คอลัมน์ Health Insight โดย นพ.กฤษดา ศิรามพุช
เห็นคนไข้ที่เดินเหงื่อไหลไคลย้อยเข้ามาหาแล้วรู้สึกเข้าใจดีทีเดียวครับ เพราะตัวเองก็ไม่ได้ทำงานอยู่ติดที่แต่ในห้องแอร์ด้วยต้องไปงานโน้นพูดงานนี้ และงานพิธีกรบางงานก็ไปโรงเรียนต.ช.ด.ที่อยู่ริมขอบชายแดน
เลยได้เข้าใจพี่ๆ น้องๆ ที่เดินตากแดดอาบเหงื่อต่างน้ำ
ผมเองเวลาต้องไปทำงานนอกสถานที่อย่างนี้จะเตรียมตัวไว้ก่อนล่วงหน้าอย่างแรกเลยคือ เข้านอนเร็วกว่าปกติ แล้วพยายามดื่มน้ำเติมไว้ให้ร่างกายมากๆ เพราะกลไกทางสรีรวิทยาอย่างหนึ่งเลยก็คือ เมื่อร่างกายขาดน้ำจะเหนื่อยง่ายขึ้น
บางงานต้องบรรยายให้กับผู้ฟัง 3 ชั่วโมงกับไมค์ 1 อันและผู้พูด 1 ปาก
หากไม่เตรียมตัวไว้ให้ดีก็มีหวังต้องป่วยกันไม่คนพูดก็เจ้าภาพแน่เพราะคนบรรยายงอมพระรามเสียแล้ว(โฮ) ซึ่งเรื่องนี้ที่บ้านจะมีสิ่งหนึ่งที่ทำกันอยู่ประจำจะเรียกเทคนิคก็ไม่กล้า เพราะไม่ถึงขั้นนั้นด้วย คุณแม่จะทำน้ำปั่นผลไม้แบบใช้เครื่องปั่นธรรมดาบ้านๆ อย่างนี้ละครับ โดยจะปั่นทั้งกากคือไม่ใส่น้ำแข็งหรือน้ำเชื่อมลงไปปนเอาแต่เนื้อผลไม้ล้วนๆ ลงไปปั่นก็จะได้เป็นครีมข้นๆ แล้วค่อยเอามาทุบน้ำแข็งเติมเข้าไปอีกที หรือถ้าเป็นผลไม้ที่ออกรสจืดก็เติมน้ำผึ้งลงไปนิด
โดยส่วนตัวแล้วชอบน้ำสับปะรดครับ
ค่าที่เป็นผลไม้รสดีแม้บางลูกจะเปรี้ยวแต่เมื่อเอามาปั่นแล้วรับประทานได้ง่ายหมดจดในเวลาไม่นาน นอกจากนั้นสับปะรดยังเป็น “ตัวช่วย” ให้น้ำปั่นผลไม้อย่างอื่นอร่อยกินง่ายไปด้วย โดยเฉพาะชนิดที่มีกลิ่นรสไม่น่าดื่มนักด้วยมีความฝาด, ขม หรือแม้แต่ผักที่ปั่นแล้วมีกลิ่นรสเหม็นเขียวเข้มข้นพอได้ใส่สับปะรดลงไปสักชิ้นสองชิ้นเป็นแก้ได้หมด
ข้อดีของการดื่มน้ำปั่นในหน้าร้อนอย่างนี้ (ที่จริงหน้าไหนก็ปั่นดื่มได้หมด) ก็คือ ช่วยป้องกันอาการขาดน้ำ (Dehydration) ซึ่งทำให้เกิดอาการหมดเรี่ยวแรงไปจนถึงหน้ามืดเพลียแดดและเป็นลมแดดได้ นอกจากนั้นในท่านที่ต้องทำงานออกแดดเสี่ยงภาวะป่วยฉุกเฉินอย่าง “ฮี้ทสโตรค” หรือโรคช็อคแดด ถ้าได้น้ำปั่นดื่มก่อนให้ร่างกายเย็นชื่นใจก็จะช่วยลดความเสี่ยงลงได้มาก
