กรณีชายไทยนิรนามดับอนาถ ถูกไฟฟ้าดูดตายคาโคนเสาติดตั้งกล้องวงจรปิด และอดีตสส.พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาจวกกทม. ว่าไร้ประสิทธิภาพ แนะญาติฟ้องกทม.และบริษัทที่ติดตั้ง
เรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็นใหม่ หากเป็นปัญหาซ้ำซาก ที่ชาวกทม.มักประสบเนืองๆ อาทิ ฝาท่อเปิดทิ้งไว้ ทางเท้าที่เดินไม่ได้ ฯลฯ ก่อให้เกิดอันตรายพลัดตกหกล้มบาดเจ็บ
ในฐานะประชาชนคนเดินดินต้องใช้ชีวิตประจำวันในกรุงเทพฯ ทุกวัน หากโชคร้ายต้องประสบเหตุการณ์สยองเสียวเยี่ยงนี้ สามารถฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายได้อย่างไร? มีหน่วยงานไหนรับผิดชอบบ้าง?
เหยื่อผู้เคราะร้าย ดับเพราะไฟดูดจริง
ชายเร่ร่อนผู้เคราะห์ร้ายเสียชีวิตในสภาพนั่งคุกเข่ามือทั้งสองข้างจับเสาติดตั้งกล้องวงจรปิดรหัส 1231 CM 1-BE-139-C01ปากซอยพหลโยธิน 47 ถนนพหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม.
มือทั้งสองข้างของเขามีบาดแผลดำไหม้เกรียมคล้ายถูกไฟฟ้าช็อต
“หลังตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พบผู้ตายอายุประมาณ 35-40 ปี ไม่มีบัตรหรือเอกสารแจ้งชื่อ ลักษณะภายนอกดูคล้ายเป็นชายเร่ร่อน อยู่ในชุดเสื้อยืดสีเขียว กางเกงฟุตบอลขาสั้นสีส้ม ไม่สวมรองเท้า ข้างตัวมีถุงพลาสติกหูหิ้วใส่เสื้อผ้า 3 ชุด สำนวนการสอบสวนขณะนี้สอบปากคำพยานแวดล้อมที่เข้าไปช่วยเหลือ พบชายคนดังกล่าวเสียชีวิตไปก่อนหน้าแล้ว เหลือเพียงสอบปากคำเพิ่มเติมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งรอผลชันสูตรศพจากสถาบันนิติเวชฯรพ.ตร. หากสำนวนเสร็จสิ้นจะส่งให้ผู้บังคับบัญชาตรวจสอบอีกครั้ง” ร.ต.ท.ณัฐพล รัตนสุภาพงศ์ พงส.สน.บางเขน เจ้าของคดี กล่าวต่อว่า
“ส่วนสาเหตุของการเสียชีวิตขึ้นอยู่กับผลการชันสูตรพลิกศพของสถาบันนิติเวชฯรพ.ตร.ว่าเกิดจากสาเหตุใดหากเกิดจากไฟฟ้าช็อต ญาติผู้ตายสามารถฟ้องร้องหน่วยงานที่รับผิดชอบได้ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีผู้ใดมาแสดงตัวว่าเป็นญาติของผู้เสียชีวิต”
ขณะที่ พล.ต.ต.พรชัย สุธีรคุณ ผบก.สถาบันนิติเวชฯรพ.ตร. กล่าวด้วยว่า
“จากการผ่าชันสูตรศพหาสาเหตุการตายเบื้องต้นพบผู้ตายหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันจากกระแสไฟฟ้าดูด ผลการชันสูตรอย่างละเอียดคงต้องใช้เวลาประมาณ 1-2 วัน ส่วนการระบุชื่อผู้ เสียชีวิต อยู่ระหว่างตรวจประวัติทางทันตกรรมและลายนิ้วมือเพื่อยืนยันอัตตลักษณะบุคคล ขณะนี้ยังไม่มีญาติของผู้เสียชีวิตมาติดต่อแสดงตัวแต่อย่างใด”
ใครคือผู้ร้ายไฟรั่ว เสาติดตั้ง CCTVหรือเสาไฟฟ้า
