คอลัมน์ Health Insight โดย นพ.กฤษดา ศิรามพุช
นั่งๆ อยู่เผลอฝันหวานไปว่าเราอยู่ในยุคปัญญาประดิษฐ์ ซ้ำยังพ่วงด้วยโภชนประดิษฐ์ครบสูตร ด้วยเห็นมีทั้งน้ำส้มคั้นปลอม, ปลาดิบที่ผ่านการเสริมสวย แล้วยังมีสารพันเนื้อสัตว์แปรรูปที่พ่วงด้วยคำเตือน
มีผู้ชมและผู้อ่านหลายท่านปรารภให้ผมฟังผ่านรายการว่า “ชักอยู่ยาก(กินยาก)ขึ้นทุกที”
ผมเลยกราบเรียนท่านไปด้วยเข้าใจความกังวลในหัวใจว่า “ถ้ามีเทคนิคดีๆ ก็อยู่ได้” ครับ ด้วยแม้ว่าจะกินของสดตลอดชีวิต ก็ไม่มีสิ่งใดปลอดพิษภัยเสียทีเดียวครับ แม้แต่อาหารที่เรากินกันมาตั้งแต่เด็ก ก็ยังอาจมาพบเอาภายหลังว่ามีสารที่ต้องระวัง ดังนั้นไม่ว่าของสดหรือของสำเร็จก็ไม่มีอะไรที่ควรกินทุกมื้อทุกคำและทุกคราว
มีคนโทรเข้ามา “ถามสด” ในรายการที่ผมทำอยู่ว่ากิน “อาหารแช่แข็ง” ที่อุ่นไมโครเวฟประจำจะเป็นอะไรไหม? ก็แนะไปว่าอาหารแช่แข็งที่เขาทำมาอย่างได้มาตรฐานก็ปลอดภัยดีครับ วิตามินความสดในผักผลไม้หลายชนิดก็ยังคงอยู่จากการโฟรสเซ่น แต่ก็ให้คอยดู “ความเค็ม” กับ “ความหวาน” เอาไว้ให้ไม่มากเกินไป ซึ่งไม่มีอาหารใดในโลกที่จะกินทุกครั้งแล้วได้ครบทุกหมู่ทุกจานและทุกวิตามินเป๊ะตลอดกาล
ธรรมชาติสร้างมาอย่างนั้น
กระทั่งอาหารที่ว่าดีเลิศติดดาวมิชลินหนึ่ง สองหรือ 3 ดาว ก็ยังแอบมีความต่างเล็กๆ น้อยๆ ได้ถือเป็นเสน่ห์ ซึ่งเราต้องเข้าใจธรรมชาติของ “ไตรลักษณ์” แห่งอาหารนี้ก่อนว่าเป็นธรรมดาโลกแล้วจะไม่ทุกข์กับมันมาก
หากแต่จะรู้สึกว่าเป็นเสน่ห์แห่งความพิเศษในอาหารแต่ละชนิด
ไม่มีอาหารใด “ต้องห้าม” ไปหมดทุกครั้งและทุกคราว
คนเป็นเบาหวานถ้าอดคาร์โบไฮเดรตไม่กินหวานเลยก็แย่แน่ เพราะยาลดน้ำตาลจะยิ่งทำให้น้ำตาลตกจึงต้องพกลูกอมไว้บ้าง ส่วนคนเป็นความดันสูงถ้าไม่กิน “โซเดียม” เลยแม้แต่น้อยก็อยู่ไม่ได้ ซึ่งถ้าเราคุมอาการของโรคต่างๆ ได้ดีแล้วก็อาจกลับมากินเปรี้ยวกินหวานที่อยากได้เป็นจังหวะ
ใครที่ห้ามตัวเองเสียหมดก็จะอดมีความสุขกับชีวิต
นี่เองคือหลักของศาสตร์อายุรวัฒน์
เนื่องด้วยมีผู้ถามมาเยอะจากรายการประจำที่ทำอยู่เรื่องข่าวดังกระหึ่มสังคมออนไลน์ และเห็นว่า “สังคมผู้สูงอายุ” กลับมาถูกคุยอีกครั้งเลยอยากขอนำหลักอายุรวัฒน์ที่เป็นเทคนิกในการเลือกรับประทานได้มาฝาก