อยู่ใต้ฟ้าเดียวกันต้องช่วยกันครับ
เลยขออนุญาตฝากของดีปั่นได้ไว้เผื่อดับร้อนต่อไปนี้
>>ชื่นใจ! เมื่อได้ปั่นสิ่งต่อไปนี้ดื่ม Summer coolers สไตล์อายุรวัฒน์
1) สับปะรดปั่น เครื่องดื่มประจำบ้านเด็กห้วยขวางอย่างผมและเป็นน้ำปั่นอุดมเส้นใยช่วยดับร้อนด้วยในสับปะรดมีเอนไซม์ที่ช่วยต่อต้านการอักเสบอย่าง “บรอมีเลน” ที่ถ้าปั่น “แกนสับปะรด” เข้าไปด้วยจะได้เอนไซม์ตัวนี้เข้มข้นดีทีเดียวครับ
สูตรนี้ยังเหมาะกับเวลาท่านได้สับปะรดที่เปรี้ยวจัดมาไม่เหมาะกับกินสดก็จัดการสำเร็จโทษมันเป็นชิ้นๆ แล้วเอาลงปั่นพร้อมบีบมะนาวโรยน้ำผึ้งลงไปก็จะได้ความอร่อยลงตัวชื่นใจดีครับ
สำหรับท่านที่ต้องการล้างพิษให้ลำไส้แข็งแรงรับร้อนนี้ในสับปะรดปั่นก็มีเส้นใยอาหารที่ช่วยได้อยู่เพียบแถมยังช่วยให้ท่านรับประทานสับปะรดได้มากกว่าแบบสดที่มักจะกัดปากแกล้งลิ้นจนแตกเป็นแผลได้
2) ใบบัวบก เป็นน้ำคลอโรฟิลล์แบบไทยๆจะใช้ปั่นได้ก็ดีแล้วคั้นกรองเอาน้ำสีเขียวเข้มมาผสมน้ำผึ้งกับมะนาวโดยถ้าให้หนักมะนาวหน่อยจะยิ่งอร่อยครับ จากนั้นเอามาแช่เย็นไว้ในช่องฟรีซสักครู่พอให้อณูน้ำแข็งเริ่มจับผลึกค่อยเอามารับประทานจะได้เป็นวุ้นกำลังดีเหมาะกับหน้าร้อนนี้
โดยในบัวบกมีสารไทรเทอพีนส์ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้หลอดเลือดฝอย และหลอดเลือดดำ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการไหลเวียนเลือดแก้ปัญหาหลอดเลือดดำอ่อนแอ (Chronic venous insufficiency) และยังช่วยป้องกันการอักเสบลดบวมของผิวพรรณที่อาจโดนแดดเผาในหน้านี้ได้
3) เฉาก๊วยปั่น กินสดแบบเป็นเจลลี่นุ่มลิ้นดีก็ได้หรือถ้าให้เพิ่มดีกรีความเย็นเจี๊ยบจับใจก็ต้องปั่นกับน้ำแข็ง ซึ่งเฉาก๊วยหรือซิงเฉาที่คนสิงคโปร์เรียกนี้มีสรรพคุณตามหลักแพทย์แผนดั้งเดิมว่าเป็นของเย็นช่วยดับร้อนได้ดี ซึ่งในหญ้าเฉาก๊วยก็มีสารฟลาโวนอยด์เจ้าเก่าที่เป็นของดีครอบจักรวาลอยู่
