“...เพราะฉันไม่อยากอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมแคบ ๆ การออกเดินทางไปสู่โลกกว้างจึงเริ่มขึ้น...”
ศิ หรือศศิวิไล โสภณวิมลสวัสดิ์ อดีตพยาบาลศิริราช สาวเมืองแพร่ ที่ตกหลุมรักการท่องเที่ยวเข้าอย่างจัง จนยอมสลัดคราบนางฟ้าในชุดขาว มาแบกเป้สะพายกล้องเป็นนักเดินทางอย่างเต็มตัว อะไรจะสุขไปกว่าการได้เดินตามความฝันและได้อยู่กับสิ่งที่รักไปตราบนานเท่านาน เป็นที่มาของเพจ “ฉันกลัวที่แคบ” คำจำกัดความสั้น ๆ ที่สามารถบ่งบอกความเป็นตัวตนของเธอได้เป็นอย่างดี เรื่องราวการเดินทางและภาพสวย ๆ ผ่านมุมมองของศศิวิไล โสภณวิมลสวัสดิ์ ที่ปัจจุบันได้ผันตัวมาเป็นบล็อกเกอร์ท่องเที่ยวอย่างเต็มตัว ในแบบที่หลายคนไม่เคยเห็น และจะหลงรักสถานที่แห่งนั้นไปกับเธอ…
เริ่มต้นออกเดินทาง เพื่อค้นหาแรงบันดาลใจ
อะไรคือเหตุผลที่ทำให้คุณตัดสินใจออกเดินทาง? คำตอบของแต่ละคนอาจแตกต่างกันไป แต่สำหรับศศิวิไลการได้ออกเดินทางท่องเที่ยวมันทำให้เธอได้เจอกับผู้คนมากมาย และผู้คนเหล่านั้นเองคือจุดเปลี่ยนสำคัญที่มาช่วยสร้างแรงบันดาลใจ และเชื่อว่าหลาย ๆ คนก็คงมีความฝันคล้าย ๆ กันกับเธอ
“ศิว่าลึก ๆ แล้วเรามีความฝันของเราอยู่แล้วหละแต่แค่ไม่กล้าที่จะตัดสินใจในการเลือกเดินตามเส้นทางนี้ แต่พอเรารักในการท่องเที่ยว แล้วได้ไปเจอผู้คนที่เขายอมทิ้งทุกอย่างมาใช้ชีวิตในแบบที่เขาชอบ และได้ทำในสิ่งที่ตัวเองมีความสุข มันทำให้เราเกิดแรงบันดาลใจที่จะทำ”
อดีตพยาบาลสาวค่อย ๆ บอกเล่าถึงสาเหตุที่ทำให้เธอตัดสินใจลาออกจากอาชีพพยาบาล งานประจำที่ใคร ๆ ก็มองว่าเป็นงานที่มั่นคงและรายได้ดี เมื่อได้เจอสิ่งที่รักและทำให้มีความสุขกว่าก็ไม่รีรอที่ก้าวเดินออกมา เพื่อเริ่มต้นการเดินทางอีกครั้ง และเชื่อเหลือเกินว่าเส้นทางนี้จะทำให้เธอมีความสุขและอมยิ้มไปตลอดทาง
“หลายคนมักจะสงสัยว่าเป็นพยาบาลทำไมมีเวลาเที่ยว ความจริงคือพยาบาลเที่ยวเก่งทุกคนนะคะ (หัวเราะ) ก็เที่ยวเหมือนคนปกติทั่วไป เพียงแต่ว่าเรายอมทำงานหนัก ๆ ติด ๆ กัน เพื่อที่จะเก็บวันหยุดวันลาเอาไว้ไปเที่ยวยาว ๆ เป็นแบบนี้มาตลอด 5-6 ปี”
แม้จะไม่รู้ว่าเส้นทางข้างหน้าจะต้องพบเจอกับอุปสรรคอะไรอีกหรือไม่ แต่เมื่อเลือกแล้วก็ต้องสู้อย่างเต็มที่ กับธุรกิจส่วนตัวผ้ามัดย้อม และวางแผนไว้ว่าจะเปิดรีสอร์ทเล็ก ๆ แต่อบอุ่น ที่จังหวัดแพร่ บ้านเกิดของเธอเอง จากการเก็บเกี่ยวประสบการณ์การท่องเที่ยวมานาน