>>โดยเฉพาะเรื่องการเลือกกินเนื้อสัตว์ให้ปลอดภัย ในยุคสังคมอุดมของ(กิน)ประดิษฐ์
1) จำกัดกินแปรรูป โดยเฉพาะ “เนื้อสัตว์แปรรูป” ครับ ของที่เป็นข่าวไปไม่นานอย่างไส้กรอก, เบค่อน, แฮม, แหนม, ซาลามี, กุนเชียง ฯลฯ ที่ทำให้หลายท่านตกใจ ขอให้อย่าเพิ่งกังวลไปนะครับ แค่ให้เราอยู่กับคำว่า “กินอย่างเหมาะสม” คือ ถ้ากินบ่อยมากก็ขอให้ค่อยๆ ลด ไม่ให้กินซ้ำกันทุกมื้อ หรือเลือกกินของสดบ้างก็จะช่วยได้ครับ
แต่ถ้าเผลอกินไปแล้วก็ไม่ต้องเครียดตกใจ ขอให้เลือกรับประทานอาหารสดอื่นๆ ให้ครบส่วนไปด้วยโดยเฉพาะผักผลไม้ ส่วนท่านที่มีลูกหลานก็อาจคอยช่วยดูหนูๆ น้อยๆ สักหน่อย เพราะเด็กที่ชื่นชอบมันถ้ารับประทานมากไป ก็มีผลต่อสุขภาพและอวบอ้วนได้คือ ไม่ได้ห้ามจนเครียดแต่คอยเตือนกัน ซึ่งเด็กๆ ควรกินอาหารให้ครบส่วนดีกว่าเพื่อพัฒนาการครับ
2) เพิ่มของสดช่วย อย่าปล่อยให้ของสำเร็จรูปครองโลกอยู่ถ่ายเดียว ยกเว้นสิ้นเดือนที่อาจมีบะหมี่ซองกับไข่ไก่ขายดิบขายดีซึ่งผมก็ยึดจารีตนี้เช่นกัน(แฮ่)
อย่างไรก็ดีครับ การกินอาหารสำเร็จรูปให้ดีควรต้องมี “อาหารสด” สลับบ้าง เช่นรับประทานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแล้วตอกไข่ใส่ลงไป และให้กินเนื้อหมู,ไก่, ปลา ที่มาจากธรรมชาติบ้าง แทนที่จะเลือกกินแต่เนื้อสัตว์แปรรูปที่ผ่านความร้อนครับ
3) เลือกกินปลาเล็ก ไม่ใช่ปลาทูน่าตัวโตหรือกุ้งมังกรตัวยักษ์หนัก 2 โลจะดีเสมอไป สำหรับนักกินปลาดิบและปลาสุก ขอแนะว่าถ้าเป็นปลาทะเลควรเลือกชนิดที่ตัวเล็ก, อายุน้อย (ปลานะฮะไม่ใช่คน) ให้เลือกสายพันธุ์ที่ค่อนข้างตัวเล็กอายุไม่ยืนนักครับ
ที่ให้เลือกอย่างนี้ไม่ใช่อะไรแต่เป็นเพราะห่วงว่าท่านจะได้ “โลหะหนัก” โดยเฉพาะ “เมทิลเมอร์คิวรี” ที่แถวบ้านผมเรียกสารปรอทตามติดเข้าไปเป็นของแถม ซึ่งจะสะสมอยู่ในปลาทะเลที่ตัวใหญ่อายุยืนอย่าง ทูน่าบลูฟินหรือบิ๊กอายครับ
4) ใช้การหมักเป็นเกราะกันมะเร็ง มีการศึกษายืนยันครับว่าการหมักเนื้อสัตว์ก่อนปรุงสุกด้วยการปิ้งย่างช่วยลดความเสี่ยง “สารเรียกมะเร็ง” ได้ ซึ่งเรื่องการปิ้งๆ ย่างๆ เนื้อสัตว์นี้ทาง American Institute for Cancer Research ได้ออกโรงเตือนไว้ว่า “ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เราปิ้ง” โดยมีสารก่อมะเร็งตัวหนึ่งที่ทำลายได้ลึกถึง “ดีเอ็นเอ” คนกินที่จะออกมาเมื่อโปรตีนในเนื้อนั้นสัมผัสกับความร้อนโดยสารนี้คือ “HCAs” ที่มีความเกี่ยวข้องกับมะเร็งลำไส้ใหญ่และกระเพาะอาหาร
