ลอกกันดีนักใช่ไหม!!? ในเมื่อแก้กันที่ “ต้นเหตุ” ยังไม่ได้ ปลูกฝังค่านิยม “ซื่อสัตย์สุจริต” ยังไม่สำเร็จ สถาบันราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา จึงต้องแก้ที่ “ปลายเหตุ” งัดไม้นี้ออกมาจัดการเหล่า “นักเรียน-นักลอก” ให้รู้จักเข็ดหลาบ! ออกแบบกระดาษคำตอบแนวใหม่ เรียงตัวเลือกที่ใช้ฝนให้เป็นแนววงกลม รับรองว่าอยากลอกแค่ไหนก็ทำได้แค่ลายตา
งานนี้นอกจากจะได้รับคำชมจากญี่ปุ่นในไอเดียสุดเจ๋งแล้ว ยังสะท้อนให้เห็นถึงคุณภาพของ “ระบบการศึกษาไทย” ไปด้วยในคราวเดียวกัน!
จัดให้เข็ด! โกงหนักมาก ก็ต้องมึนหนักมาก!
[กระดาษคำตอบแนวใหม่ ออกแบบให้ "นักลอก" ลายตา]
"กระดาษคำตอบแนวใหม่ ป้องกันการลอก ของขวัญจากคุณครูขั้นเทพ!" นี่คือพาดหัวข่าวที่เว็บไซต์ rocketnews24.com เว็บไซต์สัญชาติญี่ปุ่น เผยแพร่เอาไว้ ด้วยความรู้สึกตื่นเต้นในไอเดียเก๋ๆ จากรั้วมหาวิทยาลัยไทย จนต้องเอาไปขึ้นเว็บเขียนแนะนำ บอกเลยว่าเทียบกับ option อื่นๆ ที่เคยเห็นมาทั่วโลก นี่แหละเด็ดสุด! “กระดาษคำตอบปรนัยแบบฉบับวงกลม” พร้อมรายละเอียดที่เขียนถึงปรากฏการณ์ดัดหลังนักลอกเอาไว้ว่า...
“ข้อสอบแบบปรนัย ส่วนใหญ่วัดอะไรไม่ได้มาก ถึงแม้จะมีข้อดีตรงที่ช่วยให้ผู้สอบทำข้อสอบเสร็จเร็ว และง่ายต่อการตรวจคำตอบก็ตาม แต่ผลที่ออกมาก็ไม่สามารถบอกได้ว่าคนตอบ เดาคำตอบแล้วฝนมั่ว หรือว่ารู้คำตอบที่แท้จริงแล้วเลือกฝนอย่างตั้งใจกันแน่ ในหลายๆ มหาวิทยาลัยทุกวันนี้ จึงมีการเพิ่มตัวเลือก “ถูกทุกข้อ” และ “ผิดทุกข้อ” เอาไว้เพื่อเพิ่ม option การทดสอบความรู้ของนักศึกษาเอาไว้
ล่าสุด มหาวิทยาลัยในประเทศไทย ได้ออกแบบกระดาษคำตอบแบบปรนัยแบบใหม่มาใช้ เพื่อป้องกันการลอกข้อสอบของเหล่านักเรียน จึงทำให้การพยายามมองข้ามไหล่เพื่อนไปหาคำตอบ จะไม่ใช่ทางออกสำหรับการสอบอีกต่อไป
ลองวิเคราะห์ดูแล้ว วิธีนี้อาจจะช่วยป้องกันการลอกข้อสอบได้ก็จริง แต่มันก็ทำให้ตัวคนทำข้อสอบมึงหนักมากไม่แพ้เหมือนกัน กลายเป็นว่าคนที่ไม่ได้คิดจะลอกใครหรือจะให้ใครลอก ดันต้องมาเวียนหัวไปกับกระดาษคำตอบแนวมึนๆ แบบนี้ไปด้วย แต่ถ้าท้ายที่สุด มันช่วยให้เหล่านักเรียนนักศึกษารู้จัก “ซื่อสัตย์” ต่อตัวเองได้ ก็ถือเป็นก้าวใหม่ที่คุ้มอยู่เหมือนกัน”
ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าใครคือเจ้าของไอเดียกระดาษกันลอกสุดเก๋ฉบับนี้ ทราบเพียงหัวกระดาษเขียนระบุชื่อสถานศึกษาเอาไว้ว่า “สถาบันราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา” ซึ่งเป็นภาพที่เพิ่งถูกแชร์สนั่นเน็ตไปได้ไม่นานนี้เอง ส่วนกระแสตอบรับสำหรับวิธีแก้ปัญหาแนวนี้ บางคนมองว่าถือเป็นความคิดที่สร้างสรรค์ดี แต่บางคนก็มองว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ “ปลายเหตุ” มากกว่า ทางที่ดีควรกลับไปปลูกฝังกันที่ “จิตสำนึก” น่าจะดีที่สุด
[กระดาษคำตอบ เวอร์ชันเดิม ลอกง่ายกว่า]
"ไอเดียดีมากๆ คนทำก็ทำไปตามแต่ละข้อไม่ยาก แต่คนลอกจะยากมาก เพราะเป็นวงกลม ข้อ 1... มันจะอยู่ตำแหน่งไม่ตรงกันหรือถึงจะตรงกันก็ตาม แต่เวลาทำจะหมุนไปเรื่อยๆ ลอกยากมากๆ ถือว่าแนวคิดดีครับ" Leeong Leeongshop
"ลอกข้อสอบ โกงข้อสอบ นั้นเป็นเรื่องธรรมดา จะแก้อย่างไรก็ไม่หายไปจากวงการสอบๆ ทั้งหลายแน่ๆ เพราะคนออกข้อสอบก็เคยลอก เคยโกงข้อสอบมาแล้วทั้งนั้น" Suban Camnonta
"ยังไงก็ส่งซิกกันได้เหมือนเดิม การศึกษาไทยเลยไม่ไปไหน เพราะมันยังลอกกันได้ อาจารย์ไม่ตรวจ อย่างนี้ต้องตั้งฝ่ายงานตรวจข้อสอบมาเลย" รัฐสิทธิ ดำรงรถการ
"เกาไม่ตรงที่คัน" Purich Quickstep
"ปัญหาการทุจริตในห้องสอบจะไม่เกิดขึ้น ถ้าประชากรประเทศไทยส่วนใหญ่มีคุณภาพและไม่ฝึกขี้โกงตั้งแต่เด็กนะคะ นอกจากนี้ผู้ใหญ่ในประเทศจะต้องเป็นตัวอย่างที่ดีด้วยนะคะ อีกประเด็นคือกฎระเบียบจะต้องเข้มงวด ถ้าเจอคนทุจริตหรือลอกข้อสอบจริงๆ ต้องปรับตก ไม่มีการใช้เส้นสายใดๆ ให้รอด
อย่างที่ต่างประเทศที่เจริญแล้วที่หนูเรียนเนี่ย เขาไม่มีการลอกกันเลยค่ะ เพราะ 1.เด็กเขาถูกสอนว่าการลอกคือ “การทุจริต” และเป็นเรื่องที่น่ารังเกียจ น่าอับอาย ไม่เคารพตัวเองและคนอื่น 2.การลอกกัน ถ้าโดนจับได้ จะโดนลงโทษอย่างจริงจัง ตั้งแต่แจ้งผู้ปกครองให้ทราบ แต่ถ้าเป็นระดับมหาวิทยาลัยจะมีการสอบสวน ถ้าเห็นว่าผิดจริง จะให้ดร็อปเรียนไปอย่างน้อย 1 ปี เพื่อให้ไปทบทวนตัวเองว่าเหมาะแก่การเรียนไหม แต่บางมหาวิทยาลัยเขาจะไล่ออกเลยค่ะ ไม่สนว่าจะเป็นใครใหญ่มาจากไหน
ด้วยเหตุผลนี้ คนที่จบจากมหาวิทยาลัยชั้นนำที่ต่างประเทศส่วนใหญ่จึงมีคุณภาพ และออกมาประดิษฐ์คิดค้นสิ่งสำคัญต่างๆ มาให้พวกเราใช้ยังไงคะ ในขณะที่ประเทศไทยนานๆ ทีจึงจะเจอคนเก่งมีคุณภาพที่ไม่ขี้โกง แต่ประเทศที่เจริญแล้ว เขาฝึกคนให้ซื่อสัตย์และไม่ทุจริตตั้งแต่เด็กค่ะ
โดยสรุปหนูว่าถ้าเราฝึกสอนให้ทุกคนซื่อสัตย์ไม่ทุจริตหรือลอกข้อสอบ และผู้ใหญ่เป็นตัวอย่างที่ดี กฎระเบียบเข้มข้น ไม่มีหยวนหรือใช้เส้นสาย ประเทศไทยก็จะเจริญพัฒนาขึ้นกว่านี้ค่ะ" Naricha Narak
“โกงข้อสอบ” ในวันนี้ = “โกงบ้านเมือง” ในวันหน้า!!
