สะเทือนใจคนรักสัตว์ พ่อค้าข้าวมันไก่เดือด ใช้แท่งเหล็กตีสุนัขจรจัดไม่ยั้งพร้อมใช้มีดอีกหลายครั้งจนตาย ทั้งๆ ที่ถูกล่ามไว้ โลกโซเชียลแห่แชร์คลิปภาพ พร้อมรุมประณามการกระทำที่แสนโหดร้าย พ่อค้าอ้าง ทำไปเพราะแค้นที่สุนัขมากัดลูกของตน วอนสังคมโปรดเห็นใจ ตอนนี้ไม่มีที่ยืนในสังคมแล้ว!
บันดาลโทสะด้วยการฆ่าหมาที่กัดลูกตัวเอง...เกินกว่าเหตุหรือไม่?
[ ‘อานนท์ เมฆสัน’ พ่อค้าขายข้าวมันไก่ผู้ก่อเหตุ ]
“ตอนแรกมันยังไม่ตาย กลัวมันทรมานเลยแทงซ้ำ”
คำให้การต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจของ ‘อานนท์ เมฆสัน’ พ่อค้าขายข้าวมันไก่วัย 34 ปี ที่ใช้ท่อนเหล็กตีและใช้มีดแล่ไก่แทง ‘ขาว’ สุนัขจรจัดที่อาศัยอยู่ ในซอยรามคำแหง 60/2 โดยเขาอ้างว่าขาวมากัดลูกของเขาก่อน หลังจากที่มีคนนำคลิปจากกล้องวงจรปิดมาเผยแพร่ผ่าน Social Media เพื่อให้เห็นถึงการกระทำที่โหดร้ายของเขาที่กระทำต่อสุนัขจรจัดที่ถูกล่ามโซ่ไว้ จนเกิดการแชร์และพูดถึงเป็นจำนวนมาก ทำให้บรรดาคนรักสัตว์โดยเฉพาะสุนัข ต่างรุมประณามพฤติกรรมของพ่อค้ารายนี้
“คนแบบนี้ หนีผลกรรมไม่พ้นหรอกครับ”
“ดำเนินคดีให้ถึงที่สุดนะ มันไม่ใช่คนเลยไอ้พวกนรกแบบนี้ ไม่จะด่ายังไง สงสารน้องหมา”
“รักลูกเข้าใจ แต่ก็ไม่มีสิทธิไปฆ่าหมาตาย”
“ไม่กล้าเปิดดูคลิปเลย แค่อ่านน้ำตาก็ไหลแล้วสงสารขาวสุดๆ คนทำจิตใจทำด้วยอะไรถึงตีขาวได้ขนาดนี้” หลากหลายความคิดเห็นในโลกโซเชียลต่างเป็นไปในทิศทางเดียวกันคือ ประณามพฤติกรรมที่เกินกว่าเหตุของพ่อค้าข้าวมันไก่รายนี้ และขอร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
‘สุกัญญา เมฆสัน’ ภรรยาของชายคนดังกล่าวก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ ‘ต่างคนต่างคิด’ เธอบอกว่า ตอนนี้โดนกระแสสังคมโจมตีเยอะมาก ทั้งถูกข่มขู่ว่าจะทำร้ายและจะพังร้านที่ใช้ทำมาหากิน โดนแสดงท่าทางดูถูกเหยียดหยามทั้งครอบครัว จนล่าสุดถูกไล่ออกจากอพาร์ตเมนต์ที่อาศัยอยู่ สามีเธอทำไปเพราะเป็นการบันดาลโทสะ สภาพจิตใจของสามีแย่มาก เธอได้ใช้โอกาสนี้ในการขอโทษสังคม เธอและสามีรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และอยากให้มองอีกมุมเพราะลูกของเธอก็ได้รับบาดเจ็บจนต้องฉีดยากันพิษสุนัขบ้าไปหลายเข็มเหมือนกัน
[ ขอบคุณภาพ แฟนเพจ 'อนึ่ง คะนึงตูบ' ]
จากเหตุการณ์นี้ เจ้าหน้าที่ สน.หัวหมาก ได้แจ้งข้อหาต่อพ่อค้าข้าวมันไก่ 3 ข้อหา ฐานทำให้ผู้อื่นเสียทรัพย์ พกอาวุธมีดในที่สาธารณะ และผิด พ.ร.บ.ป้องกันการทารุณกรรมสัตว์ และศาลจะมีการนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 18 พฤษภาคม 2559 แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากที่คนในสังคมได้เห็นการกระทำของเขาแล้ว สิ่งที่เขาต้องเจอในตอนนี้ ทั้งการถูกด่าทอ ข่มขู่จะพังร้าน ข่มขู่จะทำร้ายร่างกาย และอื่นๆ ก็เหมือนกับเป็นการถูกพิพากษาจากคนในสังคมไปเสียแล้ว
