xs
xsm
sm
md
lg

ม่ายสาวไฮโซแซ่บไม่เลิก! “เล็ก-ณพาภรณ์” เปิดบ้านเก่าสุดเลิศ เซเลบกรี๊ดจัดงานแต่ง!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


จากไฮโซสาวโปรไฟล์เริ่ด เล็ก-ณพาภรณ์ โพธิรัตนังกูร ดีกรีนักเรียนอังกฤษ ทายาทรุ่น 3 แห่งอาณาจักรปาร์คนายเลิศ เจ้าของตำแหน่งปาร์ตี้เกิร์ลตัวแม่ แต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดขั้นสุด จนได้รับฉายาว่า “ปารีส ฮิลตัน เมืองไทย” เมื่อแต่งงานก็อลังการงานสร้างระดับวิวาห์พันล้าน สู่สถานะปัจจุบันหย่าร้าง เธอก็ยังแซ่บไม่เลิก

ตลอดเวลา 5 ปีที่ผ่านมา เธอแอบทุ่มเทให้กับการบูรณะปฏิสังขรณ์มรดกบ้านเรือนไม้เก่าอายุ 100 ปี นามว่า บ้านปาร์คนายเลิศ (Nai Lert Park Heritage Home) สานต่อปณิธานของบรรพบุรุษ บวกปิ๊งไอเดียเปิดเป็นสถานที่บริการจัดเลี้ยงด้วย

คู่บ่าวสาวไฮโซดารา อย่าง เอมมี่กับเจมส์, มัดหมี่กับสัว เรียงคิวประเดิมเปิดซิงตั้งแต่ยังไม่เปิดเป็นทางการ พอหลังกลางเดือนธันวาคม พ.ศ. 2558 เปิดจริงจังแล้ว คิวแน่นเอี๊ยด อีกคู่รักเซเลบดารา อย่าง เจนสุดากับพอล ก็จัดทั้งงานหมั้น- รดน้ำ-ฉลองมงคลสมรส

หมดวัยเบื่อเที่ยว เพิ่งจริงจังทำงาน 3-4 ปีมานี้

“เล็กไปเรียนที่อังกฤษมา 10 ปี กลับไทยตอนอายุ 22 ปี ตอนเล็กกลับมาจากอังกฤษใหม่ๆ เที่ยวแหลกลาญ 7-8 ปี ไม่เช้าไม่กลับ สมัยนั้นผับบาร์ปิดตี 5 การแต่งตัวของเราก็ใช่ย่อย ซิ่งซะขนาดนั้น ออกงานสังคมก็ออกไปกับเพื่อนผู้ชายทั้งนั้น ภาพที่ออกมาเลยดูแรง เล็กมีเพื่อนผู้หญิงน้อย สไตล์เล็กไม่ผู้ญิ๊งผู้หญิง เล็กไม่มีเวลานั่งเม้าท์เจ๊าะแจ๊ะ ทำไม่เป็นตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว และไม่ค่อยสนใครเป็นไง เรารู้อยู่แก่ใจว่าเราทำอะไร

เล็กไม่คิดว่าการเที่ยวของเล็กผิด เพราะไม่ได้เบียดเบียนใคร เราเที่ยวของเราเอง พ่อแม่ก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ถ้ามากไป พ่อแม่ก็เตือนเยอะไปแล้วนะ บ้านเล็กไม่ห้ามกัน เพราะรู้ว่ายิ่งห้ามยิ่งยุ” ณพาภรณ์ โพธิรัตนังกูร หรือเรียกกันว่าคุณหนูเล็ก บ้าง คุณน้องเล็ก บ้าง บอกผู้จัดการ Lite ว่าอยู่ๆ ก็เบื่อเที่ยวไปเอง

เล็กเบื่อไปเอง มันเป็นวัย ไม่มีใครมาสั่งว่าเธอต้องมาทำโรงแรมแล้วนะ เล็กเพิ่งเริ่มจริงจังกับการทำงานเมื่อ 3-4 ปีมานี้เอง สนุกกับการทำงานมาก ชอบตื่นมาเจอกับปัญหา

