคงไม่ได้ทำอาชีพนี้ไปตลอด
"แยมคงไม่ได้เป็นนักแสดงไปตลอด เพราะชีวิตก็ต้องมีแก่บ้าง (หัวเราะ) แต่ระหว่างนี้อาจจะศึกษาเรื่องธุรกิจควบคู่ไปด้วย ถ้าพร้อมเมื่อไรก็คงจะลองทำธุรกิจดู ถามว่าทำอะไร ตอนนี้ยังไม่รู้เลย (ยิ้ม) ซึ่งก็ค่อยๆ หาแนวทางที่ชอบต่อไป ตอนนี้ก็ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีทั้งเรื่องเรียน และการแสดง"
คำถามไหน "ยาก" สุด
แน่นอนว่าการก้าวขึ้นมาเป็น "บุคคลสาธารณะ" สิ่งหนึ่งที่ต้องเจอก็คือการถูกสัมภาษณ์ในประเด็นต่างๆ ซึ่งหลายคำถามก็นำไปสู่การพูดคุยอย่างลื่นไหลเป็นเรื่องเป็นราว แต่บางคำถามก็ทำให้เกิดอาการชะงักไปเหมือนกัน และนี่คือคำตอบที่เธอไม่เคยเปิดใจที่ไหนมาก่อน
"จริงๆ แยมยังไม่ค่อยถูกยิงคำถามโหดๆ นะคะ แยมจะโดนเรื่องการเปรียบเทียบมากกว่า ครั้งหนึ่งพี่ๆ นักข่าวเอาแยมไปเปรียบเทียบกับแพทริเซีย กู๊ด (ดาราช่อง 3) ที่เป็นเพื่อนของแยม และเราก็โตมาด้วยกัน โดยถามในทำนองที่ว่า รู้สึกอย่างไรที่แพทริเซียดังกว่า พอได้ฟังคำถามก็อึ้ง เพราะไม่รู้จะตอบอะไร ส่วนตัวเป็นคนไม่ชอบพูดถึงคนอื่น เพราะไม่อยากให้ไปกระทบใคร
ไม่ใช่ว่าไม่ชอบนะคะ ตอบได้ค่ะ แต่มันรู้สึกว่า ถามเรื่องของแยมดีกว่ามั้ย ตอนนั้นก็ตอบไปว่า เพื่อนแยม แยมดีใจอยู่แล้วที่เพื่อนได้ดีกว่า เพราะเขาคือเพื่อนของแยม และแยมจะไม่วันทะเลาะกับเพื่อนแค่เรื่องแบบนี้"
Love is ...
ปิดท้ายกับมุมมองความรักของนางเอกสาวคนนี้ "ความรักไม่ใช่คนสองคนมาเจอกันแล้วคุยกัน" เธอบอก "มันมีอะไรหลายๆ อย่างเข้ามาเป็นองค์ประกอบทั้งความเข้าใจ ความเชื่อใจ ความไว้ใจ นอกจากนั้นความรักยังไม่ใช่แค่ผู้ชายกับผู้หญิง ความรักเกิดขึ้นได้กับทุกเพศ บางทีแยมเห็นคู่เกย์รักกัน แยมก็เอ็นดูนะ เห็นแล้วฟิน (ทำหน้าเคลิ้ม) แต่แยมไม่ใช่สาววายอะไรขนาดนั้นนะคะ (เธอรีบแก้ตัว)"
ถามถึงผู้ชายในฝัน แยมนิ่งคิด และบอกว่า "แยมชอบผู้ชายตัวสูงค่ะ แต่ตั้งสเปกไป สุดท้ายความดีก็ชนะทุกอย่างค่ะ แค่เป็นคนดี แค่นั้นก็แฮปปี้แล้ว ที่สำคัญคือ ต้องจริงใจด้วยนะ (ยิ้ม) ถ้าไม่จริงใจก็ไม่รู้จะคบไปทำไม" พูดจบก็ต้องมาทำหน้าเขินเมื่อถูกถามถึงสถานะหัวใจในตอนนี้ "ก็มีคนเข้ามาคุยค่ะ แต่ก็...(เว้นช่วง) ขอตอบแค่นี้ก่อนดีกว่าค่ะ (ยิ้มหวาน)"
เขาว่าลูกสาวแม่เป็น "เด็กเส้น"