ชาวบ้านที่อาศัยในละแวกพหลโยธินต่างยืนยัน ว่าเสาต้นดังกล่าวมีกระแสไฟฟ้ารั่วเคยแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบ
“เสากล้องวงจรปิดจุดเกิดเหตุ เคยได้รับแจ้งเมื่อวันที่ 25 ก.ย.58 ว่าเกิดกระแสไฟฟ้ารั่ว สจส. (สำนักการจราจรและขนส่ง) เข้าตรวจสอบในวันที่ 28 ก.ย.58 ไม่พบปัญหาใดๆ และกล้องยังใช้งานได้ตามปกติ กระทั่งมาเกิดเหตุการณ์ ในการติดตั้งกล้องวงจรปิดพนักงานและผู้รับเหมาดำเนินการตรวจสอบความพร้อมอย่างสม่ำเสมอ” ทวีศักดิ์ เลิศประพันธ์ ผอ.สจส. เผยต่อว่า
“ยังไม่แน่ใจว่าผู้เสียชีวิตรายนี้ถูกไฟฟ้าช็อตจากการรั่วของไฟฟ้าที่เสาไฟหรือจากเสาติดตั้งกล้องวงจรปิด เนื่องจากเสาทั้งสองอยู่ติดกัน อีกทั้งกล้องวงจรปิดตัวดังกล่าวยังทำงานปกติ อยู่ระหว่างการหารือและตรวจสอบร่วมกับการไฟฟ้านครหลวง ผู้แทน สจส. ผู้รับเหมาติดตั้งกล้อง วิศกรไฟฟ้า รวมทั้งรอผลชันสูตรจากสถาบันนิติเวชฯ รพ.ตร.ด้วย การติดตั้งเสากล้องวงจรปิดทุกครั้งต้องได้รับการตรวจสอบและรับรองมาตรฐานจากการไฟฟ้านครหลวง นอกจากนี้มีการเดินสายไฟใต้ดิน ความผิดพลาดที่กระแสไฟฟ้าจะรั่วจากเสากล้องวงจรปิดมีน้อย”
อดีตสส.ปชป.อัดกทม. แนะญาติคนตายฟ้องเรียกค่าเสียหาย
ขณะเดียวกัน วัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคปชป. กล่าวว่า เป็นความไร้ประสิทธิภาพของกทม. ที่ปล่อยปละละเลยให้มีกระแสไฟฟ้ารั่วจากเสากล้อง CCTV เพราะประชาชนในย่านนั้น ยืนยันได้แจ้งสำนักงานเขตจตุจักรมานานแล้ว แต่ไม่ได้รับการแก้ไขใดๆทั้งสิ้น แม้ว่าผู้ตายเป็นคนเร่ร่อนก็ตาม แต่ศักดิ์ศรีในความเป็นมนุษย์ ก็เท่าเทียมกับผู้ว่ากทม.เช่นกัน ทางญาติพี่น้องสามารถฟ้องกทม. และบริษัทที่ติดตั้งกล้อง CCTV เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายเยียวยาได้
“ที่ผ่านมา ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ใช้สโลแกนว่า ทั้งชีวิตเราดูแล แต่ครั้งนี้คน กทม.ตายเพราะไฟฟ้ารั่วจากเสากล้องวงจรปิดของ กทม. อยากรู้ว่า กทม.จะดูแลรับผิดชอบอย่างไรและจะตรวจสอบไฟฟ้ารั่วของสถานที่ กทม.รับผิดชอบทุกแห่งหรือไม่ ทางที่ดีผู้ว่าฯ กทม.และ ผอ.เขตทุกเขตควรไปเดินลูบเสากล้องวงจรปิดทุกเสา ตรวจสอบว่ามีไฟฟ้ารั่วอยู่หรือไม่ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับชาว กทม.และควรทดสอบด้วยว่ากล้องวงจรปิดที่ติดตั้งนั้น ใช้การได้จริงทุกจุดหรือไม่ ชาว กทม.เขาเลือกผู้ว่าฯ กทม.ให้เข้าไปทำงานเพราะลงสมัครในนามพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อได้เป็นแล้วอย่าหลงว่าสอบได้เพราะตัวเอง”
เพิ่งเกิดเคสหนุ่มตกท่อ ผู้ว่าฯบอกไม่มีระเบียบราชการเยียวยา