ซึ่งท่านว่าเรื่องนี้การ “หมัก” เนื้อก่อนย่างด้วยสมุนไพรเช่น โรสแมรี,ไธม์,โหระพา, สะระแหน่, น้ำมะนาว จะช่วยลดสารก่อมะเร็งที่ว่าได้อย่างน่าพึงพอใจถึง 96% ทีเดียวครับ---นับเป็นการปิ้งย่างอย่างสมาร์ทจริงๆ
5) อย่าลืมบวกผัก การกินอาหารที่ชอบใจทำได้ครับถ้ามีการเติมผักลงไปด้วยเพราะเส้นใยในผักจะช่วยขัดล้างพิษทั้งหลายที่อาจมีเข้ามาให้ลดลง ดังที่เราทราบกันว่าผักมีสารต้านอนุมูลอิสระเป็นพระเอกสำคัญแต่มีการค้นพบใหม่ที่รู้แล้วว่าแท้จริงใน “ไฟเบอร์” ที่เป็นเยื่อใยอาหารในผักผลไม้นั้นก็มีส่วนของสารพระเอกนี้อยู่เช่นกัน
เพราะเพิ่งมีการตรวจไฮเทคด้วยเทคนิกที่เรียกว่า “โกลบัล แอนตี้ออกซิแดนท์ เรสพอนซ์(Global Antioxidant Response)” มาช่วยจนพบว่าผักผลไม้อาจมีค่าแอนตี้ออกซิแดนท์สูงกว่าที่เคยตรวจพบ ดังนั้นกินให้ครบทั้งเนื้อสัตว์และผักจึงช่วยเราได้แน่ครับ
6) รักให้หลากหลาย ไม่ใช่ให้แบ่งหัวใจให้ใครหลายคนแต่ในเรื่องเนื้อสัตว์นี้คือ ให้กินวนไปหลายๆแบบไม่จมจ่อมอยู่กับเนื้อสัตว์ชนิดเดียว ซึ่งการเทใจให้เนื้ออื่นด้วยนั้นจะมีข้อดีอยู่หลายข้อคือทำให้ท่านไม่ต้องเสี่ยงกับสารปนเปื้อนที่มักพบในเนื้อสัตว์บางประเภท,ไม่เสี่ยงยาปฏิชีวนะที่ใช้กับสัตว์ และไม่ทำให้ได้รับสารอาหารที่ไม่อยากได้เยอะเกินไป
เช่นถ้ากินแต่เนื้อแดงก็จะได้ “ไขมันอิ่มตัว” สะสมไว้เรื่อยๆ ดังนั้นขอให้ลองกินทั้งเนื้อปลา,ไก่,ไข่,หมู, แซลมอน และซีฟู้ดอื่นๆ สลับไปครับ
คนสมัยก่อนท่านมีชีวิตที่ไม่สะดวกสบายเท่ายุคนี้ก็จริง แต่สิ่งที่ช่วยในเรื่องอาหารก็คือ การได้กินหลากหลายไม่ซ้ำชนิดกันดังเช่นสังคมแลกเปลี่ยนสินค้าในสมัยก่อน ที่แล้วแต่ว่าล่าเนื้อสัตว์อะไรมาได้จึงมาเทรดกัน หรืออย่างในยุคที่ไฟสงครามโลกครอบคลุมบ้านเมืองก็มีการ “ปันส่วน” ที่ทำให้ไม่กินทิ้งกินขว้าง อาหารบางเมนูต้องคิดให้ดีว่าทำแล้วคุ้มค่าไหมหรือต้องไม่ให้มีของเหลือ เผื่อถ้ามีเศษกระดูกหรือเศษผักก็ต้องเอามาต้มทำน้ำซุปได้หมดไม่มีทิ้งกันเลยจริงๆ ซึ่งความประหยัดถือเป็นสิ่งที่ใช้ได้ในยามสงบด้วยครับ
ลองปรับทั้งเนื้อทั้งผักให้คุ้มค่าสุขภาพเราที่สุดนะครับ
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754