ปัจจุบันสาวมั่นหุ่นเป๊ะปังคุณเล็กคนนี้ ทำหน้าที่หัวเรือหลักในการบริหารสานต่อธุรกิจโรงแรมของคุณยาย-ท่านผู้หญิงเลอศักดิ์ สมบัติศิริ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมหญิงคนแรกของไทย ซึ่งเป็นบุตรีของพระยาภักดีนรเศรษฐ หรือนายเลิศ เศรษฐบุตร อดีตพ่อค้านักธุรกิจชื่อดัง มีชื่อเสียงในเรื่องการพัฒนาระบบขนส่งทางบก คนทั่วไปรู้จักกันดีในชื่อ ‘รถเมล์ขาว’ ถือว่าเป็นต้นแบบของการพัฒนาระบบรถโดยสารสาธารณะของประเทศไทย

ขนไม้สักต่อเรือมาสร้างบ้าน อาศัย 2-3 เจเนอเรชัน

“บ้านนี้ 100 ปีแล้ว ก็เลยมีหลายเจเนอเรชันอยู่กันมา” คุณเล็กเล่าประวัติความเป็นมาของบ้านปาร์คนายเลิศ

“จริงๆ แล้ว เป็นบ้านตากอากาศ เพราะสมัยก่อนพื้นที่ตรงนี้ไม่ใช่ใจกลางกรุงเทพฯ เป็นทุ่งนามีคลอง สมัยนั้นคุณทวดนายเลิศอยู่เจริญกรุง และกว่าจะเดินทางมาถึงตรงนี้ใช้เวลาครึ่งวัน มาเดือนละครั้ง พื้นที่ตรงนี้ยาวไปถึงพื้นที่โรงแรมเป็นอู่จอดรถเมล์ขาว 100 กว่าคัน

คุณทวดทำธุรกิจหลายอย่าง โรงน้ำแข็ง มีโรงแรม 7 ห้อง มีขายสินค้านำเข้าอย่าง พวกชีส ไวน์ วิสกี้ เปิดบาร์ด้วย เป็นบาร์แรกที่มีวิสกี้ออนเดอะร็อค เจริญกรุงเริ่มแออัดแล้ว ประกอบกับคุณหญิงสิน (คุณหญิงภักดีนรเศรษฐ หรือคุณหญิงสิน เศรษฐบุตร ผู้เป็นภรรยา) สุขภาพไม่ดี คุณทวดก็เลยย้ายครอบครัวมาที่นี่”

โดยนำไม้สักที่เหลือจาการต่อเรือมาสร้างบ้าน

“แต่ก่อนคุณทวดเคยมีอู่ต่อเรือซึ่งต่อเรือให้กับชาวเดนมาร์กแต่ธุรกิจไปไม่รอด ก็มีไม้สักเหลือเยอะ คุณทวดก็เลยเอามาสร้างบ้าน

คุณทวดใช้ถ่านขีดเองที่พื้น อยากได้ตรงไหน บอกช่าง คุณทวดเป็นคนที่อ่านหนังสือเยอะ อย่างที่เห็นในตู้ จะเห็นเลยว่ามีหนังสือต่างประเทศเยอะมาก คุณทวดอ่านเยอะก็ได้ความรู้เยอะ นำมาปรับใช้ในชีวิตจริง คุณทวดไม่ได้เรียนอะไรมามากมาย แต่เรียนรู้ด้วยตัวเอง”

หากใครไปเยี่ยมชม จะเห็นพื้นบ้านที่ทำจากไม้สักเหลาเอง มีลักษณะใช้สันตะแคงขึ้น พากันเรียกว่า ‘ปาร์เกต์นายเลิศ’

“ได้บ้านแฝดสองหลัง แต่ตอนสงครามโลกครั้งที่ 2 พ.ศ.2484 ระเบิดลง 22 ลูก บ้านเรือนหน้าพลิกทั้งหลัง หายไปหมดเลย”

แต่แทนที่มานั่งเศร้าโศกเสียใจไร้พลัง คุณทวดนายเลิศกลับเนรมิตหลุมใหญ่ที่โดนระเบิดถล่มเป็นสระบัวสวยงามแทนซะเลย ส่วนบ้านก็สร้างใหม่

“คุณทวดบอกไม่เป็นไร เดี๋ยวสร้างใหม่ ท่านสร้างเสร็จปุ๊บ ไม่กี่เดือนท่านก็เสีย ท่านเสีย 15 ธันวาคม พ.ศ. 2488”