[ขอบคุณภาพ: คลิป "วัยรุ่นไทย คิดอะไรอยู่"]
อย่าได้เคยชินกับ “การโกง” เล็กๆ น้อยๆ เพราะมันคือเค้าลางบอกเหตุ “ความหายนะ” ของประเทศชาติในภายภาคหน้า... โครงการ “คนไทย” มอนิเตอร์ 2557 : เสียงเยาวชนไทย (Youth Today)" เคยส่งเสียงเตือนสังคมเอาไว้อย่างนั้น
"วัยรุ่นไทย คิดอะไรอยู่"เข้าใจ...วันนี้ของเด็กไทย เปลี่ยนแปลงอนาคต...ของสังคมจากผลวิจัย ที่ต้องการทราบความคิดความเป็น...
Posted by Khon Thai Foundation on Wednesday, November 19, 2014
เมื่อมีปรากฏการณ์ “แก้โกง” โดยการผลิตกระดาษคำตอบแนวใหม่เช่นนี้ออกมา จึงทำให้อดนึกถึงสถิติที่ทางโครงการเคยเผยแพร่เอาไว้ไม่ได้ ข้อมูลที่ถูกนำเสนอออกมาครั้งนั้น กลายเป็นประเด็นแชร์สนั่นเน็ตตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว
ข้อมูลดังกล่าวคือผลการสำรวจเชิงลึกในวัยรุ่นไทยอายุ 15-24 ปี จำนวน 4,000 คน สุ่มสำรวจจากทุกสถานะ ทุกภูมิภาคทั่วประเทศ เพื่อสะท้อนความจริง ซึ่งเป็นความจริงที่กระแทกสังคมให้กลับมาตาสว่างอีกครั้งในเรื่อง “การทุจริตคอร์รัปชัน” เล็กๆ น้อยๆ ที่ค่อยๆ หยั่งรากการโกง และสร้างความเคยชินให้แก่อนาคตของชาติ ผลการสำรวจที่เผยว่ากลุ่มตัวอย่างวัยรุ่นเหล่านี้...
“81% เคยให้เพื่อนลอกข้อสอบ/ลอกข้อสอบเพื่อน, 63% เคยเซ็นชื่อเข้าเรียนแทนเพื่อน/ให้เพื่อนเซ็นชื่อเข้าเรียนให้, 18% เคยให้เงินตำรวจเพื่อหลีกเลี่ยงใบสั่ง, 6% เคยให้สินบน, 5% เคยรับสินบน และอีก 2 % เคยซื้อสิทธิ์ขายเสียง!!”
“75% มองว่าการให้เพื่อนลอกข้อสอบ/ลอกข้อสอบเพื่อน เป็นการกระทำที่ไม่ผิดมาก/ไม่ผิดเลย, 73% มองว่าการเซ็นชื่อเข้าเรียนแทนเพื่อน/ให้เพื่อนเซ็นชื่อให้ เป็นการกระทำที่ไม่ผิดมาก/ไม่ผิดเลย, 38% มองว่าการให้เงินตำรวจเพื่อหลีกเลี่ยงใบสั่ง เป็นการกระทำที่ไม่ผิดมาก/ไม่ผิดเลย, 19% มองว่าการให้สินบน เป็นการกระทำที่ไม่ผิดมาก/ไม่ผิดเลย, 19% มองว่าการรับสินบน เป็นการกระทำที่ไม่ผิดมาก/ไม่ผิดเลย และอีก 13% มองว่าการซื้อสิทธิ์ขายเสียง เป็นการกระทำที่ไม่ผิดมาก/ไม่ผิดเลย!!”