วิถีการท่องเที่ยวในช่วงแรกก็เหมือนกับคนปกติทั่วไปที่ชอบกินหรู อยู่สบาย สถานที่สวย ๆ ที่เขาฮิตกันก็ไม่เคยพลาดเดินเที่ยวงาน ททท. ซื้อแพคเก็จท่องเที่ยวตลอด เรียกได้ว่าที่ไหนมีงานลดราคาซื้อไว้หมดเก็บไว้ได้เที่ยวตลอดทั้งปี จนมาถึงจุดเปลี่ยนที่ความสบายทำให้มุมมองการท่องเที่ยวของเธอเปลี่ยนไป
“ศิเคยไปพักที่โรงแรมหรูมาก สวยแต่ก็ไม่มีกิจกรรมอะไรเลย นอนเฉย ๆ นอนดูทีวี เราก็คิดว่าถ้าจะอยู่ห้องนอนดูทีวีเฉย ๆ แบบนี้เรานอนอยู่ที่กรุงเทพฯ ก็ได้นะ นับตั้งแต่นั้นมาวิถีการท่องเที่ยวของเราก็เริ่มเปลี่ยนไป หันมาท่องเที่ยวแบบลุย ๆ ไปแบบไม่มีการวางแพลน ทั้งร้อน ทั้งไกล ทั้งลำบาก แต่สิ่งที่ได้กลับมามันคือ ความสนุก”
หลังจากนั้นมาก็เปลี่ยนความคิดจากเที่ยวหรูอยู่สบาย ขอแค่ว่ามีที่พักสะอาด ปลอดภัย และราคาไม่แพง เป็นอันใช้ได้ เพราะที่พักจะมีไว้นอนเฉย ๆ เวลาส่วนใหญ่ก็จะออกไปท่องเที่ยวข้างนอก เก็บภาพบรรยากาศและเรียนรู้ผู้คนในพื้นที่นั้นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยมีสัญญากับตัวเองว่าในการท่องเที่ยวแต่ละครั้งจะต้องได้เพื่อนอย่างน้อยหนึ่งคน
“อย่างภาพสวย ๆ ที่ถ่ายมาลงในเพจแต่ละครั้ง เราจะใช้แค่กล้องโทรศัพท์ธรรมดา ไม่ใช่กล้องโปรอันใหญ่เหมือนที่หลาย ๆ คนเข้าใจ เพราะเวลาไปเที่ยวอยากไปแบบสบาย ๆ ไม่ต้องมาหอบกล้องหอบกระเป๋าให้พะรุงพะรัง มันอยู่ที่มุมมองมากกว่า ไม่เคยคิดที่จะซื้อกล้องแพง ๆ มาใช้เลยค่ะ เพราะใช้ไม่ค่อยเป็น (หัวเราะ)”
'อำเภอลี้' ชื่อชิค...บรรยากาศดีเหมือนอยู่เมืองนอก
เทรนการท่องเที่ยวในยุคนี้คือ “ความไม่มีอะไร” บล็อกเกอร์ท่องเที่ยวส่วนใหญ่ ก็มักจะเลือกไปเที่ยวในสถานที่ที่ยังไม่มีใครเคยรีวิวมาก่อน อยากทำให้เมืองที่หลายคนคิดว่าไม่มีอะไร ให้ดูมีอะไรขึ้นมา แม้จะเป็นสาวชาวเหนือโดยกำเนิด เดินทางขึ้น-ลงภาคเหนือบ่อย ๆ แต่ก็ต้องยอมรับว่า “ลำพูน” เป็นเหมือนเมืองทางผ่าน ที่ยังไม่มีโอกาสได้มาท่องเที่ยวอย่างจริงจังสักที
“ความตื่นเต้นแรกที่ตั้งเป้าไว้ว่าจะไปเที่ยวที่ลำพูน คือ เราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเมืองนี้เลย นั่นก็คือความตื่นเต้นในระดับนึงแล้ว ท่องเที่ยวด้วยความไม่รู้ ที่ไหนสวยเราก็แวะลงไป แล้วก็สวยจริง ๆ”
จากกรุงเทพฯ ขึ้นไปทางอำเภอลี้ แม้ว่าเส้นทางที่จะไปนั้นจะคดเคี้ยว และไกลมากจากคำบอกเล่าของหลายคน แต่เมื่อเทียบกับสิ่งที่กำลังจะได้เจอนั้นถือว่าคุ้มมาก ๆ บรรยากาศทางขึ้นเขาที่เต็มไปด้วยธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ เขียวชอุ่มเต็มไปด้วยต้นไม้ ถนนโค้งสลับกันเป็นชั้น ๆ ทำให้มองให้เห็นวิวทิวทัศน์อย่างชัดเจน นี่คงเป็นบรรยากาศอย่างที่ใคร ๆ เขาว่ากันว่า “ถนนอำเภอลี้ วิวดีเหมือนอยู่เมืองนอก”