ท่านผู้หญิงเลอศักดิ์ สมบัติศิริและคุณพินิจ สมบัติศิริ ก็อาศัยต่อจวบจนวาระสุดท้ายของชีวิต

“คุณยายคุณตามีลูกสองคนคือ คุณป้ากับคุณแม่ ก็อยู่กันตั้งแต่เด็กจนโตแต่งงานย้ายออกไป” คุณแม่ของคุณเล็กชื่อ สัณหพิศ โพธิรัตนังกูร และคุณพ่อชื่อ ร.ท.ชุติภัทร โพธิรัตนังกูร

“เล็กไม่ทันคุณทวด แต่เล็กอยู่กับคุณยาย ตอนเรียนมาแตร์ ระหว่างวันมาทานข้าวกับคุณยาย ตกเย็นเลิกเรียนก็มาวิ่งเล่น เรียนอังกฤษกลับมา ก็มาคลุกคลีกับคุณยายค่อนข้างเยอะ”

จึงซึมซับนิสัยการทำงานชอบบริหารจัดการมาจากท่านผู้หญิงเลอศักดิ์

หลังจากคุณยายเสียเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ครอบครัวก็เลยมานั่งคิดกันว่าเอาบ้านนี้มาทำอะไรต่อดี เพราะไม่มีคนอยู่แล้ว คุณยายกับคุณทวดเกิดมาเหมือนเป็นผู้ให้ เป็นคนของสังคม ฉะนั้นน่าตอบโจทย์ที่ท่านเป็นท่าน คุณแม่เป็นหัวเรือใหญ่เลยว่าเราควรปรับปรุงบ้านนี้ และเปิดให้คนนอกเข้ามาชมได้ เพื่อเป็นมรดกของประเทศไทยต่อไป

คุณเล็กเล่าถึงสิ่งที่คุณยายพูดบ่อยๆ ว่า

คุณยายอยากให้คนรุ่นใหม่ appreciate วัฒนธรรมไทย ตอนนี้ด้วยเทคโนโลยี โลกเปลี่ยนไปเยอะ และเปลี่ยนไปเร็ว เด็กรุ่นใหม่ๆ อาจไม่รู้จริงหรือลืมการที่เราเกิดเป็นคนไทย

รีโนเวตงานหิน ดีดบ้าน จัดระบบเก็บของเก่า สร้างร้านอาหาร

“ตอนแรกนึกว่าทำกันเล็กๆ น้อยๆ รีโนเวต (renovate) นิดหน่อย ก็เปิดให้คนเข้ามาชม แต่ที่ไหนได้…” คุณเล็กเผยว่าต้องคิดเยอะ พอคิดเยอะ ก็ต้องทำเยอะ

“นอกจากเอารถ เอาเรือ ทุกสิ่งที่คุณทวดสร้างมารวมตัวอยู่ที่นี่แล้ว เอาไงต่อ หนึ่ง-เริ่มเก็บของ เพราะเราต้องรีโนเวทบ้าน ช่างเข้ามาเยอะแยะไปหมด ต้องเก็บของ ทั้งของสะสม ของใช้ ของประดับบ้าน ใช้เวลาเก็บรวบรวมจัดเป็นเวลาหลายเดือน ต้องทำรายการ ระบบจัดเก็บ ชิ้นไหนเอามาลงทะเบียน ชิ้นไหนมูลค่าเท่าไร ทั้งหมดนับได้เกือบ 3 หมื่นชิ้น”

อีกงานหินคือ ต้องดีดบ้านเก่าให้สูงขึ้น และต้องหาช่างผู้เชี่ยวชาญบ้านไทยโบราณเท่านั้น

“ถ้าคนเข้ามาเยอะๆ มีจัดงานจัดเลี้ยง บ้านรับน้ำหนักไม่ไหว และแถวนี้สร้างตึกสูงเยอะแยะไปหมด ดินก็ทรุดลง เราก็เลยต้องดีดบ้านขึ้น 2 ฟุต หรือ 90 ซม.ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่มาก ต้องหาช่างที่ชำนาญจริงๆ ช่างฝรั่งไม่มีทาง เพราะเขาไม่รู้ ในที่สุดได้ช่างจากอยุธยา