“ในขณะที่เรากำลังก้าวเดินไปสู่อนาคตที่ดี ความกดดัน ความเครียด ความคาดหวัง กลับทำให้เราเพิกเฉยต่อความผิดที่เราทำ จนกลายเป็นความชินชา กลายเป็นเรื่องธรรมดาที่กัดกินทำลายสังคมเราอยู่ทุกวันนี้" เสียงสะท้อนของวัยรุ่นไทยจากการสำรวจในเชิงลึก กระตุ้นเตือนสังคมเอาไว้ ผ่านคลิป "วัยรุ่นไทย คิดอะไรอยู่" (แฟนเพจ “Khon Thai Foundation”)
[ขอบคุณภาพ: คลิป "วัยรุ่นไทย คิดอะไรอยู่"]
ไม่ใช่เพียงประเด็นการ “โกงข้อสอบ” เท่านั้นที่น่าเป็นห่วง แต่ภาพรวมของระบบการศึกษาก็ดูอาการหนักไม่แพ้กัน พิจารณาจากการจัดอันดับมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลก ปี 2015/2016 โดย QS World University Ranking แล้ว พบว่ามหาวิทยาลัยชื่อดังของไทยต่างร่วงตกอันดับกันเป็นแถว เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อยู่ที่อันดับ 253 (ตกจากอันดับที่ 243), มหาวิทยาลัยมหิดล อยู่ที่อันดับ 295 (ตกจากอันดับที่ 257), มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ อยู่ในอันดับที่ 551-600, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อันดับที่ 601-650, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ อยู่ในอันดับที่ 651-700 ฯลฯ
“ขณะที่มหาวิทยาลัยต่างๆ ในเอเชียมีอันดับที่สูงขึ้น แต่อันดับของมหาวิทยาลัยไทยดูจะถอยลงทุกแห่ง ความตกต่ำของมหาวิทยาลัยไทยในการจัดอันดับครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นว่าระบบการศึกษาไทยยังอ่อนแอ ทรัพยากรมนุษย์ของเรายังสู้ชาติอื่นเขาไม่ได้ ความรู้เรายังอ่อนด้อย ไม่เอื้อให้เกิดศักยภาพในการสร้างนวัตกรรม แต่กลายเป็นผู้บริโภคนวัตกรรมของประเทศอื่นๆ แทน” ภาวิช ทองโรจน์ อดีตเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) แสดงความคิดเห็นเอาไว้
[ขอบคุณภาพ: รายงาน “คนไทย” มอนิเตอร์2557: เสียงเยาวชนไทย (Youth Today)]
ถ้ามีการจัดอันดับการศึกษาไทยในครั้งหน้า ดูเหมือนว่าคงจะพิจารณาจากแค่เรื่อง “อันดับ” ไม่ได้อีกต่อไป แต่คงต้องดูด้วยว่าระหว่างทางทดสอบคุณภาพนักเรียน-นักศึกษานั้น มีขั้นตอน “การทุจริต” แอบแฝงอยู่ด้วยหรือไม่ เพราะถึงแม้ภาพรวมของประเทศจะถูกจัดอันดับอยู่ในระดับต้นๆ ของโลกสักแค่ไหน แต่ถ้าการยกย่องชมเชยนั้นเป็นผลพวงมาจาก “การโกง” ข้อสอบ มันก็ไม่มีความหมายสำหรับการพัฒนาอย่างโปร่งใสและยั่งยืนอยู่ดี
แก้ปัญหาที่ “ต้นตอ” ปลูกฝังเรื่อง “ความซื่อสัตย์” กันเสียตั้งแต่วันนี้ ดีกว่าต้องมาหาทางป้องกัน “การฉ้อโกง” ด้วยวิธีต่างๆ นานา เพราะในวันข้างหน้า มันจะไม่หยุดอยู่แค่ที่ “กระดาษคำตอบ”
[ขอบคุณภาพ: คลิป "วัยรุ่นไทย คิดอะไรอยู่"]
ข่าวโดย ผู้จัดการ Live
ขอบคุณข้อมูลสถิติ: รายงาน “คนไทย” มอนิเตอร์2557: เสียงเยาวชนไทย (Youth Today)
ขอบคุณภาพ: www.unigang.com, yurukuyaru.com
ข่าวที่เกี่ยวข้อง (คลิก)
- กระแทกใจ! เด็กในวันนี้ คือผู้ใหญ่ที่พร้อมจะ “ทุจริต” ในวันหน้า!!? (มีคลิป)
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754