ถ้าจะดูให้เหมาะกับหน้าร้อนก็ขอแนะให้นอกจากปั่นเย็นกับน้ำแข็งแล้วก็อาจกินเป็นหวานเย็นใส่ผลไม้เพิ่มลงไปจะได้กินน้ำมากขึ้นอย่างแคนตาลู้ป, เมล่อน, แตงโมหรือแห้วก็ยังได้ โดยลำพังตัววุ้นเฉาก๊วยเองแล้วแคลอรี่น้อยมากครับจึงเหมาะกับท่านที่อยากได้ของหวานสุขภาพในหน้าร้อนที่กินชื่นใจไม่หนักท้องไม่ต้องรู้สึกผิดก็ต้องของดำอย่าง “เฉาก๊วย” นี่เลยครับ
4) พริกหวานปั่น ขอท่านอย่าเพิ่งค้อนว่าอยู่ๆจะให้กิน “น้ำพริก” เพราะที่จริงแล้วไม่ใช่อยู่ดีไม่ว่าดีหรอกครับ แต่สูตรพริกหวานปั่นมีวิตามินที่ช่วยปกป้องความเสื่อมของผิวเราอย่างเข้มข้นโดยเฉพาะพวกแคโรทีนอยด์ที่ช่วยทั้งผิวและจอตา ทั้งยังมี “วิตามินซี” ที่เหมาะกับหนูๆที่มีเส้นเลือดเปราะทั้งเป็นภูมิแพ้โพรงจมูกที่เลือดกำเดาไหลง่าย เพราะการได้วิตามินซีจะช่วยเสริมคอลลาเจนให้เส้นเลือดฝอยได้เป็นอย่างดี
นอกจากนั้นยังมีวิตามินเคที่ช่วยในขั้นตอนการแข็งตัวของเลือดอีกด้วย ซึ่งการปั่นที่ทำให้กินได้ไม่เหม็นเขียวอาจใส่แอปเปิ้ลเขียว, ส้ม, มะนาว หรือสับปะรดลงไปช่วยครับ ขอฝากเทคนิคในการเลือกเอาไว้ในบรรดาพริกหวานทั้ง 3 สีหลักขอให้เลือกสีแดงกับเหลืองให้มากเข้าไว้ เพราะจะได้วิตามินที่ว่ามาเข้มข้นที่สุดครับ
5) ลูกตาลลอยแก้ว จะเอามาปั่นก็ได้หรือกินกับน้ำแข็งเป็นลอยแก้วแบบคลาสสิกก็ได้ เพราะในปาล์มเนื้อใสมีวิตามินซีและแร่ธาตุจำเป็นในคนเสียเหงื่ออย่าง “โพแทสเซียม” อยู่ด้วย โดยในสูตรลอยแก้วนี้ท่านสามารถเปลี่ยนวัตถุดิบให้เป็นส้มเขียวหวานลอยแก้ว,ว่านหางจรเข้, มะยงชิดก็ล้วนเอามาลอยแก้วช่วยดับร้อนได้แล้วแต่ที่จะหาได้
โดยเคล็ดลับการลอยแก้วที่ถ้าไม่อยากใช้น้ำเชื่อมให้หวานเกินไปก็อาจใช้เป็นน้ำผลไม้หรือน้ำสมุนไพรอย่างหญ้าหวานบ้างก็ได้ครับ เป็นต้นว่ามะยงชิดลอยแก้วในน้ำส้มเขียวหวานหรือลูกตาลลอยแก้วใส่น้ำหญ้าหวานรับประทานกับน้ำแข็งบดละเอียดก็เป็นของดับร้อนได้ดีโดยเฉพาะยามที่ออกแดดเสียเหงื่อมาทั้งวันครับ