ต้องทำให้ดีไปเลยทีเดียว ดีดบ้านขึ้นแล้ว ทำฐาน ทำเสาใหม่ที่แข็งแรงมากขึ้น เอาปูนครอบอันเก่าไว้ ใช้เวลาเกือบ 1 ปี”

ขาดไม่ได้เด็ดขาดคือ วัฒนธรรมไทยด้านอาหาร ซึ่งบ่งบอกความเป็นครอบครัวของเธออย่างแท้จริง

“ในเมื่อจะเปิดตรงนี้ให้เป็นวัฒนธรรมไทยทั้งหมด ต้องมีเรื่องอาหารเข้ามาด้วย ไม่ใช่มีแต่บ้านขึ้นมา เพราะบ้านเล็กให้ความสำคัญกับการกินมาก ก็เอาเมนูที่คุณหญิงสินเคยคิดขึ้นมา อาหารต่างๆ ที่คุณตาคุณยายชอบ”

ไม่ใช่อาหารไทยชาววัง หากเป็นอาหารไทยแบบบ้านๆ ที่บรรพบุรุษของเธอทำกินกันเองในบ้าน รสชาติไทยแท้ แต่ตั้งชื่อร้านเป็นภาษาฝรั่งเศส “มา เมซอง (Ma Maison)” แปลว่าบ้านของฉัน

“คนก็งง ถามทำไมชื่อนี้ เมื่อ 35 ปีที่แล้วในโรงแรมมีร้านอาหารฝรั่งเศสชื่อนี้ แต่ปิดไปเมื่อ 6 ปีที่แล้ว

ตอนแรกเราก็คิดกันใหญ่ ตั้งชื่ออะไรดี ‘เลิศรส’ ‘รสเลิศ’ สรุปหยุดคิด ในเมื่อจะทำสิ่งที่คุณทวดทำไว้ ก็เอาสิ่งที่ท่านคิดไว้สร้างไว้ เอามารวมตัวกัน จึงนำชื่อมาเมซองกลับมาใช้”

ปิ๊งไอเดียจัดเลี้ยง กลายเป็นสถานที่ฮอตฮิตในหมู่เซเลบ

“เพราะเดี๋ยวนี้คนหาสถานที่ที่มีโลเกชั่นแบบนี้เยอะ” คุณเล็กพูดเลยว่าลูกค้าเบื่อห้องสี่เหลี่ยมในโรงแรม

“ตามไลฟ์สไตล์คนตอนนี้ค่ะ คู่บ่าวสาวเบื่อจัดงานแต่งในห้องบอลลูมในโรงแรม มีหลายคู่ถามจัดบอลลูมเหมือนแบบอยู่ในป่าได้มั้ย คู่บ่าวสาวยุคนี้ต้องมีธีม เราก็เลยคิดว่ามีตลาดตรงนี้พอสมควรเลยที่คนต้องการอะไรใหม่ๆ และทำเลของเรามาง่ายด้วย อยู่ใจกลางกรุง และเรามีฟาซิลิตี้อยู่แล้ว คือ โรงแรม ถ้าไม่ทำ มันคงน่าเสียดาย”

บริการพื้นที่จัดเลี้ยง 2 โซน บริเวณสนามสวนสวย พร้อมกางเต็นท์ขนาดมหึมา จุคนได้ 400-500 คน และบนบ้านเรือนไทยไม้สัก รับแขกได้ 100-150 คน

“จัดงานในเต็นท์จะทำยังไงก็ได้ตามสบาย แต่ถ้าบนบ้าน ต้องขอเลือกงานนิดนึง อยากให้คนที่มาจัดงานเคารพสถานที่นิดนึงว่าเป็นไม้สัก จะมาตอกมาแปะอะไรไม่ได้ กฎค่อนข้างเยอะแต่จำเป็นที่จะต้องเยอะ ไม่ใช่โรงแรมที่จะทำอะไรก็ได้”

เห็นได้ว่าคู่บ่าวสาวเซเลบดาราที่แต่งงานในรอบ 2-3 เดือนนี้แห่นิยมไปจัดงาน ณ บ้านปาร์คนายเลิศหรูเรียบแห่งนี้