จุดเด่นของจังหวัดลำพูนเลยก็คือ “วัดเก่าโบราณ” ที่สวยงามมาก ๆ ในทุกจังหวัดพื้นที่อำเภอที่ได้ผ่านไป จนมาหยุดอยู่ที่ “วัดพระบาทห้วยต้ม” วัดที่ใหญ่ที่สุดในอำเภอลี้ วัดประจำหมู่บ้านของชาวกระเหรี่ยงพระบาทห้วยต้ม
“ช่วงที่ศิไปเป็นช่วงออกพรรษาพอดี ก็จะมีคนมาทำบุญที่วัดเยอะมาก ชาวบ้านก็จะมาทำบุญกฐินกัน และที่ตื่นตาตื่นใจอีกอย่างคือ ประเพณีตานก๋วยสลาก ที่ทำออกมาได้สวยงามมาก ชาวบ้านจะเอาไม้มาประกอบโครงเหมือนทรงของเจดีย์เป็นชั้น ๆ วงกลมขึ้นไป จากนั้นก็จะเอาของมาแขวนไว้ แม้ว่าศิจะเคยเห็นประเพณีนี้มาบ้าง แต่ที่นี่จะเก๋กว่าตรงที่เขาจะเอาผ้าสีสวย ๆ มาล้อมไว้อีกที จากนั้นชาวบ้านก็จะช่วยกันยกขึ้นไป สวยงามมากจริง ๆ”
นอกจากวัดเก่าที่สวยงามในอำเภอลี้แล้ว สิ่งหนึ่งที่คุณศิได้ค้นพบในก็คือ วิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชาวกะเหรี่ยง ที่น่าประทับใจ เสมือนได้ก้าวเข้ามาสู่อีกดินแดนหนึ่งที่โลกหมุนช้าลง กว่าโลกที่เราเคยอยู่ ทำให้ได้ซึมซับบรรยากาศรอบข้างได้อย่างเต็มที่ ผู้คนในหมู่บ้านแต่งกายด้วยชุดพื้นเมือง โพกหัว ใส่ผ้าถุง เครื่องแต่งกายที่เราอาจจะได้เห็นผ่านตัวละครจากหน้าจอโทรทัศน์เพียงเท่านั้น
“สังเกตได้ว่าในบริเวณวัดจะมีป้ายที่ค่อนข้างชัดเจน และจริงจัง เกี่ยวกับเรื่องเครื่องแต่งกายค่ะ ว่าห้ามแต่งกายแบบไหนเข้าไปในบริเวณวัด รวมไปถึงป้ายห้ามนำเนื้อสัตว์เข้ามาในบริเวณวัดด้วย เพราะที่หมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านเจจะไม่กินเนื้อสัตว์เลย ชาวบ้านเขาจะถือศีลกินเจกันค่ะ”
วัฒนธรรมที่แตกต่างสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้ที่มาเยือนได้อย่างเห็นได้ชัด จากน้ำเสียงที่ดูตื่นเต้นระคนไปด้วยความแปลกใจ เพราะจากการเดินไปรอบ ๆ หมู่บ้านก็ได้พบว่า แม้แต่ร้านอาหารก๋วยเตี๋ยว ขนมจีน ก็เป็นมังสวิรัติทั้งหมด ไม่มีการขายเนื้อเพื่อเอาใจนักท่องเที่ยวแต่อย่างใด
สถานที่ที่น่าประทับใจในจังหวัดลำพูนอีกหนึ่งแห่งที่ใครได้มาแล้วห้ามพลาดก็คือ “อุทยานแห่งชาติแม่ปิง” ที่อยู่ห่างจากอำเภอลี้ไปประมาณ 30-40 กิโลเมตร มีพื้นที่ครอบคลุมอำเภอดอยเต่า จังหวัดเชียงใหม่, อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน และอำเภอสามเงา จังหวัดตาก เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ และสัตว์ป่านานาพันธุ์ ถ้าไปช่วงหน้าหนาวจะได้พบกับความสวยงามจากธรรมชาติ ที่เรียกได้ว่าอันซีนไทยแลนด์ คนไทยหลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อน