คนทารุณสัตว์ มอบตัวเพราะแรงกดดันจากโซเชียล
ข่าวการทำร้ายสัตว์ ปรากฏต่อสื่อแทบไม่เว้นแต่ละวัน ก่อนหน้านี้ก็เคยเกิดกรณี พ.ต.ต.วสวัตติ์ สุขไทย สารวัตรกลุ่มงานวิจัยและประเมินผล 3 กองวิจัย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ใช้อาวุธปืนประจำกายยิงสุนัขจรจัดในพื้นที่แฟลตตำรวจส่วนกลางลาดยาวตายไป 1 ตัว และบาดเจ็บอีก 1 ตัว โดยเขาอ้างว่า จำเป็นต้องทำเพื่อป้องกันตัว เพราะเป็นสุนัขที่ดุร้ายและเคยไล่กัดคนหลายครั้ง ประกอบกับภรรยาของนายตำรวจที่อยู่ในเหตุการณ์กำลังตั้งครรภ์ ที่ทำไปจึงเป็นการปกป้องภรรยาและป้องกันตัวเองจากการถูกสุนัขกว่า 20 ตัวรุมล้อม!
หลังเกิดเหตุการณ์ได้มีคนนำภาพสุนัขที่ถูกยิงไปโพสต์บนโลกโซเชียล พร้อมทั้งบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น ทำให้กระแสสังคมเป็นไปในทำนองเดียวกันกับเหตุการณ์พ่อค้าข้าวมันไก่ฆ่าสุนัขจรจัด คือตำหนิพฤติกรรมอย่างรุนแรง และยังบอกอีกว่า เป็นถึงผู้พิทักษ์สันติราษฎร์แต่กลับมีจิตใจที่โหดเหี้ยม ไม่มีเมตตาต่อสัตว์เดรัจฉาน พร้อมทั้งกดดันให้มอบตัวและรับฟังข้อกล่าวหา
[ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ นำตัว พ.ต.ต.วสวัตติ์ สุขไทย รับทราบข้อกล่าวหา ]
หลังทนกระแสสังคมไม่ไหว นายตำรวจคนดังกล่าวได้เข้ามอบตัวต่อ สน.พหลโยธิน เจ้าของพื้นที่เกิดเหตุ เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้แจ้ง 3 ข้อหา ประกอบด้วย ความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันการทารุณกรรมและการจัดการสวัสดิภาพสัตว์ มาตรา 20 ที่ห้ามมิให้ผู้ใดกระทำการทารุณกรรมสัตว์โดยไม่มีเหตุอันสมควร ยิงปืนในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และข้อหาพกพาปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ซึ่งเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน พร้อมดำเนินการทางวินัยกับพ.ต.ต.วสวัตติ์ ด้วย
ทางด้านของ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่เดินทางมารับฟังการสอบสวน ได้แสดงความคิดเห็นถึงกรณีดังกล่าวว่า ต้องให้ความกระจ่าง เพราะคดีเป็นที่สนใจของประชาชน และถ้าหากตำรวจกระทำความผิด จะไม่มีการยกเว้นทุกกรณี ต้องได้รับโทษตามกฎหมาย
[ พยานให้ข้อมูลเพิ่มเติมต่อเจ้าหน้าที่ ]
คำให้การของพยานที่ออกมาให้การเพิ่มเติม ระบุว่าที่ตำรวจนายนี้แถลงต่อสื่อมวลชนเป็นเรื่องโกหก เพราะจริงๆ แล้วในวันที่เกิดเหตุ สุนัขเพียงแค่เห่าเท่านั้น ไม่มีสุนัขกว่า 20 ตัวมาล้อม และไม่ได้มีผู้หญิงอยู่ในเหตุการณ์ด้วย แต่ก็ไม่มีหลักฐานอะไรมายืนยันเนื่องจากกล้องวงจรปิดบริเวณนั้นเสียทุกตัว จึงไม่สามารถบันทึกภาพเหตุการณ์ได้ แต่ก็ได้มีการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมแก่ พ.ต.ต.วสวัตติ์ อีก 1 ข้อหา คือ เผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จต่อหน้าสาธารณชน