“เล็กไม่ได้สกรีนเฉพาะเซเลบ แต่อาจด้วยราคาที่สกรีนไปในตัว ราคาจัดงานในเต็นท์ไม่ถูก จัดที่โรงแรมถูกกว่า แต่ด้วยบรรยากาศไม่มีที่ไหนอีกแล้ว

ค่าเช่าบนบ้านจัดงานก็ไม่ถูก แต่สุดท้ายก็เท่าๆ กับการที่โรงแรม เพราะจัดโรงแรม คุณต้องถมดอกไม้เข้าไปเยอะมาก เพราะตรงนี้มันสวยของมันอยู่แล้ว เล็กบอกให้เซลล์บอกทุกคู่เลยว่าไม่ต้องใส่อะไรมากจะสวยกว่า มีอยู่ 2-3 งานที่ถมเข้าไปเหมือนกัน แล้วมันออกมาไม่สวยเท่ากับความเรียบง่ายที่เป็นอยู่ แค่ใส่เล็กๆ น้อยๆ จะสวยกว่า”

เปิดบ้านให้ทัศนศึกษา รายได้เข้ามูลนิธิ

จะเข้าชมภายในบ้านไม้สักปาร์คนายเลิศ ต้องซื้อบัตร ราคาสำหรับคนต่างชาติ 1,000 บาท, คนไทย 500 บาท, นิสิตนักศึกษา 100 บาท

“อยากทำตรงนี้ให้เป็นเพื่อการศึกษาด้วย มีไกด์ทั้งภาษาไทยภาษาอังกฤษ เพื่อให้คนรู้ประวัติอย่างแท้จริง คนที่เข้ามาบ้านนี้ ต้องเป็นคนที่ appreciate ยอมรับค่ะว่า 500 บาทแพง มีคนมายืนที่ขายตั๋ว บอกแพงอ่ะ แต่ก็ซื้อ ชมไปครึ่งทาง ไปขอโทษไกด์ พี่ๆ ขอโทษนะที่เมื่อกี้บอกแพง ผมรู้สึกคุ้มมาก ผมได้อะไรกลับไปเยอะมาก

คนที่เข้ามาชมมีหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นคนที่อยากรู้เรื่องบุคคล คือ นายเลิศ คุณหญิงสิน ท่านผู้หญิงเลอศักดิ์ ทำอะไรกันมา เอามาเป็นแรงบันดาลใจ หรือบางคนอยากมารู้สถาปัตยกรรม เรามีวีดิโอฉายวิธีการดีดบ้านที่ใต้ถุนบ้าน ดีดบ้านทำยังไง บ้านไทยทำยังไง เข้ามุมเข้าฉากยังไงอย่างละเอียดเลย

บางคนอยากมาแค่ถ่ายรูปสวยๆ หรือบางคนอยากมาดูต้นไม้ ประวัติต้นไม้ รากยาวขนาดไหน ต้นไม้มากับที่ดินตอนแรกเลยค่ะ และเราใส่เพิ่มเข้าไปอีก ทำ landscape ใหม่ บางคนก็อยากดูรถเมล์ขาวที่เคยขึ้นมา”

เปิดให้เข้าชมเฉพาะพฤหัส กับศุกร์ วันละ 3 รอบ 11.00, 14.00, และ 16.00 น.

“จำกัดแค่สองวัน ไม่ได้อยากทำตัวหยิ่ง แต่วันที่เหลือ เราต้องดูแลรักษาไม่ให้บ้านโทรม เงินค่าบัตรที่คนซื้อเข้าชม เราก็เอาเข้ามูลนิธิที่คุณทวดสร้างมา อย่าง โรงเรียนเศรษฐบุตรบำเพ็ญ โรงพยาบาลเลิดสินที่คุณทวดสร้างและยกให้รัฐบาล”

สังเกตว่าทุกมุมบนบ้านไม่มีเชือกกั้น ไม่มีป้ายห้ามเข้า หรือห้ามถ่ายรูปใดๆ ทั้งสิ้น