“ช่วงที่เราไปยังเป็นช่วงปลาย ๆ ฤดูฝนค่ะ สถานที่หรือจุดชมวิวส่วนใหญ่ที่อุทยานแห่งชาติแม่ปิงยังปิดอยู่ ก็มี 'น้ำตกก้อหลวง' ที่อนุญาติให้เราเข้าไปได้ เป็นน้ำตกที่เล่าลือกันว่าเป็นสีเขียวมรกตก สวยงามมาก แต่ 2-3 วันก่อนที่ศิจะไปเป็นช่วงที่ฝนตก ทำให้น้ำไม่เขียวเหมือนที่เคยเห็นในรูป อันนี้ก็เสียดายมาก ๆ เช่นกัน ถ้าใครจะไปเที่ยวชมก็อยากให้ไปช่วงหน้าหนาวจะดีกว่าค่ะ”
ลำพูน...เมืองที่ข้ามผ่านห้วงแห่งกาลเวลา
“อยากอยู่ให้นานกว่านี้” บล็อกเกอร์สาวกล่าวถึงความรู้สึกหลังจากที่มีโอกาสได้ไปสัมผัสกับเมืองลำพูนอย่างจริงจังครั้งแรก แม้จะเป็นเพียงช่วงระยะเวลาสั้น ๆ แต่ก็ได้พยายามเก็บเกี่ยวบรรยากาศและความสวยงามให้ได้มากที่สุด ที่เมืองลำพูนแห่งนี้เมืองเล็ก ๆ แต่ไม่เคยยอมให้กาลเวลา และความเจริญต่าง ๆ เข้ามาเปลี่ยนแปลงความสุข และรอยยิ้มของคนในพื้นที่ได้เลย
“ลำพูนมักจะถูกกล่าวว่า 'เมืองล้านนาที่ถูกลืม' เมืองที่ไม่มีอะไร หรือเป็นแค่เมืองทางผ่านที่จะขึ้นไปเชียงใหม่ แต่จริง ๆ แล้วลำพูนมีอะไรมากกว่าที่เราคิด ถ้าใครที่ชอบท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม วิถีชีวิต และวัดวาอารามที่ยิ่งใหญ่สวยงาม ตึกเก่า ตลาดดั้งเดิมของชาวบ้าน รับรองว่าคุณจะต้องหลงรักเมืองลำพูนอย่างแน่นอน”
ถ้าใครที่เคยไปเที่ยวเมืองเชียงใหม่ก็คงจะสัมผัสได้ว่า เมืองลำพูน จะมีลักษณะเป็นเหมือนกับเมืองเชียงใหม่เกือบทุกอย่าง แต่เป็นเชียงใหม่ที่ย่อส่วนลงมา มีคูเมืองเล็ก ๆ ล้อมรอบเมืองอยู่ ตัวตึกเก่าหรือวัดในเมืองสวยงามมาก หลายตึกที่ยังคงความคลาสสิค มีเรื่องราวที่สามารถบ่งบอกได้ถึงกาลเวลาที่ล่วงเลยผ่านไปตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน
ในตัวเมืองลำพูน ก็เหมือนกับความเรียบง่าย น่ารัก และมีเสน่ห์ในตัวเอง หรือถ้าออกไป อำเภอลี้ ก็คือความเป็นธรรมชาติ และความเป็นเอกลักษณ์ของวิถีชีวิตชาวบ้านอีกแบบนึง อีกหนึ่งไฮไลท์ของเมืองลำพูนที่ทุกคนรู้จักกันเป็นอย่างดีก็คือ “พระธาตุหริภุญชัย” วัดคู่บ้านคู่เมืองลำพูน ที่มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนานมากกว่าพันปี การเดินทางครั้งนี้จึงไม่พลาดที่จะไปสักการะเช่นเดียวกัน
“เขาบอกว่าไปพระธาตุหริภุญไชย ต้องไปกินเฉาก๊วยมุกดา เพราะเขาบอกว่า 'อร่อยที่สุดในเมืองมนุษย์' เหมือนกับว่าใครไปต้องกินนะร้านนี้ เป็นร้านที่มีเอกลักษณ์ที่ตัวคนขายค่ะ ยืนทำหน้าดุ ๆ และจะเขียนป้ายหน้าร้านไว้เลยว่า 'ห้ามถามสูตรเจ๊มุกดาเดี๋ยวจะโมโห (หัวเราะ)” นอกจากจะเป็นไกด์พาเที่ยวแล้ว เธอยังทำหน้าที่เป็นนักชิม แนะนำของอร่อยที่อยู่หน้าวัดพระธาตุหริภุญชัย ที่ใครได้มีโอกาสก็ต้องไปแวะชิมกันจนต้องต่อคิวกันยาว ให้ฟังอีกด้วย