นั่งๆ อยู่เผลอฝันหวานไปว่าเราอยู่ในยุคปัญญาประดิษฐ์ ซ้ำยังพ่วงด้วยโภชนประดิษฐ์ครบสูตร ด้วยเห็นมีทั้งน้ำส้มคั้นปลอม, ปลาดิบที่ผ่านการเสริมสวย แล้วยังมีสารพันเนื้อสัตว์แปรรูปที่พ่วงด้วยคำเตือน
มีผู้ชมและผู้อ่านหลายท่านปรารภให้ผมฟังผ่านรายการว่า “ชักอยู่ยาก(กินยาก)ขึ้นทุกที”
ผมเลยกราบเรียนท่านไปด้วยเข้าใจความกังวลในหัวใจว่า “ถ้ามีเทคนิคดีๆ ก็อยู่ได้” ครับ ด้วยแม้ว่าจะกินของสดตลอดชีวิต ก็ไม่มีสิ่งใดปลอดพิษภัยเสียทีเดียวครับ แม้แต่อาหารที่เรากินกันมาตั้งแต่เด็ก ก็ยังอาจมาพบเอาภายหลังว่ามีสารที่ต้องระวัง ดังนั้นไม่ว่าของสดหรือของสำเร็จก็ไม่มีอะไรที่ควรกินทุกมื้อทุกคำและทุกคราว
มีคนโทรเข้ามา “ถามสด” ในรายการที่ผมทำอยู่ว่ากิน “อาหารแช่แข็ง” ที่อุ่นไมโครเวฟประจำจะเป็นอะไรไหม? ก็แนะไปว่าอาหารแช่แข็งที่เขาทำมาอย่างได้มาตรฐานก็ปลอดภัยดีครับ วิตามินความสดในผักผลไม้หลายชนิดก็ยังคงอยู่จากการโฟรสเซ่น แต่ก็ให้คอยดู “ความเค็ม” กับ “ความหวาน” เอาไว้ให้ไม่มากเกินไป ซึ่งไม่มีอาหารใดในโลกที่จะกินทุกครั้งแล้วได้ครบทุกหมู่ทุกจานและทุกวิตามินเป๊ะตลอดกาล
ธรรมชาติสร้างมาอย่างนั้น
กระทั่งอาหารที่ว่าดีเลิศติดดาวมิชลินหนึ่ง สองหรือ 3 ดาว ก็ยังแอบมีความต่างเล็กๆ น้อยๆ ได้ถือเป็นเสน่ห์ ซึ่งเราต้องเข้าใจธรรมชาติของ “ไตรลักษณ์” แห่งอาหารนี้ก่อนว่าเป็นธรรมดาโลกแล้วจะไม่ทุกข์กับมันมาก
หากแต่จะรู้สึกว่าเป็นเสน่ห์แห่งความพิเศษในอาหารแต่ละชนิด
ไม่มีอาหารใด “ต้องห้าม” ไปหมดทุกครั้งและทุกคราว
คนเป็นเบาหวานถ้าอดคาร์โบไฮเดรตไม่กินหวานเลยก็แย่แน่ เพราะยาลดน้ำตาลจะยิ่งทำให้น้ำตาลตกจึงต้องพกลูกอมไว้บ้าง ส่วนคนเป็นความดันสูงถ้าไม่กิน “โซเดียม” เลยแม้แต่น้อยก็อยู่ไม่ได้ ซึ่งถ้าเราคุมอาการของโรคต่างๆ ได้ดีแล้วก็อาจกลับมากินเปรี้ยวกินหวานที่อยากได้เป็นจังหวะ
ใครที่ห้ามตัวเองเสียหมดก็จะอดมีความสุขกับชีวิต
นี่เองคือหลักของศาสตร์อายุรวัฒน์
เนื่องด้วยมีผู้ถามมาเยอะจากรายการประจำที่ทำอยู่เรื่องข่าวดังกระหึ่มสังคมออนไลน์ และเห็นว่า “สังคมผู้สูงอายุ” กลับมาถูกคุยอีกครั้งเลยอยากขอนำหลักอายุรวัฒน์ที่เป็นเทคนิกในการเลือกรับประทานได้มาฝาก
>>โดยเฉพาะเรื่องการเลือกกินเนื้อสัตว์ให้ปลอดภัย ในยุคสังคมอุดมของ(กิน)ประดิษฐ์