ด้วยความที่เป็นนางเอกม้าเร็ว ผ่านงานละครมาไม่เท่าไรก็ขึ้นแท่นเป็นนางเอกช่อง 3 ทำให้เกิดกระแสเมาท์มอยต่อๆ กันมาว่า "แยมเส้นใหญ่" ยิ่งถูกดันให้รับบท "อีเย็น" ในละคร "นางทาส" ก็ยิ่งเมาท์หนักขึ้นไปอีก เรื่องนี้ พอมีโอกาสได้เจอกับ "แม่หน่อย-ธนพร ตันติประสุต" คุณแม่ของนางเอกสาวก็ขอคุยเปิดใจในประเด็นดังกล่าว
"คำว่าเด็กเส้นทุกคนก็รู้ว่าคืออะไร ต่อให้มีเส้นจริงๆ ถ้าเด็กเส้นมีผลงานไม่ดี การแสดงไม่ดี หรือทำตัวไม่ดี ผู้ใหญ่ก็ไม่สนับสนุนอยู่แล้ว คือการที่ทุกคนเข้ามาในค่ายของช่อง 3 เขาดูแลทุกคนเท่ากันหมด การที่ให้โอกาสแยมได้เล่นเรื่องนั้นเรื่องนี้ เขาก็ทำแบบนี้กับทุกคน ไม่ใช่แค่แยมคนเดียว ฉะนั้นเด็กเส้นหมายถึงอะไรอ่ะ ได้เล่นละครนางทาสเหรอ แล้วคนอื่นล่ะ ก็ได้เล่นเรื่องดีๆ กันทุกคน
ถ้าลูกสาวแม่เป็นเด็กเส้นก็ต้องถูกดันให้เล่นกับพระเอกแถวหน้าไปแล้ว ดังนั้นก็ต้องปล่อยให้เป็นวิถีของแยมไป ขึ้นอยู่กับผู้ใหญ่ว่าจะให้โอกาสเล่นเรื่องอะไร อย่างเรื่องนางทาส คุณปิ่น ณัฏฐนันท์ ฉวีวงษ์ ผู้จัดละคร เขาเกิดพอใจคาแรกเตอร์ของแยมจากเรื่องก่อนๆ เขาก็เลือกให้มารับบทอีเย็น ซึ่งไม่เกี่ยวกับว่าทางช่องบังคับให้คุณปิ่นต้องเลือกแยม เพราะอยากจะดันแยมเรื่องนี้ มันไม่ใช่
ดังนั้น แม่เชื่อว่าครึ่งหนึ่งของนักแสดงที่เข้ามาก็ต้องมีบอก มีฝากกันบ้าง พอฝากแล้วที่เหลือก็อยู่ที่เด็กว่าผู้ใหญ่จะพึงพอใจในคาแรกเตอร์หรือไม่ อย่างแยม โชคช่วยตรงที่ตอนแรกก็เป็นนางรอง พอเรื่องที่สองก็ได้เป็นนางเอกเพราะบังเอิญมีคนฝ่ากระแสนั่นก็คือคุณชุ-ชุดาภา จันทเขตต์
คุณชุไปเห็นแยมถ่ายแบบในนิตยสารดิฉัน จากนั้นก็มองเข้าไปในดวงตาของแยมแล้วบอกว่า 'นี่คือบุคลิกนางเอกของฉัน' แยมเลยกระโดดจากตัวสองเป็นตัวหนึ่งทั้งที่ในความเป็นจริงแยมควรเป็นตัวสองไปอีกสักพักหนึ่ง นี่คือคำตอบว่าทำไมแยมถึงพุ่งขึ้นมาเร็ว
อย่างเรื่อง "ไฟรักเพลิงแค้น" ซึ่งเป็นเรื่องแรกที่แยมได้เล่นเป็นนางเอก ทางผู้จัดบอกว่า นางเอกเรื่องนี้ต้องเป็นคนที่อาฆาตแค้นเรื่องในอดีต ซึ่งถ้าเอาคนเก่งๆ มาเล่นมันจะทำให้นางเอกกลายเป็นนางร้ายได้ นี่คือแยมที่เขามองว่านางเอกต้องมีความเดียงสานิดๆ ยังมีความเป็นเด็กในวัยของแยม ทำให้เรื่องนี้แยมเป็นที่รู้จักของคนกลุ่มหนึ่ง ผู้ใหญ่ทางช่องเวลาเจอแยมก็จะบอกขอถ่ายรูปกับวีด้า (ชื่อของนางเอกในเรื่อง) หน่อย เพราะชอบบุคลิกนางเอกในเรื่องนี้มาก