คงจำกันได้เมื่อกลางเดือนธันวาคม 2558 ที่ผ่านมาไม่นานนี้เอง กรณีหนุ่มคนหนึ่ง ตกท่อระบายน้ำหน้ามหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม ขณะที่เกิดลงจากรถ จนทำให้เกิดแผลขนาดใหญ่ที่ขาข้างขวา 3 แผล และเย็บไปกว่า 100 เข็ม จึงนำหลักฐานและใบรับรองแพทย์ไปแจ้งความที่ สน.พหลโยธินแล้ว อยากให้ กทม. เข้ามาเยียวยาจ่ายค่ารักษาพยาบาล และเหตุที่ตนต้องหยุดงานจากเหตุการณ์นี้ด้วย
แต่ข้อมูลที่ทั้งหนุ่มผู้โชคร้ายและประชาชนทั้งกรุงเทพฯ ต้องอึ้งคือ
“ตนรู้สึกเป็นห่วง” ผู้สื่อข่าวรายงานถึงสิ่งที่ผู้ว่าฯ กล่าวเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2558
“แต่ทางระเบียบราชการแล้วไม่ได้มีข้อกำหนดในการมอบเงินช่วยเหลือเยียวยาแต่อย่างใด ซึ่งทาง กทม.เองก็ต้องยึดตามระเบียบราชการดังเช่นหน่วยงานอื่น ๆ และหากจะจ่ายเงินนอกเหนือกฎหมายที่มีก็อาจจะถือว่าเป็นการผิดระเบียบทางราชการ ชี้หากต้องการเรียกร้องใด ๆ ให้ดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมายแทน”
ไม่อยู่ในระเบียบราชการ แต่อยู่ในประมวลกม.
“ไม่อยู่ในระเบียบราชการ แต่อยู่ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งบังคับใช้โดยทั่วไปสำหรับประชาชนอยู่แล้ว
ดังนั้นกทม.ไม่มีทางที่จะเลี่ยง มีแนวคำพิพากษาของศาลปกครองตัดสิยเยอะแยะไปหมดเลย ท่อที่เปิดทิ้งไว้ แสงสว่างไม่พอ รถวิ่งไปตกถนนอะไรต่างๆ มีทั้งวินิจฉัยว่าให้กทม.รับผิดชอบ หรือกรมทางหลวงรับผิดชอบ มันอยู่ที่ว่าสถานที่นั้นอยู่ในความควบคุม กำกับดูแลโดยหน่วยงานใด หน่วงงานนั้นต้องรับผิดชอบ”
ทนายความขั้นเทพ สุวัตร อภัยภักดิ์ แห่งสำนักงานกฎหมาย บัญชีและธุรกิจอรุณอมรินทร์ จำกัด และที่ปรึกษากฎหมายให้กับองค์กรใหญ่ๆ มากมาย กล่าวกับผู้จัดการ Live ถึงกรณีหนุ่มเร่ร่อนไฟดูดตายคาเสากล้องวงจรปิดว่า
“เบื้องต้นตอบไว้ก่อนเลยว่ากทม.ต้องเป็นคนรับผิดชอบ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา437 ซึ่งบัญญัติไว้ว่าบุคคลใดควบคุมหรือครอบครองยานพาหนะอย่างหนึ่งอย่างใด อันเดินด้วยเครื่องจักรกล บุคคลนั้นต้องรับผิดชอบความเสียหายอันเกิดจากยานพาหนะนั้น เว้นแต่พิสูจน์ได้ว่าความเสียหายนั้นเกิดจากเหตุสุดวิสัย หรือเกิดเพราะความผิดของผู้เสียหายเอง
กล้อง CCTV วงจรปิด ปกติไม่เกิดอันตรายโดยสภาพ แต่มันต้องมีกระแสไฟไปเลี้ยง ดังนั้นเมื่อกระแสไฟรั่ว กทม.ต้องรับผิด เว้นแต่กทม.พิสูจน์ได้ว่าความเสียหายนั้นเกิดจากเหตุสุดวิสัย Act oF God เช่น ฝนตก น้ำท่วม ฟ้าผ่า การกระทำของธรรมชาติ
หากพิสูจน์ไม่ได้ว่าเกิดจากเหตุสุดวิสัย หรือเกิดเพราะความผิดของผู้เสียหายเอง คือ เสาอยู่ของมันดีๆ คุณไปแคะไปคุ้ย หรือไปต่อไปเดินสายไฟใต้ดินช็อต คุณตาย เกิดจากการกระทำของผู้เสียหายเอง อย่างนี้กทม.ไม่ต้องรับผิดชอบ