1) จำกัดกินแปรรูป โดยเฉพาะ “เนื้อสัตว์แปรรูป” ครับ ของที่เป็นข่าวไปไม่นานอย่างไส้กรอก, เบค่อน, แฮม, แหนม, ซาลามี, กุนเชียง ฯลฯ ที่ทำให้หลายท่านตกใจ ขอให้อย่าเพิ่งกังวลไปนะครับ แค่ให้เราอยู่กับคำว่า “กินอย่างเหมาะสม” คือ ถ้ากินบ่อยมากก็ขอให้ค่อยๆ ลด ไม่ให้กินซ้ำกันทุกมื้อ หรือเลือกกินของสดบ้างก็จะช่วยได้ครับ
แต่ถ้าเผลอกินไปแล้วก็ไม่ต้องเครียดตกใจ ขอให้เลือกรับประทานอาหารสดอื่นๆ ให้ครบส่วนไปด้วยโดยเฉพาะผักผลไม้ ส่วนท่านที่มีลูกหลานก็อาจคอยช่วยดูหนูๆ น้อยๆ สักหน่อย เพราะเด็กที่ชื่นชอบมันถ้ารับประทานมากไป ก็มีผลต่อสุขภาพและอวบอ้วนได้คือ ไม่ได้ห้ามจนเครียดแต่คอยเตือนกัน ซึ่งเด็กๆ ควรกินอาหารให้ครบส่วนดีกว่าเพื่อพัฒนาการครับ
2) เพิ่มของสดช่วย อย่าปล่อยให้ของสำเร็จรูปครองโลกอยู่ถ่ายเดียว ยกเว้นสิ้นเดือนที่อาจมีบะหมี่ซองกับไข่ไก่ขายดิบขายดีซึ่งผมก็ยึดจารีตนี้เช่นกัน(แฮ่)
อย่างไรก็ดีครับ การกินอาหารสำเร็จรูปให้ดีควรต้องมี “อาหารสด” สลับบ้าง เช่นรับประทานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแล้วตอกไข่ใส่ลงไป และให้กินเนื้อหมู,ไก่, ปลา ที่มาจากธรรมชาติบ้าง แทนที่จะเลือกกินแต่เนื้อสัตว์แปรรูปที่ผ่านความร้อนครับ
3) เลือกกินปลาเล็ก ไม่ใช่ปลาทูน่าตัวโตหรือกุ้งมังกรตัวยักษ์หนัก 2 โลจะดีเสมอไป สำหรับนักกินปลาดิบและปลาสุก ขอแนะว่าถ้าเป็นปลาทะเลควรเลือกชนิดที่ตัวเล็ก, อายุน้อย (ปลานะฮะไม่ใช่คน) ให้เลือกสายพันธุ์ที่ค่อนข้างตัวเล็กอายุไม่ยืนนักครับ
ที่ให้เลือกอย่างนี้ไม่ใช่อะไรแต่เป็นเพราะห่วงว่าท่านจะได้ “โลหะหนัก” โดยเฉพาะ “เมทิลเมอร์คิวรี” ที่แถวบ้านผมเรียกสารปรอทตามติดเข้าไปเป็นของแถม ซึ่งจะสะสมอยู่ในปลาทะเลที่ตัวใหญ่อายุยืนอย่าง ทูน่าบลูฟินหรือบิ๊กอายครับ
4) ใช้การหมักเป็นเกราะกันมะเร็ง มีการศึกษายืนยันครับว่าการหมักเนื้อสัตว์ก่อนปรุงสุกด้วยการปิ้งย่างช่วยลดความเสี่ยง “สารเรียกมะเร็ง” ได้ ซึ่งเรื่องการปิ้งๆ ย่างๆ เนื้อสัตว์นี้ทาง American Institute for Cancer Research ได้ออกโรงเตือนไว้ว่า “ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เราปิ้ง” โดยมีสารก่อมะเร็งตัวหนึ่งที่ทำลายได้ลึกถึง “ดีเอ็นเอ” คนกินที่จะออกมาเมื่อโปรตีนในเนื้อนั้นสัมผัสกับความร้อนโดยสารนี้คือ “HCAs” ที่มีความเกี่ยวข้องกับมะเร็งลำไส้ใหญ่และกระเพาะอาหาร