สีสันแห่งโคมยี่เป้งในช่วงเดือนพฤศจิกายนของทุกปี ก่อนเทศกาลลอยกระทง ที่จังหวัดลำพูน โคมไฟหลากหลายสีสันสวยงามแขวนเรียงราย พร้อมคำอธิษฐานต่อพระนางจามเทวีเต็มหน้าลานอนุสาวรีย์ จากผู้คนทั่วทุกสารทิศ เมื่อถึงเวลากลางคืนที่โคมไฟเหล่านี้ถูกจุดขึ้นพร้อม ๆ กัน โคมไฟนับร้อยนับพันดวงก็พลันสว่างสดใสตระกาลตา
“โชคดีมาก ๆ เลยค่ะ ที่ช่วงที่เราไปมีงานแขวนโคมที่ลานอนุสาวรีย์พระนางจามเทวี ก็จะมีการแขวนโคมไฟสีสันสวยงามเต็มพื้นที่ ทั้งชาวบ้านท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวก็จะเขียนชื่อ พร้อมคำอธิษฐานลงในโคมแล้วนำมาแขวนไว้เพื่อความเป็นสิริมงคล เรียงรายอยู่เต็มบริเวณสวยงามมากจริง ๆ”
ศศิค่อย ๆ บอกเล่าเรื่องราวและความประทับใจจากสถานที่แต่ละแห่งในจังหวัดลำพูน ด้วยสีหน้าและแววตาที่เปล่งประกาย แม้จะเป็นคนเหนือโดยกำเนิดแต่ก็ต้องยอมรับว่า ยังมีอีกหลายสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดต่าง ๆ ทางภาคเหนือที่ตัวเองก็ยังไม่เคยเห็น และไม่เคยได้สัมผัสอย่างจริงจังสักที การเดินทางครั้งนี้ของเธอค่อย ๆ ดำเนินมาถึงปลายทาง และทิ้งท้ายถึงมนต์เมืองเหนือที่เธอได้ไปสัมผัสให้เราฟังว่า
“เสน่ห์ของการท่องเที่ยวภาคเหนือน่าจะเป็นการได้ไปเห็นวิถีชีวิตของชาวบ้าน ที่เราไม่สามารถหาได้จากสังคมเมือง คนพื้นเมืองภาคเหนือเป็นคนน่ารัก ใจดีไปที่ไหนก็พูดจาดี ผสมกับความเป็นธรรมชาติที่ยังคงสมบูรณ์ ป่าไม้ แม่น้ำ ภูเขา วิถีชีวิตและวัฒนธรรมพื้นถิ่นที่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ วัดวาอารามที่ยิ่งใหญ่และสวยงามตระกาลตา รอให้ทุกคนได้มาสัมผัส แม้จะเป็นเมืองเล็ก ๆ แต่ที่นี่มีอะไรมากกว่าที่คิดอย่างแน่นอน”
ประวัติส่วนตัว
ศศิวิไล โสภณวิมลสวัสดิ์ (ศิ) เป็นคนจังหวัดแพร่
จบ ป. ตรี คณะพยาบาลศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ม. มหิดล
ป. โท คณะการจัดการธุรกิจ ม. มหิดล
เคยทำงานเป็นพยาบาลเด็กแรกเกิด ที่ รพ. ศิริราช จนวันหนึ่งค้นพบว่าตัวเอวมีความฝันหลายอย่างที่อยากทำ เลยเริ่มออกเดินทางและทำตามความฝันของตัวเอง
ปัจจุบัน เป็นบล็อคเกอร์ เพจ "ฉันกลัวที่แคบ" ชอบเดินทางท่องเที่ยว ถ่ายรูป พบปะผู้คนใหม่ๆ ตอนนี้ตกหลุมรักงานผ้ามัดย้อมเป็นอย่างมาก และ วางแผนกลับไปใช้ชีวิตเรียบง่ายที่บ้านเกิด
สัมภาษณ์โดย ผู้จัดการ Lite
เรื่อง : มนัชญา นามละคร
ภาพโดย : วชิร สายจำปา
ขอบคุณภาพ : แฟนเพจ ฉันกลัวที่แคบ และ Sasiwilai
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754