จะเห็นว่าสูตร “ปั่นเพื่อดับร้อน” นี้พยายามเลือกของที่หาได้ง่ายๆ หรือเดินไปซื้อตามห้างที่ไหนก็ได้หรือถ้าเคยปั่นดื่มกันมาจนเบื่อแล้วจะลองทำเป็นไอศกรีมเกล็ดน้ำแข็งแบบ “กรานิต้า” ดูบ้างก็ได้แค่เอาน้ำผลไม้ใส่ถาดแช่เย็นจนแข็งแล้วเอาส้อมมาขูดให้เป็นเกล็ดหยาบๆใส่แก้วรับประทานไม่อ้วนเหมือนไอศกรีมด้วยครับ ซึ่งที่แนะวัตถุดิบหาง่ายไว้เพราะอยากให้ได้รับประทานกันบ่อยๆ จะดีต่อสุขภาพครับด้วย ที่จริงแล้วควรต้องดื่มเตรียมร่างกายไว้ให้พร้อมอยู่เสมอในห้วงที่ร้อนอบอ้าวครับ
ไม่ต้องรอจนร้อนตัวแตกแล้วค่อยดื่ม
ด้วยเมื่อถึงเวลาพบกับความร้อนแบบสาหัสนั้นมันอาจทำให้เกิดอาการร้อนทำพิษแบบปุบปับขึ้นมาได้โดยเฉพาะกับผู้ที่มีโรคประจำตัว, ผู้สูงวัย หรือหนูเล็กเด็กชายหญิงทั้งหลาย ส่วนในนักกีฬาและท่านที่เข้ายิมเสียเหงื่อมากๆ นั้นถ้าทำสมูทตี้ที่ว่าปั่นอาจหา “เกลือไอโอดีน” เหยาะลงไปสักนิดเพราะเคยมีการศึกษาพบว่าการเสียเหงื่อมากนั้นทำให้ถึงขั้นขาดไอโอดีนได้ ซึ่งถ้าหาวัตถุดิบอะไรมาปั่นไม่ได้จริงๆก็ให้หาน้ำเปล่ามาดื่มเอาไว้ขอให้ดื่มน้ำเติมร่างกายอย่าให้ขาดแล้วท่านจะมีความสามารถสู้ร้อนได้ดีขึ้นซ้ำยังช่วยให้ผิวพรรณไม่ยับย่นเสื่อมเร็วด้วย
ทราบแล้วลองปั่นดูนะครับ
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754
เห็นคนไข้ที่เดินเหงื่อไหลไคลย้อยเข้ามาหาแล้วรู้สึกเข้าใจดีทีเดียวครับ เพราะตัวเองก็ไม่ได้ทำงานอยู่ติดที่แต่ในห้องแอร์ด้วยต้องไปงานโน้นพูดงานนี้ และงานพิธีกรบางงานก็ไปโรงเรียนต.ช.ด.ที่อยู่ริมขอบชายแดน
เลยได้เข้าใจพี่ๆ น้องๆ ที่เดินตากแดดอาบเหงื่อต่างน้ำ
ผมเองเวลาต้องไปทำงานนอกสถานที่อย่างนี้จะเตรียมตัวไว้ก่อนล่วงหน้าอย่างแรกเลยคือ เข้านอนเร็วกว่าปกติ แล้วพยายามดื่มน้ำเติมไว้ให้ร่างกายมากๆ เพราะกลไกทางสรีรวิทยาอย่างหนึ่งเลยก็คือ เมื่อร่างกายขาดน้ำจะเหนื่อยง่ายขึ้น
บางงานต้องบรรยายให้กับผู้ฟัง 3 ชั่วโมงกับไมค์ 1 อันและผู้พูด 1 ปาก
หากไม่เตรียมตัวไว้ให้ดีก็มีหวังต้องป่วยกันไม่คนพูดก็เจ้าภาพแน่เพราะคนบรรยายงอมพระรามเสียแล้ว(โฮ) ซึ่งเรื่องนี้ที่บ้านจะมีสิ่งหนึ่งที่ทำกันอยู่ประจำจะเรียกเทคนิคก็ไม่กล้า เพราะไม่ถึงขั้นนั้นด้วย คุณแม่จะทำน้ำปั่นผลไม้แบบใช้เครื่องปั่นธรรมดาบ้านๆ อย่างนี้ละครับ โดยจะปั่นทั้งกากคือไม่ใส่น้ำแข็งหรือน้ำเชื่อมลงไปปนเอาแต่เนื้อผลไม้ล้วนๆ ลงไปปั่นก็จะได้เป็นครีมข้นๆ แล้วค่อยเอามาทุบน้ำแข็งเติมเข้าไปอีกที หรือถ้าเป็นผลไม้ที่ออกรสจืดก็เติมน้ำผึ้งลงไปนิด