แต่กรณีนี้ข้อเท็จจริงปรากฎว่าเสาก็อยู่ของเสา คนนี้ไปเกาะเสาและถูกไฟช็อตตาย แสดงว่ากทม.กระทำการโดยประมาทเลินเล่อ
กล้อง CCTVใช้ไฟ 220 แต่เวลาก่อนจะถึงกล้อง มันต้องมี adapter 110 ต่อกรณีนี้ไฟอาจรั่วก่อนถึง adapter ถึงช็อตคนตายได้ ดังนั้นกทม.ต้องรับผิดชอบ เพราะกล้องวงจรปิดเป็นของกทม. กระแสไฟฟ้าที่เข้ากล้องวงจรปิด กทม.เป็นผู้ครอบครองและควบคุม ดังนั้นหากเกิดกระแสไฟฟ้ารั่วจนทำให้เกิดมีผู้เสียชีวิต ก็เข้าข่ายกฎหมายที่กทม.ต้องรับผิดต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อชีวิตบุคคลนั้น
ทั้งนี้ในทางกฎหมายให้กทม.พิสูจน์ได้ว่า น้ำท่วมไง ไฟฟ้าถึงช็อตคุณ ถ้าไม่ท่วม ไฟก็ไม่ช็อต”
กทม.ต้องพิสูจน์เกิดจากเหตุสุดวิสัยหรือไม่ รับผิดชอบแม้ทางอาญา
ทนายความสุวัตร บอกว่ากทม.ต้องพิสูจน์ รวมทั้งประเด็นว่าไฟรั่วจากเสาไฟฟ้าหรือเสากล้องวงจรปิด
“ถ้าเกิดจากเสาไฟฟ้า ซึ่งไม่ได้อยู่ในความครอบครองของกทม. การไฟฟ้านครหลวงก็ต้องเป็นผู้รับผิด มันอยู่ที่ว่ามันเกิดจากอะไรกันแน่”
ความที่ผู้ตายเป็นคนเร่ร่อน ทนายความสุวัตร ให้ความรู้ต่อว่า
“ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 443 บัญญัติไว้ว่าในกรณีทำให้เขาถึงตายนั้น ค่าสินไหมทดแทน ค่าปลงศพ(ค่าโลง ค่าสวด ค่าขนย้ายศพ ฯลฯ) รวมทั้งค่าใช้จ่ายอื่นๆ อันจำเป็น ทายาทเรียกได้ตามความเป็นจริง วรรคสามบอกไว้ว่าถ้าเหตุการตายทำให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งไร้ผู้อุปการะ ตามกฎหมาบบุคคลนั้นต้องได้รับค่าทดแทน
กรณีชายเร่ร่อนไม่มีทายาท ก็ไม่มีใครสามารถมีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องค่าเสียหายให้ได้
แต่หน้าที่ตำรวจต้องพิสูจน์ศพ มีสิทธิ์ที่จะทำการสอบสวนต่อไปได้ โดยไม่ต้องมีใครมาแจ้งความ กทม.รับผิดในส่วนที่เป็นอาญา”
อย่างไรก็ตาม ทนายสุวัตร บอกกับผู้จัดการ Live ว่า ทุกวันนี้มีคดีฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายกับกทม.เยอะแยะ
“อย่างดูดส้วม ทำอุจจาระราดอยู่บนพื้น มีคนขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านมาลื่นล้ม หัวกะโหลกแตก ก็สามารถฟ้องกทม.ได้ มีเยอะแยะไป ศาลปกครองตัดสินให้กทม.จ่าย ให้กรมทางหลวงจ่าย
มันอยู่ที่ว่าการดำเนินคดี เขาดำเนินคดีรอบคอบแค่ไหน ผู้ฟ้องมีอำนาจฟ้องหรือไม่ ฟ้องถูกคนหรือไม่ และถ้าฟ้องถูกคน แล้วผู้ถูกฟ้องพิสูจน์ไม่ได้ว่าเหตุเกิดจากเหตุสุดวิสัย จากปัจจัยธรรมชาติ หรือเกิดจากความผิดของผู้เสียหายเอง อย่างนี้กทม.ต้องรับไปเต็มๆ”
ขอบคุณภาพจากwww.cliphotkhaohit.com, www.dailynews.co.th, hilight.kapook.com, pantip.com, m.dailynews.co.th
ข่าวโดย ผู้จัดการ Live
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754