จากนั้นก็เป็นนางเอกเรื่อยมา ไม่ใช่ว่าทางช่องดัน แต่เป็นจังหวะที่คุณชุให้โอกาสขึ้นมาเป็นนางเอก อย่างตอนที่คุณชุบอกในที่ประชุมว่านี่นางเอกของฉัน มีคนเล่าให้ฟังว่า ทุกคนก็งงว่านี่คือใคร เพราะไม่รู้จักเลย แล้วก็มีเสียงตามมาว่าไม่สวย ซึ่งเรื่องสวย แม่ก็มองว่าลูกสาวแม่ไม่สวยนะ”
คุณแม่หน่อยบอกด้วยว่า "ก่อนเข้ามาช่อง 3 แม่รู้จักกับคุณวิทวัส สุนทรวิเนตร์ ภรรยาของเขากับแม่ก็เหมือนเพื่อนกัน เขาก็ชวนให้แยมมาอยู่ช่อง 3 และนั่นก็คือที่มา แต่เรื่องใช้เส้นผลักดันให้ขึ้นมาเป็นนางเอก เรื่องนี้ขอแก้ข่าว มันเป็นจังหวะชีวิตของแยมจริงๆ"
พูดจบก็ทิ้งท้ายติดตลก "ตอนนี้ก็ไม่รู้จังหวะจะขาลงหรือเปล่านะ (หัวเราะ) คือถ้าถามแม่จากบทอีเย็นที่แยมได้รับ แม่ว่าแยมยังเล่นได้ไม่ดีที่สุด เพราะว่าแยมยังใหม่มาก แต่มันดีที่สุดสำหรับเขาแล้ว ซึ่งแม่เห็นความตั้งใจของเขานะ
วันที่เขาเสียใจก็คือวันที่เขารู้สึกว่า ฉันตั้งใจเต็มที่มา 9 เดือน ฉันโดนด่าขนาดนี้เลยเหรอ ออกจากวงการเลยดีมั้ย ซึ่งเขาก็พูดเล่นๆ อ่ะนะคะ แต่แยมก็พยายามให้กำลังใจตัวเองตลอด ยิ่งกระแสเริ่มดีขึ้น มีคนเข้ามาชื่นชม ให้กำลังใจ รวมไปถึงผู้ใหญ่ทางช่องที่คอยให้กำลังใจตลอด แยมก็ฮึดสู้ และพร้อมจะพัฒนาตัวเองให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป แม่เชื่อมั่นในตัวลูกสาวแม่ค่ะ"
เรื่อง : ปิยะนันท์ ขุนทอง
ภาพ : พงษ์ฤทธิ์ฑา ขวัญเนตร และขอบคุณภาพจากอินสตาแกรม @yammatira
**********************
ประวัติส่วนตัว
ชื่อ-นามสกุล : มทิรา ตันติประสุต
ชื่อเล่น : แยม
วันเกิด : 1 ตุลาคม พ.ศ. 2539 อายุ 20 ปี
การศึกษา : Keerapat International School ปัจจุบันกำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 3 คณะศิลปศาสตร์ อินเตอร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ส่วนสูง : 170 เซนติเมตร น้ำหนัก : 49 กิโลกรัม
งานอดิเรก : อ่านหนังสือ ฟังเพลง
ศิลปินที่ชื่นชอบ : โคลเพล ความสามารถพิเศษ : เล่นโบว์ลิ่ง และพูดภาษาอังกฤษ
ผลงาน : ละครไชยเชษฐ์ ช่อง 7 จากนั้นย้ายมาอยู่ช่อง 3 เริ่มด้วยละครแค้นเสน่หา, ไฟรักเพลิงแค้น, หัวใจปฐพี, ดอกไม้ใต้เมฆ และที่กำลังออนแอร์อยู่คือ "นางทาส" รับบทเป็น "อีเย็น"
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754