โดยส่วนตัวแล้วชอบน้ำสับปะรดครับ
ค่าที่เป็นผลไม้รสดีแม้บางลูกจะเปรี้ยวแต่เมื่อเอามาปั่นแล้วรับประทานได้ง่ายหมดจดในเวลาไม่นาน นอกจากนั้นสับปะรดยังเป็น “ตัวช่วย” ให้น้ำปั่นผลไม้อย่างอื่นอร่อยกินง่ายไปด้วย โดยเฉพาะชนิดที่มีกลิ่นรสไม่น่าดื่มนักด้วยมีความฝาด, ขม หรือแม้แต่ผักที่ปั่นแล้วมีกลิ่นรสเหม็นเขียวเข้มข้นพอได้ใส่สับปะรดลงไปสักชิ้นสองชิ้นเป็นแก้ได้หมด
ข้อดีของการดื่มน้ำปั่นในหน้าร้อนอย่างนี้ (ที่จริงหน้าไหนก็ปั่นดื่มได้หมด) ก็คือ ช่วยป้องกันอาการขาดน้ำ (Dehydration) ซึ่งทำให้เกิดอาการหมดเรี่ยวแรงไปจนถึงหน้ามืดเพลียแดดและเป็นลมแดดได้ นอกจากนั้นในท่านที่ต้องทำงานออกแดดเสี่ยงภาวะป่วยฉุกเฉินอย่าง “ฮี้ทสโตรค” หรือโรคช็อคแดด ถ้าได้น้ำปั่นดื่มก่อนให้ร่างกายเย็นชื่นใจก็จะช่วยลดความเสี่ยงลงได้มาก
อยู่ใต้ฟ้าเดียวกันต้องช่วยกันครับ
เลยขออนุญาตฝากของดีปั่นได้ไว้เผื่อดับร้อนต่อไปนี้
>>ชื่นใจ! เมื่อได้ปั่นสิ่งต่อไปนี้ดื่ม Summer coolers สไตล์อายุรวัฒน์
1) สับปะรดปั่น เครื่องดื่มประจำบ้านเด็กห้วยขวางอย่างผมและเป็นน้ำปั่นอุดมเส้นใยช่วยดับร้อนด้วยในสับปะรดมีเอนไซม์ที่ช่วยต่อต้านการอักเสบอย่าง “บรอมีเลน” ที่ถ้าปั่น “แกนสับปะรด” เข้าไปด้วยจะได้เอนไซม์ตัวนี้เข้มข้นดีทีเดียวครับ
สูตรนี้ยังเหมาะกับเวลาท่านได้สับปะรดที่เปรี้ยวจัดมาไม่เหมาะกับกินสดก็จัดการสำเร็จโทษมันเป็นชิ้นๆ แล้วเอาลงปั่นพร้อมบีบมะนาวโรยน้ำผึ้งลงไปก็จะได้ความอร่อยลงตัวชื่นใจดีครับ
สำหรับท่านที่ต้องการล้างพิษให้ลำไส้แข็งแรงรับร้อนนี้ในสับปะรดปั่นก็มีเส้นใยอาหารที่ช่วยได้อยู่เพียบแถมยังช่วยให้ท่านรับประทานสับปะรดได้มากกว่าแบบสดที่มักจะกัดปากแกล้งลิ้นจนแตกเป็นแผลได้