“อยากให้คนเห็นของจริงของแท้ บ้านของเรา เราหวงนะ แต่ยังไงก็เป็นบ้านที่จับต้องได้ อยากให้คน appreciate ตรงนี้ ไม่ใช่ว่าเปิดบ้านปุ๊บ มีเชือกแดงกั้นเต็มไปหมดเลย ตั้งป้ายห้ามถ่ายรูป ห้ามไม่ให้เข้าตรงนี้ ห้ามไม่ให้เดินตรงนั้น ไหนๆ เราคิดกันแล้วว่าเปิดให้คนเข้ามาชม เพราะฉะนั้นใครอยากลองนั่งตรงนี้ เซลฟี่ตรงนั้น ได้หมด แต่อย่าทำของเราพังล่ะกัน ที่เราเอาออกมาโชว์ทั้งหมดเป็นของเก่าทั้งนั้น ไม่ใช่ของที่ทำเลียนแบบของเก่าเพื่อเอามาตั้งโชว์ใหม่

เล็กอยากให้คนที่มามองเห็นว่านี่คือบ้านปาร์คนายเลิศ อยู่กันมายังไง ตอนนี้ก็เป็นอย่างนั้น ความเก่ามันเก่าได้ทั้งนั้นแหล่ะ แต่เก่าและขลัง จับต้องได้ รู้สึกถึงพลังของมันได้ ทุกคนที่เข้ามาชมจะบอกว่ารู้สึกถึงความขลังของบ้าน

ปาร์คนายเลิศคือ ความเรียบง่าย

ทว่าบางคนก็วิจารณ์ เอ๊ะ ที่เขี่ยบุหรี่ธรรมดายังเอามาโชว์อีก

“ใช่ ที่เขี่ยบุหรี่ไม่อลังการหรูหรา แต่เราพอใจของเราตรงนี้ มันคือความชอบส่วนบุคคล แล้วเราเก็บมาเพื่อเอามาบอกต่อว่าสมัยก่อนอยู่กันมาแบบนี้ก็มีความสุข อยากให้คนรู้ว่าการที่เราอยู่อย่างสบายหรืออย่างหรูหรา มาจากพื้นฐานที่เรียบง่ายก็ได้

เราเอากลับมาให้เห็นว่านายเลิศอยู่ยังไง ความเป็นปาร์คนายเลิศสำหรับเล็ก คือ อยู่กินอย่างเรียบง่าย ติดดิน ไม่ใช่หวือหวาอลังการ เสาปิดทอง คุณยายเคยบอกเล็กว่าความหรูหรามากับความเรียบง่าย อย่างห้องนอนคุณยายเป็นห้องนอนเล็กๆ นอนเตียงเดี่ยวกับหมาหนึ่งตัว การที่เราเรียบง่ายทำให้เรารู้จักคุณค่าของเงิน และคุณค่าของชีวิต ไม่ต้องเป็นเพ้นท์เฮ้าส์ใหญ่โต ซึ่งไม่ใช่ปาร์คนายเลิศแน่นอน

คุณเล็กในฐานะผู้บริหารโรงแรมคนปัจจุบัน มีคนถามเธอว่าทำไมไม่ขยายธุรกิจให้ใหญ่กว่านี้

ทำไมไม่ไปแข่งกับคนอื่นล่ะ คำตอบของเล็กคือ เล็กแข่งกับตัวเอง ทำสิ่งที่ตั้งใจให้อยู่นานที่สุด ดูแลรักษาให้ดีที่สุด เราเอาบ้านที่เก็บไว้ 100 ปี ออกมาเผยแพร่ เล่าให้คนรุ่นใหม่ได้ฟัง อันนี้มีคุณค่ากับบ้านของเล็กแล้ว” และเธอก็ทิ้งท้ายว่า

บ้านอยู่มา 100 ปี เราจะให้อยู่ไปอีกหลายร้อยปี

ประวัติ

ชื่อ : ณพาภรณ์ โพธิรัตนังกูร

อายุ : 35 ปี

การศึกษา : ประถมศึกษา โรงเรียนมาแตร์ เดอี วิทยาลัย, ปริญญาตรี Hotel Management จาก Surrey University อังกฤษ, ประกาศนียบัตร ด้านแฟชั่น ดีไซน์ จากนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา

ตำแหน่ง : กรรมการผู้จัดการโรงแรมสวิสโฮเต็ล ปาร์ค นายเลิศ (Swissotel Nai Lert Park Hotel)




โดย ผู้จัดการ Lite

เรื่อง: เกิดศิริ

ภาพ: ปวริศร์ แพงราช



มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram

"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!


และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754



กำลังโหลดความคิดเห็น