ซึ่งท่านว่าเรื่องนี้การ “หมัก” เนื้อก่อนย่างด้วยสมุนไพรเช่น โรสแมรี,ไธม์,โหระพา, สะระแหน่, น้ำมะนาว จะช่วยลดสารก่อมะเร็งที่ว่าได้อย่างน่าพึงพอใจถึง 96% ทีเดียวครับ---นับเป็นการปิ้งย่างอย่างสมาร์ทจริงๆ
5) อย่าลืมบวกผัก การกินอาหารที่ชอบใจทำได้ครับถ้ามีการเติมผักลงไปด้วยเพราะเส้นใยในผักจะช่วยขัดล้างพิษทั้งหลายที่อาจมีเข้ามาให้ลดลง ดังที่เราทราบกันว่าผักมีสารต้านอนุมูลอิสระเป็นพระเอกสำคัญแต่มีการค้นพบใหม่ที่รู้แล้วว่าแท้จริงใน “ไฟเบอร์” ที่เป็นเยื่อใยอาหารในผักผลไม้นั้นก็มีส่วนของสารพระเอกนี้อยู่เช่นกัน
เพราะเพิ่งมีการตรวจไฮเทคด้วยเทคนิกที่เรียกว่า “โกลบัล แอนตี้ออกซิแดนท์ เรสพอนซ์(Global Antioxidant Response)” มาช่วยจนพบว่าผักผลไม้อาจมีค่าแอนตี้ออกซิแดนท์สูงกว่าที่เคยตรวจพบ ดังนั้นกินให้ครบทั้งเนื้อสัตว์และผักจึงช่วยเราได้แน่ครับ
6) รักให้หลากหลาย ไม่ใช่ให้แบ่งหัวใจให้ใครหลายคนแต่ในเรื่องเนื้อสัตว์นี้คือ ให้กินวนไปหลายๆแบบไม่จมจ่อมอยู่กับเนื้อสัตว์ชนิดเดียว ซึ่งการเทใจให้เนื้ออื่นด้วยนั้นจะมีข้อดีอยู่หลายข้อคือทำให้ท่านไม่ต้องเสี่ยงกับสารปนเปื้อนที่มักพบในเนื้อสัตว์บางประเภท,ไม่เสี่ยงยาปฏิชีวนะที่ใช้กับสัตว์ และไม่ทำให้ได้รับสารอาหารที่ไม่อยากได้เยอะเกินไป
เช่นถ้ากินแต่เนื้อแดงก็จะได้ “ไขมันอิ่มตัว” สะสมไว้เรื่อยๆ ดังนั้นขอให้ลองกินทั้งเนื้อปลา,ไก่,ไข่,หมู, แซลมอน และซีฟู้ดอื่นๆ สลับไปครับ
คนสมัยก่อนท่านมีชีวิตที่ไม่สะดวกสบายเท่ายุคนี้ก็จริง แต่สิ่งที่ช่วยในเรื่องอาหารก็คือ การได้กินหลากหลายไม่ซ้ำชนิดกันดังเช่นสังคมแลกเปลี่ยนสินค้าในสมัยก่อน ที่แล้วแต่ว่าล่าเนื้อสัตว์อะไรมาได้จึงมาเทรดกัน หรืออย่างในยุคที่ไฟสงครามโลกครอบคลุมบ้านเมืองก็มีการ “ปันส่วน” ที่ทำให้ไม่กินทิ้งกินขว้าง อาหารบางเมนูต้องคิดให้ดีว่าทำแล้วคุ้มค่าไหมหรือต้องไม่ให้มีของเหลือ เผื่อถ้ามีเศษกระดูกหรือเศษผักก็ต้องเอามาต้มทำน้ำซุปได้หมดไม่มีทิ้งกันเลยจริงๆ ซึ่งความประหยัดถือเป็นสิ่งที่ใช้ได้ในยามสงบด้วยครับ
ลองปรับทั้งเนื้อทั้งผักให้คุ้มค่าสุขภาพเราที่สุดนะครับ
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754