2) ใบบัวบก เป็นน้ำคลอโรฟิลล์แบบไทยๆจะใช้ปั่นได้ก็ดีแล้วคั้นกรองเอาน้ำสีเขียวเข้มมาผสมน้ำผึ้งกับมะนาวโดยถ้าให้หนักมะนาวหน่อยจะยิ่งอร่อยครับ จากนั้นเอามาแช่เย็นไว้ในช่องฟรีซสักครู่พอให้อณูน้ำแข็งเริ่มจับผลึกค่อยเอามารับประทานจะได้เป็นวุ้นกำลังดีเหมาะกับหน้าร้อนนี้
โดยในบัวบกมีสารไทรเทอพีนส์ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้หลอดเลือดฝอย และหลอดเลือดดำ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการไหลเวียนเลือดแก้ปัญหาหลอดเลือดดำอ่อนแอ (Chronic venous insufficiency) และยังช่วยป้องกันการอักเสบลดบวมของผิวพรรณที่อาจโดนแดดเผาในหน้านี้ได้
3) เฉาก๊วยปั่น กินสดแบบเป็นเจลลี่นุ่มลิ้นดีก็ได้หรือถ้าให้เพิ่มดีกรีความเย็นเจี๊ยบจับใจก็ต้องปั่นกับน้ำแข็ง ซึ่งเฉาก๊วยหรือซิงเฉาที่คนสิงคโปร์เรียกนี้มีสรรพคุณตามหลักแพทย์แผนดั้งเดิมว่าเป็นของเย็นช่วยดับร้อนได้ดี ซึ่งในหญ้าเฉาก๊วยก็มีสารฟลาโวนอยด์เจ้าเก่าที่เป็นของดีครอบจักรวาลอยู่
ถ้าจะดูให้เหมาะกับหน้าร้อนก็ขอแนะให้นอกจากปั่นเย็นกับน้ำแข็งแล้วก็อาจกินเป็นหวานเย็นใส่ผลไม้เพิ่มลงไปจะได้กินน้ำมากขึ้นอย่างแคนตาลู้ป, เมล่อน, แตงโมหรือแห้วก็ยังได้ โดยลำพังตัววุ้นเฉาก๊วยเองแล้วแคลอรี่น้อยมากครับจึงเหมาะกับท่านที่อยากได้ของหวานสุขภาพในหน้าร้อนที่กินชื่นใจไม่หนักท้องไม่ต้องรู้สึกผิดก็ต้องของดำอย่าง “เฉาก๊วย” นี่เลยครับ
4) พริกหวานปั่น ขอท่านอย่าเพิ่งค้อนว่าอยู่ๆจะให้กิน “น้ำพริก” เพราะที่จริงแล้วไม่ใช่อยู่ดีไม่ว่าดีหรอกครับ แต่สูตรพริกหวานปั่นมีวิตามินที่ช่วยปกป้องความเสื่อมของผิวเราอย่างเข้มข้นโดยเฉพาะพวกแคโรทีนอยด์ที่ช่วยทั้งผิวและจอตา ทั้งยังมี “วิตามินซี” ที่เหมาะกับหนูๆที่มีเส้นเลือดเปราะทั้งเป็นภูมิแพ้โพรงจมูกที่เลือดกำเดาไหลง่าย เพราะการได้วิตามินซีจะช่วยเสริมคอลลาเจนให้เส้นเลือดฝอยได้เป็นอย่างดี
นอกจากนั้นยังมีวิตามินเคที่ช่วยในขั้นตอนการแข็งตัวของเลือดอีกด้วย ซึ่งการปั่นที่ทำให้กินได้ไม่เหม็นเขียวอาจใส่แอปเปิ้ลเขียว, ส้ม, มะนาว หรือสับปะรดลงไปช่วยครับ ขอฝากเทคนิคในการเลือกเอาไว้ในบรรดาพริกหวานทั้ง 3 สีหลักขอให้เลือกสีแดงกับเหลืองให้มากเข้าไว้ เพราะจะได้วิตามินที่ว่ามาเข้มข้นที่สุดครับ