ดูท่าว่าเรื่องนี้อาจจะยังไม่จบง่ายๆ เพราะผู้ก่อเหตุเป็นถึงคนมียศมีตำแหน่ง เป็นเรื่องละเอียดอ่อน และกำลังเป็นกระแสสังคม ทำให้เกิดคำถามขึ้นมาว่า ทำไมบางคนสมัยนี้ถึงมีจิตใจที่โหดร้ายมากขึ้น การทารุณกรรมสัตว์จนถึงขั้นตาย กลายเป็นเรื่องที่ต้องพบเจอไม่เว้นแต่ละวัน หากไม่มีพลังของโซเชียล เรื่องต่างๆ ก็อาจเลือนหายไป ก็ต้องติดตามดูกันต่อไปว่า คนที่ก่อเหตุจะได้รับบทลงโทษที่พวกเขาได้ทำจะลงเอยอย่างไร
ปัญหาสุนัขจรจัดจะหมดไปหากคนเลี้ยงไม่ทอดทิ้ง
สัตวแพทย์หญิงเบ็ญจวรรณ สิชฌนาสัย ผอ.สำนักงานสัตวแพทย์สาธารณสุข สำนักอนามัย กทม. ได้ให้ข้อมูลกับสื่อไว้ว่า ในปี 2553 กทม.มีสุนัขจรจัดมีประมาณหนึ่งแสนตัว และเป็นสุนัขมีเจ้าของประมาณหกแสนตัว ส่วนหนึ่งที่มีจำนวนมากขึ้นเกิดจากการทอดทิ้งของคนเลี้ยงและการแพร่พันธุ์ของสุนัขเอง
การแจ้งจับสุนัขจรจัด หลังจากรับแจ้งจากประชาชนแล้ว จะมีการตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้นว่าเป็นมาอย่างไร หากพบว่าเป็นสุนัขมีอาการของโรคพิษสุนัขบ้า ทาง กทม.จะเร่งดำเนินการจับ แต่หากเป็นสุนัขที่สร้างความเดือดร้อนรำคาญ เห่าหอนเสียงดัง ก็จะมีการตรวจสอบและประมวลผลก่อน เนื่องจากมีคนแจ้งเข้ามามาก เมื่อมีการลงพื้นที่แล้วเจ้าของมาแสดงตัวก็จะคืนสุนัขให้ ถ้าเป็นสุนัขจรจัดจริงก็จะจับและนำไปเก็บไว้ที่ศูนย์ควบคุมสุนัขก่อน เพราะอาจจะมีเจ้าของมารับคืน แต่ถ้าไม่มีเจ้าของก็จะดำเนินการฉีดวัคซีน ทำหมันให้ และนำไปเลี้ยงจนหมดอายุขัยที่ศูนย์พักพิงสุนัข อ.ทัพทัน จ.อุทัยธานี
กรณีที่คนแจ้งเข้าไปว่าถูกสุนัขจรจัดกัด ดุษพร นิลายน แอดมินเพจ ‘รักหมาจัง’ ได้แสดงความคิดเห็นถึงกรณีนี้ว่า หากชาวบ้านบางส่วนแสดงตัวว่าเลี้ยงและให้อาหารอยู่ กรณีนี้คนที่แสดงตัวว่าเลี้ยงควรรับผิดชอบให้การรักษาพยาบาลผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ หากสุนัขแสดงตัวว่าจะทำร้ายเรา เราก็อาจจะตีสุนัขเพื่อป้องกันตัวได้ แต่ก็ไม่ควรไปถึงขึ้นเอาชีวิตมัน
[ ขอบคุณภาพ แฟนเพจ 'รักหมาจัง' ]
สัตว์อะไรก็ตาม หากเรามีความตั้งใจที่จะเลี้ยงแล้ว ก็ควรเลี้ยงด้วยความรักความเอาใจใส่ ไม่ใช่พอเบื่อแล้วก็นำไปปล่อยทิ้ง เป็นภาระให้กับสังคมอีก สัตว์ก็เหมือนมนุษย์ มีความรู้สึก เพียงแต่พวกมันไม่สามารถพูดสื่อสารสิ่งที่พวกมันรู้สึกได้ หากคนเลี้ยงรักและดูแล มองสัตว์เหล่านี้เป็นเสมือนเพื่อนร่วมโลก ปัญหาสัตว์ถูกทอดทิ้งก็จะค่อยๆ หมดไปเอง
ข่าวโดย : ผู้จัดการ Live
ขอบคุณภาพและข้อมูล : เฟซบุ๊ก ‘Watchdog Thailand’ และ www.change.org
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754