5) ลูกตาลลอยแก้ว จะเอามาปั่นก็ได้หรือกินกับน้ำแข็งเป็นลอยแก้วแบบคลาสสิกก็ได้ เพราะในปาล์มเนื้อใสมีวิตามินซีและแร่ธาตุจำเป็นในคนเสียเหงื่ออย่าง “โพแทสเซียม” อยู่ด้วย โดยในสูตรลอยแก้วนี้ท่านสามารถเปลี่ยนวัตถุดิบให้เป็นส้มเขียวหวานลอยแก้ว,ว่านหางจรเข้, มะยงชิดก็ล้วนเอามาลอยแก้วช่วยดับร้อนได้แล้วแต่ที่จะหาได้
โดยเคล็ดลับการลอยแก้วที่ถ้าไม่อยากใช้น้ำเชื่อมให้หวานเกินไปก็อาจใช้เป็นน้ำผลไม้หรือน้ำสมุนไพรอย่างหญ้าหวานบ้างก็ได้ครับ เป็นต้นว่ามะยงชิดลอยแก้วในน้ำส้มเขียวหวานหรือลูกตาลลอยแก้วใส่น้ำหญ้าหวานรับประทานกับน้ำแข็งบดละเอียดก็เป็นของดับร้อนได้ดีโดยเฉพาะยามที่ออกแดดเสียเหงื่อมาทั้งวันครับ
จะเห็นว่าสูตร “ปั่นเพื่อดับร้อน” นี้พยายามเลือกของที่หาได้ง่ายๆ หรือเดินไปซื้อตามห้างที่ไหนก็ได้หรือถ้าเคยปั่นดื่มกันมาจนเบื่อแล้วจะลองทำเป็นไอศกรีมเกล็ดน้ำแข็งแบบ “กรานิต้า” ดูบ้างก็ได้แค่เอาน้ำผลไม้ใส่ถาดแช่เย็นจนแข็งแล้วเอาส้อมมาขูดให้เป็นเกล็ดหยาบๆใส่แก้วรับประทานไม่อ้วนเหมือนไอศกรีมด้วยครับ ซึ่งที่แนะวัตถุดิบหาง่ายไว้เพราะอยากให้ได้รับประทานกันบ่อยๆ จะดีต่อสุขภาพครับด้วย ที่จริงแล้วควรต้องดื่มเตรียมร่างกายไว้ให้พร้อมอยู่เสมอในห้วงที่ร้อนอบอ้าวครับ
ไม่ต้องรอจนร้อนตัวแตกแล้วค่อยดื่ม
ด้วยเมื่อถึงเวลาพบกับความร้อนแบบสาหัสนั้นมันอาจทำให้เกิดอาการร้อนทำพิษแบบปุบปับขึ้นมาได้โดยเฉพาะกับผู้ที่มีโรคประจำตัว, ผู้สูงวัย หรือหนูเล็กเด็กชายหญิงทั้งหลาย ส่วนในนักกีฬาและท่านที่เข้ายิมเสียเหงื่อมากๆ นั้นถ้าทำสมูทตี้ที่ว่าปั่นอาจหา “เกลือไอโอดีน” เหยาะลงไปสักนิดเพราะเคยมีการศึกษาพบว่าการเสียเหงื่อมากนั้นทำให้ถึงขั้นขาดไอโอดีนได้ ซึ่งถ้าหาวัตถุดิบอะไรมาปั่นไม่ได้จริงๆก็ให้หาน้ำเปล่ามาดื่มเอาไว้ขอให้ดื่มน้ำเติมร่างกายอย่าให้ขาดแล้วท่านจะมีความสามารถสู้ร้อนได้ดีขึ้นซ้ำยังช่วยให้ผิวพรรณไม่ยับย่นเสื่อมเร็วด้วย
ทราบแล้วลองปั่นดูนะครับ
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754